ความเป็นเอกภาพแห่งราชอาณาจักรไทยและพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์ไทยกำลังถูกท้าทายอย่างหนักหน่วงจากเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
หลังยุคล่าอาณานิคมประเทศไทยไม่เคยสูญเสียดินแดนให้ใคร การสูญเสียดินแดนในยุคล่าอาณานิคมนั้นเป็นเพราะกำลังทหารของเราอ่อนแอสู้ชาติมหาอำนาจไม่ได้อย่างเด็ดขาด
แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์จึงยังรักษาเอกราชของชาติเอาไว้ได้โดยยอมสูญเสียดินแดนบางส่วน
มาบัดนี้สถานการณ์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนรุนแรงขึ้นทุกวัน และไม่เห็นหนทางใดๆ ว่ารัฐบาลพรรคไทยรักไทยจะสามารถนำความสงบสุขกลับคืนประเทศชาติของเราได้
ยิ่งกว่านั้น ผู้คนจำนวนมากมีความวิตกกังวลมากขึ้นว่าความเป็นจริงของสถานการณ์นั้นเสมือนหนึ่งว่าใกล้จะสูญเสียดินแดนเต็มทีแล้ว
ทำไมคนส่วนใหญ่จึงมีความรู้สึกเช่นนั้น? ก็เพราะว่า
ก) คนไทยส่วนใหญ่รู้สึกว่าไม่มีใครรับผิดชอบเหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างจริงจังเลย ข่าวการมอบอำนาจให้ใครต่อใครแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องของเล่นมากกว่าเรื่องจริงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ล่าสุดแม้การมอบหมายให้ผู้บัญชาการทหารบกแก้ไขปัญหาก็เห็นได้ชัดว่ามีการยื้อเวลามอบหมายอำนาจหน้าที่นานมาก หลังจากมอบแล้วเนื้อหาการมอบหมายก็ไม่ใช่มอบหมายอำนาจให้ไปแก้ไขปัญหาจริงๆ จังๆ เพราะไม่มีอำนาจในการจัดการเรื่องบุคลากร เรื่องระบบงาน หรือแม้แต่เรื่องการเงิน
ทั้งยังต้องขึ้นกับนายตำรวจที่ไม่รู้เรื่องการศึกสงครามเลย นอกจากนั้นยังมีความสัมพันธ์ที่สับสนกับกระทรวงกลาโหม ดังที่ปรากฏความขัดแย้งในด้านนโยบายให้เห็นกันชัดๆ
พ.ต.ท.ทักษิณมอบนโยบายว่าต้องใช้มวลชนในการแก้ปัญหา แต่พลเอก ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา กลับพูดว่าต้องยิงมันบ้าง คันมือเต็มทีแล้ว ต้องใช้ความรุนแรงจึงจะแก้ปัญหาได้
ในขณะที่กลุ่มมหาดไทยก็คิดแต่จะซื้อจะหาเครื่องมือบ้าๆ บอๆ อย่างไม่หยุดหย่อน
เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้บัญชาการทหารบกก็ไม่ได้มีอำนาจจริง แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร?
ที่สำคัญ รัฐบาลพรรคไทยรักไทยไม่สนใจปัญหาภาคใต้อย่างชัดเจน จนคนภาคใต้รู้สึกว่าถูกทอดทิ้งแล้วพากันปฏิเสธการปกครอง บ้างก็คิดที่จะปกครองกันเองทั้ง 14 จังหวัด นับว่าเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงสำหรับประเทศไทย
ข) ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบสามารถก่อความไม่สงบได้ตามใจชอบ คือจะก่อความไม่สงบที่ไหน เมื่อใด และทำกับใครก็ได้ ราวกับว่าทำอะไรได้ตามใจชอบโดยอิสระเสรี
เสมือนหนึ่งว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐดูแลรับผิดชอบอะไรเลย
เกิดเหตุทีหนึ่งก็มาพูดปาวๆ ว่าสงสัยเป็นเรื่องผู้ก่อความไม่สงบสร้างสถานการณ์เพื่อเรียกร้องความสนใจบ้าง หรือไม่ก็ว่ากำลังสอบสวนหาข้อเท็จจริงอยู่บ้าง พูดซ้ำๆ ซากๆ เช่นนี้อยู่สามปีแล้วโดยที่ปัญหาก็ไม่เคยลดลง
คำพูดเช่นนี้แม้กระทั่งพูดว่ารู้ข่าวล่วงหน้า แก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลย เป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี
แต่ก็ยังคงใช้วิธีการเช่นนี้ตลอดมา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อสามปีที่ผ่านมา แล้วอย่างนี้จะแก้ปัญหาได้อย่างไร?
ค) เหตุการณ์ความไม่สงบได้ยกระดับที่รุนแรงมากขึ้น จากที่ใช้มีดไล่ฟันคน ใช้น้ำมันจุดไฟเผาสถานที่ ใช้ปืนเถื่อนไล่ยิงคน มาเป็นใช้อาวุธสงครามจำนวนมากบุกเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้วัตถุระเบิดกลาดเกลื่อนทั้งในพื้นที่ทุรกันดารและในตัวเมือง
กระทั่งสามารถระดมคนนับพันๆ คนก่อเหตุพร้อมๆ กันในหลายพื้นที่ ในหลายลักษณะ ในหลายรูปแบบ และประสบความสำเร็จโดยไม่มีการสกัดขัดขวางอะไรได้เลย
ง) เหตุการณ์โจมตีสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งล่าสุดที่กระทำพร้อมกันในเวลาเดียวกันถึง 138 จุด นับเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้
ไม่เพียงแต่ร้ายแรงเพราะว่าเป็นการโจมตีขนาดใหญ่ ใช้คนมาก เป็นพื้นที่กว้างขวาง มีรูปแบบหลากหลายเท่านั้น แต่ยังมีนัยสำคัญที่ประสานแนบแน่นอยู่อีกสองประการคือ
ประการแรก มีการตัดเส้นทางคมนาคมทางรถไฟระหว่างสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กับภาคใต้ตอนบนเป็นผลสำเร็จ ทำให้การคมนาคมระหว่างภาคใต้ตอนบนกับพื้นที่สามจังหวัดเหลือเพียงเส้นทางรถยนต์และทางอากาศซึ่งใช้ประโยชน์ได้น้อยที่สุดเท่านั้น
พฤติกรรมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้เผยแนวโน้มให้เห็นว่าในระยะเวลาไม่เกิน 40 วันจากนี้ไปอาจมีปฏิบัติการครั้งใหญ่ติดตามมา และน่าจะมุ่งเป้าหมายไปที่การตัดเส้นทางคมนาคมทางรถยนต์ระหว่างภาคใต้ตอนบนกับพื้นที่สามจังหวัด และมีความเป็นไปได้ว่าจะทำสำเร็จด้วย
เพราะทำลายจุดสำคัญเพียงไม่กี่จุดก็สามารถตัดการคมนาคมระหว่างตอนบนกับตอนล่างสามจังหวัดได้อย่างง่ายดาย
ความสำคัญอยู่ตรงที่จุดสำคัญไม่กี่จุดที่ว่านี้ไม่มีใครสนใจ ณ เวลานี้ก็ไม่มีการป้องกันหรือคุ้มครองอะไรเลย
ปฏิบัติการทางยุทธวิธียังคงใช้วิธีเดิมทั้งสิ้น ซึ่งเป็นวิธีที่มีลักษณะตั้งรับ มีลักษณะที่ถูกกระทำข้างเดียว และส่งผลให้เกิดความเสียหายเท่านั้น ยังไม่มีกระบวนรุก ยังไม่มีกระบวนที่จะทำลายฝ่ายตรงกันข้าม หรือหยุดฝ่ายตรงกันข้ามได้เลย
เมื่อใดที่การคมนาคมทางรถยนต์ถูกตัดขาด ก็เหลือเพียงการลำเลียงทางอากาศอย่างเดียวซึ่งแทบทำไม่ได้ และเมื่อนั้นย่อมหมายความว่าพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกตัดขาดออกไปจากประเทศไทย
ข้าราชการทั้งหลายที่ขวัญหนีดีฝ่ออยู่แล้วคงจะยืนอยู่ไม่ได้ และเห็นจะต้องยอมจำนนทั้งหมด มิฉะนั้นก็อาจถูกโจมตีในลักษณะปิดประตูตีแมวอย่างง่ายดาย
ถึงตอนนั้นมันก็สายไปแล้วที่จะกอบกู้สถานการณ์!
สถานการณ์มาถึงวันนี้ยังไม่มีใครสักคนเดียวที่ชี้ให้เห็นอันตรายหรือป้องกันอันตรายตรงจุดนี้เลย นึกดูให้ดีก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรามีความเสี่ยงอย่างยิ่งใหญ่ขนาดไหน
และจะไปหวังอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ เพราะสถานการณ์คับขันถึงเพียงนี้ ยังมีแก่ใจไปเล่นเกมลดแลกแจกแถมกับชาวบ้านทางภาคอีสานอยู่ได้
มิน่าเล่าคนภาคใต้เขาจึงพูดกันว่า “มีทักษิณก็ไม่มีภาคใต้”
ประการที่สอง มีการเคลื่อนตัวของประชากรต่างถิ่นรุกเข้ามายังอำเภอหาดใหญ่อย่างล้นหลามเพิ่มขึ้นอีกอำเภอหนึ่ง ทำให้จังหวัดสงขลามีพื้นที่เสี่ยงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอำเภอ และเป็นอำเภอที่เป็นศูนย์กลางทางการคมนาคมและเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่างด้วย
สถานการณ์ในอำเภอหาดใหญ่กำลังสับสนมากขึ้นทุกที แต่ไม่มีใครสนใจหรือเอาใจใส่ดูแลเลย พยายามทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ไม่ปกติอย่างยิ่ง
สภาพเช่นนี้ใครที่รักชาติรักบ้านเมืองก็คงจะนิ่งดูดายอยู่ไม่ได้ เห็นจะต้องมีความห่วงใยว่าจะคิดอ่านแก้ไขประการใดจึงจะรักษาบ้านเมืองเอาไว้ได้ และสามารถรักษาผืนแผ่นดินที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้ให้กับคนไทยรุ่นหลังให้ดำรงคงอยู่ได้ตลอดไป
แต่ถ้าหากรัฐบาลยังมีท่าทีตัดปัญหาไม่สนใจไยดีราวกับว่าพร้อมที่จะสูญเสียภาคใต้เพราะเป็นพื้นที่ที่คนไม่เลือกพรรคไทยรักไทย คงไปสนใจเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสานดังที่เห็นๆ กันอยู่แล้ว ก็จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น
เพราะจะเกิดความรู้สึกแบ่งแยกพื้นที่ระหว่างคนภาคใต้พวกหนึ่งกับคนภาคอีสานอีกพวกหนึ่ง ดีร้ายคนกรุงเทพฯ และคนภาคกลางก็จะรู้สึกว่าเป็นอีกพวกหนึ่ง ในขณะที่คนภาคเหนือยังสับสนวุ่นวายกันอยู่ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่
นี่คืออันตรายที่ใหญ่หลวงของความเป็นชาติ และเป็นภยันตรายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
ภยันตรายที่ไม่เคยเกิดขึ้น หากมีความสนใจตั้งใจแก้ไขปัญหาก็จะป้องกันและแก้ไขภัยอันตรายนั้นได้
แต่ถ้าไม่สนใจแก้ไขปัญหาและทำให้ปัญหาบานปลายออกไปมากขึ้นทุกทีๆ ในที่สุดก็จะไม่สามารถรักษาดินแดนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เอาไว้ได้ กระทั่งอาจพัฒนาไปจนก่อเกิดเป็นสถานการณ์แบ่งแยกประเทศไทยเป็นภาคเป็นส่วนก็ได้
ทุกปัญหาย่อมมีเวลาแน่นอนในการจัดการแก้ไข หากล่วงพ้นไปแล้วถึงจะสำนึกภายหลังก็จะสายเกินการและสายเกินแก้ มีแต่จะต้องเสียใจอย่างเดียวเท่านั้น
คนไทยจะรอรับความเสียใจหรือจะพร้อมใจกันแก้ไขปัญหาเสียตั้งแต่บัดนี้ นี่คือเรื่องที่ใหญ่โตเรื่องหนึ่งของคนไทยทุกคนในขณะนี้
ยังไม่แน่ใจว่าคนไทยจะพึ่งพาอาศัยข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ในการรักษาผืนแผ่นดินนี้เอาไว้ได้หรือไม่ เพราะคนเหล่านั้นมัวสาละวนอยู่กับโชควาสนาในการแต่งตั้งโยกย้าย
วันๆ หนึ่งสนใจแต่เรื่องโยกย้าย แต่ไม่ให้ความสำคัญแก่การแผ่นดินที่จะเสียดินแดนอยู่รอมร่อแล้ว
ที่มันน่าเจ็บใจก็คือการยอมตัวเป็นทาสนักการเมืองแบบไม่ลืมหูลืมตา ลืมกระทั่งชาติบ้านเมือง เกียรติศักดิ์ และภาระหน้าที่ของตน
หรือว่าถึงคราวที่คนไทยโดยเฉพาะคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องฟื้นฟูจิตใจบางระจันเพื่อป้องกันบ้านเมืองกันเองเสียแล้ว!
แต่เห็นจะสู้การกำจัดต้นตอของปัญหาที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้ ง่ายกว่ากันเยอะเลย!
หลังยุคล่าอาณานิคมประเทศไทยไม่เคยสูญเสียดินแดนให้ใคร การสูญเสียดินแดนในยุคล่าอาณานิคมนั้นเป็นเพราะกำลังทหารของเราอ่อนแอสู้ชาติมหาอำนาจไม่ได้อย่างเด็ดขาด
แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์จึงยังรักษาเอกราชของชาติเอาไว้ได้โดยยอมสูญเสียดินแดนบางส่วน
มาบัดนี้สถานการณ์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนรุนแรงขึ้นทุกวัน และไม่เห็นหนทางใดๆ ว่ารัฐบาลพรรคไทยรักไทยจะสามารถนำความสงบสุขกลับคืนประเทศชาติของเราได้
ยิ่งกว่านั้น ผู้คนจำนวนมากมีความวิตกกังวลมากขึ้นว่าความเป็นจริงของสถานการณ์นั้นเสมือนหนึ่งว่าใกล้จะสูญเสียดินแดนเต็มทีแล้ว
ทำไมคนส่วนใหญ่จึงมีความรู้สึกเช่นนั้น? ก็เพราะว่า
ก) คนไทยส่วนใหญ่รู้สึกว่าไม่มีใครรับผิดชอบเหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างจริงจังเลย ข่าวการมอบอำนาจให้ใครต่อใครแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องของเล่นมากกว่าเรื่องจริงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ล่าสุดแม้การมอบหมายให้ผู้บัญชาการทหารบกแก้ไขปัญหาก็เห็นได้ชัดว่ามีการยื้อเวลามอบหมายอำนาจหน้าที่นานมาก หลังจากมอบแล้วเนื้อหาการมอบหมายก็ไม่ใช่มอบหมายอำนาจให้ไปแก้ไขปัญหาจริงๆ จังๆ เพราะไม่มีอำนาจในการจัดการเรื่องบุคลากร เรื่องระบบงาน หรือแม้แต่เรื่องการเงิน
ทั้งยังต้องขึ้นกับนายตำรวจที่ไม่รู้เรื่องการศึกสงครามเลย นอกจากนั้นยังมีความสัมพันธ์ที่สับสนกับกระทรวงกลาโหม ดังที่ปรากฏความขัดแย้งในด้านนโยบายให้เห็นกันชัดๆ
พ.ต.ท.ทักษิณมอบนโยบายว่าต้องใช้มวลชนในการแก้ปัญหา แต่พลเอก ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา กลับพูดว่าต้องยิงมันบ้าง คันมือเต็มทีแล้ว ต้องใช้ความรุนแรงจึงจะแก้ปัญหาได้
ในขณะที่กลุ่มมหาดไทยก็คิดแต่จะซื้อจะหาเครื่องมือบ้าๆ บอๆ อย่างไม่หยุดหย่อน
เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้บัญชาการทหารบกก็ไม่ได้มีอำนาจจริง แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร?
ที่สำคัญ รัฐบาลพรรคไทยรักไทยไม่สนใจปัญหาภาคใต้อย่างชัดเจน จนคนภาคใต้รู้สึกว่าถูกทอดทิ้งแล้วพากันปฏิเสธการปกครอง บ้างก็คิดที่จะปกครองกันเองทั้ง 14 จังหวัด นับว่าเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงสำหรับประเทศไทย
ข) ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบสามารถก่อความไม่สงบได้ตามใจชอบ คือจะก่อความไม่สงบที่ไหน เมื่อใด และทำกับใครก็ได้ ราวกับว่าทำอะไรได้ตามใจชอบโดยอิสระเสรี
เสมือนหนึ่งว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐดูแลรับผิดชอบอะไรเลย
เกิดเหตุทีหนึ่งก็มาพูดปาวๆ ว่าสงสัยเป็นเรื่องผู้ก่อความไม่สงบสร้างสถานการณ์เพื่อเรียกร้องความสนใจบ้าง หรือไม่ก็ว่ากำลังสอบสวนหาข้อเท็จจริงอยู่บ้าง พูดซ้ำๆ ซากๆ เช่นนี้อยู่สามปีแล้วโดยที่ปัญหาก็ไม่เคยลดลง
คำพูดเช่นนี้แม้กระทั่งพูดว่ารู้ข่าวล่วงหน้า แก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลย เป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี
แต่ก็ยังคงใช้วิธีการเช่นนี้ตลอดมา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อสามปีที่ผ่านมา แล้วอย่างนี้จะแก้ปัญหาได้อย่างไร?
ค) เหตุการณ์ความไม่สงบได้ยกระดับที่รุนแรงมากขึ้น จากที่ใช้มีดไล่ฟันคน ใช้น้ำมันจุดไฟเผาสถานที่ ใช้ปืนเถื่อนไล่ยิงคน มาเป็นใช้อาวุธสงครามจำนวนมากบุกเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้วัตถุระเบิดกลาดเกลื่อนทั้งในพื้นที่ทุรกันดารและในตัวเมือง
กระทั่งสามารถระดมคนนับพันๆ คนก่อเหตุพร้อมๆ กันในหลายพื้นที่ ในหลายลักษณะ ในหลายรูปแบบ และประสบความสำเร็จโดยไม่มีการสกัดขัดขวางอะไรได้เลย
ง) เหตุการณ์โจมตีสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งล่าสุดที่กระทำพร้อมกันในเวลาเดียวกันถึง 138 จุด นับเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้
ไม่เพียงแต่ร้ายแรงเพราะว่าเป็นการโจมตีขนาดใหญ่ ใช้คนมาก เป็นพื้นที่กว้างขวาง มีรูปแบบหลากหลายเท่านั้น แต่ยังมีนัยสำคัญที่ประสานแนบแน่นอยู่อีกสองประการคือ
ประการแรก มีการตัดเส้นทางคมนาคมทางรถไฟระหว่างสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กับภาคใต้ตอนบนเป็นผลสำเร็จ ทำให้การคมนาคมระหว่างภาคใต้ตอนบนกับพื้นที่สามจังหวัดเหลือเพียงเส้นทางรถยนต์และทางอากาศซึ่งใช้ประโยชน์ได้น้อยที่สุดเท่านั้น
พฤติกรรมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้เผยแนวโน้มให้เห็นว่าในระยะเวลาไม่เกิน 40 วันจากนี้ไปอาจมีปฏิบัติการครั้งใหญ่ติดตามมา และน่าจะมุ่งเป้าหมายไปที่การตัดเส้นทางคมนาคมทางรถยนต์ระหว่างภาคใต้ตอนบนกับพื้นที่สามจังหวัด และมีความเป็นไปได้ว่าจะทำสำเร็จด้วย
เพราะทำลายจุดสำคัญเพียงไม่กี่จุดก็สามารถตัดการคมนาคมระหว่างตอนบนกับตอนล่างสามจังหวัดได้อย่างง่ายดาย
ความสำคัญอยู่ตรงที่จุดสำคัญไม่กี่จุดที่ว่านี้ไม่มีใครสนใจ ณ เวลานี้ก็ไม่มีการป้องกันหรือคุ้มครองอะไรเลย
ปฏิบัติการทางยุทธวิธียังคงใช้วิธีเดิมทั้งสิ้น ซึ่งเป็นวิธีที่มีลักษณะตั้งรับ มีลักษณะที่ถูกกระทำข้างเดียว และส่งผลให้เกิดความเสียหายเท่านั้น ยังไม่มีกระบวนรุก ยังไม่มีกระบวนที่จะทำลายฝ่ายตรงกันข้าม หรือหยุดฝ่ายตรงกันข้ามได้เลย
เมื่อใดที่การคมนาคมทางรถยนต์ถูกตัดขาด ก็เหลือเพียงการลำเลียงทางอากาศอย่างเดียวซึ่งแทบทำไม่ได้ และเมื่อนั้นย่อมหมายความว่าพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกตัดขาดออกไปจากประเทศไทย
ข้าราชการทั้งหลายที่ขวัญหนีดีฝ่ออยู่แล้วคงจะยืนอยู่ไม่ได้ และเห็นจะต้องยอมจำนนทั้งหมด มิฉะนั้นก็อาจถูกโจมตีในลักษณะปิดประตูตีแมวอย่างง่ายดาย
ถึงตอนนั้นมันก็สายไปแล้วที่จะกอบกู้สถานการณ์!
สถานการณ์มาถึงวันนี้ยังไม่มีใครสักคนเดียวที่ชี้ให้เห็นอันตรายหรือป้องกันอันตรายตรงจุดนี้เลย นึกดูให้ดีก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรามีความเสี่ยงอย่างยิ่งใหญ่ขนาดไหน
และจะไปหวังอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ เพราะสถานการณ์คับขันถึงเพียงนี้ ยังมีแก่ใจไปเล่นเกมลดแลกแจกแถมกับชาวบ้านทางภาคอีสานอยู่ได้
มิน่าเล่าคนภาคใต้เขาจึงพูดกันว่า “มีทักษิณก็ไม่มีภาคใต้”
ประการที่สอง มีการเคลื่อนตัวของประชากรต่างถิ่นรุกเข้ามายังอำเภอหาดใหญ่อย่างล้นหลามเพิ่มขึ้นอีกอำเภอหนึ่ง ทำให้จังหวัดสงขลามีพื้นที่เสี่ยงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอำเภอ และเป็นอำเภอที่เป็นศูนย์กลางทางการคมนาคมและเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่างด้วย
สถานการณ์ในอำเภอหาดใหญ่กำลังสับสนมากขึ้นทุกที แต่ไม่มีใครสนใจหรือเอาใจใส่ดูแลเลย พยายามทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ไม่ปกติอย่างยิ่ง
สภาพเช่นนี้ใครที่รักชาติรักบ้านเมืองก็คงจะนิ่งดูดายอยู่ไม่ได้ เห็นจะต้องมีความห่วงใยว่าจะคิดอ่านแก้ไขประการใดจึงจะรักษาบ้านเมืองเอาไว้ได้ และสามารถรักษาผืนแผ่นดินที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้ให้กับคนไทยรุ่นหลังให้ดำรงคงอยู่ได้ตลอดไป
แต่ถ้าหากรัฐบาลยังมีท่าทีตัดปัญหาไม่สนใจไยดีราวกับว่าพร้อมที่จะสูญเสียภาคใต้เพราะเป็นพื้นที่ที่คนไม่เลือกพรรคไทยรักไทย คงไปสนใจเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสานดังที่เห็นๆ กันอยู่แล้ว ก็จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น
เพราะจะเกิดความรู้สึกแบ่งแยกพื้นที่ระหว่างคนภาคใต้พวกหนึ่งกับคนภาคอีสานอีกพวกหนึ่ง ดีร้ายคนกรุงเทพฯ และคนภาคกลางก็จะรู้สึกว่าเป็นอีกพวกหนึ่ง ในขณะที่คนภาคเหนือยังสับสนวุ่นวายกันอยู่ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่
นี่คืออันตรายที่ใหญ่หลวงของความเป็นชาติ และเป็นภยันตรายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
ภยันตรายที่ไม่เคยเกิดขึ้น หากมีความสนใจตั้งใจแก้ไขปัญหาก็จะป้องกันและแก้ไขภัยอันตรายนั้นได้
แต่ถ้าไม่สนใจแก้ไขปัญหาและทำให้ปัญหาบานปลายออกไปมากขึ้นทุกทีๆ ในที่สุดก็จะไม่สามารถรักษาดินแดนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เอาไว้ได้ กระทั่งอาจพัฒนาไปจนก่อเกิดเป็นสถานการณ์แบ่งแยกประเทศไทยเป็นภาคเป็นส่วนก็ได้
ทุกปัญหาย่อมมีเวลาแน่นอนในการจัดการแก้ไข หากล่วงพ้นไปแล้วถึงจะสำนึกภายหลังก็จะสายเกินการและสายเกินแก้ มีแต่จะต้องเสียใจอย่างเดียวเท่านั้น
คนไทยจะรอรับความเสียใจหรือจะพร้อมใจกันแก้ไขปัญหาเสียตั้งแต่บัดนี้ นี่คือเรื่องที่ใหญ่โตเรื่องหนึ่งของคนไทยทุกคนในขณะนี้
ยังไม่แน่ใจว่าคนไทยจะพึ่งพาอาศัยข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ในการรักษาผืนแผ่นดินนี้เอาไว้ได้หรือไม่ เพราะคนเหล่านั้นมัวสาละวนอยู่กับโชควาสนาในการแต่งตั้งโยกย้าย
วันๆ หนึ่งสนใจแต่เรื่องโยกย้าย แต่ไม่ให้ความสำคัญแก่การแผ่นดินที่จะเสียดินแดนอยู่รอมร่อแล้ว
ที่มันน่าเจ็บใจก็คือการยอมตัวเป็นทาสนักการเมืองแบบไม่ลืมหูลืมตา ลืมกระทั่งชาติบ้านเมือง เกียรติศักดิ์ และภาระหน้าที่ของตน
หรือว่าถึงคราวที่คนไทยโดยเฉพาะคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องฟื้นฟูจิตใจบางระจันเพื่อป้องกันบ้านเมืองกันเองเสียแล้ว!
แต่เห็นจะสู้การกำจัดต้นตอของปัญหาที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้ ง่ายกว่ากันเยอะเลย!