หลังจากนายบรรหาร ศิลปอาชา นัดกินหูฉลามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วไม่กี่วันนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้ให้สัมภาษณ์ว่าถูกคนโทรมาด่าว่าทั้งวันทั้งคืน ถูกด่าจนหูชา ถูกด่าจนไข้ขึ้น ต่อไปนี้ไม่เอาอีกแล้ว!
อะไรจะขนาดนั้น! แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นเพราะเป็นเรื่องจริงๆ ที่เกิดขึ้นจริงๆ กับตัวนายบรรหาร ศิลปอาชา เอง จนถึงกับต้องเอ่ยปากด้วยตนเองว่าผู้คนด่าว่าจนอักเสบหัวใจและทำให้ไข้ขึ้น
แต่หลังจากนั้นยังปรากฏท่าทีว่านายบรรหาร ศิลปอาชา ได้แสดงบทบาทในลักษณะที่ปรึกษาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คอยชี้แนะชี้นำในหลายเรื่องหลายราว กระทั่งหลังสุดลิ่วล้อของพรรคชาติไทยก็ออกมาเคลื่อนไหวโจมตีนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์
เป็นการโจมตีชนิดที่คิดว่าคนไทยโง่ คงจะจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่ผิดแล้ว!
ท่าทีของนายบรรหาร ศิลปอาชา และพรรคชาติไทยในลักษณะเช่นนี้จึงถูกจับตามองจากผู้คนวงการต่างๆ อย่างใกล้ชิดว่าเอาอย่างไรกันแน่
คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้พูดเตือนนายบรรหาร ศิลปอาชา มาครั้งหนึ่งแล้วว่าอย่าทรยศต่อประชาชน เพราะจุดยืนของพรรคชาติไทยในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วนั้นเข้าตาประชาชน หากยืนยันและยึดมั่นในจุดยืนนี้ต่อไปก็มีความเป็นไปได้ว่านายบรรหาร ศิลปอาชา อาจผงาดกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
คำเตือนในครั้งนั้นนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้พูดกลับมาว่าคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ต้องห่วงใย จะไม่ทำอะไรที่เสียหายต่อชาติบ้านเมือง
ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถลบภาพและเสียงเล่าขานในวงการเมืองให้หายไปได้ เสียงยังคงดังก้องกระหึ่มว่าพรรคชาติไทยได้ยอมสวามิภักดิ์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้ว และอาจฮั้วกันจัดตั้งรัฐบาลอีกด้วย!
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนจำนวนมากยังคงไม่ไว้ใจพรรคชาติไทย และไม่ไว้ใจจุดยืนและท่าทีของนายบรรหาร ศิลปอาชา ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่
ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเวรกรรมอย่างหนึ่งของพรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่เล่นการเมืองแบบนี้มาก่อน จนครั้งหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ รสช. มาแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬอีกด้วย
จึงมีผู้เตือนถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นครั้งเป็นคราวว่ารสชาติของการถูกตราหน้าว่าเป็นพรรคมาร รสชาติของการถูกยึดทรัพย์ในอดีตนั้นลืมไปแล้วหรือ ยังไม่เข็ดหลาบอีกหรือ
เขาว่ากันว่านายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นมังกรทางการเมือง เป็นเซียนเหยียบเมฆทางการเมือง ซึ่งจะเป็นเรื่องดีมากหากความเป็นเซียนหรือมังกรทางการเมืองนั้นเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
เป็นไปเพื่อสนองพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ความสงบสุขโดยเร็ว และที่ให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยเรียบร้อยและยุติธรรม
ไม่ใช่เป็นไปเพื่อสนองความอยากที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี หรือเพื่อที่จะได้เข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคไทยรักไทย
เหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันนี้มีหรือที่คนระดับนายบรรหาร ศิลปอาชา จะไม่รู้หรือไม่เข้าใจ คนระดับนายบรรหาร ศิลปอาชา นั้นย่อมรู้เป็นอย่างดีว่าประเทศไทยของเราจะไม่มีวันสงบสุขตราบใดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังอยู่ในอำนาจการเมือง
เพราะทุกคนย่อมเห็นได้ชัดว่าขณะนี้กระแสต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ขยายตัวลุกลามไปทั่วประเทศ บางพื้นที่เช่นภาคใต้ความไม่พอใจรุนแรงถึงขนาดจะแยกบ้านแยกเมืองกันอยู่แล้ว
ทุกหนทุกแห่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปไหนมาไหนก็จะมีผู้คนยกขบวนไปไล่และไปเชียร์จนใกล้จะนองเลือดเป็นจลาจลอยู่แล้ว
ดังนั้นการยอมสวามิภักดิ์หรือยอมอยู่ในเครือข่ายระบอบทักษิณไม่ว่าเพื่อหวังเป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นหรือนายกรัฐมนตรีนอมินี่หรือเพื่อหวังจะร่วมรัฐบาลก็ตาม จึงเป็นการขัดขืนพระราชประสงค์โดยตรง
หากพรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา ยังมีท่าทีไม่ชัดเจนหรือยังเกิดความสับสนสงสัยในหัวใจผู้คนว่าฮั้วซูเอี๋ยกับระบอบทักษิณแล้ว พรรคชาติไทยก็จะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นพรรคมาร
และจะถูกจับไปอยู่ในฝักฝ่ายเดียวกันกับพรรคไทยรักไทย ซึ่งทำให้คนไทยผิดหวัง
คนไทยต้องการให้พรรคชาติไทยยืนเคียงข้างฝ่ายประชาธิปไตยในจุดยืนที่เคยยืนอยู่ในห้วงระยะเวลาเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 เพราะตรงจุดนี้นายบรรหาร ศิลปอาชา มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคชาติไทยก็มีโอกาสร่วมรัฐบาลอย่างสง่างามและมีเกียรติ
ทั้งจะได้ชื่อว่าเป็นผู้สนองให้พระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นผลสำเร็จอีกโสตหนึ่งด้วย
ผู้คนในพรรคชาติไทยทั้งหมดโดยเฉพาะตัวนายบรรหาร ศิลปอาชา เองควรจะระลึกว่าเวลาขณะนี้คนไทยตื่นตัวขึ้นมาแล้ว เขาไม่โง่ที่จะถูกหลอกลวงเหมือนอดีตอีกแล้ว
คนไทยรู้ว่าใครโกงชาติ ใครคิดจะล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเขาก็รู้ว่าจะเลือกยืนอยู่ข้างไหน
ถึงจะใช้วิธีลึกลับซับซ้อนเล่ห์กลอุบายอย่างไรก็ไม่มีทางหลอกคนไทยได้อีกต่อไป อย่าภูมิใจในสมญานามปลาไหลใส่สเก๊ตอีกเลย นั่นเป็นเรื่องความเป็นน้ำเน่าทางการเมืองที่ควรจะลบหายไปในประวัติศาสตร์
พรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา ควรจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ร่วมกับประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยกลับตัวเสียใหม่ แสดงจุดยืนและท่าทีทางการเมืองให้ชัดเจนว่ายืนอยู่ข้างไหน
เพราะถ้ายังคลุมเครืออยู่เช่นนี้ก็ไม่มีทางที่คนจะเข้าใจเป็นอย่างอื่น นอกจากเข้าใจว่าพรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้เป็นข้าทาสของระบอบทักษิณไปแล้ว
และเมื่อนั้นก็คอยรับมือกับพลังมหาประชาชนให้ดีก็แล้วกัน!
พรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา กำลังพูดถึงเรื่องการเลือกตั้ง 15 ตุลาคม 2549 ในโทนเสียงเดียวกันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และในเหตุผลเดียวกันคือหากเลื่อนการเลือกตั้งไปจะเกิดความเสียหายเพราะกฎหมายงบประมาณออกไม่ได้
ก็ขอเตือนพรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา ว่าวัตถุประสงค์ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่นี้มีอยู่สองอย่าง คือ
อย่างที่หนึ่ง เป็นพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานไว้ชัดเจนว่าทรงต้องการให้การเลือกตั้งนี้เป็นไปโดยเรียบร้อยและยุติธรรม
อย่างที่สอง เป็นความประสงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการเลือกตั้งให้ได้ในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 และได้ผลักดันให้เครือข่ายทั้งหมดขับเคลื่อนไปอย่างเดียวกัน
ก็ขอถามดังๆ ถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา พลพรรคชาติไทย และพรรคชาติไทยว่าจะเลือกสนับสนุนพระราชประสงค์ให้เป็นผลสำเร็จหรือว่าจะเลือกสนองความประสงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร?
นายบรรหาร ศิลปอาชา ย่อมรู้ดีว่าหากเลือกตั้งวันที่ 15 ตุลาคม 2549 กกต. ชุดใหม่ก็ต้องอาศัยกลไกเลือกตั้งที่อดีต กกต.เก่าได้วางไว้ และจะต้องกลายเป็นเครื่องมือให้กับระบบงานต่างๆ ที่กกต.เก่าได้วางไว้
เพราะ กกต.ชุดใหม่จะไม่มีเวลาพอในการชำระสะสางระบบงาน ระเบียบต่างๆ ตลอดจนบุคลากรเพื่อให้มีความเป็นกลางทางการเมือง มีความสุจริตและเที่ยงธรรมอันเป็นภารกิจสำคัญของ กกต.ได้
ดังนั้นท่าทีที่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง 15 ตุลาคม 2549 ตามความประสงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงเป็นท่าทีที่ต้องการให้มีการโกงเลือกตั้งและช่วยเหลือพรรคการเมืองบางพรรคในการโกงการเลือกตั้ง โดยกลไก โดยระบบงาน และโดยบุคลากรของอำนาจเก่า
ทำให้การเลือกตั้งไม่มีทางเป็นไปโดยเรียบร้อย ไม่มีทางเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมตามพระราชประสงค์ได้เลย
ความจริงเหตุผลเรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ดีว่าคนระดับนายบรรหาร ศิลปอาชา ก็รู้ดี ไม่จำเป็นที่จะต้องกล่าวถึง แต่ที่นำมากล่าวถึงไว้ก็เพื่อเป็นหลักฐานให้นายบรรหาร ศิลปอาชา และชาวพรรคชาติไทยได้รู้ว่าคนไทยคนหนึ่งซึ่งเป็นภาพสะท้อนของคนไทยส่วนใหญ่เขารู้และเขาเข้าใจเช่นนี้
ถ้าคิดว่าคนไทยไม่รู้และไม่เข้าใจเรื่องนี้ แล้วเสแสร้งสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ก็คือการแสดงความต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เรียบร้อย ไม่ยุติธรรม หรือนัยหนึ่งก็คือต้องการให้มีการโกงเลือกตั้งต่อไปนั่นเอง
ขอวิงวอนถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา และพรรคชาติไทยให้เปลี่ยนท่าทีเรื่องนี้เสียใหม่ให้ทันท่วงที โดยการเรียกร้องหรือสนับสนุนให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปจนกว่า กกต.ชุดใหม่จะมีความพร้อมอย่างเต็มที่
คือพร้อมที่จะสนองพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้สำเร็จ
คุณบรรหาร ศิลปอาชา คุณจะสนับสนุนให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยเรียบร้อยและยุติธรรมอันเป็นพระราชประสงค์หรือไม่ ขอให้ตอบและแสดงท่าทีให้ชัดๆ.
อะไรจะขนาดนั้น! แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นเพราะเป็นเรื่องจริงๆ ที่เกิดขึ้นจริงๆ กับตัวนายบรรหาร ศิลปอาชา เอง จนถึงกับต้องเอ่ยปากด้วยตนเองว่าผู้คนด่าว่าจนอักเสบหัวใจและทำให้ไข้ขึ้น
แต่หลังจากนั้นยังปรากฏท่าทีว่านายบรรหาร ศิลปอาชา ได้แสดงบทบาทในลักษณะที่ปรึกษาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คอยชี้แนะชี้นำในหลายเรื่องหลายราว กระทั่งหลังสุดลิ่วล้อของพรรคชาติไทยก็ออกมาเคลื่อนไหวโจมตีนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์
เป็นการโจมตีชนิดที่คิดว่าคนไทยโง่ คงจะจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่ผิดแล้ว!
ท่าทีของนายบรรหาร ศิลปอาชา และพรรคชาติไทยในลักษณะเช่นนี้จึงถูกจับตามองจากผู้คนวงการต่างๆ อย่างใกล้ชิดว่าเอาอย่างไรกันแน่
คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้พูดเตือนนายบรรหาร ศิลปอาชา มาครั้งหนึ่งแล้วว่าอย่าทรยศต่อประชาชน เพราะจุดยืนของพรรคชาติไทยในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วนั้นเข้าตาประชาชน หากยืนยันและยึดมั่นในจุดยืนนี้ต่อไปก็มีความเป็นไปได้ว่านายบรรหาร ศิลปอาชา อาจผงาดกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
คำเตือนในครั้งนั้นนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้พูดกลับมาว่าคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ต้องห่วงใย จะไม่ทำอะไรที่เสียหายต่อชาติบ้านเมือง
ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถลบภาพและเสียงเล่าขานในวงการเมืองให้หายไปได้ เสียงยังคงดังก้องกระหึ่มว่าพรรคชาติไทยได้ยอมสวามิภักดิ์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้ว และอาจฮั้วกันจัดตั้งรัฐบาลอีกด้วย!
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนจำนวนมากยังคงไม่ไว้ใจพรรคชาติไทย และไม่ไว้ใจจุดยืนและท่าทีของนายบรรหาร ศิลปอาชา ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่
ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเวรกรรมอย่างหนึ่งของพรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่เล่นการเมืองแบบนี้มาก่อน จนครั้งหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ รสช. มาแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬอีกด้วย
จึงมีผู้เตือนถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นครั้งเป็นคราวว่ารสชาติของการถูกตราหน้าว่าเป็นพรรคมาร รสชาติของการถูกยึดทรัพย์ในอดีตนั้นลืมไปแล้วหรือ ยังไม่เข็ดหลาบอีกหรือ
เขาว่ากันว่านายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นมังกรทางการเมือง เป็นเซียนเหยียบเมฆทางการเมือง ซึ่งจะเป็นเรื่องดีมากหากความเป็นเซียนหรือมังกรทางการเมืองนั้นเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
เป็นไปเพื่อสนองพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ความสงบสุขโดยเร็ว และที่ให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยเรียบร้อยและยุติธรรม
ไม่ใช่เป็นไปเพื่อสนองความอยากที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี หรือเพื่อที่จะได้เข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคไทยรักไทย
เหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันนี้มีหรือที่คนระดับนายบรรหาร ศิลปอาชา จะไม่รู้หรือไม่เข้าใจ คนระดับนายบรรหาร ศิลปอาชา นั้นย่อมรู้เป็นอย่างดีว่าประเทศไทยของเราจะไม่มีวันสงบสุขตราบใดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังอยู่ในอำนาจการเมือง
เพราะทุกคนย่อมเห็นได้ชัดว่าขณะนี้กระแสต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ขยายตัวลุกลามไปทั่วประเทศ บางพื้นที่เช่นภาคใต้ความไม่พอใจรุนแรงถึงขนาดจะแยกบ้านแยกเมืองกันอยู่แล้ว
ทุกหนทุกแห่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปไหนมาไหนก็จะมีผู้คนยกขบวนไปไล่และไปเชียร์จนใกล้จะนองเลือดเป็นจลาจลอยู่แล้ว
ดังนั้นการยอมสวามิภักดิ์หรือยอมอยู่ในเครือข่ายระบอบทักษิณไม่ว่าเพื่อหวังเป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นหรือนายกรัฐมนตรีนอมินี่หรือเพื่อหวังจะร่วมรัฐบาลก็ตาม จึงเป็นการขัดขืนพระราชประสงค์โดยตรง
หากพรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา ยังมีท่าทีไม่ชัดเจนหรือยังเกิดความสับสนสงสัยในหัวใจผู้คนว่าฮั้วซูเอี๋ยกับระบอบทักษิณแล้ว พรรคชาติไทยก็จะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นพรรคมาร
และจะถูกจับไปอยู่ในฝักฝ่ายเดียวกันกับพรรคไทยรักไทย ซึ่งทำให้คนไทยผิดหวัง
คนไทยต้องการให้พรรคชาติไทยยืนเคียงข้างฝ่ายประชาธิปไตยในจุดยืนที่เคยยืนอยู่ในห้วงระยะเวลาเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 เพราะตรงจุดนี้นายบรรหาร ศิลปอาชา มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคชาติไทยก็มีโอกาสร่วมรัฐบาลอย่างสง่างามและมีเกียรติ
ทั้งจะได้ชื่อว่าเป็นผู้สนองให้พระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นผลสำเร็จอีกโสตหนึ่งด้วย
ผู้คนในพรรคชาติไทยทั้งหมดโดยเฉพาะตัวนายบรรหาร ศิลปอาชา เองควรจะระลึกว่าเวลาขณะนี้คนไทยตื่นตัวขึ้นมาแล้ว เขาไม่โง่ที่จะถูกหลอกลวงเหมือนอดีตอีกแล้ว
คนไทยรู้ว่าใครโกงชาติ ใครคิดจะล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเขาก็รู้ว่าจะเลือกยืนอยู่ข้างไหน
ถึงจะใช้วิธีลึกลับซับซ้อนเล่ห์กลอุบายอย่างไรก็ไม่มีทางหลอกคนไทยได้อีกต่อไป อย่าภูมิใจในสมญานามปลาไหลใส่สเก๊ตอีกเลย นั่นเป็นเรื่องความเป็นน้ำเน่าทางการเมืองที่ควรจะลบหายไปในประวัติศาสตร์
พรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา ควรจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ร่วมกับประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยกลับตัวเสียใหม่ แสดงจุดยืนและท่าทีทางการเมืองให้ชัดเจนว่ายืนอยู่ข้างไหน
เพราะถ้ายังคลุมเครืออยู่เช่นนี้ก็ไม่มีทางที่คนจะเข้าใจเป็นอย่างอื่น นอกจากเข้าใจว่าพรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้เป็นข้าทาสของระบอบทักษิณไปแล้ว
และเมื่อนั้นก็คอยรับมือกับพลังมหาประชาชนให้ดีก็แล้วกัน!
พรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา กำลังพูดถึงเรื่องการเลือกตั้ง 15 ตุลาคม 2549 ในโทนเสียงเดียวกันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และในเหตุผลเดียวกันคือหากเลื่อนการเลือกตั้งไปจะเกิดความเสียหายเพราะกฎหมายงบประมาณออกไม่ได้
ก็ขอเตือนพรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา ว่าวัตถุประสงค์ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่นี้มีอยู่สองอย่าง คือ
อย่างที่หนึ่ง เป็นพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานไว้ชัดเจนว่าทรงต้องการให้การเลือกตั้งนี้เป็นไปโดยเรียบร้อยและยุติธรรม
อย่างที่สอง เป็นความประสงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการเลือกตั้งให้ได้ในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 และได้ผลักดันให้เครือข่ายทั้งหมดขับเคลื่อนไปอย่างเดียวกัน
ก็ขอถามดังๆ ถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา พลพรรคชาติไทย และพรรคชาติไทยว่าจะเลือกสนับสนุนพระราชประสงค์ให้เป็นผลสำเร็จหรือว่าจะเลือกสนองความประสงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร?
นายบรรหาร ศิลปอาชา ย่อมรู้ดีว่าหากเลือกตั้งวันที่ 15 ตุลาคม 2549 กกต. ชุดใหม่ก็ต้องอาศัยกลไกเลือกตั้งที่อดีต กกต.เก่าได้วางไว้ และจะต้องกลายเป็นเครื่องมือให้กับระบบงานต่างๆ ที่กกต.เก่าได้วางไว้
เพราะ กกต.ชุดใหม่จะไม่มีเวลาพอในการชำระสะสางระบบงาน ระเบียบต่างๆ ตลอดจนบุคลากรเพื่อให้มีความเป็นกลางทางการเมือง มีความสุจริตและเที่ยงธรรมอันเป็นภารกิจสำคัญของ กกต.ได้
ดังนั้นท่าทีที่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง 15 ตุลาคม 2549 ตามความประสงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงเป็นท่าทีที่ต้องการให้มีการโกงเลือกตั้งและช่วยเหลือพรรคการเมืองบางพรรคในการโกงการเลือกตั้ง โดยกลไก โดยระบบงาน และโดยบุคลากรของอำนาจเก่า
ทำให้การเลือกตั้งไม่มีทางเป็นไปโดยเรียบร้อย ไม่มีทางเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมตามพระราชประสงค์ได้เลย
ความจริงเหตุผลเรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ดีว่าคนระดับนายบรรหาร ศิลปอาชา ก็รู้ดี ไม่จำเป็นที่จะต้องกล่าวถึง แต่ที่นำมากล่าวถึงไว้ก็เพื่อเป็นหลักฐานให้นายบรรหาร ศิลปอาชา และชาวพรรคชาติไทยได้รู้ว่าคนไทยคนหนึ่งซึ่งเป็นภาพสะท้อนของคนไทยส่วนใหญ่เขารู้และเขาเข้าใจเช่นนี้
ถ้าคิดว่าคนไทยไม่รู้และไม่เข้าใจเรื่องนี้ แล้วเสแสร้งสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ก็คือการแสดงความต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เรียบร้อย ไม่ยุติธรรม หรือนัยหนึ่งก็คือต้องการให้มีการโกงเลือกตั้งต่อไปนั่นเอง
ขอวิงวอนถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา และพรรคชาติไทยให้เปลี่ยนท่าทีเรื่องนี้เสียใหม่ให้ทันท่วงที โดยการเรียกร้องหรือสนับสนุนให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปจนกว่า กกต.ชุดใหม่จะมีความพร้อมอย่างเต็มที่
คือพร้อมที่จะสนองพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้สำเร็จ
คุณบรรหาร ศิลปอาชา คุณจะสนับสนุนให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยเรียบร้อยและยุติธรรมอันเป็นพระราชประสงค์หรือไม่ ขอให้ตอบและแสดงท่าทีให้ชัดๆ.