ตำรวจหน้าแหกครั้งแล้วครั้งเล่า ขอหมายจับพันธมิตรฯทั้ง 7คน แต่ศาลไม่อนุมัติ ระบุไม่มีหลักฐานตามสมควร 'สุริยะใส'ระบุคำสั่งศาลชี้ชัดตำรวจกลั่นแกล้ง เตือนระวังจะตกเป็นผู้ร้ายเสียเอง ขณะที่อัยการสั่งฟ้องสนธิ-บก.คมชัดลึก ในคดีดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ด้านทรท.ระดมคนประจวบฯเตรียมป่วนเวทีพันธมิตรฯ 3 ก.ย.นี้ ขู่ปราศรัยมั่วระวังเจอคุก
วานนี้(1 ก.ย.)ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก หลังจากที่พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร รอง ผบช.น.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอให้ออกหมายจับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ประกอบด้วย นายสุริยะใส กตะศิลา นางสาวรสนา โตสิตระกูล นายเพียร ยงหนู นายสุวิทย์ วัดหนู นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายอวยชัย วะทา และนายศิริชัย ไม้งาม ผู้ต้องหาคดีก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง กรณีที่มีการปราศรัยกล่าวโจมตีรัฐบาล และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในสถานที่ต่างๆ หลายครั้ง เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ ขอให้ศาลออกหมายจับ และออกหมายขัง ซึ่งศาลได้ไต่สวนหัวหน้าพนักงานสอบสวน และพันธมิตรฯทั้ง 7 คนไปเมื่อวันที่ 31 ส.ค.และนัดฟังคำสั่งว่า จะอนุมัติหมายจับหรือไม่ในวันที่ 1 ก.ย.นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลยกคำร้องการขออนุมัติออกหมายจับ และหมายขัง พันธมิตรฯทั้ง 7 คน ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าผู้ร้องไม่มีหลักฐานตามสมควร ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรทา 116 มาตรา 215 และมาตรา 216 จึงสั่งยกคำร้องดังกล่าว ไม่อนุมัติหมายจับตามคำร้องขอ
**คำสั่งศาลชี้ชัดตร.กลั่นแกล้ง
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คำสั่งของศาลได้ตอกยำชัดเจนว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ยึดกรอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 44 ซึ่งเป็นการชุมนุมโดยสันติและปราศจากอาวุธ และข้อกล่าวหาของทางพนักงานสอบสวนนั้นไม่มีหลักฐานอันสมควร
ทั้งๆ ที่กรณีนี้ทางตำรวจพยายามรวบรวมสารพัดหลักฐาน ทั้งวีซีดีการชุมนุม การถอดคำปราศรัย คำสัมภาษณ์ของผู้ต้องสังสัยทั้ง 7 คน รวม 77 แผ่น ยื่นประกอบคำร้องขออนุมัติหมายจับ แต่ศาลก็ยังเห็นว่าหลักฐานไม่มีน้ำหนัก ฉะนั้นแม้ทางตำรวจจะสามารถไปรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมแล้วมายื่นขออนุมัติหมายจับ เราก็ไม่หวั่นไหว เพราะเชื่อว่าพวกเราเคลื่อนไหวโดยสุจริตใจ และยึดกรอบรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม ถ้าตำรวจจะออกหมายเรียกอีก โดยส่วนตัวก็จะไม่ไปรายงานตัวอีกเช่นเดิม ถ้าตำรวจจะขอหมายจับก็พร้อมชี้แจงต่อศาลอีกครั้ง โดยเฉพาะข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร ถ้าจะออกหมายเรียกนั้นต้องออกหมายเรียก พ.ต.ท.ทักษิณด้วย เพราะนั่งรถไม่มีป้ายทะเบียน
"ผมอยากจะอุทธรณ์มโนสำนึกไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองเล่นงานกลั่นแกล้งประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพราะสุดท้ายตำรวจอาจจะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และจะกลายเป็นผู้ร้ายเสียเอง"นายสุริยะใส กล่าว
**อัยการสั่งฟ้องสนธิ-บก.คม ชัด ลึก
ในวันเดียวกันนี้ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ พร้อมด้วย นายขจรศักดิ์ เบ็ญชัย ทนายความของนายเฉลียว คงตุก บก.นสพ.คม ชัด ลึก เดินทางเข้าพบพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เพื่อฟังคำสั่งคดี ที่นายสนธิ และนายเฉลียว ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พร้อมแจ้งให้อัยการทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองติดภารกิจ ไม่สามารถมาด้วยตัวเองได้ พนักงานอัยการจึงแจ้งให้ทราบว่า จากการพิจารณาสำนวนฟ้องของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จำนวน 20 แฟ้ม ความหนากว่า 5,600 หน้า และพยาน 400 ปากแล้ว คณะทำงานจึงมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา ตามพนักงานสอบสวน พร้อมแจ้งให้ทนายความนำผู้ต้องหามาศาลในวันที่ 5 ก.ย.นี้ เนื่องจากอัยการจะนำสำนวนยื่นฟ้องต่อศาล
นายสุวัตร กล่าวว่า ในวันที่อัยการยื่นฟ้องต่อศาล (5 ก.ย.) จะใช้หลักทรัพย์คือ บัตรประกันอิสรภาพ มูลค่า 250,000 บาท ยื่นขอประกันตัวนายสนธิ ส่วนนายเฉลียว จะใช้หนังสือรับรองจากสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ซึ่งให้มีมูลค่า 10 เท่าของเงินเดือน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ลูกความของตนไม่มีเจตนาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ตามที่ถูกกล่าวหา และพร้อมสู้คดีในชั้นศาล
คดีนี้เกิดขึ้นจากการให้สัมภาษณ์ของนายสนธิ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.49 และมีการตีพิมพ์ใน นสพ. คม ชัด ลึก วันรุ่งขึ้น (24 มี.ค.)นำไปสู่การแจ้งความเพื่อดำเนินคดี เนื่องจากเห็นว่าคำให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องหา เข้าข่ายดูหมิ่นพระมหากษัตริย์
**ทรท.ระดมคนประจวบต้านพันธมิตรฯ
นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯเตรียมจัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 3 ก.ย.นี้ ว่า ทางพรรคได้ทำหนังสือแจ้งกกต.จังหวัด และตำรวจท้องที่แล้ว เพื่อขอให้ตรวจสอบการปราศรัยดังกล่าว เพราะถ้ามีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็สามารถจับกุมได้ทันที เนื่องจากขณะนี้ พ.ร.ฎ.การเลือกตั้ง มีผลบังคับใช้แล้ว การปราศรัยลักษณะนี้ควรเป็นในนามของพรรคการเมืองเท่านั้น จึงอยากฝากเตือนถึงกลุ่มพันธมิตรฯ ให้ระวังตัวด้วย และล่าสุดทราบว่า ขณะนี้ชาว อ.หัวหิน และ อ.ปราณบุรี นับพันคน เริ่มออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านกันแล้ว เพราะไม่ต้องการให้กลุ่มพันธมิตรฯ ไปยุแยงชาวประจวบฯ ให้แบ่งเป็นกลุ่มๆ
ส่วนเรื่องสถานที่ที่ใช้มูลนิธิสว่างแผ่ไพศาล อ.ปราณบุรี เป็นเวทีปราศรัยนั้น ก็ถือว่าผิดด้วย เพราะกฎหมายมีข้อห้ามสำหรับมูลนิธิว่า ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ที่สำคัญมูลนิธิดังกล่าวอยู่ใกล้เขตพระราชฐาน ห่างจากพระราชวังไกลกังวลเพียง 20 กว่ากม.เท่านั้น จึงถือว่าไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
วานนี้(1 ก.ย.)ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก หลังจากที่พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร รอง ผบช.น.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอให้ออกหมายจับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ประกอบด้วย นายสุริยะใส กตะศิลา นางสาวรสนา โตสิตระกูล นายเพียร ยงหนู นายสุวิทย์ วัดหนู นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายอวยชัย วะทา และนายศิริชัย ไม้งาม ผู้ต้องหาคดีก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง กรณีที่มีการปราศรัยกล่าวโจมตีรัฐบาล และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในสถานที่ต่างๆ หลายครั้ง เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ ขอให้ศาลออกหมายจับ และออกหมายขัง ซึ่งศาลได้ไต่สวนหัวหน้าพนักงานสอบสวน และพันธมิตรฯทั้ง 7 คนไปเมื่อวันที่ 31 ส.ค.และนัดฟังคำสั่งว่า จะอนุมัติหมายจับหรือไม่ในวันที่ 1 ก.ย.นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลยกคำร้องการขออนุมัติออกหมายจับ และหมายขัง พันธมิตรฯทั้ง 7 คน ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าผู้ร้องไม่มีหลักฐานตามสมควร ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรทา 116 มาตรา 215 และมาตรา 216 จึงสั่งยกคำร้องดังกล่าว ไม่อนุมัติหมายจับตามคำร้องขอ
**คำสั่งศาลชี้ชัดตร.กลั่นแกล้ง
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คำสั่งของศาลได้ตอกยำชัดเจนว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ยึดกรอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 44 ซึ่งเป็นการชุมนุมโดยสันติและปราศจากอาวุธ และข้อกล่าวหาของทางพนักงานสอบสวนนั้นไม่มีหลักฐานอันสมควร
ทั้งๆ ที่กรณีนี้ทางตำรวจพยายามรวบรวมสารพัดหลักฐาน ทั้งวีซีดีการชุมนุม การถอดคำปราศรัย คำสัมภาษณ์ของผู้ต้องสังสัยทั้ง 7 คน รวม 77 แผ่น ยื่นประกอบคำร้องขออนุมัติหมายจับ แต่ศาลก็ยังเห็นว่าหลักฐานไม่มีน้ำหนัก ฉะนั้นแม้ทางตำรวจจะสามารถไปรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมแล้วมายื่นขออนุมัติหมายจับ เราก็ไม่หวั่นไหว เพราะเชื่อว่าพวกเราเคลื่อนไหวโดยสุจริตใจ และยึดกรอบรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม ถ้าตำรวจจะออกหมายเรียกอีก โดยส่วนตัวก็จะไม่ไปรายงานตัวอีกเช่นเดิม ถ้าตำรวจจะขอหมายจับก็พร้อมชี้แจงต่อศาลอีกครั้ง โดยเฉพาะข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร ถ้าจะออกหมายเรียกนั้นต้องออกหมายเรียก พ.ต.ท.ทักษิณด้วย เพราะนั่งรถไม่มีป้ายทะเบียน
"ผมอยากจะอุทธรณ์มโนสำนึกไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองเล่นงานกลั่นแกล้งประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพราะสุดท้ายตำรวจอาจจะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และจะกลายเป็นผู้ร้ายเสียเอง"นายสุริยะใส กล่าว
**อัยการสั่งฟ้องสนธิ-บก.คม ชัด ลึก
ในวันเดียวกันนี้ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ พร้อมด้วย นายขจรศักดิ์ เบ็ญชัย ทนายความของนายเฉลียว คงตุก บก.นสพ.คม ชัด ลึก เดินทางเข้าพบพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เพื่อฟังคำสั่งคดี ที่นายสนธิ และนายเฉลียว ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พร้อมแจ้งให้อัยการทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองติดภารกิจ ไม่สามารถมาด้วยตัวเองได้ พนักงานอัยการจึงแจ้งให้ทราบว่า จากการพิจารณาสำนวนฟ้องของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จำนวน 20 แฟ้ม ความหนากว่า 5,600 หน้า และพยาน 400 ปากแล้ว คณะทำงานจึงมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา ตามพนักงานสอบสวน พร้อมแจ้งให้ทนายความนำผู้ต้องหามาศาลในวันที่ 5 ก.ย.นี้ เนื่องจากอัยการจะนำสำนวนยื่นฟ้องต่อศาล
นายสุวัตร กล่าวว่า ในวันที่อัยการยื่นฟ้องต่อศาล (5 ก.ย.) จะใช้หลักทรัพย์คือ บัตรประกันอิสรภาพ มูลค่า 250,000 บาท ยื่นขอประกันตัวนายสนธิ ส่วนนายเฉลียว จะใช้หนังสือรับรองจากสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ซึ่งให้มีมูลค่า 10 เท่าของเงินเดือน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ลูกความของตนไม่มีเจตนาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ตามที่ถูกกล่าวหา และพร้อมสู้คดีในชั้นศาล
คดีนี้เกิดขึ้นจากการให้สัมภาษณ์ของนายสนธิ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.49 และมีการตีพิมพ์ใน นสพ. คม ชัด ลึก วันรุ่งขึ้น (24 มี.ค.)นำไปสู่การแจ้งความเพื่อดำเนินคดี เนื่องจากเห็นว่าคำให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องหา เข้าข่ายดูหมิ่นพระมหากษัตริย์
**ทรท.ระดมคนประจวบต้านพันธมิตรฯ
นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯเตรียมจัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 3 ก.ย.นี้ ว่า ทางพรรคได้ทำหนังสือแจ้งกกต.จังหวัด และตำรวจท้องที่แล้ว เพื่อขอให้ตรวจสอบการปราศรัยดังกล่าว เพราะถ้ามีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็สามารถจับกุมได้ทันที เนื่องจากขณะนี้ พ.ร.ฎ.การเลือกตั้ง มีผลบังคับใช้แล้ว การปราศรัยลักษณะนี้ควรเป็นในนามของพรรคการเมืองเท่านั้น จึงอยากฝากเตือนถึงกลุ่มพันธมิตรฯ ให้ระวังตัวด้วย และล่าสุดทราบว่า ขณะนี้ชาว อ.หัวหิน และ อ.ปราณบุรี นับพันคน เริ่มออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านกันแล้ว เพราะไม่ต้องการให้กลุ่มพันธมิตรฯ ไปยุแยงชาวประจวบฯ ให้แบ่งเป็นกลุ่มๆ
ส่วนเรื่องสถานที่ที่ใช้มูลนิธิสว่างแผ่ไพศาล อ.ปราณบุรี เป็นเวทีปราศรัยนั้น ก็ถือว่าผิดด้วย เพราะกฎหมายมีข้อห้ามสำหรับมูลนิธิว่า ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ที่สำคัญมูลนิธิดังกล่าวอยู่ใกล้เขตพระราชฐาน ห่างจากพระราชวังไกลกังวลเพียง 20 กว่ากม.เท่านั้น จึงถือว่าไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง