xs
xsm
sm
md
lg

ศาลทหารปล่อยพล.ต.ไพโรจน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทีมคดีปาหี่พยายามฆ่า"ทักษิณ"สรุปบทหลัง 5 ทหารมอบตัวครบ ระบุ"พล.ต.ไพโรจน์-พ.อ.สุรพล-พ.ท.มนัส"ปฎิเสธสู้คดี ขณะที่"จ่ายักษ์"เล่นตามบท เปิดปากสารภาพมีส่วนเกี่ยวข้อง ตร.ลั่นมีหลักฐานต่อจิ๊กซอว์ผู้เกี่ยวข้องครบแล้ว "อัศวิน"ยันจ่ายักษ์ซัดทอดคิดฆ่าทักษิณจริง คาด 2 สัปดาห์ สรุปสำนวนส่งอัยการได้ ด้านศาลทหารสั่งปล่อย"พล.ต.ไพโรจน์"เป็นอิสระ ชี้ไม่มีหลักฐานเอาผิด

วานนี้ (7 ก.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดี ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ มีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่พนักงานสอบสวนขยายผลนำไปสู่คดีพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี โดยมีนายทหารรวม 5 นาย ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาประกอบด้วย ร.ท.ธวัชชัย ,พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ, พ.อ.สุรพล สุขประดิษฐ์, พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ และ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ โดยทั้งหมดช่วยราชการ กอ.รมน.

โดยช่วงเช้า เวลา 08.00 น.ที่กองปราบปราม พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดย พล.ต.ไพโรจน์ ได้นั่งรถยนต์ส่วนตัวและลงรถที่บริเวณป้อมยามด้านหน้ากองปราบปราม จากนั้นได้เดินหลบผู้สื่อข่าวเข้าทางประตูด้านข้างกองปราบ ก่อนที่จะขึ้นไปพบกับพล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป.

ต่อมาเวลา 10.00 น.ตำรวจคอมมาโดประมาณ 10 นายได้ควบคุมตัว จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือ จ่ายักษ์ ที่เข้ามอบตัวตั้งแต่คืนวันที่ 6 ก.ย.ลงมาจากห้องสอบสวน เพื่อนำตัวเดินทางไปฝางขังศาลทหาร โดยตำรวจได้นำตัวขึ้นรถตู้ของกองปราบปราม มี พล.ต.ต.วินัย ทองสอง นั่งไปในรถด้วย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด

จากนั้นเวลา 10.20 น.พ.อ.สุรพล สุขประดิษฐ์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม โดยนั่งรถตู้พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่า พ.อ.สุรพล ได้เดินเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ โดยไม่มีการปิดบังใบหน้า และเปิดโอกาสให้ช่างภาพทำการถ่ายภาพได้ตลอดทาง

ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.วินัย ได้นำตัว จ.ส.อ.ชาคริต กลับมาควบคุมไว้ที่ห้องคุมขังกองปราบปราม หลังจากศาลทหารอนุญาตให้ฝากขัง โดย พล.ต.ต.วินัย กล่าวเพียงสั้นๆว่า ในช่วงบ่ายพนักงานสอบสวนจะนำตัว พล.ต.ไพโรจน์ และ พ.อ.สุรพล ไปขออำนาจศาลทหารฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว และจะไม่ขอรับตัวกลับมาที่กองปราบปราม เนื่องจาก ทั้ง 2 ให้การปฎิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดี ส่วนบุคคลทั้ง 2 จะยื่นประกันตัวต่อศาลหรือไม่ เป็นสิทธิและเป็นดุลพินิจของศาลทหาร

**คุม"พล.ต.-พ.อ."ฝากขังศาลทหาร

จากนั้นหลังสอบปากคำเสร็จสิ้น ตำรวจกองปราบปราม ได้นำตัว พล.ต.ไพโรจน์ และพ.อ.สุรพล ไปขออำนาจศาลทหารฝากขัง สำหรับการเดินทางไปศาลทหาร พ.อ.สุรพล ได้นั่งรถตู้ของกองปราบปรามไป ส่วน พล.ต.ไพโรจน์ เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ พนักงานสอบสวนได้อนุญาตให้นั่งรถยนต์ส่วนตัว และจะไปพบกับพนักงานสอบสวน ที่ศาลทหาร

สำหรับ 6 ข้อกล่าวหาที่ถูกพนักงานสอบสวนแจ้งกับ ทหารทั้ง 5 นาย ประกอบด้วย 1. ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2. ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะกระทำการตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน 3.ร่วมมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 5.ปลอมและใช้เอกสารปลอม และ 6.ซ่องโจร

**ตร.คุยโวต่อจิกซอว์ครบแล้ว

ต่อมาเวลา 14.00 น.ที่กองปราบปราม พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก.,พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. ร่วมกันแถลงผลการสอบสวนว่า หลังได้เชิญ 4 นายทหาร ที่เกี่ยวข้องกับคดีประกอบด้วย พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ, พ.อ.สุรพล สุขประดิษฐ์, พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ และ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ ให้มาพบพนักงานสอบสวน ปรากฎว่าทหารทั้ง 4 นาย ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนหมดแล้ว โดยมีทนาย 3 นาย ประกอบด้วย พล.ต.ไพโรจน์ พ.อ.สุรพล และ พ.ท.มนัส ให้การปฎิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ส่วน จ.ส.อ.ชาคริต ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งพนักงานสอบ สวนจะได้ทำการสอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า จ.ส.อ.ชาคริต ให้การรับสารภาพว่าอย่างไรบ้าง และเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ในขั้นตอนใดบ้าง พล.ต.ท.มนตรี ปฎิเสธที่จะตอบโดยระบุถึงขั้นตอน และพยายามเลี่ยงไปตอบว่า จ.ส.อ.ชาคริต ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อแนวทางการสืบสวนสอบสวนทำให้ตอนนี้ สามารถต่อจิกซอว์ ถึงผู้ที่เกี่ยวข้องได้เกือบครบแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่า จ.ส.อ.ชาคริต ให้การรับสารภาพทั้ง 6 ข้อหาหรือไม่ พล.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า รับสารภาพทั้ง 6 ข้อหา จากนั้น หยุดพูดพักหนึ่ง ก่อนที่จะบอกว่า จ.ส.อ.ชาคริต เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้อยู่ในช่วงเกิดเหตุตลอดเวลา ดังนั้น จะต้องทำการสอบสวนขยายผลอีก

สำหรับในส่วนของพยานหลักฐาน โดยเฉพาะพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ขณะนี้ ได้มีการแจ้งผลการตรวจเข้ามาแล้ว พร้อมกับยืนยันว่า พนักงานสอบสวนมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ว่าสามารถเอาผิดกับ ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนได้ แม้ทหาร 3 นายให้การปฎิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ก็ตาม เมื่อถามว่า จะสรุปสำนวนคดีได้เมื่อใด พล.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะทำให้เร็วที่สุด

พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก.กล่าวว่าเร็วๆนี้จะสรุปได้ว่า มีผู้ต้องหาเพิ่มเติมจากทหาร 5 นายหรือไม่ และในทางสืบสวนเชื่อว่า มีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนจะเป็นนักการเมือง หรือคดีนี้มีความเชื่อมโยงกับนายทหารยศพลเอก อักษรชื่อย่อ ”พ” หรือไม่ ยังตอบไม่ได้ อย่างไรก็ตาม จากพยานหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้เชื่อว่ามีความรัดกุม โดยบางส่วนรอผลการตรวจพิสูจน์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ส่วนลายนิ้วมือแฝงตามสถานที่ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับคดีได้เก็บรวบรวมไว้หมดแล้ว

พล.ต.ต.อัศวิน ยืนยันว่า ทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือลำเอียง เพื่อเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และการให้ปากคำของ จ่ายักษ์ ยอมรับว่ารู้เห็นและร่วมดำเนินการเตรียมแผนการลอบสังหารนายกรัฐมนตรีในทุกขั้นตอน อีกทั้งยังให้การซัดทอดผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดด้วย ส่วนการสรุปสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นทางคดีนั้น คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์

**จ่ายักษ์ทรยศซัดทอดทีมฆ่า

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำ จ.ส.อ.ชาคริต หรือ จ่ายักษ์ ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า เป็นผู้ลงมือร่วมปฏิบัติการลอบสังหารนายกรัฐมนตรีจริง ตั้งแต่เริ่มการวางแผนเพื่อลอบสังหารนายกรัฐมนตรี กระทั่งปฏิบัติการไม่สำเร็จจึงได้หลบหนีก่อนที่จะตัดสินใจเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม โดยสำนวนการสอบสวนตามคำบอกเล่าในส่วนของ จ่ายักษ์ นั้นมีความหนากว่า 10 หน้ากระดาษ

จากการสอบสวน จ.ส.อ.ชาคริต อ้างว่า ได้ร่วมกับ ร.ท.ธวัชชัย พ.ท.มนัส พ.อ.สุรพล หรือเสธ.ตี๋ และ พล.ต.ไพโรจน์ กับพวกอีกอย่างน้อย 8 คน เตรียมการที่จะลอบสังหารนายกรัฐมนตรี โดยวางแผนตั้งแต่เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่ง พ.อ.สุรพล เป็นผู้บังคับบัญชาของตนได้เรียกให้ไปพบที่ กอ.รมน. โดย พ.อ.สุรพล บอกกับตนว่า “นายใหญ่”สั่งการให้ฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อทำลายระบอบทักษิณเนื่องจากที่ผ่านมาทำให้ประเทศชาติเสียหาย ซึ่งนายใหญ่ที่ว่าก็คือ พล.อ.ท่านหนึ่ง

จ.ส.อ.ชาคริต อ้างว่า พ.อ.สุรพล ยังอ้างด้วยว่างานนี้รับมาจาก “พล.ต. ส.” และ “พล.ต. ต.” และยังมีผู้ร่วมวางแผนการลอบสังหารอีกคนหนึ่งคือ “พ.อ. บ.” ทั้งหมดเป็นนายทหารสังกัด กอ.รมน. โดยก่อนที่จะมีการลงมือนั้นตนกับ พ.อ.สุรพล ได้หารือกันเรื่องวิธีการที่จะใช้ในการลอบสังหาร ซึ่งตนเสนอให้ใช้อาวุธปืนยิง แต่ พ.อ.สุรพล บอกว่านายใหญ่ให้ใช้ระเบิด ซึ่งขณะนั้น พ.ท.มนัส ได้รายงานให้ทราบว่ามีการจับระเบิดที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 20 กิโลกรัม พ.อ.สุรพล บอกว่าจะใช้มากกว่านี้อีกเท่าหนึ่งเพื่อจะได้ประสบผลสำเร็จ ตนพยายามทักท้วงเพราะการใช้ระเบิดมากขนาดนั้นจะทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ พ.อ.สุรพล โกรธพร้อมกับบอกว่าคนตายเป็นร้อยแต่ต้องรักษาชีวิตคนอีก 60 กว่าล้านคน เพราะต้องกำจัดระบอบนี้ให้สิ้นซาก

รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนการสอบสวน จ.ส.อ.ชาคริต นั้นทางพนักงานสอบสวนได้จะเบิกตัวออกมาสอบปากคำเป็นระยะ และในวันที่ 10 ก.ย.นี้จะนำตัวชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพตามขั้นตอนต่างๆทั้งหมดตั้งแต่เริ่มวางแผนจนถึงการลงมือปฏิบัติการอย่างละเอียด โดยจะมีการระดมกำลังตำรวจคอมมานโดมาให้การคุ้มกันอย่างแน่นหนาคาดว่าจะใช้หน่วยคอมมานโดไม่ต่ำกว่า 100 นายวางกำลังรักษาความปลอดภัยโดยรอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

**"เสธแดง.ร้องศาลทหาร

เวลาประมาณ 15.00 น. ทนายความของ พล.ต.ไพโรจน์ และ พ.อ.สุรพล ได้ยื่นหลักทรัพย์ ซึ่งไม่มีการเปิดเผยมูลค่าพร้อมคำร้องขอประกันตัว โดยอ้างเหตุผลว่า ผู้ต้องหาทั้งสองเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี อีกทั้งก่อนหน้านี้ ก็ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเอง

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เข้าพบ พล.อ.อัฎฐพร เจริญพานิช เจ้ากรมพระธรรมนูญ กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม เพื่อสอบถามถึงเหตุผลที่ศาลทหารกรุงเทพ รับคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาคดีดังกล่าวของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม โดย พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ตามกฎหมายใหม่ ระบุว่ากรณีนายทหารกระทำความผิด หรือถูกกล่าวหา พนักงานสอบสวนต้องส่งเรื่องไปยังต้นสังกัดเพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาจากนั้นต้องปล่อยตัว แต่กรณีของ พ.ท.มนัส ,พ.อ.สุรพล และ พล.ต.ไพโรจน์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจก่อนจะถูกออกหมายเรียกหรือหมายจับ อีกทั้งไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี หรือเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ดังนั้น ตามขั้นตอนพนักงานสอบสวนต้องปล่อยตัวนายทหารทั้ง 3 คนทันที โดยไม่ต้องนำตัวมาฝากขัง แต่กรณีนี้เมื่อพนักงานสอบสวนดำเนินการไปแล้วศาลทหารก็ควรต้องยกคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวน ตามข้อกฎหมาย

**ศาลทหารปล่อย พล.ต.ไพโรจน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลทหาร ไม่รับคำร้องขอฝากขัง พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ โดยให้เหตุผลว่า พนักงานสอบสวนไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนว่า พล.ต.ไพโรจน์ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี จากนั้นมีคำสั่งให้ปล่อยตัว พล.ต.ไพโรจน์ เป็นอิสระในทันที ส่วน พ.อ.สุรพล คงรับคำร้องตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ
กำลังโหลดความคิดเห็น