"ป๋าเปรม-สุรยุทธ์-ผบ.ทบ"ลงพื้นที่ภาคใต้ ประชุมร่วมผู้นำศาสนา-ผู้ว่าฯ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ห้ามสื่อเข้าห้องประชุมฟังรายละเอียด ก่อนให้องคมนตรี-ประธานคกก.อิสลามแถลงข่าว ระบุ "ความเป็นไทย-เป็นธรรม" คือแนวทางดับไฟใต้ พร้อมละหมาดฮายัติ ถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชีนีนาถ ด้านเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจนราธิวาสสนธิกำลังเข้าตรวจค้นบ้านผู้ต้องหาลอบวางระเบิด พบของกลางเพียบ
เวลา 08.00 น.วานนี้ (14 ส.ค.)พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ประเจตน์ ศิริเดช อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ นายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีตรมช.ศึกษาธิการ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อทำบุญถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยได้มอบเงินให้วัดและมัสยิด 10แห่งๆ ละ 30,000 บาท ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จ.สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส พร้อมพบปะหารือกับผู้นำศาสนา และเจ้าหน้าที่รัฐที่โรงแรมซีเอส จ.ปัตตานี
พล.อ.เปรม ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้บัญชาการทหารบก ระบุมีกลุ่มคอมมิวนิสต์ร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้แต่ส่ายหน้าและโบกมือ ขณะที่ พล.อ.สนธิ ก็ไม่ให้สัมภาษณ์เช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจาก พล.อ.เปรม และคณะ ประชุมร่วมกับประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และประธานชมรมสภาบันปอเนาะ จาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ และแนวทางการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง
ต่อมาในเวลา 12.00 น. พล.อ.สุรยุทธ์ และนายอาซิ ยานยา ประธานชมรมสถาบันปอเนาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า การหารือวันนี้ ได้มีการพูดถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งประเด็นความสำคัญ คือ ความเป็นไทย และความเป็นธรรม รวมทั้งการหาแนวทางที่จะแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ทางมูลนิธิรัฐบุรุษ มูลนิธิรักษ์เมืองไทย และมูลนิธิอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปรับปรุง พัฒนาในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง 3 มูลนิธิ ได้เข้ามาช่วยเหลือทุนการศึกษาแก่เยาวชนในพื้นที่ภาคใต้อยู่แล้ว และในครั้งนี้จะเข้ามาสนับสนุนทุนการศึกษา แก่เด็กนักเรียนในสถาบันปอเนาะอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เยาวชนได้มีโอกาสทางการศึกษามากขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว ที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน
"เราได้มีการเสนอแนะในประเด็นต่างๆ เพื่อที่จะแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ ที่สำคัญที่สุด คือ ความเป็นธรรม และการพัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดีขึ้น ผมคิดว่าจะเป็นแนวทางที่ดี ที่จะนำไปสู่การพัฒนาสังคม ชุมชนให้เกิดความสันติสุขและสันติภาพ" นายอาซิ กล่าว
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น. ประธานองคมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางไปที่มัสยิดกลางปัตตานี เพื่อร่วมพิธีละหมาดฮาญัติ และขอดุอาร์ถวายพระพร แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม ก่อนที่จะเดินทางไปที่วัดนาประดู่ อ.โพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อมอบปัจจัยบำรุงวัดจำนวน 5 วัดก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อเวลา 06.00 น.วานนี้ กำลังทหาร ฉก.ค่ายเพชราวุธ ร่วมกับตำรวจ สภ.อ.ตากใบ และกำลัง อส.อำเภอตากใบกว่า 100 นาย กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุด ในพื้นที่หมู่ 8 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และบ้านเลขที่ 33 หมู่ 8 ของนายมะซู มะสะ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่เพิ่งถูกตำรวจ สภ.อ.สุไหงโก-ลก จับกุมได้เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา พร้อมยาบ้าของกลาง 1,000 เม็ด ขณะนำยาบ้ามาส่งให้ลูกค้ารายย่อยเพื่อส่งไปจำหน่ายต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน
จากการตรวจค้นบ้านพักของนายมะซู เจ้าหน้าที่พบท่อพีวีซีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้วครึ่ง ยาว 80 เซนติเมตร ปิดหัวท้ายด้วยปูนซีเมนต์ ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ 5 เลขหมาย และรถจักรยานยนต์ ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นพาหนะที่เคยใช้ก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ จึงยึดของกลางทั้งหมดไปตรวจสอบที่ สภ.อ.ตากใบ พร้อมแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับนายมะซูเพิ่มเติม ในข้อหาร่วมกันลอบวางระเบิดในพื้นที่ จ.นราธิวาส และฆ่าผู้อื่นส่วนอาวุธปืน จำนวน 3 กระบอก ที่กลุ่มนายมะซูใช้ในการก่อเหตุยิงราษฎรในพื้นที่ยังตรวจค้นไม่พบ
ต่อมาเวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดที่บริเวณหน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ในเขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแงะ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร ชุด ฉก.34 บาดเจ็บ 8 นาย ชาวบ้านเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บอีก 4 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง พบว่าคนร้ายซุกซ่อนระเบิดไว้ในถังน้ำมันรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ดรีม สีน้ำเงิน ทะเบียน ขกจ 82 นราธิวาส โดยโบกปูนซีเมนต์ทับอีกชั้นหนึ่ง เพื่อเพิ่มกำลังอัดให้ระเบิดมีอานุภาพรุนแรงขึ้น พร้อมกับนำซากรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปตรวจสอบรายชื่อผู้ครอบครอง
ล่าสุดทราบตัวเจ้าของรถแล้วเตรียมเรียกมาสอบสวนขยายผลว่า ใครเป็นผู้นำรถคันดังกล่าวไปใช้ในวันเกิดเหตุ หลังสืบทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ได้มีผู้ต้องสงสัยนำรถคันดังกล่าวไปให้นายกิ่ม แซ่ก้อง เจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ที่เกิดเหตุ เปลี่ยนผ้าเบรก แต่กลับไม่มารับรถคืน แถมยังซุกซ่อนระเบิดจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายดังกล่าว
ทั้งนี้ เหตุรุนแรงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันที่ 13 ส.ค.โดยคนร้ายบุกเข้ายิงนายกิ่ม เจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ เสียชีวิต เพื่อหลอกล่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ แล้วจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนไว้ในรถจักรยานยนต์ หมายสังหารหมู่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บระนาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แยกผู้ต้องสงสัยในคดีนี้เป็น 2 ส่วน คือ กลุ่มมือปืนที่ยิงนายกิ่ม แซ่ก้อง ว่าอยู่ในบัญชีมือปืนกลุ่มใด และกลุ่มคนร้ายที่ลอบวางระเบิด เชื่อว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เคยก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ อ.ระแงะ มาแล้วหลายครั้ง เพื่อรวบรวมหลักฐาน นำรูปถ่ายในประวัติอาชญากรรมมาให้พยานชี้ตัวก่อนที่จะสเกตช์ภาพคนร้าย เสนอให้ศาลออกหมายจับต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิ์กุล ผกก.สภ.อ.ระแงะ ได้เรียกพยานที่เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 4 ราย ซึ่งได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก จนสามารถรู้ตัว 1 ในกลุ่มคนร้ายรอกดชนวนระเบิดอยู่ในรถยนต์กระบะอีซูซุ ซึ่งจอดรออยู่ที่ฝั่งตรงข้ามร้านซ่อมรถ และนำหมายเลขทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าวไปตรวจสอบจนรู้ที่อยู่ชัดเจนแล้ว พร้อมส่งทีมประกบตัวอย่างใกล้ชิด
ขณะที่นายประชา เตรัตน์ ผวจ.นราธิวาส ได้เดินทางไปยังวัดร่อน ม.2 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คน คือ นายกิ่ม แซ่ก้อง นายอุทัย ผลนุกูล และนายชรินทร์ หนองเต่าดำ พร้อมกับมอบเงินเพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง
วันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.วิเชียร ยันตรัตน์ รอง ผกก.สภ.อ.ระแงะ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ชุด ฉก.34 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ระแงะ 90 นาย ได้นำกำลังพร้อมเครื่องมือตรวจจับวัตถุระเบิด เข้าค้นพื้นที่เป้าหมาย ในบ้านเขาน้อย ม.2 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ หลังพยานบางคนให้ปากคำระบุถึงผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งในพื้นที่ดังกล่าว ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีและครอบครองอาวุธสงครามรวมทั้งวัตถุระเบิดที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักต้องสงสัย รวม 13 หลัง และบริเวณป่าสวนยางพารารอบบ้านพัก แต่ไม่พบวัตถุต้องสงสัย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับอาการของเจ้าหน้าที่ทหาร ชุด ฉก.34 รวม 8 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด และถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมืองนราธิวาส ล่าสุดอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนชาวบ้านอีก 2 ราย คือ น.ส.ธิดา แซ่จู และนายกรรศักดิ์ ไม่ทราบนามสกุล ยังต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ส่วนบรรยากาศโดยทั่ว ๆ ไปในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส โดยเฉพาะร้านค้า บ้านเรือนของราษฎรละแวกจุดเกิดเหตุ ต่างพากันปิดร้านกันหมด เนื่องจากยังหวาดกลัวกับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น
เวลา 08.00 น.วานนี้ (14 ส.ค.)พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ประเจตน์ ศิริเดช อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ นายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีตรมช.ศึกษาธิการ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อทำบุญถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยได้มอบเงินให้วัดและมัสยิด 10แห่งๆ ละ 30,000 บาท ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จ.สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส พร้อมพบปะหารือกับผู้นำศาสนา และเจ้าหน้าที่รัฐที่โรงแรมซีเอส จ.ปัตตานี
พล.อ.เปรม ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้บัญชาการทหารบก ระบุมีกลุ่มคอมมิวนิสต์ร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้แต่ส่ายหน้าและโบกมือ ขณะที่ พล.อ.สนธิ ก็ไม่ให้สัมภาษณ์เช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจาก พล.อ.เปรม และคณะ ประชุมร่วมกับประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และประธานชมรมสภาบันปอเนาะ จาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ และแนวทางการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง
ต่อมาในเวลา 12.00 น. พล.อ.สุรยุทธ์ และนายอาซิ ยานยา ประธานชมรมสถาบันปอเนาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า การหารือวันนี้ ได้มีการพูดถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งประเด็นความสำคัญ คือ ความเป็นไทย และความเป็นธรรม รวมทั้งการหาแนวทางที่จะแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ทางมูลนิธิรัฐบุรุษ มูลนิธิรักษ์เมืองไทย และมูลนิธิอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปรับปรุง พัฒนาในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง 3 มูลนิธิ ได้เข้ามาช่วยเหลือทุนการศึกษาแก่เยาวชนในพื้นที่ภาคใต้อยู่แล้ว และในครั้งนี้จะเข้ามาสนับสนุนทุนการศึกษา แก่เด็กนักเรียนในสถาบันปอเนาะอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เยาวชนได้มีโอกาสทางการศึกษามากขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว ที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน
"เราได้มีการเสนอแนะในประเด็นต่างๆ เพื่อที่จะแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ ที่สำคัญที่สุด คือ ความเป็นธรรม และการพัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดีขึ้น ผมคิดว่าจะเป็นแนวทางที่ดี ที่จะนำไปสู่การพัฒนาสังคม ชุมชนให้เกิดความสันติสุขและสันติภาพ" นายอาซิ กล่าว
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น. ประธานองคมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางไปที่มัสยิดกลางปัตตานี เพื่อร่วมพิธีละหมาดฮาญัติ และขอดุอาร์ถวายพระพร แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม ก่อนที่จะเดินทางไปที่วัดนาประดู่ อ.โพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อมอบปัจจัยบำรุงวัดจำนวน 5 วัดก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อเวลา 06.00 น.วานนี้ กำลังทหาร ฉก.ค่ายเพชราวุธ ร่วมกับตำรวจ สภ.อ.ตากใบ และกำลัง อส.อำเภอตากใบกว่า 100 นาย กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุด ในพื้นที่หมู่ 8 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และบ้านเลขที่ 33 หมู่ 8 ของนายมะซู มะสะ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่เพิ่งถูกตำรวจ สภ.อ.สุไหงโก-ลก จับกุมได้เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา พร้อมยาบ้าของกลาง 1,000 เม็ด ขณะนำยาบ้ามาส่งให้ลูกค้ารายย่อยเพื่อส่งไปจำหน่ายต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน
จากการตรวจค้นบ้านพักของนายมะซู เจ้าหน้าที่พบท่อพีวีซีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้วครึ่ง ยาว 80 เซนติเมตร ปิดหัวท้ายด้วยปูนซีเมนต์ ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ 5 เลขหมาย และรถจักรยานยนต์ ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นพาหนะที่เคยใช้ก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ จึงยึดของกลางทั้งหมดไปตรวจสอบที่ สภ.อ.ตากใบ พร้อมแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับนายมะซูเพิ่มเติม ในข้อหาร่วมกันลอบวางระเบิดในพื้นที่ จ.นราธิวาส และฆ่าผู้อื่นส่วนอาวุธปืน จำนวน 3 กระบอก ที่กลุ่มนายมะซูใช้ในการก่อเหตุยิงราษฎรในพื้นที่ยังตรวจค้นไม่พบ
ต่อมาเวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดที่บริเวณหน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ในเขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแงะ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร ชุด ฉก.34 บาดเจ็บ 8 นาย ชาวบ้านเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บอีก 4 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง พบว่าคนร้ายซุกซ่อนระเบิดไว้ในถังน้ำมันรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ดรีม สีน้ำเงิน ทะเบียน ขกจ 82 นราธิวาส โดยโบกปูนซีเมนต์ทับอีกชั้นหนึ่ง เพื่อเพิ่มกำลังอัดให้ระเบิดมีอานุภาพรุนแรงขึ้น พร้อมกับนำซากรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปตรวจสอบรายชื่อผู้ครอบครอง
ล่าสุดทราบตัวเจ้าของรถแล้วเตรียมเรียกมาสอบสวนขยายผลว่า ใครเป็นผู้นำรถคันดังกล่าวไปใช้ในวันเกิดเหตุ หลังสืบทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ได้มีผู้ต้องสงสัยนำรถคันดังกล่าวไปให้นายกิ่ม แซ่ก้อง เจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ที่เกิดเหตุ เปลี่ยนผ้าเบรก แต่กลับไม่มารับรถคืน แถมยังซุกซ่อนระเบิดจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายดังกล่าว
ทั้งนี้ เหตุรุนแรงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันที่ 13 ส.ค.โดยคนร้ายบุกเข้ายิงนายกิ่ม เจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ เสียชีวิต เพื่อหลอกล่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ แล้วจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนไว้ในรถจักรยานยนต์ หมายสังหารหมู่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บระนาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แยกผู้ต้องสงสัยในคดีนี้เป็น 2 ส่วน คือ กลุ่มมือปืนที่ยิงนายกิ่ม แซ่ก้อง ว่าอยู่ในบัญชีมือปืนกลุ่มใด และกลุ่มคนร้ายที่ลอบวางระเบิด เชื่อว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เคยก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ อ.ระแงะ มาแล้วหลายครั้ง เพื่อรวบรวมหลักฐาน นำรูปถ่ายในประวัติอาชญากรรมมาให้พยานชี้ตัวก่อนที่จะสเกตช์ภาพคนร้าย เสนอให้ศาลออกหมายจับต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิ์กุล ผกก.สภ.อ.ระแงะ ได้เรียกพยานที่เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 4 ราย ซึ่งได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก จนสามารถรู้ตัว 1 ในกลุ่มคนร้ายรอกดชนวนระเบิดอยู่ในรถยนต์กระบะอีซูซุ ซึ่งจอดรออยู่ที่ฝั่งตรงข้ามร้านซ่อมรถ และนำหมายเลขทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าวไปตรวจสอบจนรู้ที่อยู่ชัดเจนแล้ว พร้อมส่งทีมประกบตัวอย่างใกล้ชิด
ขณะที่นายประชา เตรัตน์ ผวจ.นราธิวาส ได้เดินทางไปยังวัดร่อน ม.2 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คน คือ นายกิ่ม แซ่ก้อง นายอุทัย ผลนุกูล และนายชรินทร์ หนองเต่าดำ พร้อมกับมอบเงินเพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง
วันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.วิเชียร ยันตรัตน์ รอง ผกก.สภ.อ.ระแงะ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ชุด ฉก.34 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ระแงะ 90 นาย ได้นำกำลังพร้อมเครื่องมือตรวจจับวัตถุระเบิด เข้าค้นพื้นที่เป้าหมาย ในบ้านเขาน้อย ม.2 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ หลังพยานบางคนให้ปากคำระบุถึงผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งในพื้นที่ดังกล่าว ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีและครอบครองอาวุธสงครามรวมทั้งวัตถุระเบิดที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักต้องสงสัย รวม 13 หลัง และบริเวณป่าสวนยางพารารอบบ้านพัก แต่ไม่พบวัตถุต้องสงสัย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับอาการของเจ้าหน้าที่ทหาร ชุด ฉก.34 รวม 8 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด และถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมืองนราธิวาส ล่าสุดอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนชาวบ้านอีก 2 ราย คือ น.ส.ธิดา แซ่จู และนายกรรศักดิ์ ไม่ทราบนามสกุล ยังต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ส่วนบรรยากาศโดยทั่ว ๆ ไปในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส โดยเฉพาะร้านค้า บ้านเรือนของราษฎรละแวกจุดเกิดเหตุ ต่างพากันปิดร้านกันหมด เนื่องจากยังหวาดกลัวกับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น