มีแฟนคอลัมน์และผู้ใหญ่หลายท่านต้องการรู้เรื่องของ "สโมสร 19" ที่ผมเคยเขียนถึง 2 ครั้งมากเป็นพิเศษ ก็เห็นจะต้องสนองตอบเสียหน่อยตามความรับรู้ที่พอมีอยู่
สรุปสั้นๆ ว่าเป็นการรวมกลุ่มของคนที่เคยเข้าป่าไปร่วมต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ในเขตงานอีสานใต้
กินพื้นที่ 14 เขตงานตามการจำแนกของ พคท.
บุรีรัมย์, นครราชสีมา, ชัยภูมิ, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, นครนายก, อุบลราชธานี, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, จันทบุรี, ตราด, ระยอง, ชลบุรี และฉะเชิงเทรา
อีสานใต้เคยเป็นเขตงานที่ได้รับการกล่าวขวัญว่ามีเขตงานกว้างขวาง มีการสู้รบอันดุเดือดแหลมคม ทั้งต่อพวกศัตรูของประชาชนในประเทศ และการรุกรานจากภายนอก
คูซอดคือแหล่งกำเนิดของนักต่อสู้เพื่อประชาชนมาตั้งแต่ครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีลูกหลานนักปฏิวัติคนแล้วคนเล่าที่ได้โถมตัวเองเข้าแบกรับภารกิจ
สโมสร 19 เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปลายปี 2532 และมีนายกสโมสรคนแรกตั้งแต่ปี 2534 หลังจากการรวมกลุ่มกันประมาณปีกว่าๆ นับจากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา 15 ปีแล้ว วัตถุประสงค์แต่เริ่มแรกก็เป็นการรวมตัวเพื่อจัดงานรำลึกมิตรสหายที่เสียสละไปในการต่อสู้ในเขตป่าเขาเป็นสำคัญ เหมือนๆ กับคนที่เข้าป่าในเขตงานอื่น ซึ่งก็มักจะจัดตั้งอนุสรณ์สถาน หรือสถูป ขึ้นในแต่ละพื้นที่ที่เคยเป็นเขตงานการเคลื่อนไหวในอดีต มิได้เป็นองค์กรเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนแนวทางทางการเมืองของผู้ใด
การต่อสู้ในเขตอีสานใต้ยุติลงอย่างสิ้นเชิงในปี 2527 ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับสู่ภูมิลำเนาของตน
ต่างประกอบสัมมาอาชีพ หรือไม่ก็ศึกษาต่อ เมื่อลงหลักปักฐานได้ในประมาณปี 2538 ก็ได้ตั้งคณะทำงานออกขุดหาศพของผู้เสียชีวิตในเขตป่าเขาซึ่งถูกฝังอย่างเร่งรีบในยุคการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ คณะทำงานได้ร่วมกันนำอัฐิที่ขุดหามาได้ทำพิธีฌาปนกิจ และได้รวบรวมปัจจัยก่อสร้างเป็นสถูปอนุสรณ์สถานขึ้นเสร็จสมบูรณ์ในปี 2539
อนุสรณ์สถานที่ว่านี้ตั้งอยู่ในบริเวณวัดบ้านโคกเขา ตำบลโคกมะม่วง อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยงเชิงประวัติศาสตร์
สโมสร 19 มีนายกสโมสรมาแล้วทั้งหมด 7 คน
บังเอิญมามีปัญหากันในช่วงปี 2549 นี้ก็เพราะมีอดีตสหายที่เคยจับปืนสู้กับรัฐบาลในเขตงานนี้เข้าไปเป็นใหญ่เป็นโตในรัฐบาลปัจจุบัน 2 คนอย่างที่รู้ๆ กันอยู่แล้ว ทบทวนให้ได้อีกทีว่าคือ...
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช
นายภูมิธรรม เวชยชัย
ที่มีปัญหาก็เพราะกรรมการสโมสรชุดต้นปี 2549 ที่มีภาสกร อรรถสิษฐเป็นนายกฯ และมีกรรมการอีก 6 คน คือ สมศักดิ์ สาลี, วุฒิชาญ เชิญรุ่งโรจน์, ปัทมาภรณ์ พิชัยกุล, สวัสดิ์ เศรษฐสิทธิ์, ฐาปนีย์ วิริยกสิกร และสมศรี เดชเกรียงไกรสร เข้าไปอวยพรเพื่อนฝูงในอดีตที่ทำงานอยู่กับรัฐบาลในนามกลุ่ม "เสรีชนคนตุลา" และต่อมามีการประกาศเจตนารมณ์ของกลุ่มรวม 4 ประการ ซึ่งแม้จะไม่ได้กระทำในนามสโมสรก็ตาม แต่ก็ทำให้สมาชิกจำนวนไม่น้อยไม่พอใจ เป็นเหตุให้กรรมการสโมสรชุดนี้ลาออกยกชุดเมื่อไม่นานมานี้
จากนั้น ก็มีการถกเถียงอภิปรายกันมากพอสมควรว่าในสถานการณ์เช่นนี้แต่ละคนควรจะวางตัวอย่างไร
อยากให้เข้าไปศึกษากันไนเว็บไซต์ "บ้านตุลาไทย" ของอดีตสหาย
www.thaioctober.com
กรรมการชุดมอบดอกไม้ลาออกเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2549 แต่ในจดหมายลาออกนั้นระบุเหตุผลที่เสมือนแสดงจุดยืนทางการเมืองไว้ด้วยสี่ซ้าห้าประการ ก็เลยเป็นประเด็นให้โต้เถียงกัน มีสมาชิกคนหนึ่งโพสต์ข้อความคัดค้านจุดยืนทางการเมืองดังกล่าวเข้ามาในเว็บไซต์บ้านตุลาไทย ขออนุญาตนำบางส่วนมาแสดง ณ ที่นี้นะครับ
......................
จดหมายข่าวที่มีถ้อยกระทงความอ่อนหัดไร้เดียงสา 4 ข้อดังต่อไปนี้
1. นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้งเพราะเป็นแนวทางเดียวสำหรับระบอบประชาธิปไตย
ขอโทษไม่ทราบเรียนจบมาจากที่ใด ในประเทศเผด็จการก็มีนายกฯ มาจากการเลือกตั้ง และที่สำคัญการเลือกตั้งไม่ใช่หัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย สิทธิและเสรีภาพต่างหากที่เป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
2. สนับสนุนการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตย (แล้ววงเล็บว่าไม่ให้ใครหรือกลุ่มใดคิดแทนคนทั้งประเทศ)
การเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่มีใครคัดค้านหรอก แต่ที่มันเห็นและเป็นอยู่นี้มันไม่ใช่ กรุณาอย่าแกล้งโง่ คุณคิดว่าองค์กรอิสระที่ลอยหน้าลอยตา รวมทั้ง กกต.ในขณะนี้ มันบริสุทธิ์และเป็นตัวของตัวเองขนาดนั้นจริงหรือ คุณคิดว่าทักษิณ ชินวัตรมันไม่ได้ซุกหุ้นตั้งแต่วันเข้ารับตำแหน่งจริงหรือ ขอถามสักคำว่าสภาฯ มันมีความผิดอะไร จึงไปยุบมันทั้งที่อยู่ในสมัยปิดสภา
ชาวบ้านเขาชุมนุมโครมๆ บอกว่ามันเอาทรัพย์สมบัติของชาติไปขาย เขาไม้ด่าว่าสภา หรือ ส.ส.ในสภาลุกขึ้นมาด่านายกฯ สักหน่อย ดันเสือกยุบสภาด้วยเรื่องอะไร มันประกาศยุบสภา 5 หรือ 6 โมงจำไม่ได้ กกต.มันประชุมกำหนดวันเวลาเลือกตั้ง ตั้งแต่บ่ายสามโมง ถามว่ามันรู้ได้อย่างไรว่าจะมีการยุบสภา นี่หรือคือระบอบประชาธิปไตยที่พวกคุณนิยมชมชอบ ไร้เดียงสาจัง
3. สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างมีส่วนร่วม
ใครๆ เขาก็คิดอย่างนี้ทั้งนั้น แต่อยากถามว่าถ้าทักษิณ ชินวัตรมันยังเรืองอำนาจ มีหรือมันจะแต่งตั้งคนที่ไม่เห็นด้วยกับมันให้เข้ามามีบทบาทในการกำหนดกรอบ กติกา ให้พวกมันเดิน
ส่วนที่บอกว่าต้องแก้ปัญหาที่หลักการ ในความเป็นจริงของนักปกครองการแก้ไขปัญหาเขาใช้หลักนิติรัฐศาสตร์ครับ หวังว่าคงไม่ต้องอธิบาย
4. คัดค้านการสร้างเงื่อนไขความรุนแรงทุกฝ่าย
พวกคุณน่าจะไปบอกไอ้ยุทธ์ ตู้เย็น และไอ้พวกหมอผีเขมร มากกว่า ไม่ได้ลืมตาดูเลยหรือว่าในที่ชุมนุมนั้นเขาแจกธงสันติวิธีสีส้มกันเต็มไปหมด แค่นั้นยังไม่พอ มีการลงทุนพิมพ์หนังสือแจกคู่มือการชุมนุมอย่างสงบและสันติ
ขอโทษครับ เงื่อนไขความรุนแรงทั้งในอดีตและปัจจุบันล้วนแล้วมาจากฝ่ายชนชั้นปกครองทั้งสิ้น
ที่จริง ก่อนหน้าที่จะไปสวามิภักดิ์พวก "ตุลาชิน" น่าจะแถลงลาออกก่อนหน้านั้นหรือวันนั้นน่าจะดีกว่า
ความเสียหายในเรื่องของเกียรติภูมิสโมสร 19 การลาออกแค่นี้มันไม่เพียงพอหรอก เพราะเกียรติภูมิของอีสานใต้กว่าที่จะสร้างมาได้ขนาดนี้ใช้เวลาไม่ใช่น้อย แต่พวกคุณทำลายมันภายในไม่กี่นาที
........................
แสดงให้เห็นว่าคนที่เคยเข้าป่านั้น ไม่ว่าที่เขตงานอีสานใต้ หรือเขตอื่น ไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับอดีตสหายที่รับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรทั้งหมด มีจำนวนไม่น้อยมาร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเต็มกำลังด้วยซ้ำ
ขอจบลงด้วยบทกวีที่อ่านพบในเว็บไซต์บ้านตุลาไทยนะครับ....
รุ่นเก่าตาย รุ่นใหม่เกิด ได้เชิดชู
ดีกว่าอยู่ ไร้ความหมาย ตายทั้งเป็น!
สรุปสั้นๆ ว่าเป็นการรวมกลุ่มของคนที่เคยเข้าป่าไปร่วมต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ในเขตงานอีสานใต้
กินพื้นที่ 14 เขตงานตามการจำแนกของ พคท.
บุรีรัมย์, นครราชสีมา, ชัยภูมิ, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, นครนายก, อุบลราชธานี, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, จันทบุรี, ตราด, ระยอง, ชลบุรี และฉะเชิงเทรา
อีสานใต้เคยเป็นเขตงานที่ได้รับการกล่าวขวัญว่ามีเขตงานกว้างขวาง มีการสู้รบอันดุเดือดแหลมคม ทั้งต่อพวกศัตรูของประชาชนในประเทศ และการรุกรานจากภายนอก
คูซอดคือแหล่งกำเนิดของนักต่อสู้เพื่อประชาชนมาตั้งแต่ครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีลูกหลานนักปฏิวัติคนแล้วคนเล่าที่ได้โถมตัวเองเข้าแบกรับภารกิจ
สโมสร 19 เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปลายปี 2532 และมีนายกสโมสรคนแรกตั้งแต่ปี 2534 หลังจากการรวมกลุ่มกันประมาณปีกว่าๆ นับจากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา 15 ปีแล้ว วัตถุประสงค์แต่เริ่มแรกก็เป็นการรวมตัวเพื่อจัดงานรำลึกมิตรสหายที่เสียสละไปในการต่อสู้ในเขตป่าเขาเป็นสำคัญ เหมือนๆ กับคนที่เข้าป่าในเขตงานอื่น ซึ่งก็มักจะจัดตั้งอนุสรณ์สถาน หรือสถูป ขึ้นในแต่ละพื้นที่ที่เคยเป็นเขตงานการเคลื่อนไหวในอดีต มิได้เป็นองค์กรเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนแนวทางทางการเมืองของผู้ใด
การต่อสู้ในเขตอีสานใต้ยุติลงอย่างสิ้นเชิงในปี 2527 ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับสู่ภูมิลำเนาของตน
ต่างประกอบสัมมาอาชีพ หรือไม่ก็ศึกษาต่อ เมื่อลงหลักปักฐานได้ในประมาณปี 2538 ก็ได้ตั้งคณะทำงานออกขุดหาศพของผู้เสียชีวิตในเขตป่าเขาซึ่งถูกฝังอย่างเร่งรีบในยุคการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ คณะทำงานได้ร่วมกันนำอัฐิที่ขุดหามาได้ทำพิธีฌาปนกิจ และได้รวบรวมปัจจัยก่อสร้างเป็นสถูปอนุสรณ์สถานขึ้นเสร็จสมบูรณ์ในปี 2539
อนุสรณ์สถานที่ว่านี้ตั้งอยู่ในบริเวณวัดบ้านโคกเขา ตำบลโคกมะม่วง อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยงเชิงประวัติศาสตร์
สโมสร 19 มีนายกสโมสรมาแล้วทั้งหมด 7 คน
บังเอิญมามีปัญหากันในช่วงปี 2549 นี้ก็เพราะมีอดีตสหายที่เคยจับปืนสู้กับรัฐบาลในเขตงานนี้เข้าไปเป็นใหญ่เป็นโตในรัฐบาลปัจจุบัน 2 คนอย่างที่รู้ๆ กันอยู่แล้ว ทบทวนให้ได้อีกทีว่าคือ...
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช
นายภูมิธรรม เวชยชัย
ที่มีปัญหาก็เพราะกรรมการสโมสรชุดต้นปี 2549 ที่มีภาสกร อรรถสิษฐเป็นนายกฯ และมีกรรมการอีก 6 คน คือ สมศักดิ์ สาลี, วุฒิชาญ เชิญรุ่งโรจน์, ปัทมาภรณ์ พิชัยกุล, สวัสดิ์ เศรษฐสิทธิ์, ฐาปนีย์ วิริยกสิกร และสมศรี เดชเกรียงไกรสร เข้าไปอวยพรเพื่อนฝูงในอดีตที่ทำงานอยู่กับรัฐบาลในนามกลุ่ม "เสรีชนคนตุลา" และต่อมามีการประกาศเจตนารมณ์ของกลุ่มรวม 4 ประการ ซึ่งแม้จะไม่ได้กระทำในนามสโมสรก็ตาม แต่ก็ทำให้สมาชิกจำนวนไม่น้อยไม่พอใจ เป็นเหตุให้กรรมการสโมสรชุดนี้ลาออกยกชุดเมื่อไม่นานมานี้
จากนั้น ก็มีการถกเถียงอภิปรายกันมากพอสมควรว่าในสถานการณ์เช่นนี้แต่ละคนควรจะวางตัวอย่างไร
อยากให้เข้าไปศึกษากันไนเว็บไซต์ "บ้านตุลาไทย" ของอดีตสหาย
www.thaioctober.com
กรรมการชุดมอบดอกไม้ลาออกเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2549 แต่ในจดหมายลาออกนั้นระบุเหตุผลที่เสมือนแสดงจุดยืนทางการเมืองไว้ด้วยสี่ซ้าห้าประการ ก็เลยเป็นประเด็นให้โต้เถียงกัน มีสมาชิกคนหนึ่งโพสต์ข้อความคัดค้านจุดยืนทางการเมืองดังกล่าวเข้ามาในเว็บไซต์บ้านตุลาไทย ขออนุญาตนำบางส่วนมาแสดง ณ ที่นี้นะครับ
......................
จดหมายข่าวที่มีถ้อยกระทงความอ่อนหัดไร้เดียงสา 4 ข้อดังต่อไปนี้
1. นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้งเพราะเป็นแนวทางเดียวสำหรับระบอบประชาธิปไตย
ขอโทษไม่ทราบเรียนจบมาจากที่ใด ในประเทศเผด็จการก็มีนายกฯ มาจากการเลือกตั้ง และที่สำคัญการเลือกตั้งไม่ใช่หัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย สิทธิและเสรีภาพต่างหากที่เป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
2. สนับสนุนการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตย (แล้ววงเล็บว่าไม่ให้ใครหรือกลุ่มใดคิดแทนคนทั้งประเทศ)
การเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่มีใครคัดค้านหรอก แต่ที่มันเห็นและเป็นอยู่นี้มันไม่ใช่ กรุณาอย่าแกล้งโง่ คุณคิดว่าองค์กรอิสระที่ลอยหน้าลอยตา รวมทั้ง กกต.ในขณะนี้ มันบริสุทธิ์และเป็นตัวของตัวเองขนาดนั้นจริงหรือ คุณคิดว่าทักษิณ ชินวัตรมันไม่ได้ซุกหุ้นตั้งแต่วันเข้ารับตำแหน่งจริงหรือ ขอถามสักคำว่าสภาฯ มันมีความผิดอะไร จึงไปยุบมันทั้งที่อยู่ในสมัยปิดสภา
ชาวบ้านเขาชุมนุมโครมๆ บอกว่ามันเอาทรัพย์สมบัติของชาติไปขาย เขาไม้ด่าว่าสภา หรือ ส.ส.ในสภาลุกขึ้นมาด่านายกฯ สักหน่อย ดันเสือกยุบสภาด้วยเรื่องอะไร มันประกาศยุบสภา 5 หรือ 6 โมงจำไม่ได้ กกต.มันประชุมกำหนดวันเวลาเลือกตั้ง ตั้งแต่บ่ายสามโมง ถามว่ามันรู้ได้อย่างไรว่าจะมีการยุบสภา นี่หรือคือระบอบประชาธิปไตยที่พวกคุณนิยมชมชอบ ไร้เดียงสาจัง
3. สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างมีส่วนร่วม
ใครๆ เขาก็คิดอย่างนี้ทั้งนั้น แต่อยากถามว่าถ้าทักษิณ ชินวัตรมันยังเรืองอำนาจ มีหรือมันจะแต่งตั้งคนที่ไม่เห็นด้วยกับมันให้เข้ามามีบทบาทในการกำหนดกรอบ กติกา ให้พวกมันเดิน
ส่วนที่บอกว่าต้องแก้ปัญหาที่หลักการ ในความเป็นจริงของนักปกครองการแก้ไขปัญหาเขาใช้หลักนิติรัฐศาสตร์ครับ หวังว่าคงไม่ต้องอธิบาย
4. คัดค้านการสร้างเงื่อนไขความรุนแรงทุกฝ่าย
พวกคุณน่าจะไปบอกไอ้ยุทธ์ ตู้เย็น และไอ้พวกหมอผีเขมร มากกว่า ไม่ได้ลืมตาดูเลยหรือว่าในที่ชุมนุมนั้นเขาแจกธงสันติวิธีสีส้มกันเต็มไปหมด แค่นั้นยังไม่พอ มีการลงทุนพิมพ์หนังสือแจกคู่มือการชุมนุมอย่างสงบและสันติ
ขอโทษครับ เงื่อนไขความรุนแรงทั้งในอดีตและปัจจุบันล้วนแล้วมาจากฝ่ายชนชั้นปกครองทั้งสิ้น
ที่จริง ก่อนหน้าที่จะไปสวามิภักดิ์พวก "ตุลาชิน" น่าจะแถลงลาออกก่อนหน้านั้นหรือวันนั้นน่าจะดีกว่า
ความเสียหายในเรื่องของเกียรติภูมิสโมสร 19 การลาออกแค่นี้มันไม่เพียงพอหรอก เพราะเกียรติภูมิของอีสานใต้กว่าที่จะสร้างมาได้ขนาดนี้ใช้เวลาไม่ใช่น้อย แต่พวกคุณทำลายมันภายในไม่กี่นาที
........................
แสดงให้เห็นว่าคนที่เคยเข้าป่านั้น ไม่ว่าที่เขตงานอีสานใต้ หรือเขตอื่น ไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับอดีตสหายที่รับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรทั้งหมด มีจำนวนไม่น้อยมาร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเต็มกำลังด้วยซ้ำ
ขอจบลงด้วยบทกวีที่อ่านพบในเว็บไซต์บ้านตุลาไทยนะครับ....
รุ่นเก่าตาย รุ่นใหม่เกิด ได้เชิดชู
ดีกว่าอยู่ ไร้ความหมาย ตายทั้งเป็น!