ความมหัศจรรย์ของนครวัดนั้น ฝรั่งถึงกับพูดว่า “ไปเห็นนครวัดแล้วก็ตายได้” หรือก่อนจะตายก็ขอให้ได้เห็นนครวัดเสียก่อน
ตอนพ่อผมเป็นทูตอยู่เขมรนั้น ผมไม่ได้ไปหาท่านเลย จึงไม่เคยไปนครวัด ต่อมาผมได้ไปเป็นที่ปรึกษาของนายอากาชิ ที่ปรึกษาองค์การสหประชาชาติที่เข้าไปช่วยจัดระเบียบการปกครองกัมพูชาอยู่พักหนึ่ง ผมก็ยังไม่ได้ไปนครวัด เพิ่งจะสบโอกาสได้ไปเมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง
ผมขึ้นเครื่องบางกอกแอร์เวย์สไปเสียมเรียบ ใช้เวลาเดินทาง 55 นาที สังเกตดูแอร์โฮสเตสสวมรองเท้าส้นเตี้ยเลยนึกถึงแอร์การบินไทยที่สวมรองเท้าส้นสูง ผมว่ารองเท้าส้นเตี้ยจะช่วยในการทำงานดีกว่า เขาแจกอาหารกล่องอร่อยดี ผมเห็นว่าบางกอกแอร์เวย์สได้ปรับปรุงบริการดีมาก และยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำเขมรอีกด้วย ทราบมาว่าผู้นำเขมรซาบซึ้งที่บางกอกแอร์เวย์ส ใจกล้าไปเปิดเส้นทางกรุงเทพฯ-พนมเปญและเสียมเรียบตอนที่เขมรยังวุ่นๆ อยู่
เมืองเสียมเรียบนี้ คนเขมรเล่าว่าหมายถึงสยามแพ้ราบคาบ ส่วนทางคนไทยก็บอกว่าหมายถึงสยามตีเขมรเสียราบเรียบไปก็เลยไม่รู้จะเชื่อใคร
ผมรู้สึกทึ่งกับตึกรามบ้านช่องในเมืองเสียมเรียบมากเพราะดูงดงาม ออกแบบไปในทางเดียวกัน สีสันก็เหมาะกับเป็นเมืองโบราณ ได้ความว่าเขามีกฎให้ต้องทำหลังคาหน้าจั่ว
สองข้างทางจากสนามบินเข้าเมืองมีโรงแรมเรียงรายกันมากมาย ที่สร้างใหม่ก็แยะ เวลานี้เสียมเรียบมีห้องพักประมาณหนึ่งหมื่นเก้าพันห้อง โรงแรมห้าดาวมีอยู่มากกว่าสิบแห่ง ราคาแพงกว่าโรงแรมที่เชียงใหม่ คนที่พาเราเที่ยวบอกว่าหลายแห่งเป็นของ ส.ส.และรัฐมนตรี
ผมพักที่โรงแรม Ankor Palace เป็นโรงแรมห้าดาวสร้างฝีมือดี และสวยงามห้องพักก็ดี สังเกตพนักงานเขาฝึกกันมาดีมาก จะยิ้มแย้มทักทายเราตลอดเวลา และให้บริการอย่างดี ทราบว่าที่เสียมเรียบมีโรงเรียนฝึกพนักงานโรงแรมและมัคคุเทศก์โดยเฉพาะ
มาเขมรคราวนี้ ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงผิดไปจากเมื่อยี่สิบปีก่อนมาก ผู้คนดูหน้าตาแจ่มใสเบิกบานกว่าแต่ก่อนแยะ นักวิชาการเขมรที่มาเสนอบทความในการสัมมนาที่ผมไปร่วมก็มีความเชื่อมั่นในตนเอง พูดภาษาอังกฤษดี โต้ตอบคำถามและร่วมให้ความเห็นอย่างคล่องแคล่ว
ผมไปนครวัด นครธมเพียงสองแห่ง เนื่องจากไปหน้านี้และไปตอนเช้าจึงร้อนมาก นครวัดอลังการและดูลึกลับน่าอัศจรรย์ตามคำบอกเล่าของผู้ซึ่งเคยไปเยือนมาแล้ว ผมไม่ได้ขึ้นไปบนยอดเพราะสูงเกินไป ได้แต่เดินดูรอบๆ ทั้งสี่ด้าน มาถึงภาพนูนที่สลักเป็นรูปทหารสยามไว้ข้างบนมีรอยกะเทาะโหว่อยู่ เขาบอกว่าตรงนี้เคยมีคำจารึกอยู่ คงเป็นคำว่า สยำกุก ที่เราเคยอ่านพบแสดงว่าเพิ่งมีคนมือบอนไปกะเทาะออก
เมื่อคิดถึงการสร้างที่ต้องใช้หินก้อนโตๆ มาวางเรียงกัน และมีการแกะสลักหินอย่างงดงามดูเหมือนกับฝีมือของคนคนเดียวแล้ว ก็นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจริงๆ ผมยังนึกว่าหากมายามพระจันทร์เต็มดวงคงจะงาม และดูลึกลับกว่าตอนกลางวันมาก
นครวัดได้รับการบูรณะจากฝรั่งเศส อินเดีย และญี่ปุ่น ฝรั่งเศสใช้ซีเมนต์ซ่อมก็เลยไม่ค่อยจะน่าดูเท่าไร โดยเฉพาะตรงระเบียงที่หลังคาแต่เดิมเป็นไม้สลักรูปดอกบัวไว้ เวลานี้ก็เปลี่ยนเป็นปูนหล่อจากแม่พิมพ์ เวลานี้เขมรก็เลยจัดตั้งองค์การอัปสรขึ้นคอยดูแลจัดการนครวัด นครธม และโบราณสถานในบริเวณใกล้เคียง พนักงานขององค์การนี้มาบรรยายให้เราฟังถึงหน้าที่ของพวกเขาอย่างละเอียด
อาหารการกินของเขมรคล้ายบ้านเรา แต่เข้มข้นน้อยกว่าอย่างขนมจีนน้ำยา น้ำก็ใสๆ ต้มยำก็เช่นกัน เขานิยมใส่มะขามเปียกแทนมะนาว หากไปกินอาหารของร้านในเมืองที่ไม่ใช่ของโรงแรม คนปรุงจะนิยมใส่ผงชูรสลงไปมาก
ที่ผมทึ่งก็คือการฟ้อนรำ ซึ่งเขมรนำไปจากไทยเรา ผมได้ดูรำอัปสร คนรำสวยและรำได้อ่อนช้อยมาก
ผมคิดถูกแล้วที่ไปเสียมเรียบตอนนี้ เพราะสนามบินก็ใหม่เอี่ยม โรงแรมก็ดี น้ำท่าก็สะอาดไม่เหมือนเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว การชมโบราณสถานนั้นที่จริงต้องค่อยๆ เดินดูใช้เวลาสามวันจึงจะดี ผมคิดว่าถ้ากลับไปตอนเดือนธันวาคม จะใช้เวลาให้มากกว่านี้
ไปนครวัดคราวนี้ก็นึกถึงพ่อผมสมัยเป็นทูตเขมรลองนล น้องชายลองนอล ได้ขอให้ทหารไทยส่งทหารเข้าไปช่วยรบกับเขมรแดง ซึ่งตอนนั้นยึดเสียมเรียบอยู่ และก็ไปอยู่ในนครวัดเสียด้วย พ่อผมได้คัดค้านสุดเหวี่ยงว่านครวัดเป็นมรดกโลก ขืนไทยเอาทหารเข้าไปและเกิดความเสียหายขึ้น ก็จะถูกชาวโลกประณาม เรื่องนี้คนเขมรที่ลี้ภัยไปอเมริกาได้เขียนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่าหากพ่อผมไม่คัดค้านทัดทานไว้ นครวัดคงเสียหายไปแล้ว
ปีๆ หนึ่งชาวต่างประเทศไปนครวัดสัก 7-8 แสนคน พนักงานองค์การอัปสรที่ดูแลอยู่เห็นว่า วันหนึ่งคนควรเข้าไปดูไม่เกิน 5 พันคน วันที่ผมไปคงมีคนสัก 2 พัน เป็นคนเขมรเสียส่วนใหญ่ และเป็นเด็กนักเรียนเสียมาก
ฝรั่งบางคนมานครวัดถึงสี่-ห้าครั้งแล้ว เสียดายที่อากาศร้อนอบอ้าวมาก จึงเสียบรรยากาศไป เวลาเดินดูโบราณสถานแล้วก็ลืมเรื่องอื่นๆ หมด
นอกจากโบราณสถานแล้ว เสียมเรียบก็ไม่มีอะไรให้ดู แม่น้ำเสียมเรียบก็ตื้นเขิน ตลาดก็เล็ก ของขายที่ขึ้นหน้าขึ้นตาก็คือปลากรอบซึ่งแพงมาก ผมไม่มีวัฒนธรรมในการซื้อปลากรอบ เพราะแต่ก่อนมีเพื่อนเขมรเอามาให้ ก็เลยตกใจที่รู้ว่าเขาขายกันกิโลละ 300-500 บาท คนขายบอกว่าดูทีวีไทยเลยพูดไทยได้ของอื่นที่พอจะซื้อได้ก็มีเครื่องเงินและผ้าไหม แต่เครื่องเงินก็สวยสู้สมัยก่อนไม่ได้ ผ้าไหมแก้วเมตรละ 120 บาท เขาว่าเมืองไทยขายเมตรละ 200-300 บาท
ที่ตลาดมีขอทานขาด้วนเยอะแยะ ผมเห็นเป็นประเทศคอมมิวนิสต์จึงไม่ได้ให้สตางค์ขอทาน เพราะนึกว่ารัฐควรเลี้ยงดูได้ ที่จริงผมชอบให้เงินขอทาน แต่ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เลยไปบอกคนเขมรว่า ประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์เขาไม่ปล่อยให้มีขอทานหรอก รัฐควรดูแลให้หมด
ผมลืมเล่ารายละเอียดเรื่องการสัมมนาไป ดร.มิ่งสรรพ์ ที่มช.เป็นคนจัดนำนักวิชาการไทย-เขมร-ลาว-เวียดนาม-จีนมาคุยกัน เรื่องการท่องเที่ยวแถบลุ่มน้ำโขง มีผลงานดีๆ จากหลายประเทศเชิงเปรียบเทียบกัน เนื่องจากผมเคยสัมมนามานมนานแล้ว คราวนี้จึงไปเป็นประธานให้เขาเท่านั้น ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรทั้งสิ้น
ตอนไปนครธมที่บายอนมองขึ้นไปเห็นเทวรูป 4 หน้า หน้าเหลี่ยมทั้งนั้น นึกถึงเมืองไทย ผมกลับมาคนหน้าเหลี่ยมก็ยังไม่ออกไป
ตอนพ่อผมเป็นทูตอยู่เขมรนั้น ผมไม่ได้ไปหาท่านเลย จึงไม่เคยไปนครวัด ต่อมาผมได้ไปเป็นที่ปรึกษาของนายอากาชิ ที่ปรึกษาองค์การสหประชาชาติที่เข้าไปช่วยจัดระเบียบการปกครองกัมพูชาอยู่พักหนึ่ง ผมก็ยังไม่ได้ไปนครวัด เพิ่งจะสบโอกาสได้ไปเมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง
ผมขึ้นเครื่องบางกอกแอร์เวย์สไปเสียมเรียบ ใช้เวลาเดินทาง 55 นาที สังเกตดูแอร์โฮสเตสสวมรองเท้าส้นเตี้ยเลยนึกถึงแอร์การบินไทยที่สวมรองเท้าส้นสูง ผมว่ารองเท้าส้นเตี้ยจะช่วยในการทำงานดีกว่า เขาแจกอาหารกล่องอร่อยดี ผมเห็นว่าบางกอกแอร์เวย์สได้ปรับปรุงบริการดีมาก และยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำเขมรอีกด้วย ทราบมาว่าผู้นำเขมรซาบซึ้งที่บางกอกแอร์เวย์ส ใจกล้าไปเปิดเส้นทางกรุงเทพฯ-พนมเปญและเสียมเรียบตอนที่เขมรยังวุ่นๆ อยู่
เมืองเสียมเรียบนี้ คนเขมรเล่าว่าหมายถึงสยามแพ้ราบคาบ ส่วนทางคนไทยก็บอกว่าหมายถึงสยามตีเขมรเสียราบเรียบไปก็เลยไม่รู้จะเชื่อใคร
ผมรู้สึกทึ่งกับตึกรามบ้านช่องในเมืองเสียมเรียบมากเพราะดูงดงาม ออกแบบไปในทางเดียวกัน สีสันก็เหมาะกับเป็นเมืองโบราณ ได้ความว่าเขามีกฎให้ต้องทำหลังคาหน้าจั่ว
สองข้างทางจากสนามบินเข้าเมืองมีโรงแรมเรียงรายกันมากมาย ที่สร้างใหม่ก็แยะ เวลานี้เสียมเรียบมีห้องพักประมาณหนึ่งหมื่นเก้าพันห้อง โรงแรมห้าดาวมีอยู่มากกว่าสิบแห่ง ราคาแพงกว่าโรงแรมที่เชียงใหม่ คนที่พาเราเที่ยวบอกว่าหลายแห่งเป็นของ ส.ส.และรัฐมนตรี
ผมพักที่โรงแรม Ankor Palace เป็นโรงแรมห้าดาวสร้างฝีมือดี และสวยงามห้องพักก็ดี สังเกตพนักงานเขาฝึกกันมาดีมาก จะยิ้มแย้มทักทายเราตลอดเวลา และให้บริการอย่างดี ทราบว่าที่เสียมเรียบมีโรงเรียนฝึกพนักงานโรงแรมและมัคคุเทศก์โดยเฉพาะ
มาเขมรคราวนี้ ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงผิดไปจากเมื่อยี่สิบปีก่อนมาก ผู้คนดูหน้าตาแจ่มใสเบิกบานกว่าแต่ก่อนแยะ นักวิชาการเขมรที่มาเสนอบทความในการสัมมนาที่ผมไปร่วมก็มีความเชื่อมั่นในตนเอง พูดภาษาอังกฤษดี โต้ตอบคำถามและร่วมให้ความเห็นอย่างคล่องแคล่ว
ผมไปนครวัด นครธมเพียงสองแห่ง เนื่องจากไปหน้านี้และไปตอนเช้าจึงร้อนมาก นครวัดอลังการและดูลึกลับน่าอัศจรรย์ตามคำบอกเล่าของผู้ซึ่งเคยไปเยือนมาแล้ว ผมไม่ได้ขึ้นไปบนยอดเพราะสูงเกินไป ได้แต่เดินดูรอบๆ ทั้งสี่ด้าน มาถึงภาพนูนที่สลักเป็นรูปทหารสยามไว้ข้างบนมีรอยกะเทาะโหว่อยู่ เขาบอกว่าตรงนี้เคยมีคำจารึกอยู่ คงเป็นคำว่า สยำกุก ที่เราเคยอ่านพบแสดงว่าเพิ่งมีคนมือบอนไปกะเทาะออก
เมื่อคิดถึงการสร้างที่ต้องใช้หินก้อนโตๆ มาวางเรียงกัน และมีการแกะสลักหินอย่างงดงามดูเหมือนกับฝีมือของคนคนเดียวแล้ว ก็นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจริงๆ ผมยังนึกว่าหากมายามพระจันทร์เต็มดวงคงจะงาม และดูลึกลับกว่าตอนกลางวันมาก
นครวัดได้รับการบูรณะจากฝรั่งเศส อินเดีย และญี่ปุ่น ฝรั่งเศสใช้ซีเมนต์ซ่อมก็เลยไม่ค่อยจะน่าดูเท่าไร โดยเฉพาะตรงระเบียงที่หลังคาแต่เดิมเป็นไม้สลักรูปดอกบัวไว้ เวลานี้ก็เปลี่ยนเป็นปูนหล่อจากแม่พิมพ์ เวลานี้เขมรก็เลยจัดตั้งองค์การอัปสรขึ้นคอยดูแลจัดการนครวัด นครธม และโบราณสถานในบริเวณใกล้เคียง พนักงานขององค์การนี้มาบรรยายให้เราฟังถึงหน้าที่ของพวกเขาอย่างละเอียด
อาหารการกินของเขมรคล้ายบ้านเรา แต่เข้มข้นน้อยกว่าอย่างขนมจีนน้ำยา น้ำก็ใสๆ ต้มยำก็เช่นกัน เขานิยมใส่มะขามเปียกแทนมะนาว หากไปกินอาหารของร้านในเมืองที่ไม่ใช่ของโรงแรม คนปรุงจะนิยมใส่ผงชูรสลงไปมาก
ที่ผมทึ่งก็คือการฟ้อนรำ ซึ่งเขมรนำไปจากไทยเรา ผมได้ดูรำอัปสร คนรำสวยและรำได้อ่อนช้อยมาก
ผมคิดถูกแล้วที่ไปเสียมเรียบตอนนี้ เพราะสนามบินก็ใหม่เอี่ยม โรงแรมก็ดี น้ำท่าก็สะอาดไม่เหมือนเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว การชมโบราณสถานนั้นที่จริงต้องค่อยๆ เดินดูใช้เวลาสามวันจึงจะดี ผมคิดว่าถ้ากลับไปตอนเดือนธันวาคม จะใช้เวลาให้มากกว่านี้
ไปนครวัดคราวนี้ก็นึกถึงพ่อผมสมัยเป็นทูตเขมรลองนล น้องชายลองนอล ได้ขอให้ทหารไทยส่งทหารเข้าไปช่วยรบกับเขมรแดง ซึ่งตอนนั้นยึดเสียมเรียบอยู่ และก็ไปอยู่ในนครวัดเสียด้วย พ่อผมได้คัดค้านสุดเหวี่ยงว่านครวัดเป็นมรดกโลก ขืนไทยเอาทหารเข้าไปและเกิดความเสียหายขึ้น ก็จะถูกชาวโลกประณาม เรื่องนี้คนเขมรที่ลี้ภัยไปอเมริกาได้เขียนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่าหากพ่อผมไม่คัดค้านทัดทานไว้ นครวัดคงเสียหายไปแล้ว
ปีๆ หนึ่งชาวต่างประเทศไปนครวัดสัก 7-8 แสนคน พนักงานองค์การอัปสรที่ดูแลอยู่เห็นว่า วันหนึ่งคนควรเข้าไปดูไม่เกิน 5 พันคน วันที่ผมไปคงมีคนสัก 2 พัน เป็นคนเขมรเสียส่วนใหญ่ และเป็นเด็กนักเรียนเสียมาก
ฝรั่งบางคนมานครวัดถึงสี่-ห้าครั้งแล้ว เสียดายที่อากาศร้อนอบอ้าวมาก จึงเสียบรรยากาศไป เวลาเดินดูโบราณสถานแล้วก็ลืมเรื่องอื่นๆ หมด
นอกจากโบราณสถานแล้ว เสียมเรียบก็ไม่มีอะไรให้ดู แม่น้ำเสียมเรียบก็ตื้นเขิน ตลาดก็เล็ก ของขายที่ขึ้นหน้าขึ้นตาก็คือปลากรอบซึ่งแพงมาก ผมไม่มีวัฒนธรรมในการซื้อปลากรอบ เพราะแต่ก่อนมีเพื่อนเขมรเอามาให้ ก็เลยตกใจที่รู้ว่าเขาขายกันกิโลละ 300-500 บาท คนขายบอกว่าดูทีวีไทยเลยพูดไทยได้ของอื่นที่พอจะซื้อได้ก็มีเครื่องเงินและผ้าไหม แต่เครื่องเงินก็สวยสู้สมัยก่อนไม่ได้ ผ้าไหมแก้วเมตรละ 120 บาท เขาว่าเมืองไทยขายเมตรละ 200-300 บาท
ที่ตลาดมีขอทานขาด้วนเยอะแยะ ผมเห็นเป็นประเทศคอมมิวนิสต์จึงไม่ได้ให้สตางค์ขอทาน เพราะนึกว่ารัฐควรเลี้ยงดูได้ ที่จริงผมชอบให้เงินขอทาน แต่ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เลยไปบอกคนเขมรว่า ประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์เขาไม่ปล่อยให้มีขอทานหรอก รัฐควรดูแลให้หมด
ผมลืมเล่ารายละเอียดเรื่องการสัมมนาไป ดร.มิ่งสรรพ์ ที่มช.เป็นคนจัดนำนักวิชาการไทย-เขมร-ลาว-เวียดนาม-จีนมาคุยกัน เรื่องการท่องเที่ยวแถบลุ่มน้ำโขง มีผลงานดีๆ จากหลายประเทศเชิงเปรียบเทียบกัน เนื่องจากผมเคยสัมมนามานมนานแล้ว คราวนี้จึงไปเป็นประธานให้เขาเท่านั้น ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรทั้งสิ้น
ตอนไปนครธมที่บายอนมองขึ้นไปเห็นเทวรูป 4 หน้า หน้าเหลี่ยมทั้งนั้น นึกถึงเมืองไทย ผมกลับมาคนหน้าเหลี่ยมก็ยังไม่ออกไป