xs
xsm
sm
md
lg

โภคีธรา, นครวัด, เสียมเรียบและการชี้ทางสวรรค์ของหมอประเวศ

เผยแพร่:   โดย: สำราญ รอดเพชร

See Angor Wat , and die.

เห็นนครวัด แล้วตายได้

ประโยคประวัติศาสตร์ จากปากนักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ "อาร์โนลด์ ทอยน์บี" เป็นแรงจูงใจให้ใครต่อใครทั่วโลกต้องเดินทางไปเมืองเสียมเรียบ หรือเสียมราฐ แห่งกัมพูชา

ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา ผมพาตัวเองไปตามคำเชิญของ คุณอ๊อด - สุภชัย วีระภุชงค์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยนครพัฒนา เนื่องในโอกาส..แถลงข่าวเปิดตัวสนามกอล์ฟโภคีธรา คันทรี คลับ

ไปพร้อมกับสื่อมวลชนคณะใหญ่ ตั้งแต่รุ่นใหญ่อย่าง คุณพี่ซูม, ไต้ฝุ่น, พญาไม้, สันติ เศวตวิมล, ตรีศูล, อัชชา สุวรรณปากแพรก ผอ. ไอทีวี ฯลฯ และรุ่นกลาง รุ่นน้องๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สื่อข่าวสายกีฬา และ 70 เปอร์เซ็นต์ พาถุงกอล์ฟไปด้วย

รวมทั้งผมที่ถูกแซวจากเพื่อนพ้องน้องพี่ในเครือผู้จัดการว่า... บ้านเมืองกำลังคาร์บอมบ์ คาร์บ๊องกันอยู่ จะได้เสียกันแบบเห็นๆ หนีไป เสพสุขได้ยังไง...?

พวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วผมมันหนักไปทางพวก "สุขนิยม" ยิ่งกว่านั้นอายุเริ่มต้นเลข 5 ทำข่าวมาเกือบจะครบ 30 ปีแล้ว แต่ไม่เคยได้ไปสัมผัสนครวัด นครธมเลยแม้แต่ครั้งเดียว...

ในชีวิตผมเดินทางไปทำข่าวในกัมพูชาแค่ 4 ครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อ ปี 2538 หรือสิบปีที่แล้ว ครั้งนั้นติดสอยห้อยตามนายทหารท่านหนึ่ง ซึ่งพกภารกิจไปติดตาม "หลานชายพลเอก" คนหนึ่ง ที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพระตะบองพร้อมกับกลุ่มของนายพรชัย สิงหเสมานนท์ หรือ พรชัย เสมาฟ้าคราม...

ทางการเขมรจับนายพรชัยกับคณะในข้อหาแชร์ลูกโซ่ต้มตุ๋น....

ครั้งนั้น เราเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปชายแดน นั่งรถผ่านปอตเปต ศรีโสภณ (บันเตียเมนเจย) และเข้าพระตะบอง ด้วยความทุลักทุเลระทึกขวัญใช้เวลาครึ่งค่อนวัน

แต่วันนี้จากสนามบินดอนเมือง ผมไปถึงสนามบินเสียมเรียบโดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์สด้วยเวลาเพียง 35 นาที และนั่งรถอีก 20 นาทีก็ถึงโรงแรมโซฟิเทล โภคีธรา อังกอร์ กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท ซึ่งเป็นโรงแรมห้าดาวขนาด 238 ห้อง ในเครือบริษัทไทยนครพัฒนา

จากโรงแรมโซฟิเทลฯ เพียง 8 ก.ม.ก็ถึงสนามกอล์ฟโภคีธรา กอล์ฟ คันทรี คลับ และจากโรงแรมใช้เวลาเพียง 10 นาที ก็ถึงปราสาทนครวัด

ประมาณว่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่หลั่งไหลไปเสียมเรียบโดยเป้าหมายหลักอยู่ที่ปราสาทนครวัด ปีละ 1 ล้านคน จึงไม่น่าแปลกใจ ที่เมืองเล็กๆ อย่างเสียมเรียบจะมีโรงแรมผุดโผล่ให้เลือกใช้บริการมาก ถึง 100 กว่าโรง 10,000 กว่าห้องพัก

และก็เข้าใจได้ทันทีว่า ทำไมกลุ่มบริษัท ไทยนครพัฒนา ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมโซฟิเทลฯ (และเจ้าของโรงแรมรอยัลพนมเปญ ที่พลอยถูกเผาไปพร้อมสถานทูตไทย เมื่อปี 2546) ถึงได้ซุ่มเงียบลงทุนทำสนามกอล์ฟพันล้าน...

ชมร้อยพันปราสาท และตีกอล์ฟที่สนามโภคีธรา โดยมิพักต้องพูดถึง "บัคคารา" ในบ่อนพนันที่พรมแดนไทยกัมพูชา แค่นี้การท่องเที่ยวนี้ก็เรียบร้อยโรงเรียนเสียมเรียบ..

พูดถึงสนามกอล์ฟของคนไทยในเสียมเรียบสักนิด...

"Tee -Off 11 st cencury and finish the round back to 21 st Century"- ทีออฟหลุม 1 จากศตวรรษที่ 11 และกลับสู่ศตวรรษ ที่ 21 ที่หลุม 18 คือสโลแกนของสนามกอล์ฟโภคีธรา...

ที่เป็นดังนั้น ก็เพราะที่หลุม 1 ขณะสร้างสนามกอล์ฟได้ขุดพบสะพานโรโรสความยาว 32 เมตร สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 เป็นสะพานที่เชื่อมการเดินทางระหว่างเมืองพิมายกับเมืองนครวัด...

ผมไม่บังอาจบรรยายความประทับใจกับการเล่นกอล์ฟในสนามที่แปลว่า... แผ่นดินผืนน้ำของพญานาค เกรงว่าท่านผู้อ่านที่ไม่เล่นกอล์ฟจะหมั่นไส้เอาได้ง่ายๆ แต่อยากที่จะแสดงความชื่นชมคุณสุภชัย และครอบครัวไว้ตรงนี้ก็คือ... แน่มากที่ใช้บริการคนไทยเป็นผู้ออกแบบสนามแห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องแจ๊ค นิคคลอส, นิค ฟัลโด...

แต่ใช้ พล.ต.วีร์ยศ เพชรบัวศักดิ์ หรือ เสธ.โต นายทหารแห่งกองทัพไทย คนออกแบบสนามกอล์ฟ ทบ.เขาชะโงก, สนามกอล์ฟสุวรรณ นครชัยศรี... คนนั้น

งานนี้เสธ.โตพาคนไทยโกอินเตอร์เรื่องการออกแบบสนามกอล์ฟแน่นอน...

ผมอยู่ที่เสียมเรียบร่วม 3 วัน สารภาพว่าได้ชมนครธม นครวัด และตระเวนตะลอนเมืองเสียมเรียบอีกนิดหน่อย นอกนั้นหลุดโลกอยู่ในสนามกอล์ฟ...

แต่จะหลุดโลกยังไง ประสาคนข่าวก็ยังเมาท์กันกระจายเรื่องคาร์บอมบ์คาร์บ๊อง...ซึ่งหลายคนบอกว่า "ไม่เนียน"

คราวนี้ ท่านผู้อ่านบางคนอาจหมั่นไส้แอบถามอยู่ในใจว่า... ได้ตีกอล์ฟ ได้เห็นนครวัดแล้ว... ตายได้หรือยัง!?

แหม! ใจร้ายจัง..... ยังครับ... ผมยังไม่พร้อมจะตาย แม้จะได้เห็นนครวัดแล้ว....

อาจจะเป็นเพราะ เคยอ่าน เคยดูภาพ และเคยฟังเรื่องราวเกี่ยวกับนครวัดมาพอสมควร เมื่อไปสัมผัส และปีนป่ายไปถึงยอดปราสาท พบร่องรอยกาลเวลาบั่นทอนทำลายสิ่งมหัศจรรย์อายุเกือบ 900 ปีของโลกแห่งนี้ไปมากโข...

แต่ยืนยันด้วยความรู้สึกที่ไม่ต้องอธิบายความใดๆ ว่า... มีโอกาสควรไปสักครั้งเถอะครับ สำหรับผมปีหน้าฟ้าใหม่ตั้งใจจะพาลูกพาเมียไปเยี่ยมชมด้วย ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกตายตาไม่หลับ เพราะไปหนนี้ไม่มีสองเธอ...

เที่ยงวันจันทร์ (28) กลับถึงบ้าน... พุ่งเข้าใส่คอมพิวเตอร์ เปิด ดูข่าวทางอินเทอร์เน็ต ดูบางข่าวย้อนหลังด้วยความหิวกระหาย สลับกับแอบอ่านบทความตัวเองที่เขียนถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีทั้งชม ทั้งวิพากษ์โจมตี และชี้แนะ ร้องขอ...

ตกค่ำได้อ่านบทความชิ้นล่าสุดของคุณหมอประเวศ วะสี ที่ชื่อ "ฆาตกรรมทักษิณ : เรื่องจริงหรือสร้างสถานการณ์" ตอนท้ายคุณหมอเขียนว่า

"ทางออกจากโครงสร้างมรณะ" ด้วยสันติวิธี คือคุณทักษิณต้องตัดความกังวลด้วยประการทั้งปวง มีความกล้าหาญที่จะประกาศ 3 ข้อดังต่อไปนี้

(1) พูดว่า "ผมพอแล้ว" แล้ววางมือทางการเมืองทั้งหมดเด็ดขาดทันที

(2) ขอร้องให้ประชาชนผู้สนับสนุนตน จงร่วมมือสมัครสมานในการแก้ปัญหาประเทศด้วยสันติวิธีและสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

(3) จะออกไปทำงานด้านมนุษยธรรมแบบ บิลล์ เกตส์

ถ้าทำได้ดังนี้ จะเกิดความสงบร่วมเย็นทันที ทั้งตัวคุณทักษิณ และประเทศ

ถ้าไม่ทำคงหนีการนองเลือดไม่พ้น

ทั้งหมดที่กล่าวมาโดยสรุปก็คือ ประเทศจะพ้นจากการนองเลือดจากวิกฤตการณ์การเมืองอยู่ที่ทักษิณเสียสละ หรือเสียสละทักษิณ"

ผมอยากพูด อยากเขียนอย่างคุณหมอ แต่ถึงเขียนได้คิดได้อย่างที่คุณหมอแนะนำก็คงไม่มีน้ำหนัก ไม่ส่งผลสะเทือนได้มากเท่า-ต้องกราบ คุณหมอประเวศที่กล้าหาญ และชี้ทางสว่างทางสวรรค์ให้คุณทักษิณ

ไม่ได้เวอร์ครับ ได้ตีกอล์ฟที่สนามโภคีธรา ได้เห็นนครวัดที่เสียมเรียบ รู้สึกดี มีความสุขมากๆ ขนาดไหนก็ตาม ก็ยังไม่รู้สึกดีเท่ากับได้เห็น ความรัก ความหวังดี และความกล้าหาญของคุณหมอประเวศหนนี้

ครับ จากโภคีธรา นครวัด และเสียมเรียบ ในที่สุดก็ต้องกลับ สู่ความจริงในแผ่นดินแม่ที่มากไปด้วยคำกู่ตะโกน ชี้แนะ ร้องขอ แต่ก็ยังไม่มีคำตอบจากเขา... คนนั้น!!
กำลังโหลดความคิดเห็น