ปาหี่เรื่องลอบสังหาร ความจริงควรจะจบได้แล้ว แต่ยังคงใช้ความพยายามสร้างฉากใหม่เอามาเปลี่ยนฉากเก่าที่ฉายไปแล้ว และถูกจับโกหกได้ ทำให้ปาหี่เรื่องนี้ยิ่งทุเรศทุรังหนักหนาสาหัสขึ้นไปอีก จึงจำเป็นที่จะต้องกล่าวถึงเรื่องนี้ต่ออีกสักวันหนึ่ง
แต่ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับกองทัพไทย และครอบครัวของเหล่าทหารที่ถูกซุ่มวางระเบิดจนเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นับเป็นการสูญเสียบุคลากรชั้นพันเอกเป็นครั้งแรกในเหตุการณ์การก่อความไม่สงบชายแดนภาคใต้
มันเกิดขึ้นในขณะที่กลุ่มคนที่เป็นผู้สร้างสถานการณ์ไฟใต้ โดยการอุ้มฆ่าประชาชนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ถอนกำลังกลับกรุงเทพฯ และหัวโจกบางคนกำลังมาสนุกสนานกับปาหี่เรื่องลอบสังหารกันอยู่
ปล่อยให้เหล่าทหารของกองทัพต้องเผชิญศึกที่ทรุดหนักและต้องพลีชีพครั้งสำคัญไป!!!
เราขอย้ำว่า การจัดปาหี่เรื่องลอบสังหารนี้ มีวัตถุประสงค์สำคัญ 4 ประการ และเพียงแค่ 72 ชั่วโมง ก็ได้ขยายผลเพื่อไปสู่วัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว 3 ประการคือ การดิสเครดิตฝ่ายทหาร การป้ายสีความผิดให้กับผู้มีบารมี และการเตรียมการปราบปรามประชาชน
คงเหลือวัตถุประสงค์ข้อที่ 4 คือเรียกร้องความเห็นใจจากนานาชาติและประชาชนชาวไทย ซึ่งไม่ได้ผล เพราะต่างประเทศเขามีข้อมูลและฉลาดพอเพียง ที่เห็นร่องรอยและพิรุธของเรื่องปาหี่นี้ตั้งแต่วันแรกแล้ว ส่วนในประเทศสื่อมวลชนทุกสำนักก็ได้นำเสนอร่องรอยพิรุธจนผู้คนขำกลิ้งกันทั้งบ้านทั้งเมือง
แล้วเป็นผลทำให้ผู้คนในวงรัฐบาลและพรรคไทยรักไทย ตลอดจนฝ่ายตำรวจต้องออกมาปฏิเสธกันจ้าละหวั่นว่า “ไม่ได้จัดฉาก” “ไม่ได้จัดฉาก” “ไม่ได้จัดฉาก”!!!
เราจะชี้ให้เห็นถึงร่องรอยพิรุธและการสร้างฉากใหม่เพื่อไปเปลี่ยนกับฉากเก่าที่ฉายไปแล้วเพื่อบรรณาการแด่มวลมิตร เพื่อให้ได้หัวเราะให้ครึกครื้นขำกลิ้งกันยิ่งขึ้น
จุดที่หนึ่งผู้ต้องหารายนี้เป็นทหาร การสอบสวนจะต้องมีนายทหารพระธรรมนูญเข้าร่วมฟังตามข้อตกลงและระเบียบของทางราชการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและป้องกันการเสกสรรปั้นแต่งเรื่องป้ายผิดคนอื่น รวมทั้งป้องกันการใช้ทัณฑ์ทรมาน เพื่อให้ลงชื่อในบทละครที่เขียนขึ้น
แต่รายนี้ฝ่ายตำรวจไม่ยอมให้นายทหารพระธรรมนูญเข้าร่วมฟังตั้งแต่ตอนต้นจนถึงบัดนี้ ทั้งที่นายทหารพระธรรมนูญของ กอ.รมน. ไปขอฟังก็ไม่ยอมให้ฟัง แม้กองทัพบกส่งนายทหารพระธรรมนูญไปร่วมฟังก็ถูกไล่กลับมา
เมื่อผู้ต้องหาเป็นทหารการควบคุมตัว ก็ต้องให้ฝ่ายทหารควบคุม เมื่อตำรวจจะสอบสวนก็ต้องไปเบิกตัวออกมา แต่ตำรวจชิงมาคุมตัวเสียเองโดยตลอด และมีข่าวว่ามีการสอบสวนกันทั้งวันทั้งคืน แม้เวลาตีสอง ซึ่งเป็นการทรมานผู้ต้องหา และยังมีข่าวตามมาอีกว่า มีการไปยื่นข้อเสนอกับญาติผู้ต้องหาให้การซัดทอดคนอื่น แล้วจะกันเป็นพยาน ซึ่งผิดกฎหมายอย่างชัดเจน
เมื่อเป็นเช่นนี้จะแถลงจะพูดข้างเดียวอย่างไร จะขยายผลป้ายผิดไปถึงไหน ก็ทำได้ตามใจชอบ!!!
จุดที่สองมีการปล่อยข่าวจากฝ่ายตำรวจเป็นระยะๆ ประสานเสียงกับฝ่ายรัฐบาลมุ่งเป้าไปที่การดิสเครดิตทหารอย่างอำมหิต เช่น ให้ข่าวว่าผู้บงการสังหารมียศพลเอกบ้าง พลตรีบ้าง พันเอกบ้าง ทั้งในราชการและนอกราชการ เป็นการปล่อยข่าวกล่าวหาเหมาเข่งต่อบรรดาทหารทั้งกองทัพแล้ว นี่คือการดิสเครดิตทหาร ซึ่ง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ คาดก่อนแล้วว่าจะต้องเกิดขึ้น
การที่ผู้จัดรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งขยายความเรื่องนี้เมื่อเที่ยงวันเสาร์ว่าพล.อ.ที่อยู่เบื้องหลังมีอักษรย่อว่า ส. นั้น จับตาดูกันให้ดี หรือว่านี่คือแผนตัดหัวผู้นำของกองทัพและผู้มีบารมีเพื่อเอาพวกพ้องของตัวเองเข้าแทนที่
จุดที่สามปาหี่ฉากแรกที่ว่า ผู้ต้องหาขับรถไปเวียนบ้านนายทักษิณสองสามรอบ แล้วเป็นพิรุธให้ รปภ.เห็น จึงมีการไล่ตามจับ ได้ถูกเปลี่ยนฉากใหม่แล้ว เป็นว่า รถดังกล่าวมาจอดอยู่ที่เกิดเหตุเปิดประทุนท้ายซึ่งจะเชิญคนมาดูระเบิด แต่พอถูกติติงจับพิรุธได้ เพราะบังเอิญเอาภาพถ่ายที่เปิดพิรุธไปแจกจ่ายสื่อมวลชน จึงเปลี่ยนฉากที่สองนี้อีกครั้งหนึ่ง เป็นฉากที่สามในขณะนี้ คือ รถคันนี้ไปจอดอยู่ก่อนแล้ว ครั้นขบวนนายทักษิณผ่านไป ผู้ต้องหาจึงไปขับรถออกมาแล้วจึงถูกจับเพื่อให้สอดคล้องกับรูปถ่ายที่แจกมั่วๆ นี่คือฉากที่สามที่กำลังฉายกันอยู่ในขณะนี้
จุดที่สี่วัตถุระเบิดนั้นมีปรากฏในรถตอนไหน? จุดนี้สำคัญมาก ตามภาพถ่ายที่ตำรวจ รปภ.นายทักษิณแจกจ่ายครั้งแรก และภาพถ่ายที่เราได้มาเกือบทั้งชุด ปรากฏว่า ณ เวลา 8.35 น. รถดังกล่าวกำลังขับเคลื่อนอยู่ไม่ได้จอดอยู่กับที่ มีรถวิ่งนำหน้าและตามหลังปกติ แล้วมาเป็นภาพตำรวจขอตรวจค้น จากนั้นก็เป็นภาพผู้ต้องหาออกมายืนสุดเท่ห์อยู่ข้างถนนภายในระยะเวลานาทีเดียวหลังจากถ่ายภาพแรก
ในภาพก่อน 10.55 น. ที่ได้มาไม่ได้ปรากฏเห็นภาพระเบิด และไม่ปรากฏสายจุดชนวนระโยงระใยมาที่หน้ารถตามที่ได้มีการแถลงข่าวแต่ประการใด
และปรากฏภาพในเวลา 10.55 น. กลับปรากฏว่ามีข้าวของจำนวนมากอยู่ทั้งในตัวรถและท้ายรถ ซึ่งถูกระบุว่านี่คือวัตถุระเบิดหลายชนิด
และมีการซ่อมฉากใหม่เพิ่มเติมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยการให้ข่าวว่า เมื่อตำรวจเข้าตรวจค้น ผู้ต้องหาเตือนตำรวจด้วยถ้อยคำว่า “ระวังสวิตช์ระเบิด” เขียนบทราวกับว่าเป็นเพื่อนกันแล้วกลัวเพื่อนจะถูกระเบิดตายพร้อมตัวเองหรืออย่างไร?
เป็นไปได้ไหมว่า เหตุการณ์จัดฉากเอาวัตถุระเบิดและข้าวของไปใส่ในรถ ทั้งในตัวรถและประทุนท้ายรถ เกิดขึ้นในช่วงเวลาระหว่าง 8.39 น. – 10.55 น.?
ชัดเจนไหมล่ะ พระคุณท่านเอ๋ย
จุดที่ห้า หลังจากมีการเผยแพร่ข่าวว่ามีวัตถุระเบิด ได้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสรรพาวุธทหารจำนวน 6 นาย ไปตรวจกู้ระเบิดแล้วแถลงว่า ระเบิดไม่พร้อมใช้งาน เนื่องจากทีเอ็นทีก็ดี ซีโฟร์ก็ดี สายปะทุก็ดี ยังอยู่ในถุงพลาสติก น้ำมันก็ยังไม่ได้ผสมกับถุงยูเรีย จึงทำงานไม่ได้ แต่พอข่าวนี้ออกไป ทหารทั้ง 6 นายนี้ก็ถูกกันออกจากเรื่องนี้ทันที
เพราะผิดบทกลัวคนจะรู้ว่ามันไม่มีทางระเบิด!!!
พอประเด็นเรื่องถุงยูเรียถูกโต้โดยผู้เชี่ยวชาญ วันนี้ก็ออกมาแถลงข่าวแก้ไขฉากใหม่ว่าไม่ใช่ปุ๋ยยูเรียอีกเข้านั่น!!!
นอกจากนี้ข้อสังเกตของฝ่ายทหารที่ว่า เรื่องนี่มั่วมาก คือจุดที่เอาทั้งระเบิดทั้งแรงต่ำและแรงสูงไปมั่วกันหมด ซึ่งปกติไม่มีทางที่จะไปด้วยกันได้เลย เพราะระเบิดแรงสูงใช้ในกิจการทหาร แต่ระเบิดแรงต่ำเป็นจำพวกแสวงเครื่อง ดังตัวอย่างผู้ก่อความไม่สงบใช้อยู่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
จึงมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าข้าวของทั้งหมด ขนเอามาจากชายแดนภาคใต้ แต่ใครจะเป็นคนขนมาสร้างฉากนี้ ดูเหมือนว่าไม่มีใครสนใจ แต่เมื่อลงมือถ่ายทำหนังเรื่องนี้ไปแล้ว คงจะเห็นว่าหากมีแค่ระเบิดแรงต่ำ ก็จะเชื่อมโยงไปไม่ถึงฝ่ายทหาร
จึงต้องเอาระเบิดแรงสูงเข้ามาเพิ่มเติม แต่เวลาฉุกละหุกเต็มที จึงมีของกลางในลักษณะยังอยู่ในถุง และมั่วรวมระเบิดแรงสูงแรงต่ำเข้าด้วยกัน
จุดที่หก มีการทำแผนที่การวางวัตถุระเบิดที่แสดงตำแหน่งการวางวัตถุระเบิดและสายชนวนต่างๆ ภายในรถและประทุนท้ายรถ แล้วแจกจ่ายภาพนี้ให้กับหนังสือพิมพ์ ลงพิมพ์ในฉบับเช้าวันอาทิตย์นั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝ่ายตำรวจเป็นผู้เขียนแผนผังนี้ แล้วเป็นผู้แจกจ่ายเอง จึงเป็นเรื่องที่จะเขียนอย่างไรก็ได้
แต่พิรุธอยู่ตรงที่ถ้าหากแผนผังดังกล่าวนี้ เป็นความจริงและใช้เป็นข้อมูลในสำนวนคดีเรื่องนี้ ก็จะต้องเป็นความลับทางราชการ เอาไปเปิดเผยแจกจ่ายภายนอกไม่ได้ เพราะมีโทษติดคุกหัวโต แล้วทำไมจึงมีการเอาแผนผังนี้ไปแจกจ่าย ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่เรื่องของการสืบสวนโดยสุจริต แต่เป็นเรื่องของการโฆษณาปาหี่ทางการเมืองเท่านั้น
วันนี้เนื้อที่จำกัดจึงเอาฉากที่ถ่ายทำใหม่มาสวมแทนฉากเก่าที่ฉายแล้วคนดูโห่ฮากันตรึม แล้วถามว่า จากนี้ไปจะมีอะไรเกิดขึ้น?
ฟันธงว่า จะเกิดเหตุการณ์ในแนวทางดังต่อไปนี้
แนวทางที่หนึ่งสร้างสถานการณ์ต่อเนื่องขยายผลต่อไปไม่ว่าสร้างสถานการณ์ระเบิดหรือลอบยิงให้ดูน่าสงสาร และสร้างสถานการณ์กลั่นแกล้งจับกุมใครต่อใครเลอะเทอะไปหมด และสร้างสถานการณ์ดิสเครดิตฝ่ายทหารจนย่อยยับป่นปี้ไปหมด
แนวทางนี้จะทำให้เกิดเหตุสงครามกลางเมืองขึ้นเหมือนชายแดนภาคใต้ เพราะเห็นกันแล้วไม่ใช่หรือว่า กำลังมีการขยายจัดตั้งมวลชนพิทักษ์ทักษิณ และเตรียมเป่านกหวีดเรียกคนกว่าล้านคนจากอีสานและภาคเหนือเข้ามากระทืบคนกรุงเทพฯ
ดังตัวอย่างแบบจุ๋มจิ๋มที่ทำให้เห็นแล้วที่หน้าบ้านพลเอกเปรม!!!
แนวทางที่สอง ถ้าทำไม่สำเร็จเพราะถูกจับได้ นายทักษิณ คงจอดแน่อย่างน้อยที่สุดก็คงจอดเพราะการชิงอำนาจภายในพรรค เพราะขณะนี้ภายในพรรคเองก็เกิดกระแสต่อต้านและไล่คนบ้ารุนแรงอยู่ไม่น้อย
ไม่เห็นหรือว่าตำรวจบางคนที่เที่ยวเอาข้อมูลไปแจกจ่ายสื่อมวลชนและชี้โพรงพิรุธต่างๆ นั้น บางคนก็คือมือทำงานของกลุ่มการเมืองในพรรคเดียวกันนั่นเอง!!!
เราเรียกร้องตำรวจที่ดีๆ ซึ่งยังมีอยู่มากว่าอย่าเป็นเครื่องมือทรราช แล้วนำสถาบันตำรวจไปชนหรือทำลายล้างฝ่ายทหารเป็นอันขาด
จงปฏิบัติตามที่พลเอกเปรมเรียกร้องคือ ถ้าทหารอ่อนแอ ประเทศก็ต้องอ่อนแอ ดังนั้น ทหารจึงต้องเข้มแข็งและเป็นทหารของชาติและพระเจ้าอยู่หัว
ใครรู้สึกสำนึกตัว ก็รีบถอนตัวออกมาให้ทันเวลาเสียดีกว่า อย่าให้คนบ้าจูงจมูกอีกต่อไปเลย!!!