xs
xsm
sm
md
lg

ได้เวลาฟื้นศักดิ์ศรีสตรีไทย!

เผยแพร่:   โดย: แสงสุริยา

ได้เห็นข่าวคราวการเคลื่อนไหวของกลุ่มสตรีที่ใช้ชื่อว่า We Move แล้วก็อดรู้สึกยินดีไปกับกลุ่มสตรีไทยไม่ได้ เพราะลักษณะการเคลื่อนไหวของสตรีไทยกลุ่มนี้ดูเข้าท่าเข้าทางกว่าอีกหลายกลุ่ม

การเคลื่อนไหวของกลุ่มสตรีบางกลุ่มที่ผ่านมาโดยเฉพาะกลุ่มที่มีนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช เป็นหัวโจกด้วยแล้วมีแต่ความน่าสะอิดสะเอียน และไม่เห็นเป็นประโยชน์อะไรเลย

เพราะตัวหัวโจกอยู่ในวุฒิสภา ทำอะไรก็รู้ๆ กันอยู่ ยืนข้างไหนก็รู้ๆ กันอยู่

ดังนั้นจึงมีคนตั้งข้อสังเกตว่าข่าวเมียหลวงเมียน้อยหรือข่าวการกระทำของสตรีแต่ละครั้งที่ออกมาจึงมีลักษณะสร้างข่าวเพื่อกลบข่าวการเมืองอยู่เสมอๆ

ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม We Move มีลักษณะการเมืองที่ต้องการฟื้นฟูศักดิ์ศรีของสตรีไทยในทางการเมือง จึงต้องนับว่าเป็นเรื่องเข้าท่า

สตรีกลุ่มนี้เห็นว่าสตรีควรมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น เพราะเมื่อมีบทบาททางการเมืองแล้วก็สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับบ้านเมืองได้มากขึ้น

จึงได้ขอความร่วมมือต่อพรรคการเมืองต่างๆ ขอให้จัดส่งสตรีลงสมัครรับเลือกตั้งเพิ่มขึ้น

ข้อเสนอดังกล่าวนี้ควรที่พรรคการเมืองต่างๆ จะได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง

เหตุผลในเรื่องนี้คือประเทศไทยขณะนี้มีจำนวนสตรีมากกว่าบุรุษแล้ว พรรคไหนสนับสนุนส่งเสริมสตรีก็ย่อมได้คะแนนนิยมจากกลุ่มสตรีเป็นล่ำเป็นสัน

เหตุผลอีกประการหนึ่งคือสตรีนั้นมีความกล้าหาญชาญชัยนอกจากไม่แพ้บุรุษแล้วอาจจะมากกว่าบุรุษด้วยซ้ำไป และยังมีความทรหดอดทนยิ่งกว่าบุรุษหลายเท่า

จึงมีคำพังเพยไทยอยู่บทหนึ่งว่า “แรงเหมือนมด อดเหมือนกา กล้าเหมือนหญิง”

ตัวอย่างก็มีให้เห็นอย่างเด่นชัดในปัจจุบันนี้ เช่นบทบาทของสตรีอย่างคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา แห่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่กล้าหาญชาญชัยตรวจสอบการทุจริตของผู้มีอิทธิพลและอำนาจอย่างองอาจกล้าหาญ จนสร้างผลสะท้านสะเทือนแผ่นดินอยู่ในขณะนี้

หรือตัวอย่างของคุณอรนุช สิงคาลวณิช แห่งกระทรวงพาณิชย์ ที่กล้าหาญชาญชัยตรวจสอบบริษัทนายหน้าต่างชาติที่บังอาจทำผิดกฎหมายไทยในกรณีซื้อหุ้นชินคอร์ป แล้วสรุปรายงานอย่างไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมหรือหน้าเหลี่ยมว่าบริษัทผีนั้นเป็นบริษัทหุ่นของเทมาเส็ก

ซึ่งจะส่งผลสะเทือนให้การซื้อขายหุ้นชิน 73,000 ล้านบาทต้องเป็นโมฆะ และเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะได้ยึดคืนสัมปทานต่างๆ ที่ต่างชาติได้ไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกด้วย

จึงเกิดการตื่นตระหนกตกใจจนคนบางคนยอมทำผิดกฎหมายปกปิดรายงานดังกล่าวนี้ และสั่งให้ทำการตรวจสอบใหม่เพื่อกลบรายงานเก่า

นายบรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์กำลังจะกลายเป็นแพะรับบาปและมีโอกาสติดคุกมากกว่าใคร เพราะผลการสอบสวนที่เสร็จไปแล้วแน่นหนามั่นคงไม่อาจพลิกผันได้อีก

แต่ทว่าการฟื้นฟูศักดิ์ศรีสตรีไทยและส่งเสริมบทบาทของสตรีให้มากขึ้นเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่บ้านเมืองให้มากขึ้นนั้น การลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ยังมีส่วนอื่นๆ ที่ควรให้ความสนใจและต้องเร่งทำการแก้ไขอีกมาก

แต่เราเห็นว่ามีเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับสตรีไทยโดยตรง และถูกระบอบทักษิณครอบงำย่ำยีจนป่นปี้ไปหมดแล้ว จึงถึงเวลาที่สตรีไทยจะต้องร่วมใจกันฟื้นฟูกอบกู้ศักดิ์ศรีสตรีไทยคืนมา

นั่นคือสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์


สภาสตรีแห่งชาติเป็นองค์กรรวมและองค์กรนำขององค์กรสตรีไทยทั่วประเทศ และเป็นองค์กรต้นน้ำที่รับเงินงบประมาณและนโยบายของรัฐบาลไปกระจายสู่องค์กรสตรีอื่นๆ เพื่อให้องค์กรสตรีนำการปฏิบัติไปสู่สตรีไทยทั่วประเทศ

เป็นองค์กรที่มุ่งเน้นบทบาทของสตรีในทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม และความเป็นหลักของครอบครัว

ด้วยบทบาทที่ยิ่งใหญ่ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีเช่นนี้ สภาสตรีแห่งชาติจึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์


บรรดาสตรีไทยตั้งแต่อดีตจวบปัจจุบันจึงให้ความสำคัญต่อการเลือกสรรผู้บริหารและนายกสภาสตรีแห่งชาติ

คือต้องเลือกสตรีที่เป็นแบบอย่างแห่งความดีงาม ทั้งในด้านคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ทั้งในด้านการศึกษา ความรู้และประสบการณ์

เรียกว่านายกสภาสตรีแห่งชาติและกรรมการสภาสตรีแห่งชาติจะต้องเลือกจากผู้ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ มีอาชีพการงานที่ดี มีคุณธรรม ศีลธรรม และจริยธรรมที่งามพร้อม

สามารถเป็นต้นแบบต้นอย่างของสตรีทั้งปวงได้อย่างเต็มภาคภูมิ


เพราะเหตุเช่นนี้นายกสภาสตรีแห่งชาติที่ได้เลือกจากผู้ที่มีคุณสมบัติดีงามเช่นนี้แล้วจึงสามารถสร้างคุณประโยชน์และเป็นแบบอย่างให้กับการสร้างสรรค์สตรีไทย

เป็นเหตุให้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลจุลจอมเกล้าตลอดมา

พูดง่ายๆ ก็คือนายกสภาสตรีแห่งชาติมักจะได้เป็นคุณหญิงกันทุกคน

แบบอย่างที่ดีงามอันเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของสตรีไทยเช่นนี้จึงควรที่จะได้มีการพิทักษ์รักษาไว้ให้เป็นแบบอย่างและเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาของสตรีไทย และเพื่อก่อบทบาทให้กับสตรีไทยในกิจการต่างๆ

แต่อยู่มาดีๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในสภาสตรีแห่งชาติ บรรดาผู้นำสตรีที่มีเกียรติภูมิ มีศักดิ์ศรี มีความรู้ ประสบการณ์ มีคุณธรรม จริยธรรม อดทนกับคนหน้าด้านไม่ได้ ต้องพากันล่าถอยออกไป

กลายเป็นว่าระบอบทักษิณได้เข้ายึดครองสภาสตรีแห่งชาติอยู่ในปัจจุบันนี้ โดยมีนางเยาวเรศ ชินวัตร เป็นนายกสภาสตรีแห่งชาติ

เป็นนายกสภาสตรีแห่งชาติคนเดียวที่ถูกกังขาถึงการได้ตำแหน่งนี้มาว่าเพราะคุณงามความดี หรือฝีไม้ลายมือ หรือบทบาทที่มีต่อวงการสตรี หรือว่าได้มาเพราะการเมือง

พูดง่ายๆ ก็คือคนเขาสงสัยว่าได้เป็นนายกสภาสตรีแห่งชาติเพราะแค่มีฐานะเป็นน้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่?

แล้วยังสงสัยกันต่อไปว่าเป็นการเข้ามายึดตำแหน่งนี้เพื่อแปรองค์กรนี้ให้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่? ซึ่งเป็นเรื่องไม่เป็นมงคลใดๆ แก่สภาสตรีแห่งชาติเลย

นางเยาวเรศ ชินวัตร จึงถูกจับตามองด้วยสายตาที่มากไปด้วยความกังขา

และยิ่งถูกกังขามากขึ้น เพราะเมื่อเป็นนายกสภาสตรีแห่งชาติแล้วก็ไม่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เป็นคุณหญิงแม้จนกระทั่งขณะนี้!

ในขณะเดียวกันก็มีการตั้งข้อสงสัยถึงวุฒิต่างๆ ของผู้เป็นนายกสภาว่าสมควรแก่ตำแหน่งนายกสภาสตรีแห่งชาติจริงแล้วหรือ?

ฐานะความสัมพันธ์ในครอบครัวว่าเป็นตัวเป็นตนเป็นลูกผัวเมียใครกระจ่างชัดเพียงใดหรือไม่?

มีฐานะภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ใดก็ไม่ปรากฏเป็นข่าว แม้ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับ “คุณผู้ชาย” แห่งธนาคารอิสลามจะเป็นอย่างไร ชอบด้วยหลักศาสนาแล้วหรือไม่ ก็ยังอยู่ในความกังขา

ที่สำคัญ คดีที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการประมูลบางโครงการของสนามบินสุวรรณภูมิมีความเป็นมาอย่างไร เป็นความจริงหรือไม่ประการใดก็ยังเป็นที่สงสัย

ยิ่งกว่านั้น ข่าวคราวที่ปรากฏในสื่อมวลชนว่าถูกมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้เพิกถอนปริญญาเพราะมีการใช้ใบสุทธิปลอมก็ยังไม่กระจ่างว่าเรื่องราวเป็นประการใด

ยิ่งนานวันภาพลักษณ์ของสภาสตรีแห่งชาติก็เป็นภาพลักษณ์ขององค์กรที่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำทางการเมืองและเป็นเครื่องมือทางการเมืองมากขึ้นทุกที และเกิดกระแสไม่ยอมรับมากขึ้นทุกที เหมือนกับที่คนไทยไม่ยอมรับระบอบทักษิณนั่นแหละ!

การที่สภาสตรีแห่งชาติมีนายกสภาสตรีที่มีข้อกังขาและไม่ได้รับการยอมรับมากมายขนาดนี้จึงกระทบต่อบทบาท ฐานะ และศักดิ์ศรีของสตรีไทยด้วย


ความจริงไม่อยากกล่าวถึงเรื่องนี้เลย แต่ที่จำเป็นจะต้องพูดถึงก็เพราะชื่นชมในการเคลื่อนไหวของกลุ่ม We Move อย่างหนึ่ง และทนเห็นการร้องเรียนของพ่อแม่นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีไม่ได้

เขาร้องเรียนว่านักเลียขนหน้าแข้งนักการเมืองได้ผลักดันให้แต่งตั้งนางเยาวเรศ ชินวัตร เป็นนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เทียบชั้นกับ ดร.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ทำให้ลูกหลานเขาอับอายขายหน้า

ถึงขนาดว่าถ้านางเยาวเรศ ชินวัตร ยังไม่ออกไป ก็พร้อมจะลาออกจากมหาวิทยาลัยแห่งนั้น

คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าผู้คนในวงการศึกษาจะบ้าบอและสอพลอนักการเมืองได้ถึงเพียงนี้!

จึงถึงเวลาแล้วที่สตรีไทยจะต้องร่วมกันกอบกู้ศักดิ์ศรีสตรีไทย ขับไล่ระบอบทักษิณไม่ให้ครอบงำสตรีไทยให้อัปยศอดสูอีกต่อไป!
กำลังโหลดความคิดเห็น