อสมท ปรับธุรกิจเน็ตเวิร์ค บิซิเนส โมเดล ตอบรับยุคดิจิตอล ล่าสุดสู่จับมือ 4 ค่ายเพลงยักษ์ใหม่ ผุดช่องทางโกยรายได้เพียบ มั่นใจดึงรายได้กลุ่มวิทยุพุ่งขึ้นเป็น 750 ล้านบาท พร้อมแจงข้อสงสัย คุยคุ้ยข่าวไม่ส่งเงินให้อสมท 100 ล้านบาท ส่งเค้าอาจมีการปรับผังรายการครั้งใหญ่
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าตามที่บริษัทกำลังมีแผนที่จะก้าวสู่การเป็นเน็ตเวิร์ค บิซิเนส โมเดล ตอบรับยุคดิจิตอล ล่าสุดได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือเป็นพันธมิตรธุรกิจ 4 ค่ายเพลงชั้นนำระดับโลกประกอบด้วย อีเอ็มไอ ,โซนี่มิวสิค-บีเอ็มจี, ยูนิเวอรฺแซลมิวสิค และวอร์เนอร์มิวสิค ในการปรับปรุงสถานีคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม เมทโทรโปลิส 107 จากเดิมที่จะเปิดเพลงสากล และสากลย้อนยุค มาเป็น “เม็ท 107”
โดยเม็ท 107 นั้น จะเป็นหนึ่งในโมเดล เน็ตเวิร์ค บิซิเนส ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ในปีแรกนั้นไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาทซึ่งนอกจากจะเป็นสถานีวิทยุเพียงแห่งเดียวที่เป็น เอ็กซ์คลูซีฟ เรดิโอ สเตชั่น ที่มี 4 ค่ายเพลงให้การสนับสนุนด้านเพลงและดนตรีทั้งหมดจากศิลปินดังทั่วโลกแล้ว ทางอสทม ยังจะมีรายได้จากความร่วมมือดังกล่าวอีก คือ รายได้หลักจากค่าโฆษณาจากคลื่นวิทยุและและรายการโทรทัศน์ ที่กำลังจะเปิดตัวในอีก 2-3 เดือน โดยมีเวลาในการออกอากาศ 1 ชั่วโมง
รวมไปถึงรายได้จากการนำเทคโนโลยีแพลทฟอร์มใหม่ๆเข้ามาจำหน่ายทั้งในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การที่เม็ท 107 มีการจัดลำดับเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุด 20 อันดับในแต่ละสัปดาห์นั้น ทางอสมท สามารถนำเพลงเหล่านั้นออกมาจำหน่ายในลักษณะอัลบั้มเฉพาะได้ และที่สำคัญที่สุดคือ อสมท ได้ลิขสิทธ์ในการจัดโปรโมททัวร์คอนเสริ์ตของแต่ละศิลปินที่จะมาในประเทศไทย
อย่างไรก็ตามสำหรับในส่วนของผู้จัดการสถานีนั้น ขณะที่กำลังดำเนินการพิจารณาอยู่ โดยมีผู้ได้รับการพิจาณาอยู่ประมาณ 3 ราย โดยหนึ่งในนั้น คือ อั๊ต อัษฎา พานิชกุล ดาราชื่อดังรวมอยู่ด้วย
ปัจจุบันอสมท มีคลื่นวิทยุทั้งหมด 62 สถานีทั่วประเทศ โดยมีคลื่นเอฟเอ็มในกรุงเทพฯอยู่ 6 สถานี แต่มีเพียง 3 สถานีที่สร้างรายได้เป็นที่น่าพอใจ คือ เอฟเอ็ม 97.5 ซีด(Seed) มีรายได้จากโฆษณาในแต่ละเดือนอยู่ที่ 17 ล้านบาท รองลงมาคือ เอฟเอ็ม 95 ลูกทุ่งมหานคร12-14 ล้านบาท และสุดท้ายคือ เอฟเอ็ม 100.5 สถานีข่าว 10-12 ล้านบาท
โดยอีก 3 สถานีที่ยังมีรายได้จากโฆษณาไม่ถึง 10 ล้านบาท คือ เอฟเอ็ม 96.5 คลื่นความคิด มีรายได้จากโฆษณาในแต่ละเดือนเพียง 8 ล้านบาท, เอฟเอ็ม 107 เมโทรโปรลิส เพียง 5 ล้านบาท และสุดท้าย เอฟเอ็ม 99 คลื่นกีฬาและสุขภาพ มีรายได้เพียง 4 ล้านบาทเท่านั้น
ในขณะที่รายได้จากกลุ่มวิทยุครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีมูลค่า 385 ล้านบาท เติบโตขึ้น 53% จากรายได้ปีที่ผ่านมาช่วงเวลาเดียวกันที่ 251 ล้านบาท โดยทั้งปีคาดว่าจะมีมูลค่าสูงขึ้นเป็น 750 ล้านบาท ส่วนตลาดวิทยุโดยภาพรวมนั้น มีอัตราที่ลดลงถึง 13.6% จาก 1,781 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าเพียง 1540 ล้านบาท
สั่งฟันทุกรายการที่ไม่ทำตามกฏ
สำหรับกรณีที่กลุ่มสหภาพแรงงาน อสมท.มีการยื่นหนังสือถึงนายเนวิน ชิดชอบ เกี่ยวกับการที่ผู้ผลิตรายการ“คุยคุ้ยข่าว”ที่ออกอากาศทางสถานีโมเดิร์นไนน์ทีวีไม่ส่งเงินรายได้ให้กับอสมท100 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการจากการขายเวลาโฆษณาที่เกินมานั้น
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯกำลังดำเนินการตรวจสอบรายการดังกล่าวอยู่ ซึ่งการสั่งตรวจสอบรายการทั้งหมดของโมเดิร์นไนน์ทีวีนั้น ตนเป็นผู้สั่งให้ดำเนินการตั้งแต่ 2 เดือนที่ผ่ามา เพื่อให้เกิดความโปร่งใสก่อนที่จะหมดวาระในการบริหารงาน และเพื่อให้ผู้บริหารคนใหม่เข้ามาสานต่อการทำงานได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าจะสามารถตรวจสอบรายการทั้งหมดของโมเดิร์นไนน์ทีวีได้อีกไม่เกิน 1 อาทิตย์นับจากนี้ ซึ่งผลสรุปของรายการใดจะออกมาเป็นอย่างไร และจะลงโทษกับรายการที่ปฏิบัติผิดข้อตกลงอย่างไรยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ เนื่องจากต้องกลับไปดูข้อตกลงที่ได้ทำกันไว้ในครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับผังรายการครั้งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งหากรายการใดมีผลตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร เบื้องต้นบริษัทฯจะให้มีการปรับรูปแบบของรายการใหม่ และถ้าหากปรับแล้วยังไม่ดีขึ้นบริษัทอาจจะต้องขอเวลาคืน เพื่อให้ผู้ผลิตรายอื่นเข้ามาผลิตรายการแทน
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าตามที่บริษัทกำลังมีแผนที่จะก้าวสู่การเป็นเน็ตเวิร์ค บิซิเนส โมเดล ตอบรับยุคดิจิตอล ล่าสุดได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือเป็นพันธมิตรธุรกิจ 4 ค่ายเพลงชั้นนำระดับโลกประกอบด้วย อีเอ็มไอ ,โซนี่มิวสิค-บีเอ็มจี, ยูนิเวอรฺแซลมิวสิค และวอร์เนอร์มิวสิค ในการปรับปรุงสถานีคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม เมทโทรโปลิส 107 จากเดิมที่จะเปิดเพลงสากล และสากลย้อนยุค มาเป็น “เม็ท 107”
โดยเม็ท 107 นั้น จะเป็นหนึ่งในโมเดล เน็ตเวิร์ค บิซิเนส ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ในปีแรกนั้นไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาทซึ่งนอกจากจะเป็นสถานีวิทยุเพียงแห่งเดียวที่เป็น เอ็กซ์คลูซีฟ เรดิโอ สเตชั่น ที่มี 4 ค่ายเพลงให้การสนับสนุนด้านเพลงและดนตรีทั้งหมดจากศิลปินดังทั่วโลกแล้ว ทางอสทม ยังจะมีรายได้จากความร่วมมือดังกล่าวอีก คือ รายได้หลักจากค่าโฆษณาจากคลื่นวิทยุและและรายการโทรทัศน์ ที่กำลังจะเปิดตัวในอีก 2-3 เดือน โดยมีเวลาในการออกอากาศ 1 ชั่วโมง
รวมไปถึงรายได้จากการนำเทคโนโลยีแพลทฟอร์มใหม่ๆเข้ามาจำหน่ายทั้งในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การที่เม็ท 107 มีการจัดลำดับเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุด 20 อันดับในแต่ละสัปดาห์นั้น ทางอสมท สามารถนำเพลงเหล่านั้นออกมาจำหน่ายในลักษณะอัลบั้มเฉพาะได้ และที่สำคัญที่สุดคือ อสมท ได้ลิขสิทธ์ในการจัดโปรโมททัวร์คอนเสริ์ตของแต่ละศิลปินที่จะมาในประเทศไทย
อย่างไรก็ตามสำหรับในส่วนของผู้จัดการสถานีนั้น ขณะที่กำลังดำเนินการพิจารณาอยู่ โดยมีผู้ได้รับการพิจาณาอยู่ประมาณ 3 ราย โดยหนึ่งในนั้น คือ อั๊ต อัษฎา พานิชกุล ดาราชื่อดังรวมอยู่ด้วย
ปัจจุบันอสมท มีคลื่นวิทยุทั้งหมด 62 สถานีทั่วประเทศ โดยมีคลื่นเอฟเอ็มในกรุงเทพฯอยู่ 6 สถานี แต่มีเพียง 3 สถานีที่สร้างรายได้เป็นที่น่าพอใจ คือ เอฟเอ็ม 97.5 ซีด(Seed) มีรายได้จากโฆษณาในแต่ละเดือนอยู่ที่ 17 ล้านบาท รองลงมาคือ เอฟเอ็ม 95 ลูกทุ่งมหานคร12-14 ล้านบาท และสุดท้ายคือ เอฟเอ็ม 100.5 สถานีข่าว 10-12 ล้านบาท
โดยอีก 3 สถานีที่ยังมีรายได้จากโฆษณาไม่ถึง 10 ล้านบาท คือ เอฟเอ็ม 96.5 คลื่นความคิด มีรายได้จากโฆษณาในแต่ละเดือนเพียง 8 ล้านบาท, เอฟเอ็ม 107 เมโทรโปรลิส เพียง 5 ล้านบาท และสุดท้าย เอฟเอ็ม 99 คลื่นกีฬาและสุขภาพ มีรายได้เพียง 4 ล้านบาทเท่านั้น
ในขณะที่รายได้จากกลุ่มวิทยุครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีมูลค่า 385 ล้านบาท เติบโตขึ้น 53% จากรายได้ปีที่ผ่านมาช่วงเวลาเดียวกันที่ 251 ล้านบาท โดยทั้งปีคาดว่าจะมีมูลค่าสูงขึ้นเป็น 750 ล้านบาท ส่วนตลาดวิทยุโดยภาพรวมนั้น มีอัตราที่ลดลงถึง 13.6% จาก 1,781 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าเพียง 1540 ล้านบาท
สั่งฟันทุกรายการที่ไม่ทำตามกฏ
สำหรับกรณีที่กลุ่มสหภาพแรงงาน อสมท.มีการยื่นหนังสือถึงนายเนวิน ชิดชอบ เกี่ยวกับการที่ผู้ผลิตรายการ“คุยคุ้ยข่าว”ที่ออกอากาศทางสถานีโมเดิร์นไนน์ทีวีไม่ส่งเงินรายได้ให้กับอสมท100 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการจากการขายเวลาโฆษณาที่เกินมานั้น
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯกำลังดำเนินการตรวจสอบรายการดังกล่าวอยู่ ซึ่งการสั่งตรวจสอบรายการทั้งหมดของโมเดิร์นไนน์ทีวีนั้น ตนเป็นผู้สั่งให้ดำเนินการตั้งแต่ 2 เดือนที่ผ่ามา เพื่อให้เกิดความโปร่งใสก่อนที่จะหมดวาระในการบริหารงาน และเพื่อให้ผู้บริหารคนใหม่เข้ามาสานต่อการทำงานได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าจะสามารถตรวจสอบรายการทั้งหมดของโมเดิร์นไนน์ทีวีได้อีกไม่เกิน 1 อาทิตย์นับจากนี้ ซึ่งผลสรุปของรายการใดจะออกมาเป็นอย่างไร และจะลงโทษกับรายการที่ปฏิบัติผิดข้อตกลงอย่างไรยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ เนื่องจากต้องกลับไปดูข้อตกลงที่ได้ทำกันไว้ในครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับผังรายการครั้งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งหากรายการใดมีผลตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร เบื้องต้นบริษัทฯจะให้มีการปรับรูปแบบของรายการใหม่ และถ้าหากปรับแล้วยังไม่ดีขึ้นบริษัทอาจจะต้องขอเวลาคืน เพื่อให้ผู้ผลิตรายอื่นเข้ามาผลิตรายการแทน