การโกหก การหลอกลวงทางการเมือง การพยายามสร้างตัวเองให้เป็นพระเจ้า เป็นความชั่วสาหัสสากรรจ์ของนักการเมืองไทยนำมาใช้กันไม่ได้หยุดของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ผ่านมา
เมืองไทยปีนี้เป็นปีที่มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นชนิดที่ตามไม่ทันมากมายหลายเรื่อง นอกจากการคอร์รัปชันและปล้นบ้านกินเมืองแข่งขันกันอย่างไม่มียอมรามือแล้ว ยังพยายามสร้างนิยายน้ำเน่ามาเป็นเวลาแรมปี ซึ่งดูเหมือนว่ามันกำลังจะจบ แต่ไม่รู้ว่ามันจะจบลงได้อย่างไร ไม่มีใครรู้ว่าตนเองเป็นคนโง่หรือเป็นคนฉลาด ก็ทำไปตามที่คิดเอาเองตามความพอใจของตัวเอง!
ตอนนี้มีนิยายโกหกที่ทั้งโง่เขลาและสกปรกหลายเรื่อง ไม่รู้ว่าพยายามสร้างพยายามทำขึ้นมานั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง เพราะพิจารณาดูแล้วเห็นแต่เพียงว่าคนไทยเราทุกวันนี้ที่มีอำนาจวาสนากินบ้านกินเมืองนั้น มันมีแต่พวกกเฬวรากโง่เขลาเกิดขึ้นไม่ได้ขาด และความโง่อหังการของคนประเภทนี้ก็ทำระยำต่ำช้าซ้ำๆ ซากๆ ไม่เคยเปลี่ยน!!
ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเรื่องบัดซบสกปรกมีอยู่ 3 เรื่องที่คนไทยทั่วทั้งประเทศ และรายงานในหนังสือพิมพ์ทั่วโลกพากันลงข่าวพาดหัวงุนงงกันทั่วไป ซึ่งพอที่จะนำมาบันทึกกันไว้ที่นี่ด้วย เพราะวันหนึ่งข้างหน้าจะเป็นประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่สกปรกของไทยซึ่งทำขึ้นโดยนักการเมืองไทยที่โง่เขลาและบัดซบที่สุดกลุ่มหนึ่งของชาติในปัจจุบัน
เรื่องแรกที่ควรจะฟังก่อนคือเรื่องการพยายามใส่ร้ายป้ายสีหรือสร้างภาพสกปรกเพื่อทำลายพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และการรวมตัวของชาวบ้านกลุ่มหนึ่งพากันเดินขบวนมาที่หน้าบ้านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ในตอนเช้ามืดของวันหนึ่งในเดือนสิงหาคม เพื่อเป็นการบอกกล่าวกับประชาชนทุกคนให้รู้ว่าการที่พวกเขาพากันลงทุนลงแรงมาเพื่อขอร้องให้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ยุติการฆ่านายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ผู้มั่งคั่งร่วมกับนายทหารทั้ง 4 ที่กำลังร่วมงานด้านการวางระเบิดอยู่ไม่ห่างจากคฤหาสน์อันมโหฬารของเขาเป็นอมตะมหานิยายที่อัศจรรย์อย่างยิ่ง
และที่แปลกมหัศจรรย์ที่สุดนั้น ก็อยู่ที่ว่าชีวิตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นอย่างไรหรือไม่เป็นนั้นทำไมจะต้องเป็นเรื่องที่คนในอยุธยาและอุทัยธานีสองจังหวัดจะต้องมาเดือดร้อนเพียงแต่ได้กินเหล้าจอกสองจอก และได้รับค่าจ้างคนละ 200 บาทเท่านั้นหรือ
ประชาชนที่เป็นนักประท้วงครั้งแรกหรือครั้งสุดท้ายในชีวิตนั้น แหล่งข่าวยืนยันว่าเป็นชาวไร่ชาวนาและคนไม่มีจะกินในชนบทที่จังหวัดอยุธยาและอุทัยธานี ซึ่งไม่ว่า อบต.หรือกำนันผู้ใหญ่จนกระทั่งถึงเจ้าบ้านผ่านเมืองใน 2 จังหวัดนั้น ไม่ทราบเรื่องราวอะไรเลยเกี่ยวกับนายกฯ ทักษิณเจ้านายเหนือหัวของมันจะถูกพลเอกเปรม ติณสูลานนท์สั่งฆ่า และเงินที่นำมาจ่ายเป็นค่ารถค่าน้ำมันมาจากไหน แต่ก็มีการขนมาโดยรถบัสขนาดใหญ่และที่บอกเล่าก็คือประชาชนกลุ่มนี้ถูกนำมาเที่ยวให้พักค้างคืนที่สนามเสือป่า ซึ่งจะมีเหล้ายาปลาปิ้งและอาหารการกินแจกกันจนกระทั่งหลับรอเวลาที่จะเดินทางมาที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พร้อมด้วยป้ายประกาศใส่ร้ายพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ซึ่งเขียนกันด้วยผ้าขาวขนาดใหญ่อ้อนวอนพลเอกเปรมเพื่อยืนยันให้ประชาชนเชื่อว่าคนที่จะสั่งฆ่านายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นั้นคือท่านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ด้วยข้อความว่า “ขอชีวิตนายกรัฐมนตรีทักษิณ” หรือข้อความอื่นๆ ที่มีความหมายเหมือนกันก็คืออย่าฆ่าเลยอะไรทำนองนั้น ซึ่งเป็นการประท้วงที่บัดซบที่สุด และการพยายามใส่ร้ายป้ายสีที่เลวชาติของกลุ่มนักฆ่าของนายกรัฐมนตรีด้วยข้อความสกปรก
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นผู้สูงอายุที่เรียกว่าเป็นคนอยู่ในศีลกินในธรรมประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งที่สำคัญที่สุดที่ใครจะล่วงละเมิดง่ายๆ ตามความพอใจตัวเองไม่ได้ เพราะพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ยังอยู่ในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การให้ร้ายหรือความคิดที่ใครจะทำกับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ก็เท่ากับการละเมิดหรือมีเจตนาร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ดีๆ นี่เอง แต่คนพวกนี้ก็ร่วมมือร่วมใจกระทำกันอย่างเปิดเผยและท้าทาย
แต่เรื่องยังจบลงไม่ได้เพราะกำลังสร้างหลักฐานปรักปรำผู้ที่ถูกกล่าวหากันอยู่อย่างขะมักเขม้น เพื่อทำให้เรื่องหน้าดูและคล้ายความเป็นจริงขึ้น กำลังได้รับการหลับหูหลับตาปรับปรุงแก้ไขกันอยู่ ซึ่งมีคนเชื่อกันว่ายังไงเสีย เรื่องก็จะไม่มีวันจบลงได้ เพราะมันเกิดจากการโกหกยกเมฆของฝ่ายหนึ่ง และอีกหลายฝ่ายกำลังติดตามหาความจริงกันอยู่อย่างกัดไม่ปล่อยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ยังไม่กระจ่างออกมา มันก็จะวุ่นวายและขัดแย้งกันอีกต่อไป ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะการโกหกหลอกลวงมันก็คือการโกหกหลอกลวง มันจะจบเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
เรื่องที่สามารถจะยืนยันได้ก็คือปัญหาทางการเงินในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าพรรคไทยรักไทยยังมีอยู่และส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นที่เชื่อได้ตั้งแต่วันนี้ ถ้าหากพรรคไทยรักไทยหรือพรรคการเมืองที่มีชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวข้องอยู่ในรูปไหน หัวหน้าพรรคจะต้องซื้อพรรค ผู้ซื้อพรรคจะต้องซื้อคนหรือซื้อนักการเมืองหรืออะไรก็แล้วแต่ที่นายทักษิณเกี่ยวข้องอยู่แล้ว ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะหลีกเลี่ยงไม่พ้น
เพราะการที่พรรคไทยรักไทยหรือรัฐบาลนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้กระทำอนันตริยกรรมทางการเมือง ซึ่งเป็นพรรคการเมืองชนิดที่เรียกว่าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ มันจะต้องมีการใช้หนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง
แม้ว่านายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มีเงินมากมายเป็นหมื่นล้านบาท
จากความสกปรกและความชั่วร้ายต่างๆ ที่มันเกิดในบ้านเมือง ทำให้เกิดเรื่องบัดซบที่ที่เราเห็นกันอยู่นั้น แน่นอนที่สุดก็คือการพยายามที่จะขุดเอาความดีขึ้นมาเหยียบย่ำทำลายและฝังความดีของคนลงนรกไป เพื่อให้เป็นข่าวอึกทึกครึกโครมอย่างที่เราทำกันอยู่ในกรณีของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นั่นเป็นตัวอย่างของการทำลายประเทศชาติและสังคม ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อผู้คนและในสังคมซึ่งทำให้ทุกคนทุกฝ่ายหาทางแก้ไขให้มันวุ่นวายต่อไป โดยหาทางออกกันไม่ได้อย่างกรณีความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรกับประชาชนที่ไม่ยอมมอบกายถวายชีวิตให้แก่นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และคณะรัฐบาลคอร์รัปชันของเขา ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยหรือประวัติศาสตร์การเมืองของโลกที่มีความขัดแย้งถึงกับระดมกำลังตำรวจ ทหาร เข้าซ่องสุมเพื่อช่วยกันเหยียบขยี้ใครก็ตามที่ไม่เห็นด้วยกับตนและพวก
ซึ่งเมื่อมาถึงวันนี้ เราได้ลงมือทำลายประเทศชาติประชาชนขั้นรุนแรงหนักยิ่งขึ้นไปอีก มีการพยายามใช้อำนาจที่ไม่เคยมีใครใช้มาก่อน นั่นคือการห้ามไม่ให้ประชาชนออกความเห็นที่เป็นที่ระคายหูหรือเป็นปฏิปักษ์นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และห้ามประชาชนไม่ให้ยกหัวขึ้นเสมอฝ่าตีนของนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร โดยร่วมชุมนุมวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเป็นอันขาด โดยถือว่ารัฐบาลชั่วชาตินี้เป็นพระเจ้าของพวกมัน
หนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ” พาดหัวข่าวขนาดเขื่องว่า “มท. 1 ขู่จะจับพวกด่ารัฐบาล” ซึ่งมีรายละเอียดว่า “กรณีที่พันธมิตรฯ ออกมาโจมตีรัฐบาลและนายกฯ นั้น ถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งตามมาตรา 40 และมาตรา 44 เป็นการลดความน่าเชื่อถือของบุคคลและพรรคการเมือง” (ไทยรัฐ 30 สิงหาคม 2549)
ผมไม่ทราบว่า ในประเทศที่ประกาศตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตยที่มีการเปิดเผยการทำลายระบอบประชาธิปไตยของประชาชนชนิดหน้าด้าน โดยข้อความทำนองนี้ระบอบประชาธิปไตยทั่วโลกนั้น ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะพูดวิพากษ์วิจารณ์คนที่เป็นรัฐบาลหรือนักการเมืองปกครองประเทศ แต่ในประเทศถือว่าเป็นความผิดที่จะต้องเข้าคุกเข้าตะรางไป โดยการอ้างกฎหมายที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาอ้างเพราะกฎหมายที่ว่านั้นไม่มีอำนาจที่จะเอามาใช้
ผมไม่ค่อยจะรู้จักคนในรัฐบาลนี้มากนัก จึงไม่สามารถจะเข้าใจความวิปริตแปรปรวนของรัฐมนตรีมหาดไทยซึ่งไม่รู้ว่าไปเรียนวิชาการปกครองมาจากไหนที่บังอาจประกาศว่า การที่ใครไม่พอใจรัฐบาลหรือผู้ปกครองชั่วร้ายคนใดคนหนึ่งในคณะรัฐบาลเผด็จการอุบาทว์ของเราที่คนไทยทุกคนก็เป็นเจ้าของชาติ รู้กันดีว่าเราจะช่วยกันสร้างกันรักษาประเทศชาติอย่างไร เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าของประเทศทุกคนนั่งอมสากอยู่โดยทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน และดูเหมือนจะไม่มียางอายที่น่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้
มันไม่มีอะไรผิด ถ้าได้รับการศึกษาหรือมียางอายกว่านี้สักนิด
ไม่ว่าจะเป็นระเบียบประเพณีหรือวิธีการที่ทำกันอยู่ในปัจจุบันนี้
แต่กลับเป็นผีที่ไม่ผิดกับเด็กอมมือทางการเมืองที่จับพลัดจับผลูมีอำนาจขึ้นมาเฝ้าฝ่าเท้าของเผด็จการชนิดเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ จะทำให้ระบบการเมืองของเราเสื่อมหนักลงไปอีก
สังคมไทยทุกวันนี้ตื่นขึ้นมาแล้ว และพร้อมที่จะตื่นขึ้นทั่วทั้งประเทศ เพราะการชุมนุมที่จะจับกุมลงโทษพวกเขาอย่างที่ต้องการนั้น ผมอยากจะขอบอกว่าแม้แต่ที่โคราชซึ่งถือกันว่าโคราชเป็นเมืองหมู หรือเมืองที่คนโง่เหมือนหมูนั้นมันไม่มีแล้ว
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมเดินทางไปโคราชเพื่อสังเกตการชุมนุมของประชาชนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยท่านประสงค์ สุ่นศิริ ที่ได้ร่วมกันอภิปรายเรื่องการเมืองไทยอย่างไม่แคร์ต่อกฎหมายฉบับใดที่ใครคิดว่าการเป็นรัฐบาลสกปรกนั้นจะมีคนกลัวเกรง
ไม่เลยครับ เขาด่ากันออกมาอย่างสนุกสนานครึกครื้นกันเลยทีเดียว
แน่นอน แม้แต่ในโคราชทุกวันนี้หมูโคราชที่ว่านั้นก็ไม่มีแล้ว!!
เมืองไทยปีนี้เป็นปีที่มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นชนิดที่ตามไม่ทันมากมายหลายเรื่อง นอกจากการคอร์รัปชันและปล้นบ้านกินเมืองแข่งขันกันอย่างไม่มียอมรามือแล้ว ยังพยายามสร้างนิยายน้ำเน่ามาเป็นเวลาแรมปี ซึ่งดูเหมือนว่ามันกำลังจะจบ แต่ไม่รู้ว่ามันจะจบลงได้อย่างไร ไม่มีใครรู้ว่าตนเองเป็นคนโง่หรือเป็นคนฉลาด ก็ทำไปตามที่คิดเอาเองตามความพอใจของตัวเอง!
ตอนนี้มีนิยายโกหกที่ทั้งโง่เขลาและสกปรกหลายเรื่อง ไม่รู้ว่าพยายามสร้างพยายามทำขึ้นมานั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง เพราะพิจารณาดูแล้วเห็นแต่เพียงว่าคนไทยเราทุกวันนี้ที่มีอำนาจวาสนากินบ้านกินเมืองนั้น มันมีแต่พวกกเฬวรากโง่เขลาเกิดขึ้นไม่ได้ขาด และความโง่อหังการของคนประเภทนี้ก็ทำระยำต่ำช้าซ้ำๆ ซากๆ ไม่เคยเปลี่ยน!!
ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเรื่องบัดซบสกปรกมีอยู่ 3 เรื่องที่คนไทยทั่วทั้งประเทศ และรายงานในหนังสือพิมพ์ทั่วโลกพากันลงข่าวพาดหัวงุนงงกันทั่วไป ซึ่งพอที่จะนำมาบันทึกกันไว้ที่นี่ด้วย เพราะวันหนึ่งข้างหน้าจะเป็นประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่สกปรกของไทยซึ่งทำขึ้นโดยนักการเมืองไทยที่โง่เขลาและบัดซบที่สุดกลุ่มหนึ่งของชาติในปัจจุบัน
เรื่องแรกที่ควรจะฟังก่อนคือเรื่องการพยายามใส่ร้ายป้ายสีหรือสร้างภาพสกปรกเพื่อทำลายพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และการรวมตัวของชาวบ้านกลุ่มหนึ่งพากันเดินขบวนมาที่หน้าบ้านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ในตอนเช้ามืดของวันหนึ่งในเดือนสิงหาคม เพื่อเป็นการบอกกล่าวกับประชาชนทุกคนให้รู้ว่าการที่พวกเขาพากันลงทุนลงแรงมาเพื่อขอร้องให้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ยุติการฆ่านายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ผู้มั่งคั่งร่วมกับนายทหารทั้ง 4 ที่กำลังร่วมงานด้านการวางระเบิดอยู่ไม่ห่างจากคฤหาสน์อันมโหฬารของเขาเป็นอมตะมหานิยายที่อัศจรรย์อย่างยิ่ง
และที่แปลกมหัศจรรย์ที่สุดนั้น ก็อยู่ที่ว่าชีวิตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นอย่างไรหรือไม่เป็นนั้นทำไมจะต้องเป็นเรื่องที่คนในอยุธยาและอุทัยธานีสองจังหวัดจะต้องมาเดือดร้อนเพียงแต่ได้กินเหล้าจอกสองจอก และได้รับค่าจ้างคนละ 200 บาทเท่านั้นหรือ
ประชาชนที่เป็นนักประท้วงครั้งแรกหรือครั้งสุดท้ายในชีวิตนั้น แหล่งข่าวยืนยันว่าเป็นชาวไร่ชาวนาและคนไม่มีจะกินในชนบทที่จังหวัดอยุธยาและอุทัยธานี ซึ่งไม่ว่า อบต.หรือกำนันผู้ใหญ่จนกระทั่งถึงเจ้าบ้านผ่านเมืองใน 2 จังหวัดนั้น ไม่ทราบเรื่องราวอะไรเลยเกี่ยวกับนายกฯ ทักษิณเจ้านายเหนือหัวของมันจะถูกพลเอกเปรม ติณสูลานนท์สั่งฆ่า และเงินที่นำมาจ่ายเป็นค่ารถค่าน้ำมันมาจากไหน แต่ก็มีการขนมาโดยรถบัสขนาดใหญ่และที่บอกเล่าก็คือประชาชนกลุ่มนี้ถูกนำมาเที่ยวให้พักค้างคืนที่สนามเสือป่า ซึ่งจะมีเหล้ายาปลาปิ้งและอาหารการกินแจกกันจนกระทั่งหลับรอเวลาที่จะเดินทางมาที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พร้อมด้วยป้ายประกาศใส่ร้ายพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ซึ่งเขียนกันด้วยผ้าขาวขนาดใหญ่อ้อนวอนพลเอกเปรมเพื่อยืนยันให้ประชาชนเชื่อว่าคนที่จะสั่งฆ่านายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นั้นคือท่านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ด้วยข้อความว่า “ขอชีวิตนายกรัฐมนตรีทักษิณ” หรือข้อความอื่นๆ ที่มีความหมายเหมือนกันก็คืออย่าฆ่าเลยอะไรทำนองนั้น ซึ่งเป็นการประท้วงที่บัดซบที่สุด และการพยายามใส่ร้ายป้ายสีที่เลวชาติของกลุ่มนักฆ่าของนายกรัฐมนตรีด้วยข้อความสกปรก
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นผู้สูงอายุที่เรียกว่าเป็นคนอยู่ในศีลกินในธรรมประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งที่สำคัญที่สุดที่ใครจะล่วงละเมิดง่ายๆ ตามความพอใจตัวเองไม่ได้ เพราะพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ยังอยู่ในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การให้ร้ายหรือความคิดที่ใครจะทำกับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ก็เท่ากับการละเมิดหรือมีเจตนาร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ดีๆ นี่เอง แต่คนพวกนี้ก็ร่วมมือร่วมใจกระทำกันอย่างเปิดเผยและท้าทาย
แต่เรื่องยังจบลงไม่ได้เพราะกำลังสร้างหลักฐานปรักปรำผู้ที่ถูกกล่าวหากันอยู่อย่างขะมักเขม้น เพื่อทำให้เรื่องหน้าดูและคล้ายความเป็นจริงขึ้น กำลังได้รับการหลับหูหลับตาปรับปรุงแก้ไขกันอยู่ ซึ่งมีคนเชื่อกันว่ายังไงเสีย เรื่องก็จะไม่มีวันจบลงได้ เพราะมันเกิดจากการโกหกยกเมฆของฝ่ายหนึ่ง และอีกหลายฝ่ายกำลังติดตามหาความจริงกันอยู่อย่างกัดไม่ปล่อยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ยังไม่กระจ่างออกมา มันก็จะวุ่นวายและขัดแย้งกันอีกต่อไป ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะการโกหกหลอกลวงมันก็คือการโกหกหลอกลวง มันจะจบเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
เรื่องที่สามารถจะยืนยันได้ก็คือปัญหาทางการเงินในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าพรรคไทยรักไทยยังมีอยู่และส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นที่เชื่อได้ตั้งแต่วันนี้ ถ้าหากพรรคไทยรักไทยหรือพรรคการเมืองที่มีชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวข้องอยู่ในรูปไหน หัวหน้าพรรคจะต้องซื้อพรรค ผู้ซื้อพรรคจะต้องซื้อคนหรือซื้อนักการเมืองหรืออะไรก็แล้วแต่ที่นายทักษิณเกี่ยวข้องอยู่แล้ว ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะหลีกเลี่ยงไม่พ้น
เพราะการที่พรรคไทยรักไทยหรือรัฐบาลนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้กระทำอนันตริยกรรมทางการเมือง ซึ่งเป็นพรรคการเมืองชนิดที่เรียกว่าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ มันจะต้องมีการใช้หนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง
แม้ว่านายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มีเงินมากมายเป็นหมื่นล้านบาท
จากความสกปรกและความชั่วร้ายต่างๆ ที่มันเกิดในบ้านเมือง ทำให้เกิดเรื่องบัดซบที่ที่เราเห็นกันอยู่นั้น แน่นอนที่สุดก็คือการพยายามที่จะขุดเอาความดีขึ้นมาเหยียบย่ำทำลายและฝังความดีของคนลงนรกไป เพื่อให้เป็นข่าวอึกทึกครึกโครมอย่างที่เราทำกันอยู่ในกรณีของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นั่นเป็นตัวอย่างของการทำลายประเทศชาติและสังคม ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อผู้คนและในสังคมซึ่งทำให้ทุกคนทุกฝ่ายหาทางแก้ไขให้มันวุ่นวายต่อไป โดยหาทางออกกันไม่ได้อย่างกรณีความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรกับประชาชนที่ไม่ยอมมอบกายถวายชีวิตให้แก่นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และคณะรัฐบาลคอร์รัปชันของเขา ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยหรือประวัติศาสตร์การเมืองของโลกที่มีความขัดแย้งถึงกับระดมกำลังตำรวจ ทหาร เข้าซ่องสุมเพื่อช่วยกันเหยียบขยี้ใครก็ตามที่ไม่เห็นด้วยกับตนและพวก
ซึ่งเมื่อมาถึงวันนี้ เราได้ลงมือทำลายประเทศชาติประชาชนขั้นรุนแรงหนักยิ่งขึ้นไปอีก มีการพยายามใช้อำนาจที่ไม่เคยมีใครใช้มาก่อน นั่นคือการห้ามไม่ให้ประชาชนออกความเห็นที่เป็นที่ระคายหูหรือเป็นปฏิปักษ์นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และห้ามประชาชนไม่ให้ยกหัวขึ้นเสมอฝ่าตีนของนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร โดยร่วมชุมนุมวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเป็นอันขาด โดยถือว่ารัฐบาลชั่วชาตินี้เป็นพระเจ้าของพวกมัน
หนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ” พาดหัวข่าวขนาดเขื่องว่า “มท. 1 ขู่จะจับพวกด่ารัฐบาล” ซึ่งมีรายละเอียดว่า “กรณีที่พันธมิตรฯ ออกมาโจมตีรัฐบาลและนายกฯ นั้น ถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งตามมาตรา 40 และมาตรา 44 เป็นการลดความน่าเชื่อถือของบุคคลและพรรคการเมือง” (ไทยรัฐ 30 สิงหาคม 2549)
ผมไม่ทราบว่า ในประเทศที่ประกาศตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตยที่มีการเปิดเผยการทำลายระบอบประชาธิปไตยของประชาชนชนิดหน้าด้าน โดยข้อความทำนองนี้ระบอบประชาธิปไตยทั่วโลกนั้น ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะพูดวิพากษ์วิจารณ์คนที่เป็นรัฐบาลหรือนักการเมืองปกครองประเทศ แต่ในประเทศถือว่าเป็นความผิดที่จะต้องเข้าคุกเข้าตะรางไป โดยการอ้างกฎหมายที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาอ้างเพราะกฎหมายที่ว่านั้นไม่มีอำนาจที่จะเอามาใช้
ผมไม่ค่อยจะรู้จักคนในรัฐบาลนี้มากนัก จึงไม่สามารถจะเข้าใจความวิปริตแปรปรวนของรัฐมนตรีมหาดไทยซึ่งไม่รู้ว่าไปเรียนวิชาการปกครองมาจากไหนที่บังอาจประกาศว่า การที่ใครไม่พอใจรัฐบาลหรือผู้ปกครองชั่วร้ายคนใดคนหนึ่งในคณะรัฐบาลเผด็จการอุบาทว์ของเราที่คนไทยทุกคนก็เป็นเจ้าของชาติ รู้กันดีว่าเราจะช่วยกันสร้างกันรักษาประเทศชาติอย่างไร เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าของประเทศทุกคนนั่งอมสากอยู่โดยทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน และดูเหมือนจะไม่มียางอายที่น่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้
มันไม่มีอะไรผิด ถ้าได้รับการศึกษาหรือมียางอายกว่านี้สักนิด
ไม่ว่าจะเป็นระเบียบประเพณีหรือวิธีการที่ทำกันอยู่ในปัจจุบันนี้
แต่กลับเป็นผีที่ไม่ผิดกับเด็กอมมือทางการเมืองที่จับพลัดจับผลูมีอำนาจขึ้นมาเฝ้าฝ่าเท้าของเผด็จการชนิดเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ จะทำให้ระบบการเมืองของเราเสื่อมหนักลงไปอีก
สังคมไทยทุกวันนี้ตื่นขึ้นมาแล้ว และพร้อมที่จะตื่นขึ้นทั่วทั้งประเทศ เพราะการชุมนุมที่จะจับกุมลงโทษพวกเขาอย่างที่ต้องการนั้น ผมอยากจะขอบอกว่าแม้แต่ที่โคราชซึ่งถือกันว่าโคราชเป็นเมืองหมู หรือเมืองที่คนโง่เหมือนหมูนั้นมันไม่มีแล้ว
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมเดินทางไปโคราชเพื่อสังเกตการชุมนุมของประชาชนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยท่านประสงค์ สุ่นศิริ ที่ได้ร่วมกันอภิปรายเรื่องการเมืองไทยอย่างไม่แคร์ต่อกฎหมายฉบับใดที่ใครคิดว่าการเป็นรัฐบาลสกปรกนั้นจะมีคนกลัวเกรง
ไม่เลยครับ เขาด่ากันออกมาอย่างสนุกสนานครึกครื้นกันเลยทีเดียว
แน่นอน แม้แต่ในโคราชทุกวันนี้หมูโคราชที่ว่านั้นก็ไม่มีแล้ว!!