มีภาษาไทยอยู่คำหนึ่งซึ่งทุกวันนี้ใช้กันน้อยมากหรือไม่ค่อยจะนำมาใช้กัน นั่นคือคำว่า “ควาย” ซึ่งคนไทยทุกวันนี้จะรู้สึกกันว่าเป็นคำชั้นต่ำ เป็นคำเดียวที่ผู้ลากมากดีทุกวันนี้ไม่ยอมใช้กันคือคำว่าควายนี่แหละ
ควายหมายถึงความโง่เซ่อ ดื้อด้าน ชอบงานที่หนักและไม่มีตรงไหนที่ควรนำมาใช้สำหรับคนไทยซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้ดีกันทั้งชาติ หรือบางคนจะไม่รู้จักควายกันไปแล้ว
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีควายมากที่สุด ทั้งๆ ที่เกิดมาคู่กับชาติบ้านเมืองและคนไทยนับร้อยปีพันปีมาแล้ว คนไทยทุกครอบครัวทุกหมู่บ้านไม่ว่าที่ไหนจะไม่มีควายอยู่ในบ้านของตัวเองอยู่ไม่ได้ เพราะควายเท่านั้นที่จะช่วยให้ท้องอิ่มขึ้นมาได้ตราบที่คนไทยในสมัยก่อนยังกินข้าวกันทุกคน ควายจะทำหน้าที่รับภาระหนักๆ เช่น เทียมแอกเทียมไถในการทำนาตั้งแต่ต้นจนจบ
คนไทยสมัยโบราณ ใครไม่มีควายเป็นของตัวเองหรือไม่มีควายประจำครอบครัวเอาไว้ทำนาจะถือกันว่าเป็นคนที่ไม่มีศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะความยากจนหรือไม่มีแม้แต่ควายที่จะเอามาใช้ไถนา ก็นับว่าเป็นมนุษย์สิ้นคิดที่สุด
เพราะฉะนั้น คนไทยสมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นใครอยู่ที่ไหน และเป็นคนที่จะต้องกินข้าว เขาจะต้องมีควายสำหรับทำนา
ควายจึงเป็นสัตว์ประเภทเดียวที่มีค่า และมีความหมายสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคนที่เกิดมากินข้าวในสมัยโบราณ
แต่เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้น การทำไร่ทำนาไม่จำเป็นจะต้องอาศัยควายเทียมแอกเทียมไถสำหรับการลากแอกลากไถ ควายจึงเป็นสัตว์ที่ถูกเลิกไปหมด จนกระทั่งทุกวันนี้ การทำไร่ทำนาทั่วประเทศอาศัยรถไถที่ถูกสร้างขึ้นมาแทนควาย ประโยชน์ของควายในสายตาคนจึงเกือบไม่มีเอาเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ควายได้ถูกนำมาเป็นตัวแทนของความโง่เขลา และความไม่มีสติปัญญา ของคนไทยทั้งชาติ
มาถึงตอนนี้ บ้านเมืองกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปเพราะจากการโกหกหลอกลวง นั่นก็คือกำลังมีปัญหายุ่งยาก เพราะว่าควายที่หวังว่าจะสนตะพายได้ตามความพอใจได้พากันตื่นขึ้นมาแล้วเพราะได้ยินเสียงการหายใจของนักการเมืองบางคนที่หายใจออกมาแต่ละครั้งนั้น ทำให้บ้านเมืองวิปริตและประสบความฉิบหายทุกอย่างแม้แต่ประเทศชาติและแผ่นดิน
นักการเมืองที่กำลังโผล่หัวกันขึ้นมาเพื่อหาชื่อเสียงในการแสดงความห่วงใยต่อบ้านเมือง ความรักชาติ และเทิดทูนกลุ่มโจรปล้นชาติพวกนี้ไปในต่างประเทศแม้แต่ในอเมริกาก็มีโสเภณีที่ไปหากินอยู่ที่นั่นก็เป็นเจ้ากี้เจ้าการที่จะจัดการกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมด้วยคนไทยจำนวนมากที่เธอรวบรวมมาได้ เดียรัจฉานทางการเมืองพวกนี้กำลังมองเห็นประชาชนบางพวกบางกลุ่มกำลังมีสภาพเป็นควายกันไปครึ่งค่อนประเทศแล้ว เฉพาะอย่างยิ่ง คนไทยที่หลายภาคหลายจังหวัดถูกนักการเมืองพวกนี้กำลังมองเห็นเป็นควายไปหมด ต่างคนต่างก็พยายามยืนยันว่าประชาชนและผู้คนที่ไม่เห็นด้วยเป็นปฏิปักษ์และเป็นศัตรูของตัวไปทุกคน
จะพยายามทุกวิถีทางที่จะโกหกหลอกลวงร้อยแปดพันประการ จะโกงเงินชาติเงินแผ่นดินว่าจ้างคนไทยที่เห็นเป็นควายไปชุมนุมสรรเสริญเพื่อจะได้เข้าไปคดโกงในสภา จะสมมติเอาว่าคนไทยทั่วประเทศเป็นควายที่เขลาที่จะสนตะพายจูงจมูกไปไหนก็ทำได้ โดยที่เชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าสั่งให้ลงมาเกิดมาทำ
นั่นคือปัญหาของคนไทยและนักการเมืองในขณะนี้
ซึ่งมาถึงจุดจบของมันแล้วไม่ว่าใครจะต้องการหรือไม่ต้องการก็ตาม มีความจริงที่ไม่มีใครมองเห็นว่ามันเกิดขึ้นในบ้านเมืองแล้ว นั่นคือ ควายไทยที่คนไทยยอมให้เหยียบย่ำกันมาตลอดนั้น มันเริ่มไม่ยอมกันขึ้นมาแล้วจากการแสดงออกของคนไทยทั่วโลกที่ปฏิเสธพฤติกรรมของพรรคไทยรักไทยอย่างท้าทายและเปิดเผย ไม่ว่าจะมีการขัดขวางโต้แย้งประการใดก็ตาม หรือจะต้องขยายความไม่พอใจกลุ่มพันธมิตรฯ ออกไปถึงอเมริกาแล้วก็ตาม มันไม่มีประโยชน์อะไร ความจริงเป็นเรื่องที่จะต้องถูกยอมรับโดยไม่มีทางโต้แย้งอะไรได้ เพราะคนไทยในอเมริกาหรือในต่างประเทศก็ไม่ใช่ควายเหมือนกัน
ข้อพิสูจน์หรือไม่ต้องจริงจังอะไรมากจนเกินไปเราก็จะสามารถพิสูจน์ได้จากการเดินทางเพื่อเอาทรัพย์สินของประเทศชาติ และประชาชนทั้งชาติไปแจกประชาชนชาวบ้านเพียง 2-3 จังหวัดใน 70 กว่าจังหวัดของประเทศไทย ซึ่งการเอาข้าวของและเงินทองไปแจกโดยพลการ ผลที่ปรากฏคือมันเป็นเรื่องที่ไม่สนุกอย่างที่คนทุกคนเข้าใจ เพราะมีความมั่นใจว่าการกระทำหรือการสนใจของตนเองในการจะมองคนไทยทุกคนยังเป็นควายที่ว่านอนสอนง่ายอย่างที่เราเชื่อกันอยู่ มันไม่เป็นตามนั้นเสียแล้ว
“นายกฯ ทักษิณออกเดินสายทัวร์นกขมิ้นวันแรกที่ขอนแก่นเจอดีจนได้ เมื่อทางกลุ่มพันธมิตรฯ และนักศึกษารวมตัวประท้วงจนต้องเปลี่ยนสถานที่ประชุมโครงการ 30 บาท จากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ไปเป็นโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น แต่ไม่วายจะขึ้นเวทีประกาศนโยบายแลกแจกแถมตามถนัด ลั่นไม่มีอะไรมาหยุดที่จะสร้างความเจริญให้กับชาวบ้านแต่ออกอาการแหยงเพราะกลัวผิด เลยยั้งมือไม่กล้าไล่แจก สปก.เพราะกลัวกฎหมายเลือกตั้ง โคและสินเชื่อวิสาหกิจชุมชน”
นี่อาจจะเป็นบทเรียนและการสั่งสอนของควายไทยที่วิเศษที่สุดที่บอกให้นักการเมืองพวกนี้รู้อย่างชัดเจนว่าคนไทยหรือควายไทยนั้น ไม่ใช่สัตว์ที่หน้าหนาหน้าด้านอย่างที่พวกตัวทำกันอยู่ เมื่อควายพวกนี้รู้ขึ้นมาว่าอะไรเป็นอะไรอย่างที่รู้ที่เห็นว่าพวกนี้พยายามต้มและหลอกล่อเขาอยู่ หรือวันหนึ่งวันใดที่เขาบรรลุธรรมชั้นสูงขึ้นมาได้รู้แจ้งเห็นจริงว่า “มึงจะเล่นอะไรกับกู” แล้ววันนั้นเขาจะหันมาขวิดทันที
ไม่ต้องพูดอะไรมาก คนอีสานที่ดูว่าเหมือนควายเพราะความอดอยากยากจนในบางท้องที่ยอมทุกอย่างที่จะเอาใจเจ้าขุนมูลนายหน้าโง่ของแผ่นดินถึงกับไปต้อนรับ ไปกอดไปหอมแก้ม แต่ความจริงมันไม่มีหลักประกันอะไรว่าคนพวกนั้นจะเลือกหรือจะตายเพื่อพวกตัวเองหรือจะพากันเลือกตั้งอย่างทุ่มเทเพื่อให้เป็นรัฐบาลปล้นประเทศชาติต่อไปอีก ขอให้สังเกตดูเวลานี้เมื่อมีการจัดชุมนุมปราศรัยของนักการเมืองขึ้นที่ไหน นายกรัฐมนตรีไทยขึ้นมาด่าและสาปแช่งแล้วจะกลายเป็นมหกรรมที่เรียกร้องคนฟังจำนวนหมื่นจำนวนแสนซึ่งไม่เคยปรากฏในยุคไหนมาก่อน นั่นคือการช่วยกันด่า ช่วยกันแอนตี้หรือเพียงแต่เอ่ยชื่อนายทักษิณ ชินวัตรหรือพรรคไทยรักไทยเบาๆ สองสามคำเท่านั้น ผู้คนจะสนุกสนานและมันเขี้ยวถึงที่สุด
ในขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ “มติชน” ฉบับวันที่ 8 สิงหาคม 2549 ก็บอกกล่าวประชาชนคนอ่านว่า “ทัวร์อีสานงดแจกโค สปก.แม้วระวังแจ เปลี่ยนนโยบายหนีม็อบต่อต้าน” นี่เป็นเพียงสะเก็ดข่าวเล็กๆ ที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ไม่น่าจะมีความหมายอะไรมากนัก แต่ความจริงมันเป็นข่าวที่โด่งดังและน่าสนใจอย่างมาก
และถ้าเอาเรื่องนี้มาพูดกันอย่างตรงไปตรงมาหรืออย่างกำปั้นทุบดินจะรู้สึกว่ามันน่าสังเวชที่ไม่มีใครจะยอมรับว่านักการเมืองไทยที่มีตำแหน่งสูงสุดขนาดนายกรัฐมนตรี ร่ำรวยมหาศาลเป็นแสนล้านๆ ภายในประเทศเขามีอำนาจเป็นมหันต์ที่สุด ตำรวจ ทหาร และกองทัพที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครที่จะไม่ยอมนิ่ง ไม่ว่าเขาทำผิดทำถูก แม้แต่การขายชาติเพื่อความสุขของลูกเมียของเขาเอง
ทุกคนทุกฝ่ายจะกลัวอำนาจบารมีของเขาเป็นแถบๆ ไป อาจจะเป็นเพราะอำนาจเงินหรือเงินจะเป็นตัวอำนาจที่ทำให้คนสำคัญทั้งชาติเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ทั้งหมด แม้แต่จะมีการกระทำและการพูดล่วงเกินพระมหากษัตริย์หลายครั้งหลายหนทุกคนก็จะหุบปากนิ่ง
ในบ้านเมืองในแผ่นดินที่มีมากกว่า 70 จังหวัด
ประชากรทั้งหมดมี 62 ล้านคน แต่คนทั้ง 62 ล้านคนที่เป็นเจ้าของประเทศและของแผ่นดินเหล่านี้ถูกตราสังทั้งทางตรงทางอ้อม
คนไทยเจ้าของแผ่นดินเหล่านี้จะไม่มีใครสนใจ
นอกจากความเป็นควายที่ขึ้นอยู่กับการสนตะพาย และการจูงจมูกของเจ้าของของมัน
เพราะว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่จะเกิดขึ้น พวกเขาจะต้องทุ่มเทเงินทองทุกบาททุกสตางค์เพื่อการหาเสียงเลือกตั้ง โดยการต้มประชาชนและใช้วิธีการโกหกนานาประการเพื่อให้ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนที่ไม่รู้เท่าทันนักการเมืองพวกนี้
การเลือกตั้งในประเทศอื่นๆ เราจะไม่พูดกัน แต่เราจะต้องพูดกันถึงเฉพาะการหาเสียงเลือกตั้งเฉพาะในเมืองไทยซึ่งมีการเลือกตั้งด้วยการกระทำทุกอย่างตรงข้ามกับที่พูด หรือการบอกกล่าวกับประชาชนที่ยืนยันว่าจะทำเพื่อประชาชนอย่างไร และมีอะไรที่จะต้องทำ หรือการให้คำมั่นสัญญาสวยหรู แต่ในทางปฏิบัติและในยามปกติแล้ว นักการเมืองที่สมัครรับเลือกตั้งจะพูดตรงข้ามหรือทำตรงข้ามทั้งหมด
การเลือกตั้งเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่งในเดือนตุลาคม ที่จะถึงนี้ที่เราหวังกันไว้นั้น จึงได้พบกับการโกหกและการกระทำที่แสดงออกอีกหลายประการที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งบางคนจะต้องกระทำ
เพราะฉะนั้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคการเมืองที่เอาจักรยานพันๆ คนไปไว้แจกเด็ก เตรียมที่ดิน สปก.ของรัฐบาลไปแจกประชาชน และแจกวัวแจกควายเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดเพื่อซื้อเสียงจากประชาชนที่ได้รับแจก น่าจะถูกเปิดโปงออกมาจากควายไทยอื่นๆ ว่านั่นเป็นการปล้นบ้านปล้นเมืองหรือการคอร์รัปชัน ด้วยการเอาทรัพย์สินของรัฐมาแจกเพื่อแลกกับคะแนนเสียงที่จะได้ตอบแทน
จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าเมื่อวันเลือกตั้งมาถึงซึ่งหวังว่านักการเมืองพวกนี้จะสามารถเอาควายอีสานมาขี่คอได้หรือจะถูกควายมันเหยียบเอาจนจำตระกูลกันไม่ได้ก็ไม่รู้!
คอยดูวันนั้น!!
ควายหมายถึงความโง่เซ่อ ดื้อด้าน ชอบงานที่หนักและไม่มีตรงไหนที่ควรนำมาใช้สำหรับคนไทยซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้ดีกันทั้งชาติ หรือบางคนจะไม่รู้จักควายกันไปแล้ว
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีควายมากที่สุด ทั้งๆ ที่เกิดมาคู่กับชาติบ้านเมืองและคนไทยนับร้อยปีพันปีมาแล้ว คนไทยทุกครอบครัวทุกหมู่บ้านไม่ว่าที่ไหนจะไม่มีควายอยู่ในบ้านของตัวเองอยู่ไม่ได้ เพราะควายเท่านั้นที่จะช่วยให้ท้องอิ่มขึ้นมาได้ตราบที่คนไทยในสมัยก่อนยังกินข้าวกันทุกคน ควายจะทำหน้าที่รับภาระหนักๆ เช่น เทียมแอกเทียมไถในการทำนาตั้งแต่ต้นจนจบ
คนไทยสมัยโบราณ ใครไม่มีควายเป็นของตัวเองหรือไม่มีควายประจำครอบครัวเอาไว้ทำนาจะถือกันว่าเป็นคนที่ไม่มีศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะความยากจนหรือไม่มีแม้แต่ควายที่จะเอามาใช้ไถนา ก็นับว่าเป็นมนุษย์สิ้นคิดที่สุด
เพราะฉะนั้น คนไทยสมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นใครอยู่ที่ไหน และเป็นคนที่จะต้องกินข้าว เขาจะต้องมีควายสำหรับทำนา
ควายจึงเป็นสัตว์ประเภทเดียวที่มีค่า และมีความหมายสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคนที่เกิดมากินข้าวในสมัยโบราณ
แต่เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้น การทำไร่ทำนาไม่จำเป็นจะต้องอาศัยควายเทียมแอกเทียมไถสำหรับการลากแอกลากไถ ควายจึงเป็นสัตว์ที่ถูกเลิกไปหมด จนกระทั่งทุกวันนี้ การทำไร่ทำนาทั่วประเทศอาศัยรถไถที่ถูกสร้างขึ้นมาแทนควาย ประโยชน์ของควายในสายตาคนจึงเกือบไม่มีเอาเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ควายได้ถูกนำมาเป็นตัวแทนของความโง่เขลา และความไม่มีสติปัญญา ของคนไทยทั้งชาติ
มาถึงตอนนี้ บ้านเมืองกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปเพราะจากการโกหกหลอกลวง นั่นก็คือกำลังมีปัญหายุ่งยาก เพราะว่าควายที่หวังว่าจะสนตะพายได้ตามความพอใจได้พากันตื่นขึ้นมาแล้วเพราะได้ยินเสียงการหายใจของนักการเมืองบางคนที่หายใจออกมาแต่ละครั้งนั้น ทำให้บ้านเมืองวิปริตและประสบความฉิบหายทุกอย่างแม้แต่ประเทศชาติและแผ่นดิน
นักการเมืองที่กำลังโผล่หัวกันขึ้นมาเพื่อหาชื่อเสียงในการแสดงความห่วงใยต่อบ้านเมือง ความรักชาติ และเทิดทูนกลุ่มโจรปล้นชาติพวกนี้ไปในต่างประเทศแม้แต่ในอเมริกาก็มีโสเภณีที่ไปหากินอยู่ที่นั่นก็เป็นเจ้ากี้เจ้าการที่จะจัดการกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมด้วยคนไทยจำนวนมากที่เธอรวบรวมมาได้ เดียรัจฉานทางการเมืองพวกนี้กำลังมองเห็นประชาชนบางพวกบางกลุ่มกำลังมีสภาพเป็นควายกันไปครึ่งค่อนประเทศแล้ว เฉพาะอย่างยิ่ง คนไทยที่หลายภาคหลายจังหวัดถูกนักการเมืองพวกนี้กำลังมองเห็นเป็นควายไปหมด ต่างคนต่างก็พยายามยืนยันว่าประชาชนและผู้คนที่ไม่เห็นด้วยเป็นปฏิปักษ์และเป็นศัตรูของตัวไปทุกคน
จะพยายามทุกวิถีทางที่จะโกหกหลอกลวงร้อยแปดพันประการ จะโกงเงินชาติเงินแผ่นดินว่าจ้างคนไทยที่เห็นเป็นควายไปชุมนุมสรรเสริญเพื่อจะได้เข้าไปคดโกงในสภา จะสมมติเอาว่าคนไทยทั่วประเทศเป็นควายที่เขลาที่จะสนตะพายจูงจมูกไปไหนก็ทำได้ โดยที่เชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าสั่งให้ลงมาเกิดมาทำ
นั่นคือปัญหาของคนไทยและนักการเมืองในขณะนี้
ซึ่งมาถึงจุดจบของมันแล้วไม่ว่าใครจะต้องการหรือไม่ต้องการก็ตาม มีความจริงที่ไม่มีใครมองเห็นว่ามันเกิดขึ้นในบ้านเมืองแล้ว นั่นคือ ควายไทยที่คนไทยยอมให้เหยียบย่ำกันมาตลอดนั้น มันเริ่มไม่ยอมกันขึ้นมาแล้วจากการแสดงออกของคนไทยทั่วโลกที่ปฏิเสธพฤติกรรมของพรรคไทยรักไทยอย่างท้าทายและเปิดเผย ไม่ว่าจะมีการขัดขวางโต้แย้งประการใดก็ตาม หรือจะต้องขยายความไม่พอใจกลุ่มพันธมิตรฯ ออกไปถึงอเมริกาแล้วก็ตาม มันไม่มีประโยชน์อะไร ความจริงเป็นเรื่องที่จะต้องถูกยอมรับโดยไม่มีทางโต้แย้งอะไรได้ เพราะคนไทยในอเมริกาหรือในต่างประเทศก็ไม่ใช่ควายเหมือนกัน
ข้อพิสูจน์หรือไม่ต้องจริงจังอะไรมากจนเกินไปเราก็จะสามารถพิสูจน์ได้จากการเดินทางเพื่อเอาทรัพย์สินของประเทศชาติ และประชาชนทั้งชาติไปแจกประชาชนชาวบ้านเพียง 2-3 จังหวัดใน 70 กว่าจังหวัดของประเทศไทย ซึ่งการเอาข้าวของและเงินทองไปแจกโดยพลการ ผลที่ปรากฏคือมันเป็นเรื่องที่ไม่สนุกอย่างที่คนทุกคนเข้าใจ เพราะมีความมั่นใจว่าการกระทำหรือการสนใจของตนเองในการจะมองคนไทยทุกคนยังเป็นควายที่ว่านอนสอนง่ายอย่างที่เราเชื่อกันอยู่ มันไม่เป็นตามนั้นเสียแล้ว
“นายกฯ ทักษิณออกเดินสายทัวร์นกขมิ้นวันแรกที่ขอนแก่นเจอดีจนได้ เมื่อทางกลุ่มพันธมิตรฯ และนักศึกษารวมตัวประท้วงจนต้องเปลี่ยนสถานที่ประชุมโครงการ 30 บาท จากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ไปเป็นโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น แต่ไม่วายจะขึ้นเวทีประกาศนโยบายแลกแจกแถมตามถนัด ลั่นไม่มีอะไรมาหยุดที่จะสร้างความเจริญให้กับชาวบ้านแต่ออกอาการแหยงเพราะกลัวผิด เลยยั้งมือไม่กล้าไล่แจก สปก.เพราะกลัวกฎหมายเลือกตั้ง โคและสินเชื่อวิสาหกิจชุมชน”
นี่อาจจะเป็นบทเรียนและการสั่งสอนของควายไทยที่วิเศษที่สุดที่บอกให้นักการเมืองพวกนี้รู้อย่างชัดเจนว่าคนไทยหรือควายไทยนั้น ไม่ใช่สัตว์ที่หน้าหนาหน้าด้านอย่างที่พวกตัวทำกันอยู่ เมื่อควายพวกนี้รู้ขึ้นมาว่าอะไรเป็นอะไรอย่างที่รู้ที่เห็นว่าพวกนี้พยายามต้มและหลอกล่อเขาอยู่ หรือวันหนึ่งวันใดที่เขาบรรลุธรรมชั้นสูงขึ้นมาได้รู้แจ้งเห็นจริงว่า “มึงจะเล่นอะไรกับกู” แล้ววันนั้นเขาจะหันมาขวิดทันที
ไม่ต้องพูดอะไรมาก คนอีสานที่ดูว่าเหมือนควายเพราะความอดอยากยากจนในบางท้องที่ยอมทุกอย่างที่จะเอาใจเจ้าขุนมูลนายหน้าโง่ของแผ่นดินถึงกับไปต้อนรับ ไปกอดไปหอมแก้ม แต่ความจริงมันไม่มีหลักประกันอะไรว่าคนพวกนั้นจะเลือกหรือจะตายเพื่อพวกตัวเองหรือจะพากันเลือกตั้งอย่างทุ่มเทเพื่อให้เป็นรัฐบาลปล้นประเทศชาติต่อไปอีก ขอให้สังเกตดูเวลานี้เมื่อมีการจัดชุมนุมปราศรัยของนักการเมืองขึ้นที่ไหน นายกรัฐมนตรีไทยขึ้นมาด่าและสาปแช่งแล้วจะกลายเป็นมหกรรมที่เรียกร้องคนฟังจำนวนหมื่นจำนวนแสนซึ่งไม่เคยปรากฏในยุคไหนมาก่อน นั่นคือการช่วยกันด่า ช่วยกันแอนตี้หรือเพียงแต่เอ่ยชื่อนายทักษิณ ชินวัตรหรือพรรคไทยรักไทยเบาๆ สองสามคำเท่านั้น ผู้คนจะสนุกสนานและมันเขี้ยวถึงที่สุด
ในขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ “มติชน” ฉบับวันที่ 8 สิงหาคม 2549 ก็บอกกล่าวประชาชนคนอ่านว่า “ทัวร์อีสานงดแจกโค สปก.แม้วระวังแจ เปลี่ยนนโยบายหนีม็อบต่อต้าน” นี่เป็นเพียงสะเก็ดข่าวเล็กๆ ที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ไม่น่าจะมีความหมายอะไรมากนัก แต่ความจริงมันเป็นข่าวที่โด่งดังและน่าสนใจอย่างมาก
และถ้าเอาเรื่องนี้มาพูดกันอย่างตรงไปตรงมาหรืออย่างกำปั้นทุบดินจะรู้สึกว่ามันน่าสังเวชที่ไม่มีใครจะยอมรับว่านักการเมืองไทยที่มีตำแหน่งสูงสุดขนาดนายกรัฐมนตรี ร่ำรวยมหาศาลเป็นแสนล้านๆ ภายในประเทศเขามีอำนาจเป็นมหันต์ที่สุด ตำรวจ ทหาร และกองทัพที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครที่จะไม่ยอมนิ่ง ไม่ว่าเขาทำผิดทำถูก แม้แต่การขายชาติเพื่อความสุขของลูกเมียของเขาเอง
ทุกคนทุกฝ่ายจะกลัวอำนาจบารมีของเขาเป็นแถบๆ ไป อาจจะเป็นเพราะอำนาจเงินหรือเงินจะเป็นตัวอำนาจที่ทำให้คนสำคัญทั้งชาติเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ทั้งหมด แม้แต่จะมีการกระทำและการพูดล่วงเกินพระมหากษัตริย์หลายครั้งหลายหนทุกคนก็จะหุบปากนิ่ง
ในบ้านเมืองในแผ่นดินที่มีมากกว่า 70 จังหวัด
ประชากรทั้งหมดมี 62 ล้านคน แต่คนทั้ง 62 ล้านคนที่เป็นเจ้าของประเทศและของแผ่นดินเหล่านี้ถูกตราสังทั้งทางตรงทางอ้อม
คนไทยเจ้าของแผ่นดินเหล่านี้จะไม่มีใครสนใจ
นอกจากความเป็นควายที่ขึ้นอยู่กับการสนตะพาย และการจูงจมูกของเจ้าของของมัน
เพราะว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่จะเกิดขึ้น พวกเขาจะต้องทุ่มเทเงินทองทุกบาททุกสตางค์เพื่อการหาเสียงเลือกตั้ง โดยการต้มประชาชนและใช้วิธีการโกหกนานาประการเพื่อให้ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนที่ไม่รู้เท่าทันนักการเมืองพวกนี้
การเลือกตั้งในประเทศอื่นๆ เราจะไม่พูดกัน แต่เราจะต้องพูดกันถึงเฉพาะการหาเสียงเลือกตั้งเฉพาะในเมืองไทยซึ่งมีการเลือกตั้งด้วยการกระทำทุกอย่างตรงข้ามกับที่พูด หรือการบอกกล่าวกับประชาชนที่ยืนยันว่าจะทำเพื่อประชาชนอย่างไร และมีอะไรที่จะต้องทำ หรือการให้คำมั่นสัญญาสวยหรู แต่ในทางปฏิบัติและในยามปกติแล้ว นักการเมืองที่สมัครรับเลือกตั้งจะพูดตรงข้ามหรือทำตรงข้ามทั้งหมด
การเลือกตั้งเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่งในเดือนตุลาคม ที่จะถึงนี้ที่เราหวังกันไว้นั้น จึงได้พบกับการโกหกและการกระทำที่แสดงออกอีกหลายประการที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งบางคนจะต้องกระทำ
เพราะฉะนั้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคการเมืองที่เอาจักรยานพันๆ คนไปไว้แจกเด็ก เตรียมที่ดิน สปก.ของรัฐบาลไปแจกประชาชน และแจกวัวแจกควายเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดเพื่อซื้อเสียงจากประชาชนที่ได้รับแจก น่าจะถูกเปิดโปงออกมาจากควายไทยอื่นๆ ว่านั่นเป็นการปล้นบ้านปล้นเมืองหรือการคอร์รัปชัน ด้วยการเอาทรัพย์สินของรัฐมาแจกเพื่อแลกกับคะแนนเสียงที่จะได้ตอบแทน
จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าเมื่อวันเลือกตั้งมาถึงซึ่งหวังว่านักการเมืองพวกนี้จะสามารถเอาควายอีสานมาขี่คอได้หรือจะถูกควายมันเหยียบเอาจนจำตระกูลกันไม่ได้ก็ไม่รู้!
คอยดูวันนั้น!!