ซีเล็ค ปรับแนวรุกขยับแบรนด์เจาะตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ ต่อยอดตลาดไขมันต่ำ หลังพบตลาดสุขภาพบูมมีมูลค่ามหาศาล อัดฉีด 30 ล้านบาท ชูทูน่าสเต็กในน้ำแร่สินค้าเรือธงบูมแบรนด์เพื่อสุขภาพ ล่าสุดคว้าตราสัญลักษณ์"อาหารรักษ์หัวใจ"การันตี สิ้นปียอดพุ่ง 50% โกยรายได้ 850 ล้านบาท เล็ง 2-3 ปีปั้นซีเล็ครบสมรภูมิสแน็กกว่าหมื่นล้านบาท
นายธนธัช จุนชนะเวชานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ธีร์โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปลาทูน่ากระป๋องตรา"ซีเล็ค" เปิดเผยถึงแนวการทำตลาดซีเล็คว่า บริษัทจะขับเคลื่อนแบรนด์ไปในทิศทางตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพมากขึ้น จากเดิมแนวทางการทำตลาดใช้กลยุทธ์ไขมันต่ำมาโดยตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ เนื่องจากแนวโน้มตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง และเป็นตลาดที่ใหญ่มากกว่าตลาดไขมันต่ำ ซึ่งเป็นเพียงเซกเมนต์หนึ่งของตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพเท่านั้น
"ขณะนี้ถ้าพูดถึงซีเล็ค เราอยากให้มองว่าเป็นแบรนด์สินค้าเพื่อสุขภาพ เพราะกลยุทธ์ไขมันต่ำที่ใช้มากว่า 5 ปี ประสบความสำเร็จได้มาในระดับหนึ่งแล้ว สามารถสร้างความแตกต่างจากสินค้าคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาด ส่งผลให้ปัจจุบันซีเล็คทูน่าอยู่ในอันดับสองของตลาด ครองส่วนแบ่ง 35-40% แต่การขับเคลื่อนในตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพในครั้งนี้ จะผลักดันให้ซีเล็คทูน่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น และขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้ภายใน 1-2 ปี โดยครองส่วนแบ่ง 50% จากปัจจุบันนอติลุสเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 40%"
สำหรับแผนการตลาดบริษัทจะปั้นซีเล็ค ทูน่า สเต็ก ในน้ำแร่เป็นสินค้าเรือธงในการขับเคลื่อนแบรนด์ไปสู่ตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ เนื่องจากทูน่าในน้ำแร่ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำตลาดอย่างจริงจัง อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีขนาดเล็กเพียงมูลค่า 76 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% ของตลาดรวมทูน่าสเต็ก 385 ล้านบาท โดยภาวะตลาดปีนี้แม้จะมีอัตราการเติบโต 5-8% แต่เมื่อมองถึงเทรนด์ตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพที่มาแรง ทำให้ตลาดทูน่าสเต็กในน้ำแร่มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก
ดังนั้นปีนี้เฉพาะซีเล็ค ทูน่าสเต็กในน้ำแร่ บริษัทใช้งบการตลาด 25-30 ล้านบาท ล่าสุดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับตราสัญลักษณ์"อาหารรักษ์หัวใจ" ในโครงการอาหารไทย หัวใจดี โดยถูกจัดให้เป็นอาหารที่มีชนิดของกรดไขมันในสัดส่วนเหมาะสมไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โดยตราสัญลักษณ์ถูกพิมพ์บนกระป๋องของผลิตภัณฑ์ สำหรับซีเล็ค ทูน่าสเต็กในน้ำแร่ บริษัทวางโพซิชั่นนิ่งของผลิตภัณธ์เป็นสินค้าพรีเมียม และเป็นสินค้าที่คำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภคเป็นหลัก
ทั้งนี้เพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภคได้รับรู้และเข้าใจยิ่งขึ้น บริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์มูวี่ มาร์เก็ตติ้ง ในภาพยนตร์เรื่อง"The Lake House" เพื่อเป็นสื่อกลางแทนความรักความห่วงใย ทั้งนี้คาดว่าซีเล็ค ทูน่าสเต็กในน้ำแร่ จะช่วยขยายฐานกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและกลุ่มผู้สูงอายุ จากเดิมฐานลูกค้าของซีเล็คจะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่และวัยรุ่นเป็นหลัก ขณะที่ยอดขายตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 50%
นายธนธัช กล่าวเพิ่มเติมว่า จากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยปีนี้ที่หดตัวลง ทำให้งบการตลาดปีนี้ใช้เพียง 100 ล้านบาท โดยไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด อีกทั้งยังได้ปรับหันไปเน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์มากกว่าทำอะโบฟอะไลน์ อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายไลน์สินค้าภายใต้แบรนด์อัมเบลล่าแบรนด์"ซีเล็ค"นำร่องในไตรมาส3-4 เปิดตัว ครีมสลัดทูน่า และ ซอสราดสปาเกตตี้
ส่วนไตรมาสสองจะพัฒนาสินค้าไฟติ้งแบรนด์มาทำตลาด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นปลาซาร์ดีนหรือปลาทูน่า ขนาด 135 กรัม จำหน่ายราคา 18 บาท เมื่อเทียบกับขนาด 185 กรัม หรือขนาดปกติราคา 25-26 บาท โดยเป้าหมายการเปิดสินค้าไฟติ้งแบรนด์เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งปลากระป๋องโรซ่า เนื่องจากเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่ทำในตลาดนี้ ส่วนในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้ยังได้เตรียมปั้นซีเล็คลงตลาดสแน็กมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับตลาดทูน่ากระป๋องโดยรวมมีมูลค่า 800 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็น 4 ตลาดหลัก ได้แก่ ตลาดทูน่าสเต็ก 385 ล้านบาท แบ่งเป็น ทูน่าในน้ำเกลือ 40% ทูน่าในน้ำมัน 40% และทูน่าในน้ำแร่ 20% ตลาดแซนวิช 240 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของตลาดรวม ตลาดเครื่องแกงสำเร็จรูป 200 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 15% และสเปลช 56 ล้านบาท สัดส่วน 7% สำหรับผลประกอบการโดยรวมปีนี้ของบริษัทตั้งเป้า 850 ล้านบาท โต 12%
นายธนธัช จุนชนะเวชานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ธีร์โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปลาทูน่ากระป๋องตรา"ซีเล็ค" เปิดเผยถึงแนวการทำตลาดซีเล็คว่า บริษัทจะขับเคลื่อนแบรนด์ไปในทิศทางตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพมากขึ้น จากเดิมแนวทางการทำตลาดใช้กลยุทธ์ไขมันต่ำมาโดยตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ เนื่องจากแนวโน้มตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง และเป็นตลาดที่ใหญ่มากกว่าตลาดไขมันต่ำ ซึ่งเป็นเพียงเซกเมนต์หนึ่งของตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพเท่านั้น
"ขณะนี้ถ้าพูดถึงซีเล็ค เราอยากให้มองว่าเป็นแบรนด์สินค้าเพื่อสุขภาพ เพราะกลยุทธ์ไขมันต่ำที่ใช้มากว่า 5 ปี ประสบความสำเร็จได้มาในระดับหนึ่งแล้ว สามารถสร้างความแตกต่างจากสินค้าคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาด ส่งผลให้ปัจจุบันซีเล็คทูน่าอยู่ในอันดับสองของตลาด ครองส่วนแบ่ง 35-40% แต่การขับเคลื่อนในตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพในครั้งนี้ จะผลักดันให้ซีเล็คทูน่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น และขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้ภายใน 1-2 ปี โดยครองส่วนแบ่ง 50% จากปัจจุบันนอติลุสเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 40%"
สำหรับแผนการตลาดบริษัทจะปั้นซีเล็ค ทูน่า สเต็ก ในน้ำแร่เป็นสินค้าเรือธงในการขับเคลื่อนแบรนด์ไปสู่ตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ เนื่องจากทูน่าในน้ำแร่ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำตลาดอย่างจริงจัง อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีขนาดเล็กเพียงมูลค่า 76 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% ของตลาดรวมทูน่าสเต็ก 385 ล้านบาท โดยภาวะตลาดปีนี้แม้จะมีอัตราการเติบโต 5-8% แต่เมื่อมองถึงเทรนด์ตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพที่มาแรง ทำให้ตลาดทูน่าสเต็กในน้ำแร่มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก
ดังนั้นปีนี้เฉพาะซีเล็ค ทูน่าสเต็กในน้ำแร่ บริษัทใช้งบการตลาด 25-30 ล้านบาท ล่าสุดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับตราสัญลักษณ์"อาหารรักษ์หัวใจ" ในโครงการอาหารไทย หัวใจดี โดยถูกจัดให้เป็นอาหารที่มีชนิดของกรดไขมันในสัดส่วนเหมาะสมไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โดยตราสัญลักษณ์ถูกพิมพ์บนกระป๋องของผลิตภัณฑ์ สำหรับซีเล็ค ทูน่าสเต็กในน้ำแร่ บริษัทวางโพซิชั่นนิ่งของผลิตภัณธ์เป็นสินค้าพรีเมียม และเป็นสินค้าที่คำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภคเป็นหลัก
ทั้งนี้เพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภคได้รับรู้และเข้าใจยิ่งขึ้น บริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์มูวี่ มาร์เก็ตติ้ง ในภาพยนตร์เรื่อง"The Lake House" เพื่อเป็นสื่อกลางแทนความรักความห่วงใย ทั้งนี้คาดว่าซีเล็ค ทูน่าสเต็กในน้ำแร่ จะช่วยขยายฐานกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและกลุ่มผู้สูงอายุ จากเดิมฐานลูกค้าของซีเล็คจะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่และวัยรุ่นเป็นหลัก ขณะที่ยอดขายตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 50%
นายธนธัช กล่าวเพิ่มเติมว่า จากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยปีนี้ที่หดตัวลง ทำให้งบการตลาดปีนี้ใช้เพียง 100 ล้านบาท โดยไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด อีกทั้งยังได้ปรับหันไปเน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์มากกว่าทำอะโบฟอะไลน์ อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายไลน์สินค้าภายใต้แบรนด์อัมเบลล่าแบรนด์"ซีเล็ค"นำร่องในไตรมาส3-4 เปิดตัว ครีมสลัดทูน่า และ ซอสราดสปาเกตตี้
ส่วนไตรมาสสองจะพัฒนาสินค้าไฟติ้งแบรนด์มาทำตลาด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นปลาซาร์ดีนหรือปลาทูน่า ขนาด 135 กรัม จำหน่ายราคา 18 บาท เมื่อเทียบกับขนาด 185 กรัม หรือขนาดปกติราคา 25-26 บาท โดยเป้าหมายการเปิดสินค้าไฟติ้งแบรนด์เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งปลากระป๋องโรซ่า เนื่องจากเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่ทำในตลาดนี้ ส่วนในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้ยังได้เตรียมปั้นซีเล็คลงตลาดสแน็กมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับตลาดทูน่ากระป๋องโดยรวมมีมูลค่า 800 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็น 4 ตลาดหลัก ได้แก่ ตลาดทูน่าสเต็ก 385 ล้านบาท แบ่งเป็น ทูน่าในน้ำเกลือ 40% ทูน่าในน้ำมัน 40% และทูน่าในน้ำแร่ 20% ตลาดแซนวิช 240 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของตลาดรวม ตลาดเครื่องแกงสำเร็จรูป 200 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 15% และสเปลช 56 ล้านบาท สัดส่วน 7% สำหรับผลประกอบการโดยรวมปีนี้ของบริษัทตั้งเป้า 850 ล้านบาท โต 12%