โซดาสิงห์หวั่นกรมสรรพามิตปรับภาษีโซดาขึ้นจาก 3 บาท เป็น 4 บาทต่อขวด กระทบตลาด 4 พันล้านบาท แค่ปีนี้ปัจจัยลบรุมเร้าตลาดยังตกฮวบ 4% ส่วนผู้ประกอบการมีโอกาสขาดทุนกรณีไม่ได้ขึ้นราคา ล่าสุดโซดาสิงห์เร่งบูมขยายฐานกลุ่มวัยรุ่น ปั้นสูตรโซดาผสมเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ เจาะร้านอาหาร 45 แห่ง ปิดทางคริสตัลแจ้งเกิด สิ้นปีขอรักษาแชร์ 97% รั้งบัลลังก์ผู้นำตลาด
นายสันต์ ภิรมย์ภักดี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโซดาสิงห์ เปิดเผยว่า มีแนวโน้มว่ากรมสรรพสามิตจะเรียกเก็บภาษีโซดาเพิ่มขึ้นกว่า 1บาทต่อขวด หรือเพิ่มจาก 3 บาทต่อขวด เป็น 4 บาทต่อขวด จากปัจจุบันราคาขายปลีก 8บาทต่อขวด โดยการปรับภาษีเพิ่มขึ้นจะสร้างผลกระทบด้วยกัน 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรก คือ ผู้ประกอบการ หากไม่มีการปรับราคาขึ้น จะสร้างผลกระทบผู้ประกอบการในแง่ของต้นทุนทันที ซึ่งหักลบแล้วอาจขาดทุนได้
ส่วนผลกระทบที่ 2 คือ ตลาดโซดามูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้เล่นรายหลัก ได้แก่ โซดาสิงห์ โซดาช้างของบริษัท ไทยเบฟฯ และคริสตัลของบริษัทเสริมสุข จากแนวโน้มตลาดปีนี้คาดว่าจะตกลง 3-4% จากมูลค่า 4,000 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ กำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง และปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลง จากการณรงค์ของภาครัฐ ซึ่งยังไม่รวมที่โซดาจะปรับขึ้นราคา
แผนการตลาดในสภาพที่ตลาดตกลง บริษัทฯได้วางแนวทางสร้างตลาดโซดาผสมกับเครื่องดื่มที่นอกเหนือจากแอลกอฮอล์เป็นปีที่สอง ภายหลังจากที่คู่แข่งยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องดื่มเสริมสุข เปิดแผนรุกตลาดโซดาคริสตัล ด้วยการเจาะตลาดโซดาผสมกับเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์เต็มรูปแบบ โดยปีนี้บริษัทฯได้จัดทำสูตรผสมเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ เจาะเข้าช่องทางร้านอาหารจำนวน 45 แห่ง แตกต่างจากโซดาผสมกับแอลกอฮอล์ จะเจาะในสถานบันเทิง ผับ บาร์
พร้อมกันนี้เจียดงบมากกว่า 5 ล้านบาท จากงบตลาดรวม 50 ล้านบาท จัดแคมเปญ "Mixx Zaaaa Soda Singha" ครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิด "เด็กไทยซ่าอย่างมีหัวคิด" เปิดโอกาสกลุ่มวัยรุ่นอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในตลาดนี้ ประกวดการสร้างสรรค์เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ เริ่มเปิดสมัครตั้งแต่วันนี้ - 11 พฤศจิกายน 2549 ที่บูธโซดาสิงห์ตระเวนไปตามมหาวิทยาลัย และห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต ที่ เซ็นทรัลเฟสติวัล และนครราชสีมา ที่ เดอะมอลล์
ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าการรุกตลาดโซดาผสมกับเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ จะผลักดันให้ตลาดมีอัตราการเติบโตเพิ่ม 5% จากปัจจุบันตลาดโซดามูลค่า 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 90% และผสมเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ 10% ส่วนในช่วงไฮซีซั่นได้ทุ่มงบ 25 ล้านบาท รุกตลาดโซดาผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยคาดว่าการรุกขยายทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไร้แอลกอฮอล์ จะผลักดันให้บริษัทสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดเท่าเดิม 97% ที่เหลือแบ่งเป็น โซดาช้าง 2% และคริสตัล 1%
นายสันต์ ภิรมย์ภักดี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโซดาสิงห์ เปิดเผยว่า มีแนวโน้มว่ากรมสรรพสามิตจะเรียกเก็บภาษีโซดาเพิ่มขึ้นกว่า 1บาทต่อขวด หรือเพิ่มจาก 3 บาทต่อขวด เป็น 4 บาทต่อขวด จากปัจจุบันราคาขายปลีก 8บาทต่อขวด โดยการปรับภาษีเพิ่มขึ้นจะสร้างผลกระทบด้วยกัน 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรก คือ ผู้ประกอบการ หากไม่มีการปรับราคาขึ้น จะสร้างผลกระทบผู้ประกอบการในแง่ของต้นทุนทันที ซึ่งหักลบแล้วอาจขาดทุนได้
ส่วนผลกระทบที่ 2 คือ ตลาดโซดามูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้เล่นรายหลัก ได้แก่ โซดาสิงห์ โซดาช้างของบริษัท ไทยเบฟฯ และคริสตัลของบริษัทเสริมสุข จากแนวโน้มตลาดปีนี้คาดว่าจะตกลง 3-4% จากมูลค่า 4,000 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ กำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง และปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลง จากการณรงค์ของภาครัฐ ซึ่งยังไม่รวมที่โซดาจะปรับขึ้นราคา
แผนการตลาดในสภาพที่ตลาดตกลง บริษัทฯได้วางแนวทางสร้างตลาดโซดาผสมกับเครื่องดื่มที่นอกเหนือจากแอลกอฮอล์เป็นปีที่สอง ภายหลังจากที่คู่แข่งยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องดื่มเสริมสุข เปิดแผนรุกตลาดโซดาคริสตัล ด้วยการเจาะตลาดโซดาผสมกับเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์เต็มรูปแบบ โดยปีนี้บริษัทฯได้จัดทำสูตรผสมเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ เจาะเข้าช่องทางร้านอาหารจำนวน 45 แห่ง แตกต่างจากโซดาผสมกับแอลกอฮอล์ จะเจาะในสถานบันเทิง ผับ บาร์
พร้อมกันนี้เจียดงบมากกว่า 5 ล้านบาท จากงบตลาดรวม 50 ล้านบาท จัดแคมเปญ "Mixx Zaaaa Soda Singha" ครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิด "เด็กไทยซ่าอย่างมีหัวคิด" เปิดโอกาสกลุ่มวัยรุ่นอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในตลาดนี้ ประกวดการสร้างสรรค์เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ เริ่มเปิดสมัครตั้งแต่วันนี้ - 11 พฤศจิกายน 2549 ที่บูธโซดาสิงห์ตระเวนไปตามมหาวิทยาลัย และห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต ที่ เซ็นทรัลเฟสติวัล และนครราชสีมา ที่ เดอะมอลล์
ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าการรุกตลาดโซดาผสมกับเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ จะผลักดันให้ตลาดมีอัตราการเติบโตเพิ่ม 5% จากปัจจุบันตลาดโซดามูลค่า 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 90% และผสมเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ 10% ส่วนในช่วงไฮซีซั่นได้ทุ่มงบ 25 ล้านบาท รุกตลาดโซดาผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยคาดว่าการรุกขยายทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไร้แอลกอฮอล์ จะผลักดันให้บริษัทสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดเท่าเดิม 97% ที่เหลือแบ่งเป็น โซดาช้าง 2% และคริสตัล 1%