กองปราบคุมตัว"พ.ท.มนัส และร.ท.ธวัชชัย" 2 ผู้ต้องหาพยายามฆ่า"ทักษิณ" ขออำนาจศาลทหารฝากขัง พร้อมค้านประกันตัว ก่อนส่งตัวขังเดี่ยวคุกดินนครปฐม ด้าน"พล.ต.ไพโรจน์"พบตร.สู้คดีวันนี้ "หมอมิ้ง"โวจับทหารเป็นคดีอาชญากรรมสำคัญ
วานนี้(5 ก.ย.)เวลา 10.00 น.ที่กองปราบปราม พนักงานสอบสวนกองปราบปราม พร้อมหน่วยคอมมานโดได้ควบคุมตัวพ.ท.มนัส สุขประเสริฐ นายทหารสังกัดศูนย์สงครามพิเศษ ช่วยราชการกองอำนวยรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)และ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ นายทหารช่วยราชการ กอ.รมน. 2 ผู้ต้องหาที่พนักงานสอบสวน แจ้งข้อหาพัวพันคดีเตรียมการลอบสังหารรักษาการนายกรัฐมนตรี ออกจากห้องสอบสวน เพื่อนำตัวไปขึ้นรถตู้ของกองปราบปราม เดินทางไปขออำนาจศาลทหารฝากขัง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผู้บังคับการกองปราบปราม(ผบก.ป.)เปิดเผยว่า ได้นำตัว ผู้ต้องหาทั้ง 2 ไปขออำนาจศาลทหารฝากขัง โดย ร.ท.ธวัชชัย ฝากขังเป็นครั้งที่ 2 ส่วน พ.ท.มนัส ฝากขังครั้งแรก และไม่ขอนำตัวกลับมาสอบปากคำที่กองปราบปรามอีก เนื่องจากผู้ต้องหาให้การปฎิเสธ และคดีนี้ พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวในท้ายคำร้อง เนื่องจากเป็นคดีอุฉกรรจ์ มีการกระทำกันเป็นขบวนการ และหากกระทำสำเร็จก็จะส่งผลเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ
สำหรับในส่วนผู้ถูกกล่าวหาอีก 3 ราย ประกอบด้วยพล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พ.อ.สุรพล สุขประดิษฐ์ และ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ ช่วยราชการ กอ.รมน.พนักงวานสอบสวน ได้นัดมาให้เข้าพบในวันที่ 7 ก.ย.เวลา 10.00 น. ซึ่งหากไม่มาตามนัด ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้มีผู้ต้องหาที่นอกเหนือจาก 5 นายทหารอีกหรือไม่ พล.ต.ต.วินัย กล่าวว่า ในชั้นนี้เท่าที่มีพยานหลักฐานไปถึง มีเพียงแค่นี้ก่อน และหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และทำสำนวนคดีให้รัดกุมมากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมในส่วนของร.ท.ธวัชชัย ให้การปฎิเสธเช่นเดียวกัน แต่พนักงานสอบสวนขอตัวมาคุมขังที่กองปราบปราม นานถึง 12 วัน พล.ต.ต.วินัย กล่าวว่า เนื่องจาก ร.ท.ธวัชชัย ได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอยู่บ้าง พนักงานสอบาสวนจึงเห็นว่ามีความจำเป็นต้องนำตัวมาสอบสวนขยายผล แต่นับจากนี้ก็จะไม่ขอตัวกลับมาเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ พ.ท.มนัส ถูกสอบปากคำอย่างเคร่งเครียดตลอดคืน และเพิ่งเสร็จสิ้นในช่วงเช้า โดยพนักงานสอบแจ้งข้อกล่าวหารวม 6 ข้อหา เหมือนกับร.ท.ธวัชชัย ประกอบด้วย 1.ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะกระทำการตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน 3.ร่วมมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนญาต 5.ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม และ 6.ซ่องโจร
**ส่งตัว"มนัส-ธวัชชัย"ขังคุกดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 จ.นครปฐม ว่าหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัว พ.ท.มนัส และ ร.ท.ธวัชชัย 2 ผู้ต้องหา ขออำนาจศาลทหารฝากขัง โดยเมื่อตำรวจได้ส่งผู้ต้องหาให้ศาลทหารแล้วทาง พล.ต.จิระเดช โมกขะสมิต ผบ.มทบ.11 ในฐานะผู้ดูแลศาลทหารกรุงเทพ และเรือนจำ มทบ.11 ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากเรือนจำ และเจ้าหน้าที่ สห.ทบ.พร้อมชุดคุ้มกัน มารับตัว 2 นายทหาร ออกจากศาลทหาร เพื่อนำตัวเข้าไปควบคุมตัวที่ เรือนจำมทบ.11 จ.นครปฐม
ในระหว่างนำตัวเข้าเรือนจำ ทาง มทบ.11 ได้ให้ พัน.สห.ทบ.จัดชุดรถวิทยุนำ พร้อม รถคุ้มกันขบวนของผู้ต้องหาด้วย เพราะเห็นว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์เกรงว่าจะมีการชิงตัวประกันระหว่างเดินทาง จึงต้องเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษจนถึงที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 จ.นครปฐม
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำ มทบ.11 หรือตึกดิน ได้เตรียมห้องขังเดี่ยว 2 ห้องให้กับ พ.ท.มนัส และ ร.ท.ธวัชชัย ซึ่งทางเรือนจำจะปฏิบัติกับ 2 ผู้ต้องหาเช่นเดียวกับผู้ต้องหารายอื่นๆ ซึ่งทั้งผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ถือเป็นผู้ต้องหามีคดีร้ายแรง เมื่อมาอยู่ในห้องขังเดียวทางเรือนจำก็จะต้องใส่ตรวนที่ขาด้วย นอกจากนี้จะมีการเข้มงวดในเรื่องอาหาร โดยจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจก่อนที่จะให้ 2 ผู้ต้องหารับประทาน
**"พล.ต.ไพโรจน์"พบตร.วันนี้
มีรายงานว่า สำนักงานเลขานุการกองทัพบกได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เพื่อให้ไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก โดย พล.ต.ไพโรจน์ ได้แจ้งกลับมาว่าจะเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนในวันนี้ (6 ก.ย.)โดยจะนำหลักทรัพย์ขอยื่นประกันตัวต่อศาลทหารด้วย
**"บัญชร"ชี้"ไพโรจน์"บริสุทธิ์เป็นทหารอาชีพ
พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ ที่ปรึกษาพิเศษกองบัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า รู้สึกตกใจที่ตำรวจกองปราบปรามออกหมายเรียก พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ ให้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเท่าที่เคยทำงานร่วมกันมากับ พล.ต.ไพโรจน์ เพราะถือว่าเป็นเพชรน้ำหนึ่งในกองทัพบกซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่า พล.ต.ไพโรจน์ เป็นผู้บริสุทธิ์ และมีความเป็นทหารอาชีพ
"ส่วนตัวรักใครกันมาก ผมเชื่อว่าท่านเป็นทหารน้ำดีคนหนึ่ง เป็นน้องคนหนึ่งที่ไม่เคยทำเรื่องเหลวไหล" พล.อ.บัญชร กล่าว และว่า เคยร่วมรบกับ พล.ต.ไพโรจน์ ที่ภาคใต้ช่วงปี 2523-2526 โดยพล.ต.ไพโรจน์ เป็นผู้นำกำลังบุกยึดพื้นที่กลุ่มก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ จนได้รับพระราชทานเหรียญรามาฯ
**มิ้งย้ำเป็นคดีอาชญากรรมสำคัญ
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแจ้งข้อกล่าวหาทหาร ในข้อหาพยายามฆ่ารักษาการนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งในส่วนของนโยบายก็ตรงไปตรงมาอยู่แล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับประชาชนก็ต้องทำเหมือนกัน สำหรับการเกิดกับนายกฯ คดีนี้จึงถือเป็นคดีที่ใหญ่ ก็ต้องให้ความสำคัญ และดำเนินการกระบวนการยุติธรรมตามหลักกฎหมาย
ส่วนเรื่องข้อกล่าวหาว่าเป็นการจัดฉากนั้นตอนนี้ข้อเท็จจริงต่างๆ ได้ปรากฎออกมาแล้ว ยืนยันอีกครั้งว่า เหตุการณ์นี้เป็นอาชญากรรม ผิดกฎหมาย ผิดต่อสถาบันที่เป็นรัฐของผู้นำของประเทศด้วย ดังนั้น ต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม
**“พล.อ.สิริชัย”ไม่ป้องทหารทำผิด
พล.อ. สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ขณะนี้ทหารทั้ง 4 นาย เป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ซึ่งตำรวจตกลงขั้นต้นว่าจะทำหนังสือเชิญตัวให้ไปพบในวันที่ 7 ก.ย.นี้ แต่ พ.ท.มนัส บอกว่าพร้อมเลยขอพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.ย. โดยมีนายทหารพระธรรมนูญไปด้วย ซึ่งเป็นการเชิญตัวไปให้ปากคำ ส่วนการตั้งข้อหาเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อเชิญไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องแจ้งข้อหาให้รับทราบว่า มีข้อหาอะไรบ้าง ตนยังไม่เห็นรายละเอียด
มื่อถามว่า ตามหลักแล้วเราต้องส่งนายทหารรัฐธรรมนูญเข้าไปดูแลหรือไม่ พล.อ.สิริชัย กล่าวว่า ใช่ เพื่อดูแลกำลังพลของเรา ทั้งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อส่วนร่วม เพราะเรื่องของทหารถ้าหากมีการกระทำผิดเราต้องว่ากันไปตามกฎหมาย แต่ในฐานะของผู้บังคับบัญชา เราต้องไปดูแลว่าเขาได้รับความยุติธรรม ได้รับสิทธิต่างๆ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปหรือไม่ ซึ่งไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไร แต่อย่าด้อยสิทธิ์กว่าคนอื่นเท่านั้นเอง
**พบแก๊ปประทัดหน้ารัฐสภา
วันเดียวกันนี้ที่หน้ารัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิดของ บชน.ได้เดินทางมาเก็บกู้วัตถุต้องสงสัย โดยใช้ปืนอัดน้ำแรงดันสูง ทำลายสัญญาณวงจรระเบิด โดยมี พล.ต.ต.ปราโมทย์ ปทุมวงศ์ ผบก.น.1 มาสั่งการด้วยตนเอง หลังตรวจสอบแล้ว พล.ต.ต.ปราโมทย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยแล้วพบว่าเป็นแค่แก๊ปประทัด มีทั้งหมด 5 เม็ด บรรจุอยู่ใน กระบอก กระดาษอัด ซึ่งไม่มีการจุดต่อชนวนแต่อย่างใด แต่หากมีการจุด ก็จะทำให้เกิดเสียงดัง ซึ่งคาดว่าผู้ที่เอามาวางไว้ต้องการที่จะสร้างสถานการณ์ให้เกิดความสับสนในสังคม
วานนี้(5 ก.ย.)เวลา 10.00 น.ที่กองปราบปราม พนักงานสอบสวนกองปราบปราม พร้อมหน่วยคอมมานโดได้ควบคุมตัวพ.ท.มนัส สุขประเสริฐ นายทหารสังกัดศูนย์สงครามพิเศษ ช่วยราชการกองอำนวยรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)และ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ นายทหารช่วยราชการ กอ.รมน. 2 ผู้ต้องหาที่พนักงานสอบสวน แจ้งข้อหาพัวพันคดีเตรียมการลอบสังหารรักษาการนายกรัฐมนตรี ออกจากห้องสอบสวน เพื่อนำตัวไปขึ้นรถตู้ของกองปราบปราม เดินทางไปขออำนาจศาลทหารฝากขัง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผู้บังคับการกองปราบปราม(ผบก.ป.)เปิดเผยว่า ได้นำตัว ผู้ต้องหาทั้ง 2 ไปขออำนาจศาลทหารฝากขัง โดย ร.ท.ธวัชชัย ฝากขังเป็นครั้งที่ 2 ส่วน พ.ท.มนัส ฝากขังครั้งแรก และไม่ขอนำตัวกลับมาสอบปากคำที่กองปราบปรามอีก เนื่องจากผู้ต้องหาให้การปฎิเสธ และคดีนี้ พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวในท้ายคำร้อง เนื่องจากเป็นคดีอุฉกรรจ์ มีการกระทำกันเป็นขบวนการ และหากกระทำสำเร็จก็จะส่งผลเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ
สำหรับในส่วนผู้ถูกกล่าวหาอีก 3 ราย ประกอบด้วยพล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พ.อ.สุรพล สุขประดิษฐ์ และ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ ช่วยราชการ กอ.รมน.พนักงวานสอบสวน ได้นัดมาให้เข้าพบในวันที่ 7 ก.ย.เวลา 10.00 น. ซึ่งหากไม่มาตามนัด ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้มีผู้ต้องหาที่นอกเหนือจาก 5 นายทหารอีกหรือไม่ พล.ต.ต.วินัย กล่าวว่า ในชั้นนี้เท่าที่มีพยานหลักฐานไปถึง มีเพียงแค่นี้ก่อน และหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และทำสำนวนคดีให้รัดกุมมากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมในส่วนของร.ท.ธวัชชัย ให้การปฎิเสธเช่นเดียวกัน แต่พนักงานสอบสวนขอตัวมาคุมขังที่กองปราบปราม นานถึง 12 วัน พล.ต.ต.วินัย กล่าวว่า เนื่องจาก ร.ท.ธวัชชัย ได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอยู่บ้าง พนักงานสอบาสวนจึงเห็นว่ามีความจำเป็นต้องนำตัวมาสอบสวนขยายผล แต่นับจากนี้ก็จะไม่ขอตัวกลับมาเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ พ.ท.มนัส ถูกสอบปากคำอย่างเคร่งเครียดตลอดคืน และเพิ่งเสร็จสิ้นในช่วงเช้า โดยพนักงานสอบแจ้งข้อกล่าวหารวม 6 ข้อหา เหมือนกับร.ท.ธวัชชัย ประกอบด้วย 1.ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะกระทำการตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน 3.ร่วมมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนญาต 5.ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม และ 6.ซ่องโจร
**ส่งตัว"มนัส-ธวัชชัย"ขังคุกดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 จ.นครปฐม ว่าหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัว พ.ท.มนัส และ ร.ท.ธวัชชัย 2 ผู้ต้องหา ขออำนาจศาลทหารฝากขัง โดยเมื่อตำรวจได้ส่งผู้ต้องหาให้ศาลทหารแล้วทาง พล.ต.จิระเดช โมกขะสมิต ผบ.มทบ.11 ในฐานะผู้ดูแลศาลทหารกรุงเทพ และเรือนจำ มทบ.11 ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากเรือนจำ และเจ้าหน้าที่ สห.ทบ.พร้อมชุดคุ้มกัน มารับตัว 2 นายทหาร ออกจากศาลทหาร เพื่อนำตัวเข้าไปควบคุมตัวที่ เรือนจำมทบ.11 จ.นครปฐม
ในระหว่างนำตัวเข้าเรือนจำ ทาง มทบ.11 ได้ให้ พัน.สห.ทบ.จัดชุดรถวิทยุนำ พร้อม รถคุ้มกันขบวนของผู้ต้องหาด้วย เพราะเห็นว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์เกรงว่าจะมีการชิงตัวประกันระหว่างเดินทาง จึงต้องเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษจนถึงที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 จ.นครปฐม
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำ มทบ.11 หรือตึกดิน ได้เตรียมห้องขังเดี่ยว 2 ห้องให้กับ พ.ท.มนัส และ ร.ท.ธวัชชัย ซึ่งทางเรือนจำจะปฏิบัติกับ 2 ผู้ต้องหาเช่นเดียวกับผู้ต้องหารายอื่นๆ ซึ่งทั้งผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ถือเป็นผู้ต้องหามีคดีร้ายแรง เมื่อมาอยู่ในห้องขังเดียวทางเรือนจำก็จะต้องใส่ตรวนที่ขาด้วย นอกจากนี้จะมีการเข้มงวดในเรื่องอาหาร โดยจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจก่อนที่จะให้ 2 ผู้ต้องหารับประทาน
**"พล.ต.ไพโรจน์"พบตร.วันนี้
มีรายงานว่า สำนักงานเลขานุการกองทัพบกได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เพื่อให้ไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก โดย พล.ต.ไพโรจน์ ได้แจ้งกลับมาว่าจะเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนในวันนี้ (6 ก.ย.)โดยจะนำหลักทรัพย์ขอยื่นประกันตัวต่อศาลทหารด้วย
**"บัญชร"ชี้"ไพโรจน์"บริสุทธิ์เป็นทหารอาชีพ
พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ ที่ปรึกษาพิเศษกองบัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า รู้สึกตกใจที่ตำรวจกองปราบปรามออกหมายเรียก พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ ให้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเท่าที่เคยทำงานร่วมกันมากับ พล.ต.ไพโรจน์ เพราะถือว่าเป็นเพชรน้ำหนึ่งในกองทัพบกซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่า พล.ต.ไพโรจน์ เป็นผู้บริสุทธิ์ และมีความเป็นทหารอาชีพ
"ส่วนตัวรักใครกันมาก ผมเชื่อว่าท่านเป็นทหารน้ำดีคนหนึ่ง เป็นน้องคนหนึ่งที่ไม่เคยทำเรื่องเหลวไหล" พล.อ.บัญชร กล่าว และว่า เคยร่วมรบกับ พล.ต.ไพโรจน์ ที่ภาคใต้ช่วงปี 2523-2526 โดยพล.ต.ไพโรจน์ เป็นผู้นำกำลังบุกยึดพื้นที่กลุ่มก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ จนได้รับพระราชทานเหรียญรามาฯ
**มิ้งย้ำเป็นคดีอาชญากรรมสำคัญ
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแจ้งข้อกล่าวหาทหาร ในข้อหาพยายามฆ่ารักษาการนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งในส่วนของนโยบายก็ตรงไปตรงมาอยู่แล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับประชาชนก็ต้องทำเหมือนกัน สำหรับการเกิดกับนายกฯ คดีนี้จึงถือเป็นคดีที่ใหญ่ ก็ต้องให้ความสำคัญ และดำเนินการกระบวนการยุติธรรมตามหลักกฎหมาย
ส่วนเรื่องข้อกล่าวหาว่าเป็นการจัดฉากนั้นตอนนี้ข้อเท็จจริงต่างๆ ได้ปรากฎออกมาแล้ว ยืนยันอีกครั้งว่า เหตุการณ์นี้เป็นอาชญากรรม ผิดกฎหมาย ผิดต่อสถาบันที่เป็นรัฐของผู้นำของประเทศด้วย ดังนั้น ต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม
**“พล.อ.สิริชัย”ไม่ป้องทหารทำผิด
พล.อ. สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ขณะนี้ทหารทั้ง 4 นาย เป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ซึ่งตำรวจตกลงขั้นต้นว่าจะทำหนังสือเชิญตัวให้ไปพบในวันที่ 7 ก.ย.นี้ แต่ พ.ท.มนัส บอกว่าพร้อมเลยขอพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.ย. โดยมีนายทหารพระธรรมนูญไปด้วย ซึ่งเป็นการเชิญตัวไปให้ปากคำ ส่วนการตั้งข้อหาเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อเชิญไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องแจ้งข้อหาให้รับทราบว่า มีข้อหาอะไรบ้าง ตนยังไม่เห็นรายละเอียด
มื่อถามว่า ตามหลักแล้วเราต้องส่งนายทหารรัฐธรรมนูญเข้าไปดูแลหรือไม่ พล.อ.สิริชัย กล่าวว่า ใช่ เพื่อดูแลกำลังพลของเรา ทั้งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อส่วนร่วม เพราะเรื่องของทหารถ้าหากมีการกระทำผิดเราต้องว่ากันไปตามกฎหมาย แต่ในฐานะของผู้บังคับบัญชา เราต้องไปดูแลว่าเขาได้รับความยุติธรรม ได้รับสิทธิต่างๆ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปหรือไม่ ซึ่งไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไร แต่อย่าด้อยสิทธิ์กว่าคนอื่นเท่านั้นเอง
**พบแก๊ปประทัดหน้ารัฐสภา
วันเดียวกันนี้ที่หน้ารัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิดของ บชน.ได้เดินทางมาเก็บกู้วัตถุต้องสงสัย โดยใช้ปืนอัดน้ำแรงดันสูง ทำลายสัญญาณวงจรระเบิด โดยมี พล.ต.ต.ปราโมทย์ ปทุมวงศ์ ผบก.น.1 มาสั่งการด้วยตนเอง หลังตรวจสอบแล้ว พล.ต.ต.ปราโมทย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยแล้วพบว่าเป็นแค่แก๊ปประทัด มีทั้งหมด 5 เม็ด บรรจุอยู่ใน กระบอก กระดาษอัด ซึ่งไม่มีการจุดต่อชนวนแต่อย่างใด แต่หากมีการจุด ก็จะทำให้เกิดเสียงดัง ซึ่งคาดว่าผู้ที่เอามาวางไว้ต้องการที่จะสร้างสถานการณ์ให้เกิดความสับสนในสังคม