ตลาดนมพรีเมี่ยมมาแรงคาดปีนี้โต 20 % สวนกระแสตลาดรวมที่เติบโตเพียง 10% "ไวเอท" เดินหน้าเต็มสูบ หวังนั่งเก้าอี้ผู้นำเบียดมิ้ด จอห์นสันใน 3 ปี ล่าสุดทุ่มเงินกว่า 300 ล้านบาท อัดกิจกรรม การตลาดครบไลน์ ชูจุดแข็ง ส่งเสริมพัฒนาการครบรอบด้าน พร้อมประกาศตรึงราคา เอาใจคุณแม่ หวังเป็นตัวเลือกในยุดเศรษฐกิจถดถอย มั่นใจสิ้นปีมีรายได้โตกระโดด 20 % มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท
นายวิริยะ จงไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทไวเอท-เอเยิร์สท์(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตนมผงเอส-26 โปรเกรสโกลด์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคของตลาดนมผงนั้นเริ่มเปลี่ยนไป โดยผู้บริโภคจะเริ่มรู้จักประหยัดมากขึ้น ทั้งนี้สาเหตุหลักมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจ จึงทำให้ภาพรวมของตลาดนมผงปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพียง 10 % หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,500 ล้านบาท ในขณะที่ตลาดพรีเมี่ยมกลับมีอัตราการเติบโตสูงกว่าที่ 20 % เนื่องจากพ่อแม่ยังคงให้ลูกดื่มนมเป็นประจำ และอีกสาเหตุหนึ่งมาจากอัตราการเกิดใหม่ของประชากรในประเทศอยู่ที่ 1% จึงทำให้พ่อแม่ส่วนใหญ่จะนิยมมีบุตรน้อย แต่จะมีเวลาเอาใจใส่กับเด็กมากขึ้น โดยจะมีความพิถีพิถันในการเลือกนมให้ลูกดื่มมากขึ้น จึงทำให้ตลาดนมผงพรีเมี่ยมเติบโตสูงที่สุด
ล่าสุดบริษัทฯได้ทุ่มงบการตลาดครั้งใหญ่กว่า 300 ล้านบาท สำหรับทำการตลาดช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ หลังจากที่ได้เข้าพัฒนาผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับเด็ก 1 ปีขึ้นไปมาซอฟท์ลอนด์ตลาดตั้งแต่ปี 2548 ที่ผ่านมา ถือได้ว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก จนสามารถอยู่อันดับที่ 3 มีแชร์ 25 % ในตลาดนมผงพรีเมี่ยมได้ โดยจะให้ความสำคัญทั้งสื่อบิโลว์เดอะไลน์และอะโบพเดอะไลน์เท่าๆกัน โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมที่นำเสนอจุดต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ คือ การให้ความสำคัญกับพัฒนาการแบบ "ครบรอบด้าน" ทั้งด้านความแข็งแรง การเรียนรู้ โดยบริษัทฯมั่นใจว่าสิ้นปีจะมีรายได้เติบโตขึ้นอีก 20 % คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีนโยบายที่จะคงตรึงราคาสินค้าออกไปอีกเป็นระยะเวลาประมาณ 3- 6 เดือน ถึงแม้จะต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 10 % แล้วก็ตาม ทั้งนี้เพื่อเป็นการดึงลูกค้าอีกทางหนึ่งให้หันมาซื้อผลิตภัณฑ์ของไวเอท ในขณะที่ผู้เล่นรายอื่นต่างขยับราคาขึ้นกันไปแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาประมาณ 10-15 % โดยคาดว่ากลยุทธ์การทำตลาดดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้บริษัทฯนั่งเก้าอี้ผู้นำได้ในตลาดนมผงพรีเมี่ยมในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้
นายวิริยะ กล่าวต่อว่า ตลาดนมผงพรีเมี่ยมปัจจุบันมีผู้เล่นรายใหญ่ประมาณ 3-4 ราย ในขณะเดียวกันกำลังเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีผู้เล่นทั้งรายเก่าและใหม่ต่างพัฒนาผลิตภัณฑ์เข้ามาสู่กลุ่มตลาดนี้มากขึ้น เช่น เนสท์เล่ และแอบบอท
ในขณะที่บริษัทฯมีผลิตภัณฑ์นมผง 3 สูตรเจาะตลาดพรีเมี่ยมเป็นหลัก คือ สูตร 1 สำหรับเด็กแรกเกิดถึง 6 เดือน และสูตร2 สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี และสูตร 3 สำหรับ 1 ปีขึ้นไป โดยบริษัทฯจะหันมาให้ความความสำคัญกับสูตร 3 มากที่สุดในการทำตลาด เพราะตลาด 1 ขวบขึ้นไปมีอัตราการการเติบโตสูงที่สุดในขณะนี้
ปัจจุบันภาพรวมตลาดนมผงมีอัตราการเติบโตเพียง 10 % คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,500 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มตลาดแรกเกิดถึง 6 เดือน 20 % กลุ่ม6เดือนถึง 1 ปี 20 % และตลาด 1 ปีขึ้นไป 40 % ในขณะที่กลุ่มตลาด 1 ปีขึ้นไปนั้นกว่า 30 % เป็นตลาดพรีเมี่ยมและมีอัตราการเติบโตสูงที่สุดของตลาดรวมที่ 20 % โดยมีมิ้ด จอห์นสัน เป็นผู้นำทางการตลาด ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 40 % อันดับสอง คือ ดูเม็กซ์ ตามด้วย เอส-26 โปรเกรสโกลด์ (ไวเอท) 25 %
นายวิริยะ จงไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทไวเอท-เอเยิร์สท์(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตนมผงเอส-26 โปรเกรสโกลด์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคของตลาดนมผงนั้นเริ่มเปลี่ยนไป โดยผู้บริโภคจะเริ่มรู้จักประหยัดมากขึ้น ทั้งนี้สาเหตุหลักมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจ จึงทำให้ภาพรวมของตลาดนมผงปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพียง 10 % หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,500 ล้านบาท ในขณะที่ตลาดพรีเมี่ยมกลับมีอัตราการเติบโตสูงกว่าที่ 20 % เนื่องจากพ่อแม่ยังคงให้ลูกดื่มนมเป็นประจำ และอีกสาเหตุหนึ่งมาจากอัตราการเกิดใหม่ของประชากรในประเทศอยู่ที่ 1% จึงทำให้พ่อแม่ส่วนใหญ่จะนิยมมีบุตรน้อย แต่จะมีเวลาเอาใจใส่กับเด็กมากขึ้น โดยจะมีความพิถีพิถันในการเลือกนมให้ลูกดื่มมากขึ้น จึงทำให้ตลาดนมผงพรีเมี่ยมเติบโตสูงที่สุด
ล่าสุดบริษัทฯได้ทุ่มงบการตลาดครั้งใหญ่กว่า 300 ล้านบาท สำหรับทำการตลาดช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ หลังจากที่ได้เข้าพัฒนาผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับเด็ก 1 ปีขึ้นไปมาซอฟท์ลอนด์ตลาดตั้งแต่ปี 2548 ที่ผ่านมา ถือได้ว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก จนสามารถอยู่อันดับที่ 3 มีแชร์ 25 % ในตลาดนมผงพรีเมี่ยมได้ โดยจะให้ความสำคัญทั้งสื่อบิโลว์เดอะไลน์และอะโบพเดอะไลน์เท่าๆกัน โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมที่นำเสนอจุดต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ คือ การให้ความสำคัญกับพัฒนาการแบบ "ครบรอบด้าน" ทั้งด้านความแข็งแรง การเรียนรู้ โดยบริษัทฯมั่นใจว่าสิ้นปีจะมีรายได้เติบโตขึ้นอีก 20 % คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีนโยบายที่จะคงตรึงราคาสินค้าออกไปอีกเป็นระยะเวลาประมาณ 3- 6 เดือน ถึงแม้จะต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 10 % แล้วก็ตาม ทั้งนี้เพื่อเป็นการดึงลูกค้าอีกทางหนึ่งให้หันมาซื้อผลิตภัณฑ์ของไวเอท ในขณะที่ผู้เล่นรายอื่นต่างขยับราคาขึ้นกันไปแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาประมาณ 10-15 % โดยคาดว่ากลยุทธ์การทำตลาดดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้บริษัทฯนั่งเก้าอี้ผู้นำได้ในตลาดนมผงพรีเมี่ยมในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้
นายวิริยะ กล่าวต่อว่า ตลาดนมผงพรีเมี่ยมปัจจุบันมีผู้เล่นรายใหญ่ประมาณ 3-4 ราย ในขณะเดียวกันกำลังเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีผู้เล่นทั้งรายเก่าและใหม่ต่างพัฒนาผลิตภัณฑ์เข้ามาสู่กลุ่มตลาดนี้มากขึ้น เช่น เนสท์เล่ และแอบบอท
ในขณะที่บริษัทฯมีผลิตภัณฑ์นมผง 3 สูตรเจาะตลาดพรีเมี่ยมเป็นหลัก คือ สูตร 1 สำหรับเด็กแรกเกิดถึง 6 เดือน และสูตร2 สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี และสูตร 3 สำหรับ 1 ปีขึ้นไป โดยบริษัทฯจะหันมาให้ความความสำคัญกับสูตร 3 มากที่สุดในการทำตลาด เพราะตลาด 1 ขวบขึ้นไปมีอัตราการการเติบโตสูงที่สุดในขณะนี้
ปัจจุบันภาพรวมตลาดนมผงมีอัตราการเติบโตเพียง 10 % คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,500 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มตลาดแรกเกิดถึง 6 เดือน 20 % กลุ่ม6เดือนถึง 1 ปี 20 % และตลาด 1 ปีขึ้นไป 40 % ในขณะที่กลุ่มตลาด 1 ปีขึ้นไปนั้นกว่า 30 % เป็นตลาดพรีเมี่ยมและมีอัตราการเติบโตสูงที่สุดของตลาดรวมที่ 20 % โดยมีมิ้ด จอห์นสัน เป็นผู้นำทางการตลาด ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 40 % อันดับสอง คือ ดูเม็กซ์ ตามด้วย เอส-26 โปรเกรสโกลด์ (ไวเอท) 25 %