แฉบริษัทเอกชนลึกลับ สั่งซื้อคลอรีน 12 ตัน พร้อมอุปกรณ์ทำระเบิด คาดเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรม จี้ "แม้ว"เลิกเดินสายเอาเปรียบคู่แข่งหันมาติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
เมื่อวานนี้ (14ส.ค.) นายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ เปิดเผยว่า ได้รับทราบข้อมูลว่า ขณะนี้มีความพยายามที่จะก่อการร้ายในกรุงเทพฯ โดยได้รับทราบข้อมูลว่า มีบริษัทแห่งหนึ่ง ชื่อบริษัท C. ที่ตั้งอยู่ใน อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี ได้สั่งซื้อสารเคมีที่สามารถใช้ประกอบเป็นวัตถุระเบิดขนาดใหญ่ จากบริษัทต่างๆ กว่า 10 บริษัท แต่ต่อมามีปัญหาเช็คที่สั่งจ่ายในการซื้อวัสุดุต่างๆเด้ง จึงมีการแจ้งความกันขึ้น ที่ สภ.อ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ โดยบริษัท C. ซึ่งเดิมมีสำนักงานเป็นบ้านเช่านั้นก็ได้ปิดตัวลงแล้ว และวัสดุต่างๆที่สั่งซื้อก็หายไปด้วย
ทั้งนี้ บริษัทที่ขายสินค้าให้ บริษัท C. ซึ่งมีนางสาวไรวิทย์ เป็นกรรมการบริหารบริษัทนั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 10 บริษัท ประกอบไปด้วยสินค้าดังนี้ คือ ผงคลอรีน 12 ตัน น้ำมันหล่อลื่น 8,000 ลิตร น้ำมันพืช 80 ปี๊บ โทรศัพท์มือถือโตชิบา 100 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 10 เครื่อง และกล้องสำรวจเพื่อทำแผนที่อีก 2 ชุด ซึ่งจากการศึกษาพบว่า วัสดุต่างๆ เหล่านี้สามารถมาผลิตเป็นวัตถุระเบิดที่มีอานุภาพร้ายแรงได้ เพียงแค่นำผงคลอรีน มาผสมกับน้ำมันหล่อลื่น น้ำมันพืช นำไปตากแดด และเพิ่มเชื้อประทุลงไป ก็สามารถใช้เป็นระเบิดรุนแรง โดยคาดว่ามีการเตรียมการใช้โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เป็นเครื่องมือในการจุดระเบิดด้วย
นอกจากนี้ ตนได้พูดคุยกับบริษัทบางแห่งที่ส่งสินค้าให้บริษัท C. พบว่า มีการนัดส่งสินค้าในสถานที่ต่างๆ ไม่ซ้ำกัน เช่น นัดส่งสินค้าที่โกดัง ที่ปั๊มน้ำมัน หรือริมถนน โดยมีการสั่งสินค้าตั้งแต่เมื่อวันที่ 3-5 ส.ค.ที่ผ่านมา และส่งสินค้ากันในวันเสาร์ที่ 5 ส.ค. ต่อมาในวันที่ 7 ส.ค. มีปัญหาเช็คเด้ง บริษัทที่ขายสินค้าให้ทั้ง 10 บริษัท จึงไปแจ้งความที่ สภ.อ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นท้องที่ที่เป็นที่ตั้งของบริษัท C. ในวันอังคารที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา
นายไทกร กล่าวด้วยว่า ได้ขอความเห็นจากเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานความมั่นคงแห่งหนึ่ง ก็ได้รับคำยืนยันว่า วัสดุดังกล่าวสามารถมาประกอบเป็นระเบิดได้ โดยมีความรุนแรงกว่าปุ๋ยยูเรีย เพราะผงคลอรีน 1 กก. มีรัศมีทำลายล้างไกลถึง 20 เมตร ดังนั้น การสะสม ผงคลอรีน 12 ตัน และวัสดุอื่นๆที่สามารถใช้ในการทำระเบิดได้นั้น จึงน่าจับตามองเป็นพิเศษ
"เมื่อรวมกับรายงานข่าวจากสำนักข่าวบีบีซี ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าขบวนการพูโล เตรียมก่อการร้ายใน จ.ภูเก็ต และ กทม. ผมจึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสารเคมีที่หายไปในปริมาณมหาศาลขนาดนี้ จึงขอเรียกร้องให้คุณทักษิณ ยุติการเดินสายหาเสียง แล้วเร่งติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้น 1 สัปดาห์แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถตามหาวัสดุที่หายไปได้ ตำรวจก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องก่อการร้าย คิดว่าเป็นคดีฉ้อโกงธรรมดา"นายไทกร กล่าว และว่า รัฐบาลต้องตามจับกุมผู้ที่สั่งซื้อและยึดอุปกรณ์ทั้งหมดให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
เมื่อวานนี้ (14ส.ค.) นายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ เปิดเผยว่า ได้รับทราบข้อมูลว่า ขณะนี้มีความพยายามที่จะก่อการร้ายในกรุงเทพฯ โดยได้รับทราบข้อมูลว่า มีบริษัทแห่งหนึ่ง ชื่อบริษัท C. ที่ตั้งอยู่ใน อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี ได้สั่งซื้อสารเคมีที่สามารถใช้ประกอบเป็นวัตถุระเบิดขนาดใหญ่ จากบริษัทต่างๆ กว่า 10 บริษัท แต่ต่อมามีปัญหาเช็คที่สั่งจ่ายในการซื้อวัสุดุต่างๆเด้ง จึงมีการแจ้งความกันขึ้น ที่ สภ.อ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ โดยบริษัท C. ซึ่งเดิมมีสำนักงานเป็นบ้านเช่านั้นก็ได้ปิดตัวลงแล้ว และวัสดุต่างๆที่สั่งซื้อก็หายไปด้วย
ทั้งนี้ บริษัทที่ขายสินค้าให้ บริษัท C. ซึ่งมีนางสาวไรวิทย์ เป็นกรรมการบริหารบริษัทนั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 10 บริษัท ประกอบไปด้วยสินค้าดังนี้ คือ ผงคลอรีน 12 ตัน น้ำมันหล่อลื่น 8,000 ลิตร น้ำมันพืช 80 ปี๊บ โทรศัพท์มือถือโตชิบา 100 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 10 เครื่อง และกล้องสำรวจเพื่อทำแผนที่อีก 2 ชุด ซึ่งจากการศึกษาพบว่า วัสดุต่างๆ เหล่านี้สามารถมาผลิตเป็นวัตถุระเบิดที่มีอานุภาพร้ายแรงได้ เพียงแค่นำผงคลอรีน มาผสมกับน้ำมันหล่อลื่น น้ำมันพืช นำไปตากแดด และเพิ่มเชื้อประทุลงไป ก็สามารถใช้เป็นระเบิดรุนแรง โดยคาดว่ามีการเตรียมการใช้โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เป็นเครื่องมือในการจุดระเบิดด้วย
นอกจากนี้ ตนได้พูดคุยกับบริษัทบางแห่งที่ส่งสินค้าให้บริษัท C. พบว่า มีการนัดส่งสินค้าในสถานที่ต่างๆ ไม่ซ้ำกัน เช่น นัดส่งสินค้าที่โกดัง ที่ปั๊มน้ำมัน หรือริมถนน โดยมีการสั่งสินค้าตั้งแต่เมื่อวันที่ 3-5 ส.ค.ที่ผ่านมา และส่งสินค้ากันในวันเสาร์ที่ 5 ส.ค. ต่อมาในวันที่ 7 ส.ค. มีปัญหาเช็คเด้ง บริษัทที่ขายสินค้าให้ทั้ง 10 บริษัท จึงไปแจ้งความที่ สภ.อ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นท้องที่ที่เป็นที่ตั้งของบริษัท C. ในวันอังคารที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา
นายไทกร กล่าวด้วยว่า ได้ขอความเห็นจากเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานความมั่นคงแห่งหนึ่ง ก็ได้รับคำยืนยันว่า วัสดุดังกล่าวสามารถมาประกอบเป็นระเบิดได้ โดยมีความรุนแรงกว่าปุ๋ยยูเรีย เพราะผงคลอรีน 1 กก. มีรัศมีทำลายล้างไกลถึง 20 เมตร ดังนั้น การสะสม ผงคลอรีน 12 ตัน และวัสดุอื่นๆที่สามารถใช้ในการทำระเบิดได้นั้น จึงน่าจับตามองเป็นพิเศษ
"เมื่อรวมกับรายงานข่าวจากสำนักข่าวบีบีซี ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าขบวนการพูโล เตรียมก่อการร้ายใน จ.ภูเก็ต และ กทม. ผมจึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสารเคมีที่หายไปในปริมาณมหาศาลขนาดนี้ จึงขอเรียกร้องให้คุณทักษิณ ยุติการเดินสายหาเสียง แล้วเร่งติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้น 1 สัปดาห์แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถตามหาวัสดุที่หายไปได้ ตำรวจก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องก่อการร้าย คิดว่าเป็นคดีฉ้อโกงธรรมดา"นายไทกร กล่าว และว่า รัฐบาลต้องตามจับกุมผู้ที่สั่งซื้อและยึดอุปกรณ์ทั้งหมดให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน