xs
xsm
sm
md
lg

ดับเครื่องชน 10 ทักษิณทำลายความมั่นคงของชาติ?

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

เมื่อเราพูดถึงยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ คนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงเรื่องทหาร และความพร้อมรบก่อนอื่น ก็ไม่ผิด แต่เรื่องอื่นๆ ก็มีความสำคัญเชื่อมโยงกันหมด อาทิ ความสามัคคีพร้อมเพรียงของคนในชาติ ความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจและสังคม ความจำเริญทางการศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เสถียรภาพของระบบการปกครองหรือรัฐบาล ขนาดและที่ตั้งของประเทศ ลักษณะทางภูมิรัฐศาสตร์อื่นๆ โครงสร้างประชากรของชาติ และแม้กระทั่งภาวะผู้นำของผู้ปกครองประเทศ

ถ้าประเทศใดได้คะแนนบวกทุกข้อ ประเทศก็จะเข้มแข็งทั้งในยามสันติภาพและสงคราม

แต่ ปัจจัยที่ทำให้ชนะสงคราม หรือแพ้อาจจะไม่ขึ้นกับความใหญ่ ความรวย ความเจริญ หากขึ้นอยู่กับองค์สาม คือ คุณภาพของคน อาวุธ และยุทธศาสตร์

ลำพังคนกับอาวุธที่เหนือกว่ามิใช่หลักประกันว่าจะไม่พ่ายแพ้ ในขณะเดียวกันแม้คนและอาวุธจะด้อยกว่า แต่มียุทธศาสตร์ที่เหนือกว่าก็อาจกำชัยได้ ตัวอย่าง เช่น การรบระหว่างกองทัพแดงของจีนกับ ก๊กมินตั๋ง สงครามเดียนเบียนฟูระหว่างฝรั่งเศสกับเวียดมินห์ และสงครามระหว่างอเมริกันกับเวียดนามเหนือ เป็นต้น

คนไทยไม่เข้าใจว่าทำไมอเมริกันจึงแพ้เวียดนาม บ้างก็คิดว่าอเมริกันไม่เอาจริง บ้างก็ว่าเป็นกลลวงเพื่อผลประ โยชน์ต้านจีนในระยะยาว บ้างก็พูดว่าเพียงเอาระเบิดนิวเคลียร์ทิ้งลูกเดียวก็จบ แสดงว่าการศึกษาทางยุทธศาสตร์ในประเทศไทยยังไม่ถึงขั้น ไม่ว่าในกองทัพหรือมหาวิทยาลัย

ยุทธศาสตร์โลกเปลี่ยนไปตามวิวัฒนาการของอาวุธและเทคโนโลยี จนประเทศเล็กที่เสียเปรียบอาวุธก็ไม่ต้องหงอประเทศมหาอำนาจ เพราะมหาอำนาจกลัวสงครามอุบัติเหตุ ไม่กล้าเคลื่อนนิวเคลียร์ ด้วยเกรงมหาอำนาจฝ่ายตรงกันข้ามอ่านผิด เคลื่อนของตนออกมาบ้าง จนเกิด MAD MAD ไม่ได้แปลว่าบ้า แต่แปลว่าฉิบหายวายวอดทั้งคู่ ย่อมาจากภาษาอังกฤษว่า Mutual Assured Destruction ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์สยบคู่ต่อสู้มิให้เขยื้อนภาษาฝรั่งเรียกว่า Deterent หรือ Deterence บ้านเราแปล Deterent ว่าป้องปรามความจริง Deterent กินความลึกกว่านั้นมาก

ในสงครามอย่างอื่นที่มิใช่สงครามนิวเคลียร์หรือสงครามแบบกองทัพ Conventional War เช่น สงครามจำกัด สงครามกองโจร สงครามก่อการร้าย กลยุทธ์สยบมิใช่ MAD แต่มีอยู่หลายรูปแบบแล้วแต่ลักษณะและสมรภูมิการต่อสู้ เช่นสงคราม จีหาดของมุสลิมกับอังกฤษอเมริกัน ฝ่ายหนึ่งกลัวมหาประลัย อีกฝ่ายหนึ่งกลัววินาศ กรรม จึงเกิด Deterent

โฮจิมินห์ เป็นนักยุทธศาสตร์ชั้นยอดของโลก โฮ มีนักยุทธศาสตร์คู่ใจ เป็นจอมยุทธวิธี (Master Tactician) คือ โว เหวียน เยี๊ยบ โฮนอกจากจะรู้จัก Deterent ดี ยังรู้กระบวนท่าของ เหมา จนครบ และประดิษฐ์ยุทธศาสตร์ สาม ย. "ยักย้าย ยืดเยื้อ และยิวยิดสู" ขึ้นมาใช้ได้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย ยิวยิดสู คือการใช้พลังของศัตรู

เมื่อถูกถามว่าประเทศที่ยังใช้เกวียนขนอาวุธอย่างเวียดนาม จะเอาอะไรมาสู้กับอเมริกัน และจะสู้ได้นานสักกี่น้ำ โฮ ตอบโดยไม่ลังเลเลยว่า สู้นานเท่าที่อเมริกันอยากจะสู้ และก็จะเอาอาวุธของอเมริกันนะแหละปราบอเมริกา

อาวุธนี้มิใช่เพียงแต่ยุทโธปกรณ์ที่ยึดจากศัตรูในสมรภูมิเท่านั้น ยังหมายถึงสงครามจิตวิทยาในบ้านของศัตรูอีกด้วย

นักรบมุสลิมนอกจากจะประดิษฐ์ยุทธศาสตร์ใหม่เพิ่มขึ้น ยังสามารถขยายสมรภูมิไปทั่วโลก โดยไม่ต้องขนย้ายอาวุธ ดังจะเห็นได้จากการใช้เครื่องบินอเมริกันชนตึกระฟ้ากลางใจมหานครนิวยอร์ก และในวันที่ 9 สิงหาคมนี้เอง แผนวินาศกรรมกลางหาวเรือบิน 9 ลำที่อังกฤษระงับได้หวุดหวิด ก็จะใช้ระเบิดที่มีลักษณะเหมือนน้ำดื่มหรือน้ำนมเด็กในขวดพลาสติกธรรมดาๆ เท่านั้น

สรุปได้ว่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเภทของสงครามได้เพิ่มขึ้นอีกหลายชนิด รวมทั้งเทคโนโลยีและอาวุธสงครามก็มีหลากหลายขึ้น ยุทธศาสตร์สงครามต่างๆ ก็เปลี่ยนแปรไปตามกาลเวลา จนยากที่จะเรียนหรือติดตามให้ทัน

เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ดีและปลอดภัยที่สุด ก็คือ การเอาชนะศัตรูโดยไม่ต้องสู้สงคราม ตามยุทธศาสตร์ของซุนวู ยอดพิชัยยุทธจีน

ทักษิณเป็นนักยุทธศาสตร์แบบตามก้นอเมริกัน มหาอำนาจที่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่เคยชนะใครเลย ซ้ำมิหนำทักษิณยังไม่เคยเรียนรู้ยุทธศาสตร์ที่ชนะมาตลอดตั้งแต่ต้นจนจบสงครามเย็น

ต่อไปนี้เราจะพูดถึง ภาวะผู้นำกับกรณีศึกษายุทธศาสตร์ยุคทักษิณ

1. ภาวะผู้นำของทักษิณ : ผู้นำประเทศต้องเรียนยุทธศาสตร์หรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่จำเป็น นอกจากไอเซนฮาวร์ เดอโกล เคนเนดี และคาร์เตอร์ ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกแล้ว ดูเหมือนจะไม่เคยมีใครเรียนมาเลย แต่ ทุกคนจะต้องเรียนรู้ รับฟัง รับรู้ และเตรียมตัวเข้าโครงสร้างของระบบการตัดสินใจในยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ จะต้องรู้จักเลือกและรู้จักใช้ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ทางยุทธศาสตร์ และสถาบันอิสระที่ศึกษาวิจัยเรื่องยุทธศาสตร์

ประเทศไทย มิใช่มหาอำนาจ หัวหน้ารัฐบาลที่เป็นทหารพออนุมานได้ว่ามีความรู้เรื่องยุทธศาสตร์ และก็เป็นผู้บังคับบัญชาขององค์กรของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ เช่น สภาความมั่นคง และกองทัพ เป็นต้น ส่วนนายกฯ ที่เป็นพลเรือน ก็ติดยึดและอาศัยองค์การดังกล่าวโดยตรง การที่จะสร้างความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษขึ้นในองค์กรของพรรค เหมือนพรรคการเมืองในประเทศที่พัฒนาย่อมเป็นไปไม่ได้ ทักษิณเป็นนายกฯ พันทางอยู่คนเดียว จะเป็นทหารก็ไม่ใช่ จะเป็นพลเรือนก็ไม่เชิง มีความรู้จบปริญญาเอกด้านบริหารความยุติธรรม

ถามว่าทักษิณมีความรู้เรื่องยุทธศาสตร์หรือไม่ หากวิเคราะห์จากประสบการณ์และหลักสูตรการเรียนของทักษิณแล้ว คงจะต้องตอบว่าไม่มีรายชื่อหนังสือที่เป็นคัมภีร์ ของทักษิณ 99 เรื่อง มีบ้างไหมที่เป็น Magnum Opus หรือคัมภีร์ต้นตำรับของยุทธศาสตร์ เช่น Clausewitz, Liddell Hart, "Che" Guevara, Tse-Tung, Mao, Vo Nguyen Giap และ Sun Tzu หรือ ซุนวู หรือแม้แต่ Sir Robert Thompson เรื่องเอาชนะคอมมิวนิสต์มลายู

ว่าไปทำไมมีหนังสือเหล่านี้ในห้องสมุดของวิทยาลัยป้องกันราชอาณา จักรไม่มี แต่มีผลงานวิจัยของผู้นำกองทัพที่ได้มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมและคนสำคัญในองค์กรความมั่นคงยุคทักษิณ ซึ่งไม่เข้าขั้น นอกจากพลเอกชวลิต รู้สึกว่าไม่มีใครสนใจหรือเข้าใจยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศอย่างจริงจัง แต่พลเอกชวลิตไม่มีผลงานวิจัยเพราะไม่เคยเข้า วปอ.

โลกกำลังก้าวย่างเข้าสู่ Fifth Generation War และการต่อสู้ Asymmetric Warfare กำลังประยุกต์ก้าวหน้ากว่าเดิมจนไม่มีใครจะเปิดตำราทัน ผู้ที่มีพื้นความเข้าใจทางยุทธศาสตร์ดี ต้องไปปรับตัวเอาเองเมื่อเผชิญสถานการณ์

Asymmetric warfare คือสงครามที่คู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่ายมีกำลังไม่เท่ากัน แต่เข้าพันตูกันโดยอาศัยจุดอ่อนและจุดแข็งของแต่ละฝ่าย ด้วยยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี และสมรภูมิที่นอกเหนือสงครามธรรมดา(conventional warfare)

ทักษิณอวดตัวว่าเก่งกว่าทุกคนในทุกเรื่องไม่ว่าเศรษฐกิจ การต่างประเทศ และอื่นๆ ไม่เคยเห็นคนอื่นในสายตา จึงไม่รู้จักฟัง ไม่รู้จักตรวจสอบ ไม่รู้จักใช้ทรัพยากรบุคคลและสถาบันที่มีอยู่ มักจะตีราคาผู้อื่นต่ำ หาว่าเขา "อ่านประวัติศาสตร์ผิด-ติดยึดทฤษฎีโบราณ-อ่านโลกาภิวัตน์ไม่แตก"

ประเทศไทย อ่อนความเข้าใจทางยุทธศาสตร์นอกเหนือไปจากที่เรียนและร่วมมือกับอเมริกัน ทักษิณไม่เข้าใจยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ ยุทธศาสตร์ส่วนตัวของ ทักษิณเป็นมูลเหตุสำคัญของความล้มเหลวของยุทธศาสตร์ชาติ

2. กรณีศึกษา : การตัดสินใจพฤติกรรมของทักษิณ และยุทธศาสตร์ทักษิณ ทุกกรณีที่จะกล่าวถึงคือเรื่องจริง เขียนได้เป็นเล่ม แต่ผมสรุปและตั้งประเด็นไว้ให้ค้นคว้าศึกษาหาทางแก้ไขกันต่อ

2.1 กรณี 3 จังหวัดภาคใต้ ทักษิณถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของกลียุคภาคใต้ ขืนทักษิณอยู่ต่อไทยอาจต้องเสียดินแดนส่วนนี้ไป ข้อเท็จจริงก็คือ 1.ทักษิณสั่งยุบ ศอ.บต ซึ่งได้ผลดีอย่างน้อยเสมอตัว 2. ทักษิณอ่านผิดว่าเป็นเรื่องโจรกระจอกและกลุ่มอิทธิพล มิใช่สงคราม 3. ทักษิณย้ายกองกำลังผสมที่ชำนาญพื้นที่ประกอบด้วย 2 กองพันทหารพรานกับ 1 กองพันนาวิกโยธินออก โดยไม่ฟังเสียงคัดค้าน และให้สันต์ ศรุตานนท์นำกำลังตำรวจเข้าไปแทน ทีแรกสันต์ของบ 900 ล้านบาทและขอเวลา 30 วัน ทักษิณให้ 1,200 ล้าน และเร่งทางทหารขอเวลา 6 เดือนเพื่อปรับย้ายกำลังทักษิณไม่พอใจ แต่ในที่สุดจากพฤษภาคมจนถึงตุลาคม ตำรวจยังทำได้ไม่ถึงครึ่งเพราะหาคนไม่ได้ 4. ทักษิณทำลายสายบังคับบัญชา มอบงานให้บุคคลหนึ่ง เช่น พลเอกชวลิต แล้วสั่งข้ามหัวไปยังอีกคนหนึ่ง หรือปล่อยให้พื้นที่ปฏิบัติการสวนแผน และปรับเปลี่ยนผู้บังคับบัญชาแบบเปลี่ยนม้ากลางลำธาร ไม่รู้จบสิ้น เวลานี้แม่ทัพทหารซึ่งรู้เรื่องดีต้องวิ่งไปต้อนรับและฟังคำสั่งของตำรวจที่ไม่รู้เรื่องตามสนามบิน 5. ทักษิณประกาศยุทธวิธี "ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน" และอาศัยข่าวกรองแบบตำรวจ ทำให้เกิดการจับผิด ฆ่าผิดเป็นจำนวนพัน 6. ทักษิณโทษประเทศเพื่อนบ้าน ไม่เข้าใจเนื้อหาธรรมา-อธรรมะสงครามระหว่างประเทศ อ่านว่าอิรักจะราบคาบภายใน 3 วัน รีบส่งทหารเข้าไปเอาใจ หวังเซ็งลี้งานฟื้นฟู จนบัดนี้ยังไม่ได้สักอีแปะ แต่เปิดประตูบ้านให้การก่อการร้ายเรียบร้อย ฯลฯ

2.2 พฤติกรรมทางการเมืองที่ทำลายความเข้มแข็งของยุทธศาสตร์ป้องกันชาติ พลเอกสายหยุด เกิดผล บ่นเสียดายว่ากองทัพมีความเป็นทหารอาชีพน้อยลงๆ ภาวะความเป็น "ผู้บังคับบัญชา" เลวลงๆ และ "สายโซ่แห่งการบังคับบัญชา" เสียหาย ในอายุรัฐบาลทักษิณมีการโยกย้ายทหารรวม 10 ครั้ง แต่ละครั้งเต็มไปด้วยความสงสัยและพยานหลักฐานว่าทักษิณพยายามดันเตรียมทหารรุ่น 10 ของตนขึ้นสู่อำนาจ โดยหวังผลทางการเมือง ทำให้มีการข้ามหัว ข้ามรุ่น วุ่นวิ่ง อิงการเมือง ทำลายสมรรถนะและความสามัคคีภายในกองทัพแห่งชาติ

2.3 พฤติกรรมทางการค้าที่ทำลายความเข้มแข็งของยุทธศาสตร์ป้องกันชาติ

2.3.1การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับกองทัพจำเป็นจะต้องมีแผนการ กำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่เป็นหลักประกันคุณภาพ ความจำเป็นในการใช้สอย การบำรุงรักษา ความต่อเนื่องและการทยอยเพิ่มยุทโธปกรณ์หมู่หนึ่ง จากแหล่งผลิตประเทศเดียวกัน ตลอดจนความสะดวกในการจัดหาอะไหล่ และงบประมาณช่วยเหลือเมื่อจำเป็น และความชำนาญคุ้นเคยของผู้ใช้ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ถูกทำลาย เมื่อผู้มีอิทธิพลทางการเมืองและนายหน้าค้าอาวุธเข้ามาแทรกแซงเปลี่ยนแผน และบีบบังคับกองทัพเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า การเปลี่ยนนายหน้าและเปลี่ยนเครื่องบินในฝูงจากอเมริกันมาเป็นรัสเซียเพื่อแลกกับการขายไก่ของทักษิณ หรือการซื้อรถถังของจีนในยุคก่อน นอกจากจะทำให้ผิดฝาผิดตัว ใช้ไม่สะดวก รักษาแพง ในที่สุดต้องจอดทิ้ง จะทำลายการพร้อมฝึก พร้อมรบ และสมรรถนะของกองทัพ 2.3.2 การยอมให้ทหารต่างชาติใช้ฐานทัพอู่ตะเภาและฐานบินอุดรธานีเป็นประจำและทักษิณกำลังจะค้าเกาะช้างซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์แลกกับเงินท่องเที่ยว 2.3.3 ที่ร้ายแรงที่สุดไม่น่าเชื่อ ก็คือการนำแผนพัฒนากองทัพ 9 ปี ซึ่งเป็นความลับสุดยอดของประเทศ ไปแกะป้ายออก นำไปเร่ขายกับผู้แทนต่างประเทศร่วมกับเมกะโปรเจกต์อื่นๆ !

2.4 พฤติกรรมขาดความยั้งคิดที่ทำลายความเข้มแข็งยุทธศาสตร์ป้องกันชาติ

นับไม่ถ้วน ขอยกเพียง 1 ตัวอย่างคือจดหมายที่เขียนถึงบุช อ้างว่าจะต้องกลับมาบัญชาการต่อสู้สงครามก่อการร้ายเป็นอันดับแรก อันนี้หรือมิใช่ที่เปิดช่องให้ลีกวนยูโพนทะนาว่าบัดนี้สถานการณ์ในไทยเหมือนอิรักแล้ว

2.5 ยุทธศาสตร์ทักษิณทำลายความเข้มแข็งของยุทธศาสตร์ป้องกันชาติ ยุทธศาสตร์ 5 ประการของทักษิณที่ผมเคยเขียนคือ 1. พยายามสร้างการเมืองพรรคเดียวแบบสิงคโปร์ 2. แปลงทรัพย์สินชาติเป็นทุนในตลาด 3. บริหารแบบซีอีโอ รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสหัวหน้า 4. ทำสถาบันกษัตริย์ให้เป็นสัญลักษณ์ 5. ประชานิยม มวลชนรากหญ้า สร้างความจงรักภักดีและลัทธิบูชาหัวหน้า (personality cult) จนอาจปลุกระดมสร้าง local militia หรือกองกำลังชนบท นำไปสู่สงครามกลางเมือง (civil war) ยิ่งมีคำถามที่ตอบไม่ได้ว่า การผนึกกำลังระหว่างทุนใหญ่กับคอมมิวนิสต์กลับใจจำนวนมากใน ครม.นั้นเป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นการทดลองเปลี่ยน paradigm ก็ยิ่งต้องคิดให้หนัก

ทักษิณตัดสินใจสั่งการโดยขาดความรู้ ขาดการตรวจสอบ และไม่ฟังความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ หาว่าทุกคน "อ่านประวัติศาสตร์ผิด-ติดยึดทฤษฎีโบราณ-อ่านโลกาภิวัตน์ไม่แตก" หมด และวางผลประโยชน์อื่นๆไว้เหนือผลประโยชน์ของชาติ

ผมจะส่งบทความนี้ไปให้เสนาธิการ ผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ หวังว่าจะได้คำตอบว่าผมผิดทั้งหมด แต่ถ้าผมได้คำตอบว่าถูกแต่ยังน้อยไปหรือถูกแม้แต่เพียงครึ่งเดียว ผมจะขอให้ทหารที่รักชาติร่วมตะโกนว่า ทักษิณทำลายชาติ ทักษิณออกไป!
กำลังโหลดความคิดเห็น