ผบ.สส เยือนพม่า เชื่อมความสัมพันธ์ทางทหาร เร่ง ปักปันเขตแดน ย้ำไม่เกี่ยวกับที่แม้วไป ด้าน YPD ชี้ชัด แม้วฝักใฝ่เด็จการ คบเผด็จการทหารพม่า หาผลประโยชน์ เสพสุขบนซากศพประชาชนผู้รักประชาธิปไตย
เมื่อเวลา 08.00 น.วานนี้(7ส.ค.) ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ รอง ผบ.สส. พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เสธ.ทหาร พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นต้น ได้เดินทางไปเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ โดยมีกำหนดการเข้าพบ พล.อ.อาวุโส ตันฉ่วย ประธานสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งสหภาพพม่า (เอสพีดีซี) ที่เมืองเนปีย์ดอ เมืองหลวง และศูนย์ราชการของสหภาพพม่า ทั้งนี้ พล.อ.หม่อง เอ ผบ.สส.พม่า ให้การต้อนรับและ นำผบ.สส.ของไทยตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนหารือข้อราชการกับ พล.อ.อาวุโส ตัน ฉ่วย และในช่วงค่ำพล.อ.หม่องเอ ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำทางทหารของไทย
พล.อ.เรืองโรจน์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเยือนประเทศพม่าว่า การไปเยือนพม่าครั้งนี้เพราะว่าทางฝ่ายพม่าเชิญตนไปเยือนมาหลายเดือนแล้ว ซึ่งเรื่องที่จะพูดคุยเป็นเรื่องการเชื่อมความสัมพันธไมตรีทางด้านทหาร มี 3 เรื่อง การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับหน่วยตามแนวชายแดน เพราะเราอยากเห็นผู้บังคับหน่วยตามแนวชายแดนทั้งของไทยและพม่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การเร่งรัดเรื่องการปักปันเขตแดน ที่ยังมีปัญหาอยู่มากที่ไม่ลงตัวไม่ว่าจะเป็น พื้นที่ที่เป็นภูเขา การถือแผนที่คนละฉบับ สนธิสัญญา กฎหมายเก่า ตัวบุคคล ซึ่งมีความคืบหน้าน้อยมาก ทั้งสองประเทศจะต้องร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นก็ทำไม่ได้ และความสงบสุขของประชาชนตามแนวชายแดน เช่น ยาเสพติด การลักลอบค้าแรงงานเถื่อน
พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า การเดินทางไปเยือนพม่าครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปพม่าของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เพราะว่ากรณีของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ท่านไปของท่านเอง ส่วนของตนมีการวางแผนมานานแล้ว แต่จังหวะมาใกล้เคียงกัน
เมื่อถามว่าจะมีการขอความร่วมมือกับพม่าเรื่องการปราบปรามการค้าอาวุธเถื่อนหรือไม่ พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องการลักลอบค้าอาวุธเถื่อนไม่ค่อยมี แต่ก็จะมีการพูดคุยกันในระดับเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ การขอความร่วมมือเรื่องการลอบค้าอาวุธเถื่อนเราทำทุกด้านในประเทศไทย ไม่ใช่แค่ประเทศพม่าประเทศเดียว เราพยายามให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายกวดขันก็ได้ผลพอสมควร
**อัดแม้วฝักไฝ่เผด็จการทหารพม่า
ด้านนายเมธา มาสขาว ประธานศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (YPD) กล่าวถึงการเดินทางไปประเทศพม่าที่ผ่านมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าเป็นการเหยียบย่ำหัวใจของชาวพม่าเป็นอย่างมาก เพราะอยู่ในช่วงรอยต่อของเหตุการณ์ 8888 ที่เผด็จการทหารพม่า ปราบปรามเข่นฆ่านักศึกษา ประชาชน ที่มาชุมนุมเมื่อวันที่ 8 ส.ค.31 อย่างรุนแรง จนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10,000 คน แทนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเห็นใจ และเรียกร้องกับผู้นำทหารพม่าเรื่องประชาธิปไตย กลับไปเจรจาธุรกิจการเมืองกัน ถือว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ฝักใฝ่เผด็จการอย่างชัดเจน และการไม่เน้นการทูต ไม่ให้ความสำคัญกับประชาชนในชาติในการเปิดเผยวาระ และรายละเอียดการประชุม ถือเป็นวิถีของลัทธิผู้นำ ที่เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่ง ไม่ควรให้ลัทธิผู้นำแบบนี้ เข้ามาอยู่ในการเมืองไทย ที่ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบ หรือมีส่วนร่วมได้ และการกระทำเยี่ยงนี้โดยยืนกรานไม่เปิดเผยข้อเท็จจริง เป็นไปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจต้องการนำพาประเทศไทยเข้าสู่การเมืองแบบ "เผด็จการเบ็ดเสร็จ" ในอนาคตเพื่อง่ายต่อการควบคุม เหมือนประเทศพม่าก็เป็นได้
"ผมอยากเรียกร้องให้นักการเมืองไทย ยุติการทำธุรกิจกับเผด็จการทหารพม่าอย่างเด็ดขาด เพื่อกดดันเรียกร้องประชาธิปไตยให้ประชาชนชาวพม่า และเป็นการกดดันเรื่องปัญหายาเสพติดด้วย เพราะการกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณ ในปัจจุบันเป็นการหน้าไหว้หลังหลอก เพราะทางด้านเศรษฐกิจกลับเข้าไปทำธุรกิจได้ แต่ทางด้านการเมืองบอกว่า เราเข้าไปยุ่งไม่ได้ การเข้าไปทำธุรกิจกับผู้นำทหารพม่า ถือว่าสนับสนุนเผด็จการทางอ้อมนั่นเอง"
นอกจากนี้ กรณีเหตุการณ์ 8888 ดังกล่าว ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 10,000 คน นั้นจึงอยากเรียกร้องให้ประชาคมโลกรณรงค์และต่อสู้เพื่อที่จะนำตัวผู้ที่สั่งการนั้นมาดำเนินคดีข้อหาอาชญากร ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ โดยเร็วที่สุด เพราะขณะที่ประชาชนสูญเสีย ผู้นำที่มือเปื้อเลือด กลับเสพสุขอยู่บนซากศพ โดยอนุญาตให้ผู้นำไทยเข้าไปร่วมวงด้วย องค์การสหประชาชาติ ต้องเข้ามาดูเรื่องนี้และดำเนินคดีในศาลโลกหรือศาลอาญาระหว่างประเทศ
โดยในวันนี้ (8 ส.ค.) เวลา 10.00 น. ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (YPD)และคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยในพม่า จะเดินทางไปประท้วงรักษาการนายกฯทักษิณ และเผด็จการทหารพม่า ที่หน้าสถานทูตพม่า ถนนสีลม
เมื่อเวลา 08.00 น.วานนี้(7ส.ค.) ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ รอง ผบ.สส. พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เสธ.ทหาร พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นต้น ได้เดินทางไปเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ โดยมีกำหนดการเข้าพบ พล.อ.อาวุโส ตันฉ่วย ประธานสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งสหภาพพม่า (เอสพีดีซี) ที่เมืองเนปีย์ดอ เมืองหลวง และศูนย์ราชการของสหภาพพม่า ทั้งนี้ พล.อ.หม่อง เอ ผบ.สส.พม่า ให้การต้อนรับและ นำผบ.สส.ของไทยตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนหารือข้อราชการกับ พล.อ.อาวุโส ตัน ฉ่วย และในช่วงค่ำพล.อ.หม่องเอ ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำทางทหารของไทย
พล.อ.เรืองโรจน์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเยือนประเทศพม่าว่า การไปเยือนพม่าครั้งนี้เพราะว่าทางฝ่ายพม่าเชิญตนไปเยือนมาหลายเดือนแล้ว ซึ่งเรื่องที่จะพูดคุยเป็นเรื่องการเชื่อมความสัมพันธไมตรีทางด้านทหาร มี 3 เรื่อง การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับหน่วยตามแนวชายแดน เพราะเราอยากเห็นผู้บังคับหน่วยตามแนวชายแดนทั้งของไทยและพม่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การเร่งรัดเรื่องการปักปันเขตแดน ที่ยังมีปัญหาอยู่มากที่ไม่ลงตัวไม่ว่าจะเป็น พื้นที่ที่เป็นภูเขา การถือแผนที่คนละฉบับ สนธิสัญญา กฎหมายเก่า ตัวบุคคล ซึ่งมีความคืบหน้าน้อยมาก ทั้งสองประเทศจะต้องร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นก็ทำไม่ได้ และความสงบสุขของประชาชนตามแนวชายแดน เช่น ยาเสพติด การลักลอบค้าแรงงานเถื่อน
พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า การเดินทางไปเยือนพม่าครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปพม่าของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เพราะว่ากรณีของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ท่านไปของท่านเอง ส่วนของตนมีการวางแผนมานานแล้ว แต่จังหวะมาใกล้เคียงกัน
เมื่อถามว่าจะมีการขอความร่วมมือกับพม่าเรื่องการปราบปรามการค้าอาวุธเถื่อนหรือไม่ พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องการลักลอบค้าอาวุธเถื่อนไม่ค่อยมี แต่ก็จะมีการพูดคุยกันในระดับเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ การขอความร่วมมือเรื่องการลอบค้าอาวุธเถื่อนเราทำทุกด้านในประเทศไทย ไม่ใช่แค่ประเทศพม่าประเทศเดียว เราพยายามให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายกวดขันก็ได้ผลพอสมควร
**อัดแม้วฝักไฝ่เผด็จการทหารพม่า
ด้านนายเมธา มาสขาว ประธานศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (YPD) กล่าวถึงการเดินทางไปประเทศพม่าที่ผ่านมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าเป็นการเหยียบย่ำหัวใจของชาวพม่าเป็นอย่างมาก เพราะอยู่ในช่วงรอยต่อของเหตุการณ์ 8888 ที่เผด็จการทหารพม่า ปราบปรามเข่นฆ่านักศึกษา ประชาชน ที่มาชุมนุมเมื่อวันที่ 8 ส.ค.31 อย่างรุนแรง จนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10,000 คน แทนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเห็นใจ และเรียกร้องกับผู้นำทหารพม่าเรื่องประชาธิปไตย กลับไปเจรจาธุรกิจการเมืองกัน ถือว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ฝักใฝ่เผด็จการอย่างชัดเจน และการไม่เน้นการทูต ไม่ให้ความสำคัญกับประชาชนในชาติในการเปิดเผยวาระ และรายละเอียดการประชุม ถือเป็นวิถีของลัทธิผู้นำ ที่เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่ง ไม่ควรให้ลัทธิผู้นำแบบนี้ เข้ามาอยู่ในการเมืองไทย ที่ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบ หรือมีส่วนร่วมได้ และการกระทำเยี่ยงนี้โดยยืนกรานไม่เปิดเผยข้อเท็จจริง เป็นไปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจต้องการนำพาประเทศไทยเข้าสู่การเมืองแบบ "เผด็จการเบ็ดเสร็จ" ในอนาคตเพื่อง่ายต่อการควบคุม เหมือนประเทศพม่าก็เป็นได้
"ผมอยากเรียกร้องให้นักการเมืองไทย ยุติการทำธุรกิจกับเผด็จการทหารพม่าอย่างเด็ดขาด เพื่อกดดันเรียกร้องประชาธิปไตยให้ประชาชนชาวพม่า และเป็นการกดดันเรื่องปัญหายาเสพติดด้วย เพราะการกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณ ในปัจจุบันเป็นการหน้าไหว้หลังหลอก เพราะทางด้านเศรษฐกิจกลับเข้าไปทำธุรกิจได้ แต่ทางด้านการเมืองบอกว่า เราเข้าไปยุ่งไม่ได้ การเข้าไปทำธุรกิจกับผู้นำทหารพม่า ถือว่าสนับสนุนเผด็จการทางอ้อมนั่นเอง"
นอกจากนี้ กรณีเหตุการณ์ 8888 ดังกล่าว ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 10,000 คน นั้นจึงอยากเรียกร้องให้ประชาคมโลกรณรงค์และต่อสู้เพื่อที่จะนำตัวผู้ที่สั่งการนั้นมาดำเนินคดีข้อหาอาชญากร ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ โดยเร็วที่สุด เพราะขณะที่ประชาชนสูญเสีย ผู้นำที่มือเปื้อเลือด กลับเสพสุขอยู่บนซากศพ โดยอนุญาตให้ผู้นำไทยเข้าไปร่วมวงด้วย องค์การสหประชาชาติ ต้องเข้ามาดูเรื่องนี้และดำเนินคดีในศาลโลกหรือศาลอาญาระหว่างประเทศ
โดยในวันนี้ (8 ส.ค.) เวลา 10.00 น. ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (YPD)และคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยในพม่า จะเดินทางไปประท้วงรักษาการนายกฯทักษิณ และเผด็จการทหารพม่า ที่หน้าสถานทูตพม่า ถนนสีลม