ตลาดนมผงพรีเมี่ยมแข่งเดือด วัดจากเม็ดเงินโฆษณารวมปีนี้สูงกว่า10% ล่าสุดมี้ด จอห์นสันรุกตลาดนมผงพรีเมี่ยมด้วยการส่งสูตรใหม่ "เอนฟาโกร ดีเอช อาร์เอ" และ"เอนฟาคิด ดีเอช อาร์เอ"สู่ตลาด เจาะกลุ่มครอบครัวระดับบน ตั้งเป้ายอดขายสิ้นปี 3,800 ล้านบาท และหวังส่วนแบ่งการตลาดนมผงโดยรวมเพิ่มขึ้น1-2 %
นายศรัณย์ จุฑารัตนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดแผนกโภชนาการ มี้ด จอห์นสัน บริษัท บริสตอล-ไมเยอร์สวิบบ์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดนมผงมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดนมพรีเมี่ยมที่พบว่ามมีอัตราการเติบโตสูงสุดอย่างต่อเนื่อง หากเทียบกับนมผงกลุ่มอื่นๆ เป็นเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับโภชนาการของลูกในวัยเด็กมากขึ้น ประกอบกับตลาดนมผงมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย ดังนั้นจึงทำให้ผู้ประกอบส่วนใหญ่จึงหันมาทุ่มงบการตลาด โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น ซึ่งในปีนี้คาดการณ์ว่าเม็ดเงินโฆษณาของตลาดนมผงที่ใช้ผ่านสื่อต่างๆจะมีเพิ่มขึ้น10% หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทฯได้ใช้งบประมาณ 80 ล้านบาทในการเปิดตัวและทำการตลาดผลิตภัณฑ์นมผงสูตรใหม่ "เอนฟาโกร ดีเอช อาร์เอ" และ"เอนฟาคิด ดีเอช อาร์เอ" เพื่อเจาะกลุ่มครอบครัวที่เป็นพรีเมี่ยม รวมถึงยังได้จัดแคมเปญภายใต้แนวคิด "สมาธิ คือ จุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่ดีในอนาคต" เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้แก่พ่อแม่ในการเสริมสร้างสมาธิของลูก พร้อมกันนี้บริษัทฯยังได้ปรับปรุงบรรจุภัณฑ์นมผงเอนฟาทุกชนิดให้มีสีสันและดูทันสมัยขึ้น เพราะจากการสำรวจลูกค้าพบว่าลูกค้าจะซื้อผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นเป็นอันดับแรก ทั้งนี้หลังจากการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ใหม่นี้ยังคงใช้ราคาเดิม โดยบริษัทฯยังไม่มีแผนขึ้นราคาสินค้าแต่อย่างใด
สำหรับงบการตลาดในปีนี้ของนมผงเอนฟาโกรมีประมาณ 480 ล้านบาท โดยจะเน้นการทำตลาดที่แตกต่างจากคู่แข่ง อาทิ มุ่งเน้นคิดค้นและพัมนาผลิตภัณ์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บรฺโภค ขณะที่ยอดรายได้ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าที่ 3,800 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากแบรนด์เอนฟาโกร 80 % และแบรนด์อะแล็คต้า 20 %
ส่วนตลาดรวมนมผงในปี 2549 นี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 15% หรือคิดเป็นมีมูลค่า 11,500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันผู้นำตลาดรวม ได้แก่ นมผงดูเม็กซ์และตราหมี มีส่วนแบ่งตลาดใกล้เคียงกันที่ 26-27% บริษัทฯมีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 3 ของตลาดหรือ 23% ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอีก 1-2% โดยการแย่งแชร์มาจากคู่แข่งและการที่ตลาดรวมมีอัตราการการเติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ตลาดนมผงสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพรีเมี่ยมมีสัดส่วน 40 % ปัจจุบันนมผงเอนฟาเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 65%
นายศรัณย์ จุฑารัตนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดแผนกโภชนาการ มี้ด จอห์นสัน บริษัท บริสตอล-ไมเยอร์สวิบบ์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดนมผงมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดนมพรีเมี่ยมที่พบว่ามมีอัตราการเติบโตสูงสุดอย่างต่อเนื่อง หากเทียบกับนมผงกลุ่มอื่นๆ เป็นเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับโภชนาการของลูกในวัยเด็กมากขึ้น ประกอบกับตลาดนมผงมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย ดังนั้นจึงทำให้ผู้ประกอบส่วนใหญ่จึงหันมาทุ่มงบการตลาด โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น ซึ่งในปีนี้คาดการณ์ว่าเม็ดเงินโฆษณาของตลาดนมผงที่ใช้ผ่านสื่อต่างๆจะมีเพิ่มขึ้น10% หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทฯได้ใช้งบประมาณ 80 ล้านบาทในการเปิดตัวและทำการตลาดผลิตภัณฑ์นมผงสูตรใหม่ "เอนฟาโกร ดีเอช อาร์เอ" และ"เอนฟาคิด ดีเอช อาร์เอ" เพื่อเจาะกลุ่มครอบครัวที่เป็นพรีเมี่ยม รวมถึงยังได้จัดแคมเปญภายใต้แนวคิด "สมาธิ คือ จุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่ดีในอนาคต" เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้แก่พ่อแม่ในการเสริมสร้างสมาธิของลูก พร้อมกันนี้บริษัทฯยังได้ปรับปรุงบรรจุภัณฑ์นมผงเอนฟาทุกชนิดให้มีสีสันและดูทันสมัยขึ้น เพราะจากการสำรวจลูกค้าพบว่าลูกค้าจะซื้อผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นเป็นอันดับแรก ทั้งนี้หลังจากการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ใหม่นี้ยังคงใช้ราคาเดิม โดยบริษัทฯยังไม่มีแผนขึ้นราคาสินค้าแต่อย่างใด
สำหรับงบการตลาดในปีนี้ของนมผงเอนฟาโกรมีประมาณ 480 ล้านบาท โดยจะเน้นการทำตลาดที่แตกต่างจากคู่แข่ง อาทิ มุ่งเน้นคิดค้นและพัมนาผลิตภัณ์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บรฺโภค ขณะที่ยอดรายได้ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าที่ 3,800 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากแบรนด์เอนฟาโกร 80 % และแบรนด์อะแล็คต้า 20 %
ส่วนตลาดรวมนมผงในปี 2549 นี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 15% หรือคิดเป็นมีมูลค่า 11,500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันผู้นำตลาดรวม ได้แก่ นมผงดูเม็กซ์และตราหมี มีส่วนแบ่งตลาดใกล้เคียงกันที่ 26-27% บริษัทฯมีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 3 ของตลาดหรือ 23% ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอีก 1-2% โดยการแย่งแชร์มาจากคู่แข่งและการที่ตลาดรวมมีอัตราการการเติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ตลาดนมผงสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพรีเมี่ยมมีสัดส่วน 40 % ปัจจุบันนมผงเอนฟาเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 65%