สร้างอุทธยานเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระบรมพระบรมโอรสาธิราช บัญชาการรบคอมมิวนิสต์ ที่บ้านหมากแข้ง จ.เลย อย่างกล้าหาญ ช่วงปี 19 พร้อมเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณของพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงรักษาบ้านเมืองไว้ ผนวกเป็นแหล่งท่องเที่ยวเขตรอยต่อ 3 จังหวัดในฐานที่มั่นภูหินร่องกล้า ทหารห่วงเยาวชนไม่รู้จัก ผกค. ไม่รับรู้บทเรียนประวัติศาสตร์
พ.อ.พิชัย นวาวัฒน์ เลขานุการโครงการจัดสร้างอุทธยานเฉลิมพระเกียรติบ้านหมากแข้ง เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วยอดีตผู้บังคับบัญชาในอดีตประกอบ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี พล.อ.รวมศักดิ์ ไชยโกมล พล.อ.หาญ เพทาย ได้ดำริให้จัดตั้งคณะกรรมการจัดสร้างอาคารอุทธยานเฉลิมพระเกียรติฯ ขึ้นเพื่อดำเนินการก่อสร้างปฏิมากรรมเฉลิมพระเกียรติ อาคารพิพิธภัณฑ์ และ ปรับปรุงฐานปฏิบัติการตำรวจ ที่บ้านหมากแข้ง ต.กกสะท้อน อ.ด่านซ้าย จ.เลย เพื่อรำลึกถึงความองอาจ กล้าหาญ ของพระบรมวงศานุวงศ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร ที่ครั้งนั้นดำรงยศร้อยเอก ได้บัญชาการรบที่บ้านหมากแข้ง ในวันที่ 5 พ.ย. 19 จนสามารถผลักดันผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ให้ถอยร่นจากพื้นที่หมู่บ้านหมากแข้งได้เป็นผลสำเร็จ และเหตุการณ์ก็สงบลงไปในปี 20-21
พ.อ.พิชัย กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตรอยต่อ 3 จังหวัด ซึ่งเป็นเขตฐานที่มั่นใหญ่ เดียวกับภูหินร่องกล้า ทั้งนี้ ในช่วงปี 16 เป็นต้นมา ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้แผ่อิทธิพลเข้ามาในพื้นที่นี้เป็นจำนวนมาก และ ในปี 18 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการตำรวจ ซึ่งคุมพื้นที่ไว้ด้วยความยากลำบาก และในปี 19 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาตรวจเยี่ยม พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และไปปี 19 ซึ่งสถานการณ์ค่อนข้างรุนแรง จนเมื่อวันที่ 4 พ.ย.19 ฮ.ของทหารที่ยกจาก พตท. 1617 เพื่อไปช่วยเหลือคนเจ็บจากฐานปฏิบัติการพิเศษตำรวจบ้านหมากแข้ง ถูกยิงตกบริเวณบ้านเรือนราษฎรที่ หมู่บ้านหมากแข้ง
"ทำให้วันรุ่งขึ้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังฐานปฏิบัติการด้วยชุดฝึกทหาร ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการการรบที่ฐานปฏิบัติการดังกล่าว ด้วยความกล้าหาญ องอาจ โดยมีกำลังทหารเข้าร่วมด้วย และ พระองค์ท่านยังค้างแรมที่ฐานปฏิบัติการ 1 คืน ในบังเกอร์ ซึ่งในครั้งนั้นได้สร้างขวัญกำลังใจให้กับ ทหาร พลเรือน และ ราษฎรในพื้นที่ในการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ อย่างเข้มแข็ง ตอนนั้นพระองค์ท่านจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยดันทรูน ประเทศออสเตรเลียไม่นาน และ ทรงเป็นห่วงสถานการณ์ในประเทศมาก เพราะ ต้องยอมรับว่า ช่วงนั้นค่อนข้างรุนแรงหลังเหตุการณ์ 6 ต.ค.19 เป็นต้นมา"
เลขานุการโครงการฯ ระบุว่า การจัดสร้างอุทธยานแห่งนี้ จะมีลักษณะเช่นเดียวกับที่เคยดำเนินการที่บ้านห้วยโก๋น และ ที่ภูหินร่องกล้า คือ จะจัดทำบริเวณโดยรอบให้มีความสวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว โดยจะมีการปลูกไม้ดอก และสนสามใบ ให้มีลักษณะเหมือนสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อนักท่องเที่ยวมาก็จะได้เที่ยวทั้งภูหินร่องกล้า ทับเบิก นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวและเยาวชนจะได้เรียนประวัติศาสตร์ในอดีต ที่พระบรมวงศานุวงศ์ ทหาร ตำรวจ ที่ได้เสียสละทำหน้าที่ในการรักษาชาติบ้านเมืองไว้ เพราะถ้าถามเด็กและเยาวชนในขณะนี้คงไม่รู้ว่า ผกค.คืออะไร และ ไม่รู้ว่าเคยมีเหตุการณ์คนไทยฆ่ากันเองมาแล้วในอดีต ในช่วงสงครามเย็น
พ.อ.พิชัย กล่าวว่า ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการดำเนินการฯ อีกครั้ง โดยมี พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการที่ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 90 % โดยจะเก็บรายละเอียดในอาคารปลูกสร้างทั้งหมด และ เดินไฟฟ้าเข้าไปในอาคารให้เสร็จโดยสมบูรณ์ ก่อนที่จะทำเรื่องเสนอไปยังสำนักราชเลขาธิการ กองงานส่วนพระองค์ เพื่อกราบบังคมทูลเชิญฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช มาเปิดอาคารตามขั้นตอนต่อไป ขณะนี้ คณะกรรมการกำลังจัดเตรียมรูปภาพในเหตุการณ์ครั้งนั้นมาแสดงในพิพิธภัณฑ์ด้วย และ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.สังคม จันทร์ธรรม รองแม่ทัพภาคที่ 3 ได้ไปตรวจเยี่ยมความคืบหน้าของโครงการมาแล้ว
พ.อ.พิชัย นวาวัฒน์ เลขานุการโครงการจัดสร้างอุทธยานเฉลิมพระเกียรติบ้านหมากแข้ง เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วยอดีตผู้บังคับบัญชาในอดีตประกอบ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี พล.อ.รวมศักดิ์ ไชยโกมล พล.อ.หาญ เพทาย ได้ดำริให้จัดตั้งคณะกรรมการจัดสร้างอาคารอุทธยานเฉลิมพระเกียรติฯ ขึ้นเพื่อดำเนินการก่อสร้างปฏิมากรรมเฉลิมพระเกียรติ อาคารพิพิธภัณฑ์ และ ปรับปรุงฐานปฏิบัติการตำรวจ ที่บ้านหมากแข้ง ต.กกสะท้อน อ.ด่านซ้าย จ.เลย เพื่อรำลึกถึงความองอาจ กล้าหาญ ของพระบรมวงศานุวงศ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร ที่ครั้งนั้นดำรงยศร้อยเอก ได้บัญชาการรบที่บ้านหมากแข้ง ในวันที่ 5 พ.ย. 19 จนสามารถผลักดันผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ให้ถอยร่นจากพื้นที่หมู่บ้านหมากแข้งได้เป็นผลสำเร็จ และเหตุการณ์ก็สงบลงไปในปี 20-21
พ.อ.พิชัย กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตรอยต่อ 3 จังหวัด ซึ่งเป็นเขตฐานที่มั่นใหญ่ เดียวกับภูหินร่องกล้า ทั้งนี้ ในช่วงปี 16 เป็นต้นมา ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้แผ่อิทธิพลเข้ามาในพื้นที่นี้เป็นจำนวนมาก และ ในปี 18 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการตำรวจ ซึ่งคุมพื้นที่ไว้ด้วยความยากลำบาก และในปี 19 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาตรวจเยี่ยม พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และไปปี 19 ซึ่งสถานการณ์ค่อนข้างรุนแรง จนเมื่อวันที่ 4 พ.ย.19 ฮ.ของทหารที่ยกจาก พตท. 1617 เพื่อไปช่วยเหลือคนเจ็บจากฐานปฏิบัติการพิเศษตำรวจบ้านหมากแข้ง ถูกยิงตกบริเวณบ้านเรือนราษฎรที่ หมู่บ้านหมากแข้ง
"ทำให้วันรุ่งขึ้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังฐานปฏิบัติการด้วยชุดฝึกทหาร ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการการรบที่ฐานปฏิบัติการดังกล่าว ด้วยความกล้าหาญ องอาจ โดยมีกำลังทหารเข้าร่วมด้วย และ พระองค์ท่านยังค้างแรมที่ฐานปฏิบัติการ 1 คืน ในบังเกอร์ ซึ่งในครั้งนั้นได้สร้างขวัญกำลังใจให้กับ ทหาร พลเรือน และ ราษฎรในพื้นที่ในการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ อย่างเข้มแข็ง ตอนนั้นพระองค์ท่านจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยดันทรูน ประเทศออสเตรเลียไม่นาน และ ทรงเป็นห่วงสถานการณ์ในประเทศมาก เพราะ ต้องยอมรับว่า ช่วงนั้นค่อนข้างรุนแรงหลังเหตุการณ์ 6 ต.ค.19 เป็นต้นมา"
เลขานุการโครงการฯ ระบุว่า การจัดสร้างอุทธยานแห่งนี้ จะมีลักษณะเช่นเดียวกับที่เคยดำเนินการที่บ้านห้วยโก๋น และ ที่ภูหินร่องกล้า คือ จะจัดทำบริเวณโดยรอบให้มีความสวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว โดยจะมีการปลูกไม้ดอก และสนสามใบ ให้มีลักษณะเหมือนสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อนักท่องเที่ยวมาก็จะได้เที่ยวทั้งภูหินร่องกล้า ทับเบิก นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวและเยาวชนจะได้เรียนประวัติศาสตร์ในอดีต ที่พระบรมวงศานุวงศ์ ทหาร ตำรวจ ที่ได้เสียสละทำหน้าที่ในการรักษาชาติบ้านเมืองไว้ เพราะถ้าถามเด็กและเยาวชนในขณะนี้คงไม่รู้ว่า ผกค.คืออะไร และ ไม่รู้ว่าเคยมีเหตุการณ์คนไทยฆ่ากันเองมาแล้วในอดีต ในช่วงสงครามเย็น
พ.อ.พิชัย กล่าวว่า ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการดำเนินการฯ อีกครั้ง โดยมี พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการที่ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 90 % โดยจะเก็บรายละเอียดในอาคารปลูกสร้างทั้งหมด และ เดินไฟฟ้าเข้าไปในอาคารให้เสร็จโดยสมบูรณ์ ก่อนที่จะทำเรื่องเสนอไปยังสำนักราชเลขาธิการ กองงานส่วนพระองค์ เพื่อกราบบังคมทูลเชิญฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช มาเปิดอาคารตามขั้นตอนต่อไป ขณะนี้ คณะกรรมการกำลังจัดเตรียมรูปภาพในเหตุการณ์ครั้งนั้นมาแสดงในพิพิธภัณฑ์ด้วย และ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.สังคม จันทร์ธรรม รองแม่ทัพภาคที่ 3 ได้ไปตรวจเยี่ยมความคืบหน้าของโครงการมาแล้ว