สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติระดมตัวแทนสื่อสิ่งพิมพ์-วิทยุ-โทรทัศน์ ถกเครียดปัญหาความเป็นกลางของสื่อกับเมืองไทย ยันสื่อทำหน้าที่สื่อในการรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมเตรียมออกแถลงการณ์ในวันที่ 4 ก.ย.นี้ขณะที่พรรคไทยรักไทยเปิดยุทธ์ศาสตร์ใหม่ ใช้“สื่อชนสื่อ”หวังยึดพื้นที่ข่าวและช่วงชิงมวลชนคืน
เมื่อวานนี้ ( 31 ส.ค.) ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้มีการประชุมของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ร่วมกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ และสมาคมวิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ประชุมหาแนวทางการทำหน้าที่สื่อมวลชน ในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งมีตัวแทนจากสื่อมวลชนเข้าร่วมประมาณ 35 คนจากสื่อมวลชนทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์
นางบัญญัติ ทัศนีย์เวช ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวเปิดการประชุม ซึ่งแสดงถึงความกังวลว่าขณะนี้มีปัญหาความแตกแยกของสังคมไทย จึงเห็นว่าสื่อมวลชนควรมีบทบาทในการทำหน้าที่อย่างไรเพื่อให้สังคมรับรู้ความจริงที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นได้เปิดให้ตัวแทนสื่อมวลชนแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายในประเด็นต่างๆ ดังนี้
นายจิระ ห้องสำเริง ผู้บริหารของสถานี ASTV กล่าวว่า ตอนนี้คนทำข่าวฟรีทีวี เริ่มทำงานด้วยความยากลำบาก มีการถูกบังคับไม่ให้นำเสนอในสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงของข่าว ล่าสุดได้มีหนังสือเวียนจากกรมประชาสัมพันธ์ถึงหน่วยงานของสื่อในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ ไม่ให้มีการนำเสนอข่าวที่มีความขัดแย้งกับรัฐ
นายก่อเขต จันทรเลิศลักษณ์ ที่ปรึกษาของสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย กล่าวว่าทางสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ควรมีการออกแถลงการณ์ เพื่ออธิบายให้สังคมได้รับทราบว่า สื่อจะยึดความถูกต้องและเป็นกลาง รวมถึงท่าทีของสื่อมวลชนจะทำอย่างไร เพื่อให้เกิดความชัดเจนในกลุ่มสื่อและรัฐบาลและสังคม และอยากให้อธิบายว่าความเป็นกลางและไม่เป็นกลางอย่างไรให้สังคมรับรู้ เพราะสื่อมวลชนตกเป็นเป้าในการวิจารณ์ว่าไม่มีความเป็นกลางในการทำงาน
นายเรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ ผู้บริหารของหนังสือพิมพ์มติชน กล่าวว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นเอง สื่อไม่ได้เป็นผู้ที่ทำให้เกิดขึ้น
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย กล่าวว่า สภาฯควรจะเดินสายไปพบกับผู้บริหารของหนังสือพิมพ์ ในประเด็นเรื่องความห่วงใยในสื่ออิเลคทรอนิกส์ที่ถูกปิดกั้น เพื่อให้สามารถนำเสนอข่าวได้รอบด้านและจะทำอย่างไรเพื่อลดแรงกดดันของผู้ทำสื่ออิเลคทรอนิกส์
นายวิทยา ตันฒสุทธิ์ ผู้บริหารของหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ปัญหาที่เกิดขึ้นสื่อไม่ได้เข้าไปร่วม แต่สื่อเป็นผู้ทำหน้าที่นำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สื่อนำเสนอความจริงให้สังคมได้รับทราบ และสื่อก็ไม่ควรเป็นผู้โน้มน้าว ประชาชนจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง วิธีเดียวที่สื่อจะทำได้คือรักษาสิ่งที่ดีที่สุดในสังคม คือการปกครองระบอบประชาธิปไตย
หลังจากนั้นก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งได้ข้อสรุปว่าจะมีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นชุดหนึ่งเพื่อร่างแถลงการณ์ ถึงความเป็นห่วงของสื่อที่มีต่อสถานการณ์ที่ส่อเค้าว่าจะรุนแรงขึ้น และจะนัดประชุมเพื่อแถลงข่าวอย่างทางการในวันจันทร์ที่ 4 กันยายนนี้ เวลา 13.30 น.ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ
**ยุทธศาสตร์ปั้นสื่อชนสื่อ
แหล่งข่าวจากพรรคไทยรักไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางพรรคได้นำกลยุทธ์แบบหนึ่งที่นักการเมืองพรรคไทยรักไทยจะทำการตอบโต้การที่ผู้นำรัฐบาลถูกวิพากษ์และรุกไล่ก็คือการจัดให้มีสื่อที่แสดงปฏิกิริยาย้อนกลับไป เช่น การจัดชุมนุมคนและการจัดกลุ่มเชียร์ เพื่อจะสื่อสารว่ามีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายต่อต้าน
แม้ว่าสื่อของรัฐทั้งที่เป็นวิทยุและโทรทัศน์ส่วนใหญ่มักถูกระบบการบริหารทำให้ต้องสนองนโยบายการสื่อสารในลักษณะที่ไม่เกิดผลลบต่อรัฐบาล คือ พยายามหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์บทบาทและนโยบายของแกนนำรัฐบาล แต่เพื่อตอบโต้กับกระแสข่าวเชิงลบที่เกิดจากการเปิดประเด็นความไม่ถูกต้อง หรือการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคุณธรรมที่ตรงข่ามกับแนวคิดและวิถีปฏิบัติของผู้นำรัฐบาล
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่าการเดินเกมรุกลงทุนปั้นสื่อแบบหลากหลายสนองความต้องการของแกนนำฝ่ายการเมือง รัฐบาลจึงเริ่มขึ้นซึ่งมีทั้งสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ โทรทัศน์ วิทยุ เว็บไซต์ และรายงานข่าวสั้นผ่านโทรศัพท์มือถือ (SMS) รวมทั้งสื่อหนังสือ
ล่าสุดได้เปิดเว็บไซต์ www.reporter.co.th กับการเปิดตัวหนังสือพิมพ์ เดอะรีพอร์ตเตอร์ รายสัปดาห์โดยวางตลาดเล่มแรกไปแล้วเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ตลอดจนการเตรียมขอเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม NSS 6 ของเนเธอร์แลนด์ และไทยคม 3 เพื่อนำเสนอข่าวผ่านดาวเทียมช่องใหม่ของพลพรรคพิทักษ์ทักษิณ ถือเป็นความเคลื่อนไหวในศึกสื่อชนสื่อระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กับกลุ่มฝ่ายตรงข้าม โดยมีเป้าหมายเพื่อชนกับ สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หนึ่งในแกนนำโค่นระบอบทักษิณ ในลักษณะตาต่อตาฟันต่อฟันเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ได้มีการเตรียมเปิดตัว ช่อง เอ็มวีทีวี ผ่านดาวเทียม ไทยคม 5 ซึ่งจะเริ่มออกอากาศในวันนี้ ซึ่งมีรายการ สนทนาปัญหาบ้านเมือง ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช ผู้เชียร์ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ชนิดไม่ลืมหูลืมตา เป็นผู้ดำเนินรายการ ทุกวันเวลา 07.00- 08.30 น. ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมเป้นอีอาวุธหนึ่งที่จะมาปกป้องทักษิณจากระแสต่อต้านต่างๆ
ก่อนหน้านี้ นายสมัคร เองก็ไปจัดรายการทางวิทยุของอสมท ผ่านทางคลื่น 96.5 เอฟเอ็ม และคลื่น 100.5 เอฟเอ็ม แต่ออกลวดลายได้เพียงไม่กี่วันก็ต้องเก็บไมค์หนีแทบไม่ทัน เพราะถูกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจอสมท ออกมาคัดค้านว่า สมัครเป็นต้นเหตุหนึ่งของการสร้างความแตกแยกในสังคม ทำไม ผู้บริหารของอสมท ตึงอนุญาติให้มาจ้อทางคลื่นของอสมทได้อย่างไร จากนั้นก็เดินหน้าไปยังคลื่น 89.75 วิทยุชุมชน รายการ คุยปัญหา ภาษาสมัคร
ขณะที่พลพรรคพ.ต.ท.ทักษิณมีความเพียรอย่างยิ่งกับการเปิดสื่อใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อชิงฐานมวลชนกลุ่มต่อต้านทักษิณ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสารในด้านที่ตนเองต้องการ ที่เปิดตัวไปแล้วคือเว็บไซต์ Reporter กับหนังสือพิมพ์ เดอะ รีพอร์ตเตอร์ รายสัปดาห์ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้มีทั้งหมด 64 หน้าราคาขาย 15 บาท มีเนื้อหาทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ต่างประเทศ กีฬา และบันเทิง วางคอนเซปต์ว่า เป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร
เนื้อหาที่นำเสนอส่วนใหญ่จะเป็นการปกป้องการกระทำของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทักษิณ และดิสเครดิตข่าวของฝ่ายตรงกันข้าม ดังจะเห็นได้จาก ขณะที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็น ประชาชาติธุรกิจ มติชน ผู้จัดการ กรุงเทพธุรกิจ โพสต์ทูเดย์ พยายามขุดคุ้ย และตีแผ่ความไม่ชอบมาพากลของบริษัทกุหลาบแก้วว่าเป็นนอมินีของต่างชาติ แต่หนังสือพิมพ์ เดอะรีพอร์ตเตอร์ ฉบับแรกกลับเป็นฉบับเดียวที่นำเสนอในประเด็น “คลี่กลีบกุหลาบแก้ว สายเลือดไทยพันเปอร์เซ็นต์”
**มือสื่อร่วมวงการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนึ่งในผู้บริหารของ เดอะรีพอร์ตเตอร์ คือ นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ ซึ่งเขาคนนี้ถือได้ว่า เป็นหนึ่งในคณะทำงานของนายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยด้วย
นายทองเจือ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นรุ่นเดียวกับนายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ที่คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ทราฟฟิคกคอนเนอร์ จำกัด ประสบการณ์ของนายทองเจือนั้น ผ่านมาหลายแห่ง ทั้งที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐ กรุงเทพธุรกิจ ผู้จัดการ และบางกอกทูเดย์ของค่ายทราฟฟิก รวมทั้งการเป็นหนึ่งในทีมงานของ นายนิกร จำนง ในพรรคชาติไทย ทำให้นายทองเจือรู้จักกับนายเนวิน ชิดชอบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ได้ปิดตัวลง นายทองเจือก็ได้หาที่แห่งใหม่จนในที่สุดเขาก็ได้นำพาทีมงานเก่า มาเข้าร่วมงานกับทางหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ชื่อ “เดอะรีพอร์ตเตอร์” และหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อ “บางกอกนิวส์” ที่ตัวเองเป็นเจ้าของในนามของบริษัท เดอะรีพอร์ตเตอร์ จำกัด ซึ่งตั้งธงไว้ชัดเจนว่า จะเป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาล และโจมตีฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล
เมื่อวานนี้ ( 31 ส.ค.) ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้มีการประชุมของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ร่วมกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ และสมาคมวิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ประชุมหาแนวทางการทำหน้าที่สื่อมวลชน ในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งมีตัวแทนจากสื่อมวลชนเข้าร่วมประมาณ 35 คนจากสื่อมวลชนทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์
นางบัญญัติ ทัศนีย์เวช ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวเปิดการประชุม ซึ่งแสดงถึงความกังวลว่าขณะนี้มีปัญหาความแตกแยกของสังคมไทย จึงเห็นว่าสื่อมวลชนควรมีบทบาทในการทำหน้าที่อย่างไรเพื่อให้สังคมรับรู้ความจริงที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นได้เปิดให้ตัวแทนสื่อมวลชนแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายในประเด็นต่างๆ ดังนี้
นายจิระ ห้องสำเริง ผู้บริหารของสถานี ASTV กล่าวว่า ตอนนี้คนทำข่าวฟรีทีวี เริ่มทำงานด้วยความยากลำบาก มีการถูกบังคับไม่ให้นำเสนอในสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงของข่าว ล่าสุดได้มีหนังสือเวียนจากกรมประชาสัมพันธ์ถึงหน่วยงานของสื่อในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ ไม่ให้มีการนำเสนอข่าวที่มีความขัดแย้งกับรัฐ
นายก่อเขต จันทรเลิศลักษณ์ ที่ปรึกษาของสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย กล่าวว่าทางสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ควรมีการออกแถลงการณ์ เพื่ออธิบายให้สังคมได้รับทราบว่า สื่อจะยึดความถูกต้องและเป็นกลาง รวมถึงท่าทีของสื่อมวลชนจะทำอย่างไร เพื่อให้เกิดความชัดเจนในกลุ่มสื่อและรัฐบาลและสังคม และอยากให้อธิบายว่าความเป็นกลางและไม่เป็นกลางอย่างไรให้สังคมรับรู้ เพราะสื่อมวลชนตกเป็นเป้าในการวิจารณ์ว่าไม่มีความเป็นกลางในการทำงาน
นายเรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ ผู้บริหารของหนังสือพิมพ์มติชน กล่าวว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นเอง สื่อไม่ได้เป็นผู้ที่ทำให้เกิดขึ้น
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย กล่าวว่า สภาฯควรจะเดินสายไปพบกับผู้บริหารของหนังสือพิมพ์ ในประเด็นเรื่องความห่วงใยในสื่ออิเลคทรอนิกส์ที่ถูกปิดกั้น เพื่อให้สามารถนำเสนอข่าวได้รอบด้านและจะทำอย่างไรเพื่อลดแรงกดดันของผู้ทำสื่ออิเลคทรอนิกส์
นายวิทยา ตันฒสุทธิ์ ผู้บริหารของหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ปัญหาที่เกิดขึ้นสื่อไม่ได้เข้าไปร่วม แต่สื่อเป็นผู้ทำหน้าที่นำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สื่อนำเสนอความจริงให้สังคมได้รับทราบ และสื่อก็ไม่ควรเป็นผู้โน้มน้าว ประชาชนจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง วิธีเดียวที่สื่อจะทำได้คือรักษาสิ่งที่ดีที่สุดในสังคม คือการปกครองระบอบประชาธิปไตย
หลังจากนั้นก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งได้ข้อสรุปว่าจะมีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นชุดหนึ่งเพื่อร่างแถลงการณ์ ถึงความเป็นห่วงของสื่อที่มีต่อสถานการณ์ที่ส่อเค้าว่าจะรุนแรงขึ้น และจะนัดประชุมเพื่อแถลงข่าวอย่างทางการในวันจันทร์ที่ 4 กันยายนนี้ เวลา 13.30 น.ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ
**ยุทธศาสตร์ปั้นสื่อชนสื่อ
แหล่งข่าวจากพรรคไทยรักไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางพรรคได้นำกลยุทธ์แบบหนึ่งที่นักการเมืองพรรคไทยรักไทยจะทำการตอบโต้การที่ผู้นำรัฐบาลถูกวิพากษ์และรุกไล่ก็คือการจัดให้มีสื่อที่แสดงปฏิกิริยาย้อนกลับไป เช่น การจัดชุมนุมคนและการจัดกลุ่มเชียร์ เพื่อจะสื่อสารว่ามีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายต่อต้าน
แม้ว่าสื่อของรัฐทั้งที่เป็นวิทยุและโทรทัศน์ส่วนใหญ่มักถูกระบบการบริหารทำให้ต้องสนองนโยบายการสื่อสารในลักษณะที่ไม่เกิดผลลบต่อรัฐบาล คือ พยายามหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์บทบาทและนโยบายของแกนนำรัฐบาล แต่เพื่อตอบโต้กับกระแสข่าวเชิงลบที่เกิดจากการเปิดประเด็นความไม่ถูกต้อง หรือการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคุณธรรมที่ตรงข่ามกับแนวคิดและวิถีปฏิบัติของผู้นำรัฐบาล
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่าการเดินเกมรุกลงทุนปั้นสื่อแบบหลากหลายสนองความต้องการของแกนนำฝ่ายการเมือง รัฐบาลจึงเริ่มขึ้นซึ่งมีทั้งสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ โทรทัศน์ วิทยุ เว็บไซต์ และรายงานข่าวสั้นผ่านโทรศัพท์มือถือ (SMS) รวมทั้งสื่อหนังสือ
ล่าสุดได้เปิดเว็บไซต์ www.reporter.co.th กับการเปิดตัวหนังสือพิมพ์ เดอะรีพอร์ตเตอร์ รายสัปดาห์โดยวางตลาดเล่มแรกไปแล้วเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ตลอดจนการเตรียมขอเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม NSS 6 ของเนเธอร์แลนด์ และไทยคม 3 เพื่อนำเสนอข่าวผ่านดาวเทียมช่องใหม่ของพลพรรคพิทักษ์ทักษิณ ถือเป็นความเคลื่อนไหวในศึกสื่อชนสื่อระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กับกลุ่มฝ่ายตรงข้าม โดยมีเป้าหมายเพื่อชนกับ สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หนึ่งในแกนนำโค่นระบอบทักษิณ ในลักษณะตาต่อตาฟันต่อฟันเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ได้มีการเตรียมเปิดตัว ช่อง เอ็มวีทีวี ผ่านดาวเทียม ไทยคม 5 ซึ่งจะเริ่มออกอากาศในวันนี้ ซึ่งมีรายการ สนทนาปัญหาบ้านเมือง ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช ผู้เชียร์ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ชนิดไม่ลืมหูลืมตา เป็นผู้ดำเนินรายการ ทุกวันเวลา 07.00- 08.30 น. ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมเป้นอีอาวุธหนึ่งที่จะมาปกป้องทักษิณจากระแสต่อต้านต่างๆ
ก่อนหน้านี้ นายสมัคร เองก็ไปจัดรายการทางวิทยุของอสมท ผ่านทางคลื่น 96.5 เอฟเอ็ม และคลื่น 100.5 เอฟเอ็ม แต่ออกลวดลายได้เพียงไม่กี่วันก็ต้องเก็บไมค์หนีแทบไม่ทัน เพราะถูกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจอสมท ออกมาคัดค้านว่า สมัครเป็นต้นเหตุหนึ่งของการสร้างความแตกแยกในสังคม ทำไม ผู้บริหารของอสมท ตึงอนุญาติให้มาจ้อทางคลื่นของอสมทได้อย่างไร จากนั้นก็เดินหน้าไปยังคลื่น 89.75 วิทยุชุมชน รายการ คุยปัญหา ภาษาสมัคร
ขณะที่พลพรรคพ.ต.ท.ทักษิณมีความเพียรอย่างยิ่งกับการเปิดสื่อใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อชิงฐานมวลชนกลุ่มต่อต้านทักษิณ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสารในด้านที่ตนเองต้องการ ที่เปิดตัวไปแล้วคือเว็บไซต์ Reporter กับหนังสือพิมพ์ เดอะ รีพอร์ตเตอร์ รายสัปดาห์ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้มีทั้งหมด 64 หน้าราคาขาย 15 บาท มีเนื้อหาทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ต่างประเทศ กีฬา และบันเทิง วางคอนเซปต์ว่า เป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร
เนื้อหาที่นำเสนอส่วนใหญ่จะเป็นการปกป้องการกระทำของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทักษิณ และดิสเครดิตข่าวของฝ่ายตรงกันข้าม ดังจะเห็นได้จาก ขณะที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็น ประชาชาติธุรกิจ มติชน ผู้จัดการ กรุงเทพธุรกิจ โพสต์ทูเดย์ พยายามขุดคุ้ย และตีแผ่ความไม่ชอบมาพากลของบริษัทกุหลาบแก้วว่าเป็นนอมินีของต่างชาติ แต่หนังสือพิมพ์ เดอะรีพอร์ตเตอร์ ฉบับแรกกลับเป็นฉบับเดียวที่นำเสนอในประเด็น “คลี่กลีบกุหลาบแก้ว สายเลือดไทยพันเปอร์เซ็นต์”
**มือสื่อร่วมวงการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนึ่งในผู้บริหารของ เดอะรีพอร์ตเตอร์ คือ นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ ซึ่งเขาคนนี้ถือได้ว่า เป็นหนึ่งในคณะทำงานของนายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยด้วย
นายทองเจือ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นรุ่นเดียวกับนายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ที่คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ทราฟฟิคกคอนเนอร์ จำกัด ประสบการณ์ของนายทองเจือนั้น ผ่านมาหลายแห่ง ทั้งที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐ กรุงเทพธุรกิจ ผู้จัดการ และบางกอกทูเดย์ของค่ายทราฟฟิก รวมทั้งการเป็นหนึ่งในทีมงานของ นายนิกร จำนง ในพรรคชาติไทย ทำให้นายทองเจือรู้จักกับนายเนวิน ชิดชอบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ได้ปิดตัวลง นายทองเจือก็ได้หาที่แห่งใหม่จนในที่สุดเขาก็ได้นำพาทีมงานเก่า มาเข้าร่วมงานกับทางหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ชื่อ “เดอะรีพอร์ตเตอร์” และหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อ “บางกอกนิวส์” ที่ตัวเองเป็นเจ้าของในนามของบริษัท เดอะรีพอร์ตเตอร์ จำกัด ซึ่งตั้งธงไว้ชัดเจนว่า จะเป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาล และโจมตีฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล