"หญิงอ้อ"คุมจัดโผปาร์ตี้ลิสต์ไทยรักไทย ใช้สูตรเดิมมี 3 บัญชี "แม้ว"ยังนั่งเบอร์ 1 "สุริยะ"เบอร์ 2 ล่าสุดสั่งเช็ค ประวัติ-ผลงาน เตรียมจัดอันดับถัดไป ไม่กล้าดันแม้วดีเบตกับมาร์ค อ้างการเมืองไม่ได้เอาชนะกันด้วยคารม
เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (7ส.ค.) พรรคไทยรักไทย ได้มีการประชุมคณะทำงานพิจารณาจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ของพรรค โดยมีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางมาร่วมหารือด้วย
นายปองพล อดิเรกสาร อดีตประธาน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย ในฐานะผู้รับผิดชอบการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เปิดเผยว่าขณะนี้ได้มีการจัดทำโผบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อไว้หลายคนแล้ว และได้มีการจัดทำนโยบายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประกาศในเร็วๆนี้ โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยกรรมการชุดนี้ ส่วนหนึ่งจะเป็นแกนนำพรรคที่ไม่ได้เป็นรักษาการรัฐมนตรี และจะมีหน้าที่ในการร่างนโยบายพรรคที่จะใช้ในการหาเสียงด้วย
การเลือกตั้งครั้งนี้เบื้องต้นทางพรรคยังคงทำบัญชีรายชื่อเอาไว้ใน 3 บัญชีรายชื่อเหมือนเมื่อการเลือกตั้งเมื่อปี 48 โดยคณะกรรมการพิจารณาจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.จะแบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มด้านการเมือง 2.ด้านความมั่นคง 3.กฎหมาย 4.เศรษฐกิจ 5.คณะกรรมการเพื่อการประชาสัมพันธ์และประสานงานในด้านนโยบายและภาพลักษณ์ของพรรค โดยให้คณะทำงานทั้งหมดไปพิจารณานโยบายด้านต่างๆ ที่พรรคใช้ในการหาเสียงเมื่อการเลือกตั้งปี 44 และปี 48 เพื่อส่งให้ที่ประชุมแกนนำพรรคที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานได้พิจารณาว่า นโยบายหลักๆในการหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีอะไรบ้าง
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ติดตามการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ทั้ง 3 บัญชีอย่างใกล้ชิด โดยให้คณะทำงานไปนำบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งทั้งอันดับหมายเลข และประวัติการทำงานของแต่ละคนมาพิจารณาดูผลงานอย่างละเอียด โดยมีรายงานว่า บัญชีรายชื่ออันดับต้นๆ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยเฉพาะพ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงอยู่หมายเลข 1 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อันดับ 2 แต่ในส่วนของอันดับอื่นๆ ยังไม่มีความชัดเจน เช่นเดียวกับกรณีของ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รักษาการรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีชื่ออยู่หรือไม่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนายสุรนันทน์ ด้วยว่าจะตัดสินใจเล่นการเมืองกับพรรคต่อไปหรือไม่
**ปัดดีเบตอ้างการเมืองไม่ใช่เรื่องคารม
ในวันเดียวกันนี้ น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย พร้อมด้วยทีมกฎหมายของพรรค ร่วมกันแถลงข่าวตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท้าทายให้พ.ต.ท.ทักษิณ ออกทีวี ดีเบตด้านนโยบาย ว่า เป็นสิ่งที่ดีที่พรรคประชาธิปัตย์เริ่มสนใจการนำเสนอเชิงนโยบายทางการเมืองมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเอาแต่กระแนะกระแหน เสียดสี อย่างไรก็ตาม ก็ต้องเข้าใจว่าเรื่องของนโยบายไม่ใช่เรื่องการเอาแพ้ชนะกันด้วยคารม หรือใครพูดดีกว่ากัน ในปัจจุบันประเทศชาติต้องการความสมาฉันท์ ร่วมกันแก้ปัญหาทางการเมือง ดังนั้นการที่พรรคประชาธิปัตย์ไปทำการบ้าน เสนอนโยบายถือเป็นเรื่องดี แต่ต้องคิดด้วยว่าพรรคการเมืองไทยไม่ได้มีแค่ 2 พรรค การนำเสนอนโยบายก็ควรเสนอของพรรคการเมืองทุกพรรค ให้ประชาชนมีทางเลือก
สำหรับประเด็นที่กล่าวหาว่า การลงพื้นที่ของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นนั้น ต้องเข้าใจว่าเป็นการทำตามหน้าที่ ที่ผ่านมานายกฯ คนเก่าต้องทำหน้าที่จนกว่าจะมีนายกฯคนใหม่ เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องใจกว้างบ้าง ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอนโยบายเอาผิดนักการเมืองโดยไม่ระบุอายุความนั้น เราเห็นด้วย แต่อยากให้มีการเอาผิดทั้งหมดในนทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น สปก.4-01 การทุจริตยางพารา หรือ ปรส. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน คือกรณีการประมูลงานกทม.20,000 กว่าล้านบาท รถและเรือดับเพลิง 8,000 กว่าล้านบาท ซึ่งเรื่องเหล่านี้ คนระดับรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตกเป็นจำเลยอยู่ด้วย
ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ยอมให้ความชัดเจนเรื่องดีเบตกับนายอภิสิทธิ์ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวซักถามระหว่างการลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น โดยบ่ายเบี่ยงว่า ใจเย็นๆ
เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (7ส.ค.) พรรคไทยรักไทย ได้มีการประชุมคณะทำงานพิจารณาจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ของพรรค โดยมีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางมาร่วมหารือด้วย
นายปองพล อดิเรกสาร อดีตประธาน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย ในฐานะผู้รับผิดชอบการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เปิดเผยว่าขณะนี้ได้มีการจัดทำโผบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อไว้หลายคนแล้ว และได้มีการจัดทำนโยบายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประกาศในเร็วๆนี้ โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยกรรมการชุดนี้ ส่วนหนึ่งจะเป็นแกนนำพรรคที่ไม่ได้เป็นรักษาการรัฐมนตรี และจะมีหน้าที่ในการร่างนโยบายพรรคที่จะใช้ในการหาเสียงด้วย
การเลือกตั้งครั้งนี้เบื้องต้นทางพรรคยังคงทำบัญชีรายชื่อเอาไว้ใน 3 บัญชีรายชื่อเหมือนเมื่อการเลือกตั้งเมื่อปี 48 โดยคณะกรรมการพิจารณาจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.จะแบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มด้านการเมือง 2.ด้านความมั่นคง 3.กฎหมาย 4.เศรษฐกิจ 5.คณะกรรมการเพื่อการประชาสัมพันธ์และประสานงานในด้านนโยบายและภาพลักษณ์ของพรรค โดยให้คณะทำงานทั้งหมดไปพิจารณานโยบายด้านต่างๆ ที่พรรคใช้ในการหาเสียงเมื่อการเลือกตั้งปี 44 และปี 48 เพื่อส่งให้ที่ประชุมแกนนำพรรคที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานได้พิจารณาว่า นโยบายหลักๆในการหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีอะไรบ้าง
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ติดตามการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ทั้ง 3 บัญชีอย่างใกล้ชิด โดยให้คณะทำงานไปนำบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งทั้งอันดับหมายเลข และประวัติการทำงานของแต่ละคนมาพิจารณาดูผลงานอย่างละเอียด โดยมีรายงานว่า บัญชีรายชื่ออันดับต้นๆ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยเฉพาะพ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงอยู่หมายเลข 1 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อันดับ 2 แต่ในส่วนของอันดับอื่นๆ ยังไม่มีความชัดเจน เช่นเดียวกับกรณีของ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รักษาการรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีชื่ออยู่หรือไม่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนายสุรนันทน์ ด้วยว่าจะตัดสินใจเล่นการเมืองกับพรรคต่อไปหรือไม่
**ปัดดีเบตอ้างการเมืองไม่ใช่เรื่องคารม
ในวันเดียวกันนี้ น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย พร้อมด้วยทีมกฎหมายของพรรค ร่วมกันแถลงข่าวตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท้าทายให้พ.ต.ท.ทักษิณ ออกทีวี ดีเบตด้านนโยบาย ว่า เป็นสิ่งที่ดีที่พรรคประชาธิปัตย์เริ่มสนใจการนำเสนอเชิงนโยบายทางการเมืองมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเอาแต่กระแนะกระแหน เสียดสี อย่างไรก็ตาม ก็ต้องเข้าใจว่าเรื่องของนโยบายไม่ใช่เรื่องการเอาแพ้ชนะกันด้วยคารม หรือใครพูดดีกว่ากัน ในปัจจุบันประเทศชาติต้องการความสมาฉันท์ ร่วมกันแก้ปัญหาทางการเมือง ดังนั้นการที่พรรคประชาธิปัตย์ไปทำการบ้าน เสนอนโยบายถือเป็นเรื่องดี แต่ต้องคิดด้วยว่าพรรคการเมืองไทยไม่ได้มีแค่ 2 พรรค การนำเสนอนโยบายก็ควรเสนอของพรรคการเมืองทุกพรรค ให้ประชาชนมีทางเลือก
สำหรับประเด็นที่กล่าวหาว่า การลงพื้นที่ของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นนั้น ต้องเข้าใจว่าเป็นการทำตามหน้าที่ ที่ผ่านมานายกฯ คนเก่าต้องทำหน้าที่จนกว่าจะมีนายกฯคนใหม่ เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องใจกว้างบ้าง ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอนโยบายเอาผิดนักการเมืองโดยไม่ระบุอายุความนั้น เราเห็นด้วย แต่อยากให้มีการเอาผิดทั้งหมดในนทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น สปก.4-01 การทุจริตยางพารา หรือ ปรส. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน คือกรณีการประมูลงานกทม.20,000 กว่าล้านบาท รถและเรือดับเพลิง 8,000 กว่าล้านบาท ซึ่งเรื่องเหล่านี้ คนระดับรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตกเป็นจำเลยอยู่ด้วย
ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ยอมให้ความชัดเจนเรื่องดีเบตกับนายอภิสิทธิ์ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวซักถามระหว่างการลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น โดยบ่ายเบี่ยงว่า ใจเย็นๆ