ผู้จัดการรายวัน - สหภาพฯการบินไทยค้านโยกเที่ยวบินในประเทศใช้สุวรรณภูมิ 15 ก.ย.ก่อน ชี้นโยบายใช้การบินไทยเป็นหนูทดลองทั้งๆ ที่ไม่มีความพร้อมในการเปิดสนามบิน ยื่นหนังสือ"วันชัย" และบอร์ดทบทวน แจงปัญหาเพียบ โดยเฉพาะปัญหาการหมุนเวียนการใช้เครื่องบิน ทำให้สูญเสียรายได้ ด้าน“พงษ์ศักดิ์”ยันไม่บังคับสายการบินแต่ขอความร่วมมือ ให้ทำเพื่อชาติ เผยเห็นใจพนักงานสายการบินต้องเดินทางไกล ชี้ทอท.จัดรถบริการฟรีอยู่แล้ว
วานนี้(9ส.ค.) สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ออกแถลงการณ์คัดค้านการเริ่มให้บริการเส้นทางภายในประเทศของสนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. โดยระบุถึงความไม่พร้อมของอุปกรณ์ทางด้านการบิน และยืนยันจะขอให้พนักงานการบินไทยไม่ร่วมปฏิบัติงานในวันดังกล่าว
ทั้งนี้เนื้อหาระบุถึงการที่กระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้สนามบินสุวรรณภูมิเริ่มให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน เป็นต้นไป ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความสับสนให้แก่ผู้โดยสารและพนักงานอย่างมาก โดยพนักงานส่วนใหญ่ได้รับทราบข่าวดังกล่าวผ่านจากสื่อมวลชน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของการสื่อสารภายในองค์กร
นอกจากนี้นโยบายดังกล่าวยังได้สร้างความเสียหายให้แก่การบินไทยอย่างมากได้แก่ 1. การบินไทยไม่สามารถหมุนเวียนการใช้เครื่องบินให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด จากการเริ่มบินดังกล่าว ทำให้การบินไทยต้องสูญเสียรายได้ และมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น 2.กรณีที่เครื่องบินมีปัญหาทางด้านเทคนิคไม่สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที เนื่องจากอุปกรณ์ส่วนใหญ่และสต็อกอะไหล่ยังอยู่ที่สนามบินดอนเมือง 3. อุปกรณ์ในลานจอดมีไม่เพียงพอที่จะแบ่งไปใช้ในสนามบินสุวรรณภูมิเพราะต้องใช้หมุนเวียดกับเที่ยวบินในประเทศร่วมกับต่างประเทศ
4. อุปกรณ์ที่ต้องใช้ร่วมกับผู้โดยสารที่เป็น Special Handling เช่น Whell Chai,UM สำหรับผู้เยาว์ในกรณีที่ไม่สามารถใช้บริการต่อเครื่องได้มีไม่เพียงพอ 5. การจัดตารางบินลูกเรือและนักบินเพื่อประโยชน์สูงสุดไม่สามารถทำได้ ต้องเสียกำลังโดยเปล่าประโยชน์ 6. กรณีที่ผู้โดยสารตกเครื่อง การบินไทยจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าปรับ ค่าที่พัก และค่าอาหาร ซึ่งทำให้การบินไทยมีต้นทุนสูงขึ้น และ 7กรณีที่เครื่องบินล่าช้าจะทำให้เกิดปัญหาไม่สามารถเตรียมบริการด้านอาหารให้แก่ผู้โดยสารได้ทันท่วงที
8.สร้างความสับสนแก่ผู้โดยสารจากต่างประเทศที่ต้องย้ายไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิทั้งๆ ที่ตอนจองตั๋วระบุต้นทางที่ BKK ที่เดียว 9. อุปกรณ์สำนักงานที่ต้องแบ่งเป็น 2 แห่งสร้างความวุ่นวายและสิ้นเปลืองแก่การให้บริการของบริษัทการบินไทยอย่างมาก 10. ความไม่ปลอดภัยของพนักงานที่ไปปฏิบัติงานที่สนามบินสุวรรณภูมิเนื่องจากต้องทำงานเวลา 04.00 น.เป็นต้นไป ขณะที่การก่อสร้างยังดำเนินการอยู่ 11. ความไม่พร้อมของห้องทำงาน 12. ความไม่พร้อมของระบบต่าง ๆในสนามบิน และ 13. จำนวนพนักงานไม่เพียงพอที่จะจัดพนักงานไปให้บริการทั้งสองแห่งพร้อมกัน
ทั้งนี้ สหภาพฯ การบินไทยขอยืนยันว่าจะคัดค้านนโยบายดังกล่าว ซึ่งเสมือนกับการบังคับให้การบินไทยเป็นหนูทดลองยาในการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งไม่มีความพร้อมทุกด้านและเป็นนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้แก่สายการบินต้นทุนต่ำ ดังนั้น สหภาพฯ จึงขอเรียกร้องให้ผู้บริหารปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทมากกว่าที่จะรักษาหน้าของรัฐบาล โดยให้คำนึงถึงภาพลักษณ์สายการบินแห่งชาติเป็นที่ตั้ง ซึ่งในส่วนของสหภาพฯ จะขอให้พนักงานการบินไทยที่ต้องปฏิบัติงานในเส้นทางบินภายในประเทศไม่เข้าร่วมทำงานกับการเริ่มให้บริการ 15 กันยายนนี้ด้วย.
**“พงษ์ศักดิ์”ขอความร่วมมือทำเพื่อชาติ
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. จะนำข้อคิดเห็นของสหภาพฯ การบินไทยเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณา การเปิดบินเที่ยวบินภายในประเทศวันที่ 15 ก.ย.นี้ ซึ่งนโยบายดังกล่าว เป็นการขอความร่วมมือจากสายการบินต่างๆ ตามความสมัครใจ โดยทอท.จะให้สิทธิพิเศษแก่สายการบินที่ให้ความร่วมมือเพราะถือเป็นการซ้อม สร้างความคุ้นเคย ทำความเข้าใจในการใช้พื้นที่สนามบิน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทดสอบเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา เช่น ป้ายบอกทาง ทำให้มีผู้โดยสารหลงทาง ก็เพราะความไม่คุ้นเคย ได้มีการแก้ไขแล้ว ดังนั้น ทุกสายการบินที่ร่วมมือก็ถือเป็นการทำประโยชน์เพื่อประเทศและขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับอีกหลายสายการบินในเรื่องสิทธิพิเศษ ซึ่งทุกสายจะได้รับเท่าเทียมกัน แต่หากสายการบินใดไม่มาร่วมในวันที่ 15 ก.ย.ก็ไม่กระทบอะไร
“ส่วนตัวผมเป็นห่วงและเข้าใจพนักงานการบินไทยและสายการบินอื่น เพราะส่วนใหญ่กังวลเรื่องการเดินทางไกลเพราะซื้อบ้านไว้ที่ดอนเมือง ไม่อยากย้าย แต่ตอนนี้สนามบินเสร็จแล้วจึงจำเป็นซึ่งทอท.ได้ให้ความช่วยเหลือในการจัดรถรับส่งในการเดินทางและออกค่าใช้จ่ายให้หมด แต่ทุกคนก็ต้องปรับตัวกับการเดินทางแบบใหม่ด้วย”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
สำหรับกรณีที่ผู้บริหารสายการบินต้นทุนต่ำได้ออกมาปฏิเสธไม่เข้าร่วมกับการเริ่มให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ ระหว่างเส้นทางการบินต่าง ๆ กับสนามบินสุวรรณภูมิ โดยอ้างว่ายังไม่มีความพร้อม และไม่สามารถจัดตั้งสำนักงาน และโยกย้ายอุปกรณ์การบินได้ทัน ในส่วนนี้นั้นเป็นนโยบายของภาครัฐที่เชิญชวนสายการบินเอกชนเข้าร่วมโดยความสมัครใจ หากสายการบินใดไม่มีความพร้อมก็ไม่เป็นไร แต่ที่แน่นอนขณะนี้บริษัทการบินไทยจะทำการเปิดเส้นทางบินนำร่องตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนนี้อย่างแน่นอน
เรืออากาศโท อภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับการเริ่มให้บริการเที่ยวบินระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิกับจุดบินภายในประเทศตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนนั้น ขณะนี้การบินไทยได้ตกลงใจที่จะเปิด 3 เส้นทางบิน รวม 5 เที่ยวบินต่อวัน ในเส้นทางสุวรรณภูมิ-พิษณุโลก 3 เที่ยวบินต่อวัน สุวรรณภูมิ-อุบลราชธานี 1 เที่ยวบินต่อวัน และสุวรรณภูมิ-เชียงใหม่ 1 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งจะขนส่งผู้โดยสารที่บินตรงจุดต่อจุด และไม่ได้เดินทางเชื่อมต่อไปยังจังหวัดอื่น ๆ หรือในต่างประเทศ.
**ยันมีแค่วันละ 5 เที่ยวเท่านั้น
นายวันชัย ศารทูลทัต ประธานคณะกรรมการ บมจ.การบินไทย ชี้แจงรายละเอียดการบินในวันที่ 15 กันยายนนี้ โดยยืนยันว่า การบินไทยจะมีการบินวันละ 5 เที่ยวบิน ในเส้นทางสุวรรณภูมิ-พิษณุโลก 3 เที่ยวบิน สุวรรณภูมิ-อุบลราชธานี 1 เที่ยวบิน สุวรรณภูมิ-เชียงใหม่ 1 เที่ยวบิน โดยจะใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737 ประจำอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่ต้องมีความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่จะรองรับผู้โดยสาร เช่น ท่าอากาศยาน ระบบการขนส่ง โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
ส่วนกรณีสหภาพฯ การบินไทย ออกมาคัดค้านการย้ายเที่ยวบินในประเทศไปบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิวันที่ 15 กันยายน นั้น นายวันชัย กล่าวว่า เกิดจากความเข้าใจผิด เนื่องจากสหภาพฯ เข้าใจว่าจะย้ายไปทั้งหมด และได้ทำความเข้าใจแล้วว่าจะมีเครื่องบินของการบินไทยเพียง 1 ลำ วันละ 5 เที่ยวบินเท่านั้น ซึ่งสหภาพฯ เข้าใจและไม่มีปัญหาแล้ว โดยเที่ยวบินดังกล่าวจะจำหน่ายตั๋วโดยสารราคาปกติเหมือนเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ และจะมีการมอบของที่ระลึกแก่ผู้โดยสาร ซึ่งการบินไทยเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่มีโอกาสให้บริการก่อนที่จะเปิดจริง ทำให้พนักงานมีทักษะและความชำนาญ คุ้นเคยกับสถานที่และระบบต่าง ๆ ผู้โดยสารก็จะไม่ได้รับความลำบากแต่อย่างใด
**“คนพิการ”จวกรัฐเน้นแต่สวยเมินประชาชน
นายต่อพงษ์ เสลานนท์ โฆษกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันนี้ (10ส.ค.) เวลา 10.00 น. คณะผู้พิการด้านต่างๆพร้อมผู้ตรวจการณ์แผ่นดินของรัฐสภา จะเดินทางลงพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อสำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการภายในสนามบินฯ ตามที่ทางสมาคมฯเคยร้องเรียนไปก่อนหน้านี้ ซึ่งหากทางสนามบินยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการและผู้สูงอายุอย่างพอเพียง สมาคมต้องอาศัยช่องทางศาลให้วินิจฉัยเพื่อให้สนามบินดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ น่าแปลกที่สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุของสนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้มาตรฐาน ทั้งที่เป็นสนามบินสร้างใหม่ ไม่ใช่เกิดมานานเหมือนสนามบินดอนเมือง หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส และกำลังจะเป็นสนามบินระดับชาติในอนาคต แต่คนพิการทั่วโลกไม่ได้รับความสะดวกที่พอเพียง เช่น คนตาบอดที่จะใช้สนามบิน ก็ไม่มีสัญลักษณ์ เพื่อง่ายต่อการหาข้อมูล ให้คนตาบอดได้ใช้สนามบินอย่างเต็มที่ หรือคนนั่งวิลแชร์ ก็ไม่สามารถเข้าลิฟท์ ไปห้องน้ำได้
“รัฐบาลเน้นแต่ว่าสนามบินสุวรรณภูมิต้องมีความสวยสดงาม ใหญ่โตที่สุด แต่ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่สำคัญกว่าความสวยงามคือ ความเท่าเทียมกันของประชาชนในการใช้สนามบิน ไม่ว่าจะเป็นคนพิการหรือไม่ ถ้าสนามบินเราทำได้มาตรฐานก็ถือเป็นหน้าตาของประเทศ ถือว่าประเทศมีอารยะ” โฆษกสมาคมคนตาบอด ระบุ
วานนี้(9ส.ค.) สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ออกแถลงการณ์คัดค้านการเริ่มให้บริการเส้นทางภายในประเทศของสนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. โดยระบุถึงความไม่พร้อมของอุปกรณ์ทางด้านการบิน และยืนยันจะขอให้พนักงานการบินไทยไม่ร่วมปฏิบัติงานในวันดังกล่าว
ทั้งนี้เนื้อหาระบุถึงการที่กระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้สนามบินสุวรรณภูมิเริ่มให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน เป็นต้นไป ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความสับสนให้แก่ผู้โดยสารและพนักงานอย่างมาก โดยพนักงานส่วนใหญ่ได้รับทราบข่าวดังกล่าวผ่านจากสื่อมวลชน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของการสื่อสารภายในองค์กร
นอกจากนี้นโยบายดังกล่าวยังได้สร้างความเสียหายให้แก่การบินไทยอย่างมากได้แก่ 1. การบินไทยไม่สามารถหมุนเวียนการใช้เครื่องบินให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด จากการเริ่มบินดังกล่าว ทำให้การบินไทยต้องสูญเสียรายได้ และมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น 2.กรณีที่เครื่องบินมีปัญหาทางด้านเทคนิคไม่สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที เนื่องจากอุปกรณ์ส่วนใหญ่และสต็อกอะไหล่ยังอยู่ที่สนามบินดอนเมือง 3. อุปกรณ์ในลานจอดมีไม่เพียงพอที่จะแบ่งไปใช้ในสนามบินสุวรรณภูมิเพราะต้องใช้หมุนเวียดกับเที่ยวบินในประเทศร่วมกับต่างประเทศ
4. อุปกรณ์ที่ต้องใช้ร่วมกับผู้โดยสารที่เป็น Special Handling เช่น Whell Chai,UM สำหรับผู้เยาว์ในกรณีที่ไม่สามารถใช้บริการต่อเครื่องได้มีไม่เพียงพอ 5. การจัดตารางบินลูกเรือและนักบินเพื่อประโยชน์สูงสุดไม่สามารถทำได้ ต้องเสียกำลังโดยเปล่าประโยชน์ 6. กรณีที่ผู้โดยสารตกเครื่อง การบินไทยจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าปรับ ค่าที่พัก และค่าอาหาร ซึ่งทำให้การบินไทยมีต้นทุนสูงขึ้น และ 7กรณีที่เครื่องบินล่าช้าจะทำให้เกิดปัญหาไม่สามารถเตรียมบริการด้านอาหารให้แก่ผู้โดยสารได้ทันท่วงที
8.สร้างความสับสนแก่ผู้โดยสารจากต่างประเทศที่ต้องย้ายไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิทั้งๆ ที่ตอนจองตั๋วระบุต้นทางที่ BKK ที่เดียว 9. อุปกรณ์สำนักงานที่ต้องแบ่งเป็น 2 แห่งสร้างความวุ่นวายและสิ้นเปลืองแก่การให้บริการของบริษัทการบินไทยอย่างมาก 10. ความไม่ปลอดภัยของพนักงานที่ไปปฏิบัติงานที่สนามบินสุวรรณภูมิเนื่องจากต้องทำงานเวลา 04.00 น.เป็นต้นไป ขณะที่การก่อสร้างยังดำเนินการอยู่ 11. ความไม่พร้อมของห้องทำงาน 12. ความไม่พร้อมของระบบต่าง ๆในสนามบิน และ 13. จำนวนพนักงานไม่เพียงพอที่จะจัดพนักงานไปให้บริการทั้งสองแห่งพร้อมกัน
ทั้งนี้ สหภาพฯ การบินไทยขอยืนยันว่าจะคัดค้านนโยบายดังกล่าว ซึ่งเสมือนกับการบังคับให้การบินไทยเป็นหนูทดลองยาในการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งไม่มีความพร้อมทุกด้านและเป็นนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้แก่สายการบินต้นทุนต่ำ ดังนั้น สหภาพฯ จึงขอเรียกร้องให้ผู้บริหารปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทมากกว่าที่จะรักษาหน้าของรัฐบาล โดยให้คำนึงถึงภาพลักษณ์สายการบินแห่งชาติเป็นที่ตั้ง ซึ่งในส่วนของสหภาพฯ จะขอให้พนักงานการบินไทยที่ต้องปฏิบัติงานในเส้นทางบินภายในประเทศไม่เข้าร่วมทำงานกับการเริ่มให้บริการ 15 กันยายนนี้ด้วย.
**“พงษ์ศักดิ์”ขอความร่วมมือทำเพื่อชาติ
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. จะนำข้อคิดเห็นของสหภาพฯ การบินไทยเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณา การเปิดบินเที่ยวบินภายในประเทศวันที่ 15 ก.ย.นี้ ซึ่งนโยบายดังกล่าว เป็นการขอความร่วมมือจากสายการบินต่างๆ ตามความสมัครใจ โดยทอท.จะให้สิทธิพิเศษแก่สายการบินที่ให้ความร่วมมือเพราะถือเป็นการซ้อม สร้างความคุ้นเคย ทำความเข้าใจในการใช้พื้นที่สนามบิน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทดสอบเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา เช่น ป้ายบอกทาง ทำให้มีผู้โดยสารหลงทาง ก็เพราะความไม่คุ้นเคย ได้มีการแก้ไขแล้ว ดังนั้น ทุกสายการบินที่ร่วมมือก็ถือเป็นการทำประโยชน์เพื่อประเทศและขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับอีกหลายสายการบินในเรื่องสิทธิพิเศษ ซึ่งทุกสายจะได้รับเท่าเทียมกัน แต่หากสายการบินใดไม่มาร่วมในวันที่ 15 ก.ย.ก็ไม่กระทบอะไร
“ส่วนตัวผมเป็นห่วงและเข้าใจพนักงานการบินไทยและสายการบินอื่น เพราะส่วนใหญ่กังวลเรื่องการเดินทางไกลเพราะซื้อบ้านไว้ที่ดอนเมือง ไม่อยากย้าย แต่ตอนนี้สนามบินเสร็จแล้วจึงจำเป็นซึ่งทอท.ได้ให้ความช่วยเหลือในการจัดรถรับส่งในการเดินทางและออกค่าใช้จ่ายให้หมด แต่ทุกคนก็ต้องปรับตัวกับการเดินทางแบบใหม่ด้วย”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
สำหรับกรณีที่ผู้บริหารสายการบินต้นทุนต่ำได้ออกมาปฏิเสธไม่เข้าร่วมกับการเริ่มให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ ระหว่างเส้นทางการบินต่าง ๆ กับสนามบินสุวรรณภูมิ โดยอ้างว่ายังไม่มีความพร้อม และไม่สามารถจัดตั้งสำนักงาน และโยกย้ายอุปกรณ์การบินได้ทัน ในส่วนนี้นั้นเป็นนโยบายของภาครัฐที่เชิญชวนสายการบินเอกชนเข้าร่วมโดยความสมัครใจ หากสายการบินใดไม่มีความพร้อมก็ไม่เป็นไร แต่ที่แน่นอนขณะนี้บริษัทการบินไทยจะทำการเปิดเส้นทางบินนำร่องตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนนี้อย่างแน่นอน
เรืออากาศโท อภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับการเริ่มให้บริการเที่ยวบินระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิกับจุดบินภายในประเทศตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนนั้น ขณะนี้การบินไทยได้ตกลงใจที่จะเปิด 3 เส้นทางบิน รวม 5 เที่ยวบินต่อวัน ในเส้นทางสุวรรณภูมิ-พิษณุโลก 3 เที่ยวบินต่อวัน สุวรรณภูมิ-อุบลราชธานี 1 เที่ยวบินต่อวัน และสุวรรณภูมิ-เชียงใหม่ 1 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งจะขนส่งผู้โดยสารที่บินตรงจุดต่อจุด และไม่ได้เดินทางเชื่อมต่อไปยังจังหวัดอื่น ๆ หรือในต่างประเทศ.
**ยันมีแค่วันละ 5 เที่ยวเท่านั้น
นายวันชัย ศารทูลทัต ประธานคณะกรรมการ บมจ.การบินไทย ชี้แจงรายละเอียดการบินในวันที่ 15 กันยายนนี้ โดยยืนยันว่า การบินไทยจะมีการบินวันละ 5 เที่ยวบิน ในเส้นทางสุวรรณภูมิ-พิษณุโลก 3 เที่ยวบิน สุวรรณภูมิ-อุบลราชธานี 1 เที่ยวบิน สุวรรณภูมิ-เชียงใหม่ 1 เที่ยวบิน โดยจะใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737 ประจำอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่ต้องมีความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่จะรองรับผู้โดยสาร เช่น ท่าอากาศยาน ระบบการขนส่ง โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
ส่วนกรณีสหภาพฯ การบินไทย ออกมาคัดค้านการย้ายเที่ยวบินในประเทศไปบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิวันที่ 15 กันยายน นั้น นายวันชัย กล่าวว่า เกิดจากความเข้าใจผิด เนื่องจากสหภาพฯ เข้าใจว่าจะย้ายไปทั้งหมด และได้ทำความเข้าใจแล้วว่าจะมีเครื่องบินของการบินไทยเพียง 1 ลำ วันละ 5 เที่ยวบินเท่านั้น ซึ่งสหภาพฯ เข้าใจและไม่มีปัญหาแล้ว โดยเที่ยวบินดังกล่าวจะจำหน่ายตั๋วโดยสารราคาปกติเหมือนเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ และจะมีการมอบของที่ระลึกแก่ผู้โดยสาร ซึ่งการบินไทยเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่มีโอกาสให้บริการก่อนที่จะเปิดจริง ทำให้พนักงานมีทักษะและความชำนาญ คุ้นเคยกับสถานที่และระบบต่าง ๆ ผู้โดยสารก็จะไม่ได้รับความลำบากแต่อย่างใด
**“คนพิการ”จวกรัฐเน้นแต่สวยเมินประชาชน
นายต่อพงษ์ เสลานนท์ โฆษกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันนี้ (10ส.ค.) เวลา 10.00 น. คณะผู้พิการด้านต่างๆพร้อมผู้ตรวจการณ์แผ่นดินของรัฐสภา จะเดินทางลงพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อสำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการภายในสนามบินฯ ตามที่ทางสมาคมฯเคยร้องเรียนไปก่อนหน้านี้ ซึ่งหากทางสนามบินยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการและผู้สูงอายุอย่างพอเพียง สมาคมต้องอาศัยช่องทางศาลให้วินิจฉัยเพื่อให้สนามบินดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ น่าแปลกที่สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุของสนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้มาตรฐาน ทั้งที่เป็นสนามบินสร้างใหม่ ไม่ใช่เกิดมานานเหมือนสนามบินดอนเมือง หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส และกำลังจะเป็นสนามบินระดับชาติในอนาคต แต่คนพิการทั่วโลกไม่ได้รับความสะดวกที่พอเพียง เช่น คนตาบอดที่จะใช้สนามบิน ก็ไม่มีสัญลักษณ์ เพื่อง่ายต่อการหาข้อมูล ให้คนตาบอดได้ใช้สนามบินอย่างเต็มที่ หรือคนนั่งวิลแชร์ ก็ไม่สามารถเข้าลิฟท์ ไปห้องน้ำได้
“รัฐบาลเน้นแต่ว่าสนามบินสุวรรณภูมิต้องมีความสวยสดงาม ใหญ่โตที่สุด แต่ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่สำคัญกว่าความสวยงามคือ ความเท่าเทียมกันของประชาชนในการใช้สนามบิน ไม่ว่าจะเป็นคนพิการหรือไม่ ถ้าสนามบินเราทำได้มาตรฐานก็ถือเป็นหน้าตาของประเทศ ถือว่าประเทศมีอารยะ” โฆษกสมาคมคนตาบอด ระบุ