เศรษฐกิจพ่นพิษตลาดน้ำยาบ้วนปากชะลอตัว ลิสเตอรีนปรับยอดขายโตเท่าตลาด เท 60 ล้านบาท ปั้นสูตรใหม่"ลิสเตอรีน ไบรท์ แอนด์ คลีน" ขยายฐานคนรุ่นใหม่พร้อมกระทุ้งยอดขาย 100 ล้านบาท สิ้นปีแชร์ขยับเพิ่ม 1% ทิ้งห่างผู้ตามอันดับสองบายมาซินขาดลอย เร่งปิดจุดบอดสร้างความเข้าใจความแรงไม่ทำลายเยื่อบุ หลังเจอซิสเท็มม่าระเบิดศึกดูดแชร์ไม่ต่ำกว่า 5%
นายวรยุทธ วโรทยางกูร ผู้จัดการทั่วไป (ประเทศไทย และอินโดจีน) บริษัท ไฟเซอร์ คอนซูเมอร์ เฮลท์แคร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดน้ำยาบ้วนปากมูลค่า 860 ล้านบาท หรือคิดในเชิงปริมาณ 4.2 ล้านลิตร ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 15-16% เท่านั้น หรือคิดมูลค่าเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสภาพตลาดปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตสูงถึง 26% หรือมีมูลค่าตลาดเพิ่มจาก 690 ล้านบาท เป็น 860 ล้านบาท
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่หดตัวลง ส่งผลให้ยอดขายน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีนปีนี้ ตั้งเป้าโตเท่ากับตลาด 15-16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตมากกว่าตลาดน้ำยาบ้วนปากหรือมากกว่า26%
แผนตลาดน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีนปีนี้ จะเน้นขยายฐานกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น เพราะกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพฟันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการมีฟันขาวจะช่วยสร้างบุคลิกภาพที่ดี ล่าสุดเปิดตัวน้ำยาบ้วนปาก "ลิสเตอรีน ไบรท์ แอนด์ คลีน" สูตรลดการสะสมคราบสีจากอาหาร ชูจุดเด่นความสะอาดและความสดชื่น เพื่อขยายฐานเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ และกลุ่มวัยทำงานต่อเนื่องจากในปีที่ผ่านมาที่บริษัทฯได้เปิดตัวสูตรลิสเตอรีน เฟรซ ซิทรัส เจาะกลุ่มวัยรุ่นโดยในช่วง 1 ปี สูตรดังกล่าวกวาดส่วนแบ่งถึง 14%
โดยบริษัทฯใช้งบการตลาด 60 ล้านบาท จากงบการตลาดรวม 100 ล้านบาท สำหรับการเปิดตัวสูตรใหม่นี้อย่างครบวงจร ทั้งภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ภายใต้แนวคิด "เสน่ห์ของฟันขาวสะอาด" โดยเนื้อหาเน้นสื่อสารน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน ช่วยลดการสะสมคราบสีอาหารแล้ว ยังสื่อสารถึงความแรงไม่ทำลายเยื่อบุในปาก จากที่ผ่านมาบริษัทฯไม่ได้ให้ความสำคัญการสร้างการรับรู้ในเรื่องดังกล่าวเท่าที่ควร เนื่องจากลิสเตอรีนมีจุดอ่อนในเรื่องของความแรง ทำให้คู่แข่งซิสเท็มม่าเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาด จึงได้เปิดตัวน้ำยาบ้วนปากสูตรไม่แรงออกมาทำตลาด กระทั่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดไม่ต่ำกว่า 5%
ทั้งนี้ได้แจกสินค้าตัวอย่าง 3 แสนขวด ในห้างสรรพสินค้า ร้านค้า มหาวิทยาลัย อาคารสำนักงานทั่วประเทศ กิจกรรมส่งเสริมการขายรูปแบบต่างๆ คาดว่ายอดขายลิสเตอรีน ไบร์ท แอนด์ คลีน ในช่วงปีแรกไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท และส่งผลให้สิลเตอรีนในฐานะผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 80% เป็น 81% จากมูลค่าตลาดรวม 860 ล้านบาท ทิ้งห่างคู่แข่งอันดับสองบายมาซินซึ่งมีส่วนแบ่ง 10% ขณะที่ผลประกอบกลุ่มคอนซูเมอร์เฮลธ์แคร์ปีนี้ตั้งเป้า 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% ของรายได้
นายวรยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าตลาดน้ำยาบ้วนปากในประเทศไทยปีนี้จะชะลอการเติบโตลง แต่เมื่อพิจารณาถึงอัตราการใช้น้ำยาบ้วนปากของคนไทยยังมีเพียง 30% และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 35% แต่เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วมีอัตราการใช้น้ำยาบ้วนปาก 50-55% นอกจากนี้ความถี่ในการใช้น้ำยาบ้วนปากของคนไทยยังมีน้อยเฉลี่ย 1 ครั้งต่อวัน และยังมีหลายคนที่ไม่ได้ใช้ทุกวัน เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาจะใช้ยาบ้วนปากวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังแปรงฟัน
นายวรยุทธ วโรทยางกูร ผู้จัดการทั่วไป (ประเทศไทย และอินโดจีน) บริษัท ไฟเซอร์ คอนซูเมอร์ เฮลท์แคร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดน้ำยาบ้วนปากมูลค่า 860 ล้านบาท หรือคิดในเชิงปริมาณ 4.2 ล้านลิตร ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 15-16% เท่านั้น หรือคิดมูลค่าเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสภาพตลาดปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตสูงถึง 26% หรือมีมูลค่าตลาดเพิ่มจาก 690 ล้านบาท เป็น 860 ล้านบาท
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่หดตัวลง ส่งผลให้ยอดขายน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีนปีนี้ ตั้งเป้าโตเท่ากับตลาด 15-16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตมากกว่าตลาดน้ำยาบ้วนปากหรือมากกว่า26%
แผนตลาดน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีนปีนี้ จะเน้นขยายฐานกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น เพราะกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพฟันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการมีฟันขาวจะช่วยสร้างบุคลิกภาพที่ดี ล่าสุดเปิดตัวน้ำยาบ้วนปาก "ลิสเตอรีน ไบรท์ แอนด์ คลีน" สูตรลดการสะสมคราบสีจากอาหาร ชูจุดเด่นความสะอาดและความสดชื่น เพื่อขยายฐานเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ และกลุ่มวัยทำงานต่อเนื่องจากในปีที่ผ่านมาที่บริษัทฯได้เปิดตัวสูตรลิสเตอรีน เฟรซ ซิทรัส เจาะกลุ่มวัยรุ่นโดยในช่วง 1 ปี สูตรดังกล่าวกวาดส่วนแบ่งถึง 14%
โดยบริษัทฯใช้งบการตลาด 60 ล้านบาท จากงบการตลาดรวม 100 ล้านบาท สำหรับการเปิดตัวสูตรใหม่นี้อย่างครบวงจร ทั้งภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ภายใต้แนวคิด "เสน่ห์ของฟันขาวสะอาด" โดยเนื้อหาเน้นสื่อสารน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน ช่วยลดการสะสมคราบสีอาหารแล้ว ยังสื่อสารถึงความแรงไม่ทำลายเยื่อบุในปาก จากที่ผ่านมาบริษัทฯไม่ได้ให้ความสำคัญการสร้างการรับรู้ในเรื่องดังกล่าวเท่าที่ควร เนื่องจากลิสเตอรีนมีจุดอ่อนในเรื่องของความแรง ทำให้คู่แข่งซิสเท็มม่าเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาด จึงได้เปิดตัวน้ำยาบ้วนปากสูตรไม่แรงออกมาทำตลาด กระทั่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดไม่ต่ำกว่า 5%
ทั้งนี้ได้แจกสินค้าตัวอย่าง 3 แสนขวด ในห้างสรรพสินค้า ร้านค้า มหาวิทยาลัย อาคารสำนักงานทั่วประเทศ กิจกรรมส่งเสริมการขายรูปแบบต่างๆ คาดว่ายอดขายลิสเตอรีน ไบร์ท แอนด์ คลีน ในช่วงปีแรกไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท และส่งผลให้สิลเตอรีนในฐานะผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 80% เป็น 81% จากมูลค่าตลาดรวม 860 ล้านบาท ทิ้งห่างคู่แข่งอันดับสองบายมาซินซึ่งมีส่วนแบ่ง 10% ขณะที่ผลประกอบกลุ่มคอนซูเมอร์เฮลธ์แคร์ปีนี้ตั้งเป้า 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% ของรายได้
นายวรยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าตลาดน้ำยาบ้วนปากในประเทศไทยปีนี้จะชะลอการเติบโตลง แต่เมื่อพิจารณาถึงอัตราการใช้น้ำยาบ้วนปากของคนไทยยังมีเพียง 30% และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 35% แต่เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วมีอัตราการใช้น้ำยาบ้วนปาก 50-55% นอกจากนี้ความถี่ในการใช้น้ำยาบ้วนปากของคนไทยยังมีน้อยเฉลี่ย 1 ครั้งต่อวัน และยังมีหลายคนที่ไม่ได้ใช้ทุกวัน เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาจะใช้ยาบ้วนปากวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังแปรงฟัน