xs
xsm
sm
md
lg

ระบอบปัจจุบัน อุปมาดุจดัง...

เผยแพร่:   โดย: ป.เพชรอริยะ

ดังได้กล่าวมาเป็นลำดับแล้วว่า ระบอบปัจจุบันนั้นเป็นมิจฉาทิฐิในเบื้องต้น จึงเป็นปัจจัยให้รัฐบาลผิด ปกครองผิด กระทรวง กรม จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ครอบครัว บุคคล ตกอยู่ในกระแสแห่งความชั่วร้าย บางคนทุ่มเทอุทิศเพื่อชาติอย่างน่าสรรเสริญยิ่ง แต่กลับล้มเหลว ความดีงาม คุณธรรมจากสถาบันหลักของชาติจะยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ไม่อาจจะต้านทานความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้ได้ เมื่อหลงไม่รู้ว่าอะไรคือเหตุแห่งความหายนะ

ในความถูกต้องโดยธรรม รัฐธรรมนูญจะต้องมีองค์ประกอบหลัก 2 ด้าน เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง หลักการปกครอง (Principle of Government) กับ วิธีการปกครอง (Methods of Government) หรือเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง จุดมุ่งหมายของการปกครอง (Aim of Government) กับ มรรควิธีในการปกครอง (Ways or Means of Government) หรือเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง ยุทธศาสตร์ของการปกครอง (Strategy of Government) กับ ยุทธวิธีในการปกครอง (Tactics of Government)

อีกนัยหนึ่ง หลักการปกครองที่แท้จริงจะต้องเป็นธรรม เป็นสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง มีความมั่นคงดุจดังสภาวะบรมธรรม, นิพพาน, หรือธรรมาธิปไตย

ส่วนวิธีการปกครอง มรรควิธีในการปกครอง ยุทธวิธีในการปกครอง นั้นมีความแตกต่างหลากหลาย และเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลาเพื่อความเหมาะสมตามกาลสมัย ดังตัวอย่าง

สมมติ กรุงเทพฯ เป็นหลักการปกครอง หรือเป็นจุดมุ่งหมายของการปกครอง ส่วนวิธีการปกครอง ได้แก่ การเดิน การวิ่ง ขี่รถจักรยาน รถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ รถไฟ เรือ เครื่องบิน ฯลฯ จะเดินทางด้วยอะไรก็ตามต่างก็มีจุดมุ่งหมายคือกรุงเทพ ฯ เพียงแต่จะถึงช้าหรือเร็วเท่านั้น ที่นี้เมื่อไม่มีจุดมุ่งหมาย แต่มีแต่หนทาง ก็จะกลายเป็นไปคนละทิศคนละทาง ในท้ายที่สุดก็ไปตกเหว ทุกครั้งไป

อีกนัยหนึ่ง หลักการปกครองจะต้องแผ่กระจายโอบอุ้มคุ้มครองปวงชนในประเทศอย่างเสมอหน้ากันทุกคน มีความเป็นธรรมโดยไม่เลือกชนชั้น วรรณะ และความเชื่อทางศาสนา ก็จะเป็นปัจจัยให้หมดเงื่อนไข เพราะรัฐได้ให้ความเป็นธรรมทางการเมืองต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า กลุ่มชนไหนคิดจะแบ่งแยกดินแดนก็ทำไม่ได้ แต่ระบอบการเมืองปัจจุบันกลับตรงกันข้าม ไม่เป็นธรรมต่อประชาชนค่อนประเทศ ที่ไม่จบปริญญาตรีไม่มีอำนาจอธิปไตย แต่กลับถูกบังคับให้ไปเลือกตั้ง มันจึงเป็นระบอบการเมืองแบบหยาบๆ ดูถูกเหยียดหยามคนไทยด้วยกัน จนทำให้คนไทยทั่วไปโง่งมงาย ตกต่ำลดตัวลงมาเป็นทาสของนายเงินทางการเมือง ฯลฯ

เมื่อระบอบปัจจุบันไม่มีหลักการปกครอง มีแต่วิธีการปกครองได้แก่หมวดและมาตราต่างๆ เช่นนี้ จึงเป็นเหตุแห่งความเลวร้ายนำความหายนะมาให้อย่างไม่รู้จบสิ้น เพราะความเห็นผิด คิดผิด พูดผิด ทำผิด เรื่อยมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดไตร่ตรองไม่เป็น เชื่อและทำตามกันมาอย่างผิดๆ ของชนชั้นนำ และผู้ปกครองรุ่นแล้วรุ่นเล่า อย่างมิได้ฉุกคิดกันเลย อุปมาได้ว่า...

1. ดุจดังดอกไม้ ที่วางไว้เรี่ยราดกระจัดกระจาย เมื่อลมพัดมาก็จะปลิวว่อนไปคนละทิศละทาง ซึ่งต่างจาก การปกครองแบบธรรมาธิปไตย ที่มีความสัมพันธ์อย่างถูกต้องและเป็นหนึ่งเดียวกับกฎธรรมชาติ ดุจพวงมาลัยที่ร้อยไว้อย่างสวยงาม เพื่อนำไปถวายสักการะพระพุทธเจ้า ถวายสิ่งที่ควรเคารพบูชา เช่น พระมหากษัตริย์ พ่อแม่ ครูอาจารย์ เป็นต้น

2. ดุจดังวัวป่า วัวป่าเดินไปอย่างไม่มีจุดหมายไร้เจ้าของดูแล เดินไปอย่างไร้ขอบเขต สักวันหนึ่งก็จะถูกนายพรานใจบาปหยาบช้าทำร้ายเอาได้

3. ดุจดังว่าวขาด ปกติว่าวจะต้องมีคนชักกระตุก เพื่อให้ว่าวกินลมและขึ้นไปโฉบเฉี่ยวอยู่บนท้องฟ้าได้ตามที่เจ้าของต้องการ ระบอบการปกครองปัจจุบันอุปมาดังว่าวขาดย่อมหลุดลอยเคว้งคว้าง ควบคุมไม่ได้ ไปตกที่ไหนๆ ก็ยากที่จะตามคืนกลับมาได้

4. ดุจดังคลองโคกขาม คลองโคกข้ามในสมัย พระเจ้าเสือ ทรงเสด็จประพาสทางชลมารค โดยเรือพระที่นั่ง มี พันท้ายนรสิงห์ ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดนายท้ายเรือในสมัยนั้น มีกฎมณเฑียรบาลว่าถ้าใครเป็นนายท้ายเรือ ไม่สามารถบังคับเรือ ทำให้หัวเรือพระที่นั่งหัก มันผู้นั้นจะต้องถูกประหารชีวิต ครั้งนั้นพันท้ายนรสิงห์ ไม่สามารถบังคับเรือพระที่นั่งได้เพราะสุดวิสัยชนเอากิ่งไม้หัวเรือพระที่นั่งหัก เนื่องจากคลองโคกขามนั้นคดเคี้ยววกวนมาก ในครั้งนั้นพระเจ้าเสือ ก็ทรงเห็นว่าสุดวิสัยจึงได้ละเว้นการประหารชีวิตแก่พันท้ายนรสิงห์ แต่พันท้ายนรสิงห์ไม่ยินยอม ว่าเพื่อให้เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล แม้จะแก้ไขด้วยการประหารหุ่นทำเป็นศาลเพียงตา พันท้ายนรสิงห์ก็ไม่ยินยอม ในที่สุดพระเจ้าเสือก็จำยอมต้องประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์

ระบอบปัจจุบันจึงอุปมาดุจดังคลองโคกขามที่คดเคี้ยววกวนมาก จะเห็นได้ว่าไม่ว่าผู้นำรัฐบาลคนใดๆ หรือผู้นำรัฐนาวาใดๆ จะเป็นใครก็ตามล้วนแล้วแต่นำรัฐนาวาไปชนพลิกคว่ำเรื่อยมา ยิ่งนายท้ายเรือโฉเก ก็ยิ่งไปกันใหญ่ คลองมันคด จะให้เรือไปตรงได้อย่างไรกัน

ฉะนั้น ผู้มีอำนาจโดยธรรมและปัญญาอันยิ่ง จะต้องจัดการระบอบการเมืองให้ถูกต้องโดยธรรม ดุจดังคลองชลประทาน ตรองดู คลองมันคด จะให้น้ำไหลให้ตรงได้อย่างไรกัน

5. ดุจดังคลองน้ำเน่า กทม. อุปมา ชนใดผู้มีโชค ได้หลุดพ้นจากคลองน้ำเน่า (กิเลส) ได้แล้ว เมื่อมองย้อนกลับมองลงไป ก็จะเห็นความเหม็นเน่า หมาเน่า อุจาระ เป็นมิจฉาทิฐิที่กลุ่มชนมิจฉาทิฐิกำลังเสพ อาบ ดื่ม กิน และต่างก็สาดน้ำเน่าใสหากันอย่างน่าสังเวชใจยิ่งนัก แต่ชนสัมมาทิฐิ หาเกี่ยวข้องไม่ อย่างดีก็จะเมตตา เมตตา เมตตา ช่วยบอกแก่ชนที่พอจะอุปนิสัยได้ดวงตาเห็นธรรม เพื่อจะได้ร่วมมือแก้ไขน้ำเน่าต่อไป

6. ดุจดังคูถ ส่วนนักการเมืองดุจดังหนอน "หนอนย่อมไม่รู้จักคูถที่ดูดกิน"

7. ดุจดังรังปลวก ส่วนนักการเมืองดุจดังปลวก (กินบ้านกินเมือง กว่าจะรู้ตัวอาจจะสายเกินแก้) ไม่รู้จักแก้เหตุแห่งความเลวร้าย ก็แก้ปัญหาไม่ได้

8. ดุจดังท่อประปาสนิมเกรอะกรัง น้ำรั่วไหลซึมไปมากมาย ดุจนักการเมืองฉ้อราษฎร์บังหลวงเอาไปหมด ส่วนประโยชน์ของประเทศชาติดุจน้ำที่ไหลหยดติ๋งๆ

9. ดุจดังพญามาร จะจัดการกับเสนามารก็ยากอยู่แล้ว และการไม่กำจัดพญามาร หัวหน้านักการเมืองเข้ามาแล้วก็จะกลายเป็นเสนามารคนต่อไป เห็นกันชัดๆ ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน

10. ดุจดังคนแบกปอ ขอยกนิทานเป็นอุทาหรณ์ให้พิจารณา บุรุษผู้เป็นวิญญูชน ในโลกนี้บางพวก ย่อมทราบเนื้อความของคำพูดด้วยอุปมา

เรื่องเคยมีมาแล้ว ชนบทแห่งหนึ่ง ครั้งนั้น สหายหนึ่ง เรียกสหายมาบอกว่า เราไปกันเถิดเพื่อน บางทีจะพึงได้ทรัพย์อย่างใดอย่างหนึ่งในชนบทนั้นบ้าง ถึงถนนในบ้านแห่งหนึ่งแล้ว ได้เห็นเปลือกป่านที่เขาทิ้งไว้มากมายที่ตำบลบ้านนั้น ครั้นแล้วสหายหนึ่ง ได้บอก สหายสอง ว่า "สหาย นี้ เปลือกป่าน เขาทิ้งไว้มากมาย ถ้าเช่นนั้น ท่านจงผูกเอาเปลือกป่านไปคนละมัด"

จากนั้นเขาทั้งสองเข้าไปยังถนนในบ้านอีกแห่งหนึ่ง ได้เห็น ด้ายป่านที่เขาทิ้งไว้มากมาย ในตำบลบ้านนั้น ครั้นแล้วสหายหนึ่ง จึงบอกสหายสองว่า "สหาย เราจะปรารถนาเปลือกป่านเพื่อประโยชน์อันใด นี้ ด้ายป่าน ซึ่งเขาทิ้งไว้มากมาย ถ้าเช่นนั้น ท่านจงทิ้งมัดเปลือกป่านเสียเถิด เราทั้งสองจักถือเอามัดด้ายป่านไปดีกว่า"

สหายสอง ตอบว่า "สหาย เปลือกป่านนี้ เราเอามาไกลแล้ว ทั้งมัดไว้ดีแล้วด้วย เราไม่เอาละ ท่านเอาไปคนเดียวเถิด" จากนั้น สหายหนึ่ง ทิ้งมัดเปลือกป่านเสีย แล้วถือเอามัดด้ายป่านไป

สหายทั้งสองคนได้เดินเข้าไปอีกบ้านหนึ่ง ได้เห็นผ้าป่านที่เขาทิ้งไว้มากมายที่ตำบลบ้านนั้น ครั้นแล้วสหายหนึ่งพูดว่า "สหาย เราจะปรารถนาเปลือกป่านหรือด้ายป่านเพื่อประโยชน์อันใด เหล่านี้ผ้าป่านซึ่งเขาทิ้งไว้มากมาย ถ้าเช่นนั้น ท่านจงทิ้งมัดเปลือกป่านเสียเถิด เราทั้งสองจักถือเอามัด ผ้าป่าน ไปดีกว่า" สหายสองตอบว่า "สหายมัดเปลือกป่านนี้เราเอามาไกลแล้ว ทั้งมัดไว้ดีแล้วด้วย เราไม่เอาละ ท่านเอาไปคนเดียวเถิด"

จากนั้น สหายหนึ่ง ได้ทิ้งมัดด้ายป่านแล้ว ถือมัดผ้าป่านไป สหายทั้งสองนั้นเข้าไปยังถนนในบ้านอีกแห่งหนึ่ง ได้เห็นลูกฝ้าย ได้เห็นด้ายฝ้าย ได้เห็นผ้าฝ้าย ได้เห็นเหล็ก ได้เห็นโลหะ ได้เห็นดีบุก ได้เห็นสำริด ได้เห็นเงิน ได้เห็นทอง ที่เขาทิ้งไว้มากมายในถนนในบ้านนั้น

ครั้นแล้วสหายหนึ่ง บอกสหายคนที่สองว่า "สหาย เราจะปรารถนาประโยชน์อันใดกับเปลือกป่านหรือด้ายป่าน หรือผ้าป่าน หรือผ้าฝ้าย หรือเหล็ก หรือโลหะ หรือดีบุก หรือสำริด หรือเงิน นี้ทองที่เขาทิ้งไว้มากมาย ถ้าเช่นนั้นท่านจงทิ้งมัดเปลือกป่านนั้นเสียเถิด และฉันก็จักทิ้งห่อเงินเสีย เราทั้งสองจักถือเอาห่อทองไป" สหายสองตอบว่า "สหาย มัดเปลือกป่านนี้เราเอามาไกลแล้ว ทั้งมัดไว้ดีแล้วด้วย เราไม่เอาละ ท่านเอาไปทองคนเดียวเถิด"

ลำดับนั้น สหายหนึ่งได้ทิ้งห่อเงิน ถือเอาห่อทองไป สหายทั้งสองนั้นได้กลับบ้านของตนๆ แล้ว สหายสองผู้ถือเอามัดเปลือกป่านไป มารดาบิดา บุตรภริยา มิตรอำมาตย์ หาได้พากันยินดีไม่ และเขาไม่ได้รับความสุขโสมนัส ซึ่งเกิดจากเหตุที่ได้เปลือกป่านนั้นมา

ส่วน สหายหนึ่ง ได้ถือเอาห่อทอง ไปนั้น มารดา บิดา บุตร ภริยา มิตร อำมาตย์ พากันยินดี ปรีดาและพวกเขาได้รับความสุขโสมนัส ซึ่งเกิดจากเหตุที่ถือเอาห่อทองนั้นมา

ชนชั้นนำ รัฐบาล พรรคการเมืองต่างๆ ในปัจจุบันนี้ เห็นประจักษ์ปรากฏชัดไม่ต่างไปจากบุรุษผู้ถือมัดเปลือกป่าน ขอให้ชนชั้นนำ ผู้ปกครอง สื่อมวลชนบางส่วนจงสละคืนมิจฉาทิฐิว่าประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแล้วนั้นเสียเถิด ขอให้ผู้ปกครองจงทรงปล่อยวางมิจฉาทิฐินั้นเสียเถิด ทิฐิอันลามกนั้นอย่าได้มีแก่ผู้ปกครองเลย ระบอบนี้มิใช่ประโยชน์ เป็นโทษ เป็นเหตุแห่งความทุกข์ร้ายหายนะของแผ่นดินและปวงชนไทย สิ้นกาลนาน (74 ปีล่วงแล้ว)

ขอให้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เจริญรอยตามพระพุทธเจ้า และเจริญรอยตามบูรพพระมหากษัตริย์ไทย และองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช กันเถิด "ทรงพระเจริญ ทรงสถาปนาธรรมาธิปไตย" "ทรงพระเจริญ ทรงสถาปนาธรรมาธิปไตย""ทรงพระเจริญ ทรงสถาปนาธรรมาธิปไตย" เมตตา เมตตา เมตตา...

หาไม่แล้ว จะเสียเวลาและสูญเปล่า จะแก้เหตุวิกฤตชาติไม่ได้เลย
กำลังโหลดความคิดเห็น