xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 31 คำนับสามยอดคนเป็นอาจารย์หมากฮอส (2-จบ)

เผยแพร่:   โดย: เรืองวิทยาคม

ส่วนผมนั้นชอบหนังสือกำลังภายในและชอบถ้อยคำจำพวกนี้อยู่แล้ว พอได้ยินดังนั้นผมก็รู้สึกครึ้มอกครึ้มใจตามไปด้วย จึงลุกขึ้นยืนคำนับให้นายเณรแล้วกล่าวว่าศิษย์คำนับซือแป๋ นายเณรก็หัวเราะดังลั่น ผมหันไปทางนายกำธรแล้วคำนับพลางกล่าวว่า ศิษย์คำนับซือเจ๊กโจ๊ว

นายกำธรก็ว่า ซือเจ๊กโจ๊วจะประสิทธิ์ประสาธน์วิทยายุทธ์ให้เจ้าจนหมดไส้หมดพุง ต่อไปข้างหน้าอย่าทำให้เสียชื่อสำนัก แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นสำนักอะไร ผมก็บอกว่าครับ แล้วหันไปทางนายเป๋ คำนับและกล่าวว่าศิษย์คำนับซือเจ็ก

นายเป๋เอามือมาตบไหล่แล้วกล่าวว่าเรื่องที่แล้วมาก็แล้วไป แต่ต่อไปวันหน้าต้องทำงานให้ซือเจ็กสักเรื่องหนึ่ง ผมถามว่าเรื่องอะไร นายเป๋ก็บอกว่าไว้วันหน้าจะบอกให้ได้รู้

พวกเราหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนานครื้นเครง แล้วเล่นหมากฮอสกันอีก 3-4 กระดาน นายเณรจึงบอกว่าวันนี้ได้สั่งเมียให้ซื้อหอยแคลงและทำลาบเนื้อเตรียมไว้ที่บ้าน จึงเชิญชวนทุกคนไปร่ำสุราเพื่อเป็นการเลี้ยงฉลองต้อนรับศิษย์ของสำนักเรา ทั้งนายเป๋และนายกำธรได้ยินนายเณรว่าดังนั้นก็บอกว่าดีเหมือนกัน

ผมเห็นทุกคนเออออห่อหมกไปกับนายเณร ครั้นจะขัดขืนก็จะฝืนน้ำใจกันมากไป ทั้งๆ ที่ผมไม่ชอบกินเหล้า แต่ก็จำใจรับคำ

เมื่อตกลงปลงใจพร้อมกันแล้ว จึงพากันออกจากร้านกาแฟไปที่ซอยวังหลัง ซึ่งเป็นบ้านพักของนายเณร มีสภาพแวดล้อมเป็นสลัม บ้านนายเณรนั้นเป็นบ้านไม้สองชั้น ชั้นล่างเป็นห้องโถงโล่ง มีบันไดขึ้นชั้นบนซึ่งเป็นที่พักนอน นายเณรเช่าเขาอยู่เดือนละ 500 บาท เมื่อไปถึงก็เห็นมีการตั้งวงไว้ก่อนแล้ว มีหอยแคลงลวกพร้อมน้ำจิ้ม ลาบเนื้อ ผักจิ้ม และกากหมูตั้งอยู่บนโต๊ะเล็กๆ เตี้ยๆ กลางห้องโถง

นายกำธรและนายเป๋ดูเหมือนว่าจะคุ้นกับบ้านของนายเณรเพราะคงเคยไปมาหาสู่กันมาเนิ่นนานแล้ว ผมคนเดียวที่เป็นคนแปลกหน้า แต่มิได้รู้สึกอึดอัดประการใดเพราะผมไม่เคยรังเกียจความยากจน และสภาพบ้านแบบเดียวกับบ้านของนายเณรผมก็เคยสัมผัสจากการอาศัยพักนอนที่วัดอัมรินทร์มาก่อนแล้ว

พอทุกคนนั่งลงกับพื้นรอบๆ โต๊ะเล็กๆ นั้นแล้ว นายเณรได้กล่าวขึ้นว่าคนเรามีบ้านเล็กๆ แคบๆ ไม่สำคัญ ความสำคัญอยู่ที่ต้องมีน้ำใจกว้างขวางโอบอ้อมอารี

แล้วว่าคนส่วนใหญ่แสวงหาแต่ส่วนเกิน ทำงานทั้งชีวิตคิดอดออมสั่งสมเงินจนบางครั้งก็ลำบากยากเข็ญ ได้เงินมาอย่างมากก็แค่ปลูกบ้านได้หลังเดียว เสียเวลาเปล่า สู้เช่าเขาอยู่ไม่ได้ ดูอย่างนกสิไม่เคยคิดที่จะสร้างบ้านเรือนที่ถาวรอะไร ทำรังน้อยๆ พอเป็นเครื่องคุ้มหัว คุ้มตัว ตั้งครอบครัวเป็นครั้งคราวเท่านั้น ถ้าคนเราเอาอย่างนกชีวิตก็จะมีความสุข และไม่เบียดเบียนคนอื่น


ผมได้ยินปรัชญาเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนของนายเณรแล้วก็รู้สึกว่านายเณรนี้เป็นคนช่างคิด เพราะฐานะของนายเณรนั้นหากคิดอ่านซื้อหาบ้านก็คงไม่ต้องกินไม่ต้องใช้อะไรกันอีก เมื่อทำใจและทำความคิดได้อย่างนี้แล้วก็จะไม่มีความทุกข์ร้อนในเรื่องที่อยู่อาศัยอีกต่อไป แต่ไม่รู้ว่าลูกเมียของนายเณรจะคิดอย่างเดียวกับนายเณรหรือไม่

สำหรับตัวนายเณรเองนั้นเห็นจะมีความรู้สึกตรงกับที่พูด เพราะไม่มีวี่แวววิตกทุกข์ร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยให้ปรากฏเลย ซึ่งเป็นไปตามที่พระท่านสอนว่าคนเราจะร่ำรวยหรือยากจนไม่ได้อยู่ที่เงินทองว่ามากน้อยเพียงใด แต่อยู่ที่ใจว่ามีความพอแล้วหรือไม่

เมื่อใดที่ใจรู้สึกว่าอิ่มหรือพอแล้ว เมื่อนั้นก็ถือได้ว่าร่ำรวย คือเต็มแล้ว พอแล้ว ไม่มีความเดือดร้อนวุ่นวายจากการแสวงหาอีกต่อไป แต่ถ้าเมื่อใดที่ยังรู้สึกว่าไม่พอ ยังหิวโหย แม้จะมีทรัพย์สินเงินทองสักเท่าใด เมื่อนั้นก็ถือได้ว่ายังยากจนอยู่ เพราะมีความรุ่มร้อน วุ่นวาย ดิ้นรนและแสวงหาเพื่อตอบสนองความปรารถนา ความกระหาย ใคร่อยากต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด จึงไม่ต่างกับเปรตที่มีความหิวตลอดเวลา ไม่รู้จักความอิ่ม ไม่รู้จักความพอ ชีวิตเช่นนั้นจึงคล้ายกับตกอยู่ในนรกทั้งเป็น

โบราณจึงว่าถ้าไม่จนความพอก็ไม่จนความมี แต่ถ้าจนความพอก็ต้องจนความมี ซึ่งหมายความว่าถ้ารู้จักพอก็ไม่มีวันจน แต่ถ้าไม่รู้จักพอก็ต้องจนอยู่เรื่อยไป โดยนัยอย่างนี้ต้องถือว่านายเณรประสบความสำเร็จ มีความร่ำรวย และสมปรารถนาในชีวิตแล้ว

แต่คนเรานั้นใช่ว่าจะอยู่ในโลกแต่ลำพังคนเดียวได้ ต้องมีครอบครัวลูกเมียมิตรสหายที่ต้องดูแลรับผิดชอบ หากคิดเอาอย่างนายเณรล้วนๆ แล้ว ตัวเราคนเดียวอาจจะทนได้ รับได้ ไม่เดือดร้อนวุ่นวาย แต่ลูกเมียครอบครัวมิตรสหายเพื่อนฝูงซึ่งอาจทำใจไม่ได้ก็ต้องเดือดร้อนวุ่นวายไป

นายเณรเอากระดานหมากฮอสมาตั้งไว้สามกระดาน ตอนแรกผมก็รู้สึกแปลกใจว่าคนเพียงสี่คนทำไมจึงนำกระดานหมากฮอสออกมาวางถึงสามกระดาน และถ้าจะเล่นพร้อมกันทีเดียวสามกระดานจะเล่นได้อย่างไร แต่ครู่หนึ่งก็หายแปลกใจ

นายกำธร นายเณร และนายเป๋นั่งกันเป็นมุมสามเหลี่ยมรอบๆ บริเวณโต๊ะที่ตั้งกับแกล้ม ตั้งกระดานหมากฮอสข้างโต๊ะระหว่างนายกำธรกับนายเณรกระดานหนึ่ง ระหว่างนายเณรกับนายเป๋กระดานหนึ่ง และระหว่างนายเป๋กับนายกำธรอีกกระดานหนึ่ง

กลายเป็นว่าในเวลาเดียวกันทั้งสามคนเล่นหมากฮอสด้วยกันเป็นสามกระดาน และเล่นพร้อมกันทุกคน นายกำธรใช้มือขวาเดินหมากฮอสกับนายเณร ใช้มือซ้ายเดินหมากฮอสกับนายเป๋ ส่วนนายเณรใช้มือซ้ายเดินหมากฮอสกับนายกำธร และใช้มือขวาเดินหมากฮอสกับนายเป๋ ในขณะที่นายเป๋ใช้มือขวาเดินหมากฮอสกับนายกำธร และใช้มือซ้ายเดินหมากฮอสกับนายเณร ดูเป็นการเล่นหมากฮอสที่ชุลมุนวุ่นวายและพิสดารกว่าที่เคยเห็นมาในชีวิต

นายกำธรบอกผมว่ามาใหม่ๆ นั่งดูพวกเราเล่นกันก่อน ไว้วันหลังค่อยมาร่วมวง ผมก็บอกว่าครับ เพราะยังงงอยู่กับการเล่นหมากฮอสแบบนี้ แต่ก็เห็นว่าเป็นเรื่องแปลกดีและชวนเวียนหัวชอบกล

แต่ละคนเดินหมากฮอสทั้งมือซ้าย มือขวา มือข้างไหนว่างก็ตักกับแกล้มมากิน ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม ในขณะที่ปากก็พูดกันไปเรื่อยๆ

นายเณรและนายเป๋ต่างร้องเพลงแหล่กันคนละเพลง ส่วนนายกำธรผิวปากเป็นทำนองเพลงสากลไปอีกทางหนึ่ง ผมรู้สึกว่าทั้งสามคนนี้ช่างเป็นตัวประหลาดโดยแท้ แต่มีสมองและจิตใจที่สามารถแยกภาระหน้าที่กันทำหน้าที่หลายๆ อย่างในขณะเดียวกันได้ คือทั้งเดินหมากฮอส ทั้งกินเหล้าและกับแกล้ม และทั้งร้องเพลง ดูช่างชุลมุนดีแท้

มาถึงวันนี้จึงได้เข้าใจว่าสามคนนี้เป็นสุดยอดฝีมือทางหมากฮอสได้ นอกจากจะมีฝีไม้ลายมือในเชิงหมากฮอสชั้นครูแล้ว ยังมีจิตใจที่หนักแน่นมั่นคงเป็นสมาธิ ไม่วอกแวกหวั่นไหว และมีจิตใจที่ร่าเริงแจ่มใส่จนน่าประหลาดใจอีกด้วย คนแบบนี้จึงนับว่าเป็นยอดคนจำพวกหนึ่ง.

โปรดติดตามตอนที่ 32 ในวันศุกร์ที่ 1กันยายน 2549
กำลังโหลดความคิดเห็น