เทรนด์คนรักสุขภาพมาแรง โรงพยาบาลพญาไทใส่เกียร์เดินหน้าหว่านเม็ดเงิน 2,200 ล้านบาท ปรับโฉมโรงพยาบาลทั้ง 3 สาขา ภายใน 3-5 ปี พร้อมลุยตลาดต่างประเทศ ชิมลางตะวันออกกลางเป็นที่แรก ส่วนตลาดในประเทศเตรียมรุกเป้าหมายวันรุ่นมากขึ้น ปล่อยมิวสิคมาร์เก็ตติ้งเป็นหัวหอกดึงลูกค้า คาดสิ้นปีรายได้พุ่ง 15 % หรือกว่า 4,000 ล้านบาท
นายอิทธิ ทองแตง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มพัฒนาธุรกิจ เครือโรงพยาบาลพญาไท เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระแสคนรักสุขภาพมาแรงมาก ล่าสุดตัวเลขจากผู้เข้ามาใช้บริการในเครือโรงพยาบาลพญาไท 70 % เป็นผู้เข้ามารักษาโรค และ 30 % เป็นผู้ที่เข้ามาเพื่อใช้บริการเกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นสัดส่วนที่โตขึ้นจากปีก่อน30-40% โดยวัยรุ่นให้ความสนใจเกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น จึงทำให้ทางเครือฯมีแผนที่จะรีโนเวทโรงพยาบาลทั้ง 3 สาขาใหม่ใช้งบกว่า 2,200 ล้านบาท เพื่อพัฒนารูปลักษณ์ให้ทันสมัย แบ่งเป็นตัวอาคาร 1,000 ล้านบาท และ อุปกรณ์เครื่องมือออีก 1,200 ล้านบาท คาดใช้เวลา 3-5 ปี เสร็จสมบูรณ์ ขณะนี้เริ่มทยอยปรับปรุงมา 1 ปีแล้ว คาดว่า 5-10 ปีจะถึงจุดคุ้มทุน
นอกจากนี้ทางเครือฯยังเล็งที่จะออกไปทำตลาดในต่างประเทศ โดยได้เริ่มไปศึกษาตลาดบ้างแล้ว ประเทศที่สนใจ เช่น กลุ่มตะวันออกกลาง เพราะปัจจุบันผู้ใช้บริการที่เป็นชาวต่างประเทศมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าที่มาจากตะวันออกกลาง จากเดิมในปี2548 มีสัดส่วน 5% แต่ในขณะนี้เพิ่มเป็น 10 % จากจำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมด โดยชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการเพราะชอบในบริการแบบไทยๆ คาดว่าไม่เกินปีหน้าน่าการบุกตลาดต่างประเทศจะได้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นส่วนในประเทศไทย มองว่าที่มีอยู่เพียงพอแล้วเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร แต่ในต่างจังหวัดมองว่าจะขยายเพิ่ม โดยจะขยายการให้บริการ ในรูปแบบจอยเวนเจอร์กับโรงพยาบาลท้องถิ่น
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัท ให้ความสำคัญด้านกิจกรรมการตลาด โดยเฉพาะการตลาดเพื่อจับกลุ่มวัยรุ่น โดยให้ทางโรงพยาบาลพญาไท 2 เป็นฐานดึงกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว ล่าสุดได้ทุ่มงบการตลาดกว่า 10 ล้านบาท จับมือกับทางบริษัท ลักษ์มิวสิค 999 จำกัด ดึงกลยุทธิ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้งมาใช้ ผ่านอัลบั้ม บีไฮนด์ เดอะ ซองส์ บาย "เอิ้น" พิยะดา (ว่าที่คุณหมอนักแต่งเพลง) เพื่อเป็นการสนับสนุนศิลปินที่มีความสามารถ และที่สำคัญมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงพยาบาล โดยกลยุทธิ์ดังกล่าวจะมีลักษณะคล้ายกับ การนำมิวสิคมาบำบัดเหมือนในต่างประเทศ นอกจากนี้ทางเครือฯยังจะมีการจัดอีเวนท์จัดกิจกรรมให้ความรู้และโปรโมทแบรนด์ ภายในห้างสรรพสินค้า โดยจะเป็นการกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้รับความรู้ แทนการตั้งโต๊ะเพื่อตรวจสุขภาพ
สำหรับภาพรวมรายได้ตั้งแต่ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา มีผลกำไรเป็นที่น่าพอใจ และคาดว่าทั้งปีจะมีรายได้รวมเติบโตขึ้น 15 % คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ในขณะที่ปีที่ผ่านมามีรายได้รวมกว่า 3,500 ล้านบาท เติบโตเพียง 10-12 %
นายอิทธิ ทองแตง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มพัฒนาธุรกิจ เครือโรงพยาบาลพญาไท เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระแสคนรักสุขภาพมาแรงมาก ล่าสุดตัวเลขจากผู้เข้ามาใช้บริการในเครือโรงพยาบาลพญาไท 70 % เป็นผู้เข้ามารักษาโรค และ 30 % เป็นผู้ที่เข้ามาเพื่อใช้บริการเกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นสัดส่วนที่โตขึ้นจากปีก่อน30-40% โดยวัยรุ่นให้ความสนใจเกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น จึงทำให้ทางเครือฯมีแผนที่จะรีโนเวทโรงพยาบาลทั้ง 3 สาขาใหม่ใช้งบกว่า 2,200 ล้านบาท เพื่อพัฒนารูปลักษณ์ให้ทันสมัย แบ่งเป็นตัวอาคาร 1,000 ล้านบาท และ อุปกรณ์เครื่องมือออีก 1,200 ล้านบาท คาดใช้เวลา 3-5 ปี เสร็จสมบูรณ์ ขณะนี้เริ่มทยอยปรับปรุงมา 1 ปีแล้ว คาดว่า 5-10 ปีจะถึงจุดคุ้มทุน
นอกจากนี้ทางเครือฯยังเล็งที่จะออกไปทำตลาดในต่างประเทศ โดยได้เริ่มไปศึกษาตลาดบ้างแล้ว ประเทศที่สนใจ เช่น กลุ่มตะวันออกกลาง เพราะปัจจุบันผู้ใช้บริการที่เป็นชาวต่างประเทศมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าที่มาจากตะวันออกกลาง จากเดิมในปี2548 มีสัดส่วน 5% แต่ในขณะนี้เพิ่มเป็น 10 % จากจำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมด โดยชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการเพราะชอบในบริการแบบไทยๆ คาดว่าไม่เกินปีหน้าน่าการบุกตลาดต่างประเทศจะได้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นส่วนในประเทศไทย มองว่าที่มีอยู่เพียงพอแล้วเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร แต่ในต่างจังหวัดมองว่าจะขยายเพิ่ม โดยจะขยายการให้บริการ ในรูปแบบจอยเวนเจอร์กับโรงพยาบาลท้องถิ่น
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัท ให้ความสำคัญด้านกิจกรรมการตลาด โดยเฉพาะการตลาดเพื่อจับกลุ่มวัยรุ่น โดยให้ทางโรงพยาบาลพญาไท 2 เป็นฐานดึงกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว ล่าสุดได้ทุ่มงบการตลาดกว่า 10 ล้านบาท จับมือกับทางบริษัท ลักษ์มิวสิค 999 จำกัด ดึงกลยุทธิ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้งมาใช้ ผ่านอัลบั้ม บีไฮนด์ เดอะ ซองส์ บาย "เอิ้น" พิยะดา (ว่าที่คุณหมอนักแต่งเพลง) เพื่อเป็นการสนับสนุนศิลปินที่มีความสามารถ และที่สำคัญมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงพยาบาล โดยกลยุทธิ์ดังกล่าวจะมีลักษณะคล้ายกับ การนำมิวสิคมาบำบัดเหมือนในต่างประเทศ นอกจากนี้ทางเครือฯยังจะมีการจัดอีเวนท์จัดกิจกรรมให้ความรู้และโปรโมทแบรนด์ ภายในห้างสรรพสินค้า โดยจะเป็นการกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้รับความรู้ แทนการตั้งโต๊ะเพื่อตรวจสุขภาพ
สำหรับภาพรวมรายได้ตั้งแต่ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา มีผลกำไรเป็นที่น่าพอใจ และคาดว่าทั้งปีจะมีรายได้รวมเติบโตขึ้น 15 % คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ในขณะที่ปีที่ผ่านมามีรายได้รวมกว่า 3,500 ล้านบาท เติบโตเพียง 10-12 %