การที่จะหวังการยอมรับผิดหรือความรับผิดชอบใดๆ จากผู้คนในพรรคไทยรักไทยนั้นคงจะยากเต็มที ตัวอย่างและบทเรียนในสองประการนี้มีให้เห็นอยู่ดาษดื่น จนยืนยันได้ชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีการยอมรับผิดและไม่มีการรับผิดชอบใดๆ อย่างแน่นอน
ยิ่งเรื่องคอขาดบาดตายถึงขนาดคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ดังที่ถูกกล่าวขวัญกันอยู่ในเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์นั้นก็ต้องมีแต่คำปฏิเสธเป็นธรรมดา
เป็นคำปฏิเสธแบบเดียวกันกับเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กให้โกงเลือกตั้ง ทำลายระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ยุบพรรครับจ้างเหล่านั้นไปแล้ว
เป็นการวินิจฉัยให้ยุบพรรคตามที่ กกต. โดยการสืบสวนสอบสวนสรุปเรื่องของอนุกรรมการของ กกต. เองนั่นแหละ
คนรับจ้างถูกยุบพรรคไปแล้ว แต่พอถึงทีคนว่าจ้างกลับมีปัญหา ยึกยื้อยึกยันอุ้มกันสะบั้นหั่นแหลก แต่คอยดูเถิดเรื่องนี้จะทำให้คนไทยเจ็บช้ำน้ำใจหนักขึ้นกว่าเก่าอีกหลายเท่า
และในที่สุดทั้ง กกต. และพรรคไทยรักไทยก็คงจะประสบชะตากรรมร่วมกัน สมกับที่เป็นคู่หูกันมาเป็นแน่แท้
คงจะจำกันได้ว่าเมื่อสัปดาห์กว่ามานี้มีแถลงการณ์ของนายทหารนอกราชการออกมาฉบับหนึ่ง ระบุว่ามีขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเรื่องน่าตกใจและน่าประหลาดใจว่าทำไมจึงมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศของเรา
แม้โฆษกกระทรวงกลาโหมจะออกมาแถลงว่าไม่เคยมีสมาคมนี้ แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะเมื่อครั้งที่ประธานองคมนตรีถูกผีลักยมสองตัวจาบจ้วงอย่างหยาบช้านั้น สมาคมนี้ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้ผีลักยมสองตัวนี้รับผิดชอบ เป็นผลให้ต้องเด้งกระดอนออกไปจากโทรทัศน์ช่อง 5
และเท่าที่ทราบนั้นในวงการทหารเขาก็รู้กันอยู่ว่าสมาคมนายทหารนอกราชการนั้นมีอดีตผู้บังคับบัญชาระดับพลเอก พลโท เป็นทิวแถว คนเหล่านี้เป็นผู้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ได้เป็นพวกขี้ไก่ให้ใครต่อใครเขาเหยียบย่ำได้ตามใจชอบ จึงเดือดร้อนด้วยอดีตผู้บังคับบัญชาเช่นนั้น
ยิ่งกว่านั้นผู้คนในอดีตเส้นสายพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเก่าก็เคยได้รับการติดต่อและชี้แจงแสดงเหตุผลเพื่อให้เข้าช่วยเหลือระบอบทักษิณ มีการติดต่อและให้เหตุผลกันอย่างกว้างขวางจนเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปในวงการคนเหล่านั้น
เหตุผลที่ยกขึ้นอ้างเพื่อให้คนเหล่านั้นเข้าช่วยเหลือระบอบทักษิณก็คือ “ทุนนิยมที่ชั่วช้าก็ยังดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง” ดังที่ปรากฏความในแถลงการณ์ของสมาคมนายทหารนอกราชการนั้น
สมาคมนายทหารนอกราชการซึ่งมีอดีตผู้บังคับบัญชาจำนวนมากได้ยินเรื่องเช่นนี้ แล้วทำไมกระทรวงกลาโหมและทุกเหล่าทัพไม่ได้ยิน?
นั่นเป็นเรื่องของฝ่ายทหารที่มีหน้าที่พิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์จะคิดพิจารณากันเอาเอง หากยังไม่รู้ประสีประสาก็ถือว่าเป็นเวรกรรมของประเทศไทยก็แล้วกัน!
ก็ได้แต่หวังว่าในบรรดาทหารทั้งกองทัพย่อมต้องมีผู้ที่มีจิตใจซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่พร้อมจะปกป้องและพิทักษ์อย่างเด็ดเดี่ยว กระทั่งยอมพลีได้แม้ชีวิตตน สมกับศักดิ์และศรีของความเป็นชายชาติทหาร
เรามาพิจารณากันว่าเหตุผลที่ว่า “ทุนนิยมที่ชั่วช้ายังดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง” นั้นจริงหรือไม่?
การยกเหตุผลนี้ก็คือการยอมรับอยู่ในตัวว่าการปกครองประเทศในขณะนี้ถูกครอบงำด้วยระบบทุนนิยมและเป็นทุนนิยมที่ชั่วช้า คือขายชาติ ปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน ข่มเหงรังแกประชาชน ในประเด็นนี้จึงไม่มีอะไรต้องอภิปราย คงเชื่อถือได้ตามที่ถูกยกมาอ้างว่าเป็นทุนนิยมที่ชั่วช้า
ทุนนิยมที่ชั่วช้าแบบนี้ไม่มีวันที่คนไทยจะยอมรับนับถือ ดังนั้นการต่อต้านไม่ยอมรับการปกครองและความต้องการขับไล่ทุนนิยมที่ชั่วช้าให้ออกไปจากอำนาจจึงขยายวงกว้างออกไปทั่วประเทศ
เอากันแค่เบาะๆ ในช่วงการเลือกตั้งก็ปรากฏโฉมให้เห็นแล้วว่ามีจำนวนไม่น้อยกว่า 18 ล้านคน ส่วนที่เหลือก็ใช่ว่าจะยอมรับ เป็นแต่ว่าอาจได้รับข้อมูลไม่ทั่วถึงเท่านั้น
มาอีกประเด็นหนึ่งที่ว่าสิ่งที่เรียกว่าศักดินาที่ล้าหลังนั้นหมายถึงอะไร? และเป็นความจริงหรือไม่?
ศักดินาในความหมายที่คนทั่วไปเข้าใจได้ก็คือระบบเจ้าขุนมูลนายที่มีมาแต่สมัยโบราณ และใช้เปรียบเทียบให้เข้าใจไปได้ถึงสถาบันเบื้องสูงและบรรดาผู้จงรักภักดี ตลอดจนบรรดาทุนเก่าที่เป็นรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยแต่ก่อนมาด้วย
จึงไม่ต้องอธิบายขยายความมากว่าศักดินาหมายถึงอะไร? แต่ที่น่าสนใจคือความหมายเฉพาะที่คนพวกนี้มุ่งหมายจะกล่าวถึง นั่นคือสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง
มันบังอาจ มันจาบจ้วง และมันมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน ดังที่สมาคมนายทหารนอกราชการได้หยิบยกขึ้นมาเป็นข้อความในแถลงการณ์นั้น
ก็ขอให้ทหารทั้งหลายที่มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ได้รู้ได้ทราบโดยทั่วกันว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น และสอดคล้องกับข้อกล่าวหาเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์อย่างแนบแน่น
ประเด็นที่จะต้องเน้นพิจารณาก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยล้าหลังจริงหรือ?
ไม่เป็นความจริงเลย พระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเป็นหลักชัยของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของไทย
ไม่เคยปรากฏแม้แต่สักครั้งเดียวว่าเป็นเผด็จการ หรือมีพฤติกรรมเป็นเผด็จการ หรือมีการกระทำที่เป็นเผด็จการ
ทุนนิยมที่ชั่วช้านั้นต่างหากที่ล้าหลังเพราะเป็นเผด็จการ และเป็นเผด็จการทรราชเสียด้วย!
คนไทยทั้งประเทศยังคงซาบซึ้งตรึงใจไม่มีวันลืมเลือนในพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
ตลอดระยะเวลา 60 ปีแห่งสิริราชสมบัติของพระองค์ เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าทรงครองแผ่นดินโดยธรรมโดยแท้ และพระราชกรณียกิจทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขของอาณาประชาราษฎรทั่วทั้งพระราชอาณาจักร
จะมีประชาธิปไตยไหนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าประโยชน์และความสุขของอาณาประชาราษฎรอีกเล่า? นี่คือประชาธิปไตยแท้
ท่านพุทธทาสภิกขุได้กล่าวในเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า ระบอบประชาธิปไตยนั้นผลประโยชน์และความสุขของประชาชนเป็นใหญ่ ไม่ใช่ประชาชนเป็นใหญ่
ท่านพุทธทาสภิกขุให้เหตุผลว่า ถ้าถือประชาชนเป็นใหญ่ และประชาชนนั้นมากไปด้วยกิเลสบ้าบอคอแตก ประชาธิปไตยก็บ้าบอคอแตกไปด้วย ชัดเจนแจ่มแจ้งเหลือประมาณจริงๆ
ดังนั้นการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอุทิศพระองค์ตลอดระยะเวลา 60 ปีเพื่อประโยชน์เพื่อความสุขของอาณาประชาราษฎรทั้งแผ่นดิน โดยไม่เลือกพื้นที่ ไม่เลือกศาสนา ไม่เลือกชั้น วรรณะ และอาชีพใด จึงเป็นประชาธิปไตยและก้าวหน้าอย่างยิ่ง
เป็นประชาธิปไตยในเนื้อหาที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง
ไม่มีความล้าหลังใดๆ ปรากฏเลย การพัฒนาปรับปรุงแหล่งน้ำ ปรับปรุงฟื้นฟูคุณภาพดิน การพิทักษ์รักษาและแก้ไขปัญหามลภาวะและอากาศที่เป็นพิษ การริเริ่มและสร้างสรรค์พัฒนาเรื่องพลังงานของชาติตั้งแต่เมื่อครั้งที่คนไทยยังไม่รู้จักสิ่งเหล่านี้ และตั้งแต่เมื่อครั้งที่ “ทุนนิยมที่ชั่วช้า” ยังไม่รู้ผุดเกิดอยู่ที่ไหน ล้วนแสดงให้เห็นพระปัญญาทัศน์และพระปรีชาญาณอันกว้างไกลแห่งพระมหากษัตริย์พระองค์นี้
สถาบันพระมหากษัตริย์มีมาคู่กับราชอาณาจักรไทยนับพันปี ไม่มีเหตุการณ์ขายชาติ ปล้นชาติ โกงชาติ ข่มเหงรังแกประชาชน เหมือนกับ “ทุนนิยมที่ชั่วช้า” ที่เพียงแค่มีอำนาจไม่นานก็มีพฤติการโคตรโกงและโกงทั้งโคตร ดังที่ถูกประณามกันทั้งแผ่นดิน
เพราะเหตุนี้อาณาประชาราษฎรทั่วประเทศจึงมีความจงรักภักดี มีความเคารพรัก มีความศรัทธา มีความเชื่อมั่น มีความอบอุ่นใจ มีความไว้วางใจต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และองค์พระมหากษัตริย์อย่างแน่นแฟ้น
ดังนั้นสิ่งที่เอามาปฏิบัติกันตามปฏิญญาฟินแลนด์ทั้งห้าประการนั้น แม้ว่าสี่ประการจะก้าวหน้าไปเป็นอันมากจนเกิดความฮึกเหิมลำพองว่ายึดครองประเทศไทยได้เบ็ดเสร็จแน่ก็ตาม แต่ยังมีอีกประการหนึ่งซึ่งยังทำไม่สำเร็จและไม่มีวันจะทำได้สำเร็จ
นั่นคือการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
ไม่มีทางจะล้มล้างได้สำเร็จเพราะสถาบันพระมหากษัตริย์และพระมหากษัตริย์ไทยไม่ได้ทรงล้าหลัง ไม่ได้เป็นศักดินาตามความหมายที่มีมาในอดีต หากเป็นประชาธิปไตยในเนื้อหา ในรูปแบบและบริบูรณ์พร้อมทั้งจิตวิญญาณแห่งประชาธิปไตย ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชนทั้งแผ่นดิน
ไม่มีทางจะล้มล้างได้สำเร็จเพราะผู้คิดอ่านแผนการอุบาทว์เป็นฝ่ายอธรรม ดังที่ยอมรับว่าเป็น “ทุนนิยมที่ชั่วช้า” ซึ่งประชาชนชาวไทยพร้อมร่วมใจกันต่อต้าน และโค่นล้มอย่างเด็ดเดี่ยวจนถึงที่สุด
“ทุนนิยมที่ชั่วช้า” ต้องพินาศ ต้องฉิบหายวายวอด และต้องแหลกสลายกลายเป็นจุลอย่างแน่นอน
ยิ่งเรื่องคอขาดบาดตายถึงขนาดคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ดังที่ถูกกล่าวขวัญกันอยู่ในเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์นั้นก็ต้องมีแต่คำปฏิเสธเป็นธรรมดา
เป็นคำปฏิเสธแบบเดียวกันกับเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กให้โกงเลือกตั้ง ทำลายระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ยุบพรรครับจ้างเหล่านั้นไปแล้ว
เป็นการวินิจฉัยให้ยุบพรรคตามที่ กกต. โดยการสืบสวนสอบสวนสรุปเรื่องของอนุกรรมการของ กกต. เองนั่นแหละ
คนรับจ้างถูกยุบพรรคไปแล้ว แต่พอถึงทีคนว่าจ้างกลับมีปัญหา ยึกยื้อยึกยันอุ้มกันสะบั้นหั่นแหลก แต่คอยดูเถิดเรื่องนี้จะทำให้คนไทยเจ็บช้ำน้ำใจหนักขึ้นกว่าเก่าอีกหลายเท่า
และในที่สุดทั้ง กกต. และพรรคไทยรักไทยก็คงจะประสบชะตากรรมร่วมกัน สมกับที่เป็นคู่หูกันมาเป็นแน่แท้
คงจะจำกันได้ว่าเมื่อสัปดาห์กว่ามานี้มีแถลงการณ์ของนายทหารนอกราชการออกมาฉบับหนึ่ง ระบุว่ามีขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเรื่องน่าตกใจและน่าประหลาดใจว่าทำไมจึงมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศของเรา
แม้โฆษกกระทรวงกลาโหมจะออกมาแถลงว่าไม่เคยมีสมาคมนี้ แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะเมื่อครั้งที่ประธานองคมนตรีถูกผีลักยมสองตัวจาบจ้วงอย่างหยาบช้านั้น สมาคมนี้ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้ผีลักยมสองตัวนี้รับผิดชอบ เป็นผลให้ต้องเด้งกระดอนออกไปจากโทรทัศน์ช่อง 5
และเท่าที่ทราบนั้นในวงการทหารเขาก็รู้กันอยู่ว่าสมาคมนายทหารนอกราชการนั้นมีอดีตผู้บังคับบัญชาระดับพลเอก พลโท เป็นทิวแถว คนเหล่านี้เป็นผู้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ได้เป็นพวกขี้ไก่ให้ใครต่อใครเขาเหยียบย่ำได้ตามใจชอบ จึงเดือดร้อนด้วยอดีตผู้บังคับบัญชาเช่นนั้น
ยิ่งกว่านั้นผู้คนในอดีตเส้นสายพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเก่าก็เคยได้รับการติดต่อและชี้แจงแสดงเหตุผลเพื่อให้เข้าช่วยเหลือระบอบทักษิณ มีการติดต่อและให้เหตุผลกันอย่างกว้างขวางจนเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปในวงการคนเหล่านั้น
เหตุผลที่ยกขึ้นอ้างเพื่อให้คนเหล่านั้นเข้าช่วยเหลือระบอบทักษิณก็คือ “ทุนนิยมที่ชั่วช้าก็ยังดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง” ดังที่ปรากฏความในแถลงการณ์ของสมาคมนายทหารนอกราชการนั้น
สมาคมนายทหารนอกราชการซึ่งมีอดีตผู้บังคับบัญชาจำนวนมากได้ยินเรื่องเช่นนี้ แล้วทำไมกระทรวงกลาโหมและทุกเหล่าทัพไม่ได้ยิน?
นั่นเป็นเรื่องของฝ่ายทหารที่มีหน้าที่พิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์จะคิดพิจารณากันเอาเอง หากยังไม่รู้ประสีประสาก็ถือว่าเป็นเวรกรรมของประเทศไทยก็แล้วกัน!
ก็ได้แต่หวังว่าในบรรดาทหารทั้งกองทัพย่อมต้องมีผู้ที่มีจิตใจซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่พร้อมจะปกป้องและพิทักษ์อย่างเด็ดเดี่ยว กระทั่งยอมพลีได้แม้ชีวิตตน สมกับศักดิ์และศรีของความเป็นชายชาติทหาร
เรามาพิจารณากันว่าเหตุผลที่ว่า “ทุนนิยมที่ชั่วช้ายังดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง” นั้นจริงหรือไม่?
การยกเหตุผลนี้ก็คือการยอมรับอยู่ในตัวว่าการปกครองประเทศในขณะนี้ถูกครอบงำด้วยระบบทุนนิยมและเป็นทุนนิยมที่ชั่วช้า คือขายชาติ ปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน ข่มเหงรังแกประชาชน ในประเด็นนี้จึงไม่มีอะไรต้องอภิปราย คงเชื่อถือได้ตามที่ถูกยกมาอ้างว่าเป็นทุนนิยมที่ชั่วช้า
ทุนนิยมที่ชั่วช้าแบบนี้ไม่มีวันที่คนไทยจะยอมรับนับถือ ดังนั้นการต่อต้านไม่ยอมรับการปกครองและความต้องการขับไล่ทุนนิยมที่ชั่วช้าให้ออกไปจากอำนาจจึงขยายวงกว้างออกไปทั่วประเทศ
เอากันแค่เบาะๆ ในช่วงการเลือกตั้งก็ปรากฏโฉมให้เห็นแล้วว่ามีจำนวนไม่น้อยกว่า 18 ล้านคน ส่วนที่เหลือก็ใช่ว่าจะยอมรับ เป็นแต่ว่าอาจได้รับข้อมูลไม่ทั่วถึงเท่านั้น
มาอีกประเด็นหนึ่งที่ว่าสิ่งที่เรียกว่าศักดินาที่ล้าหลังนั้นหมายถึงอะไร? และเป็นความจริงหรือไม่?
ศักดินาในความหมายที่คนทั่วไปเข้าใจได้ก็คือระบบเจ้าขุนมูลนายที่มีมาแต่สมัยโบราณ และใช้เปรียบเทียบให้เข้าใจไปได้ถึงสถาบันเบื้องสูงและบรรดาผู้จงรักภักดี ตลอดจนบรรดาทุนเก่าที่เป็นรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยแต่ก่อนมาด้วย
จึงไม่ต้องอธิบายขยายความมากว่าศักดินาหมายถึงอะไร? แต่ที่น่าสนใจคือความหมายเฉพาะที่คนพวกนี้มุ่งหมายจะกล่าวถึง นั่นคือสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง
มันบังอาจ มันจาบจ้วง และมันมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน ดังที่สมาคมนายทหารนอกราชการได้หยิบยกขึ้นมาเป็นข้อความในแถลงการณ์นั้น
ก็ขอให้ทหารทั้งหลายที่มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ได้รู้ได้ทราบโดยทั่วกันว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น และสอดคล้องกับข้อกล่าวหาเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์อย่างแนบแน่น
ประเด็นที่จะต้องเน้นพิจารณาก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยล้าหลังจริงหรือ?
ไม่เป็นความจริงเลย พระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเป็นหลักชัยของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของไทย
ไม่เคยปรากฏแม้แต่สักครั้งเดียวว่าเป็นเผด็จการ หรือมีพฤติกรรมเป็นเผด็จการ หรือมีการกระทำที่เป็นเผด็จการ
ทุนนิยมที่ชั่วช้านั้นต่างหากที่ล้าหลังเพราะเป็นเผด็จการ และเป็นเผด็จการทรราชเสียด้วย!
คนไทยทั้งประเทศยังคงซาบซึ้งตรึงใจไม่มีวันลืมเลือนในพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
ตลอดระยะเวลา 60 ปีแห่งสิริราชสมบัติของพระองค์ เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าทรงครองแผ่นดินโดยธรรมโดยแท้ และพระราชกรณียกิจทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขของอาณาประชาราษฎรทั่วทั้งพระราชอาณาจักร
จะมีประชาธิปไตยไหนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าประโยชน์และความสุขของอาณาประชาราษฎรอีกเล่า? นี่คือประชาธิปไตยแท้
ท่านพุทธทาสภิกขุได้กล่าวในเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า ระบอบประชาธิปไตยนั้นผลประโยชน์และความสุขของประชาชนเป็นใหญ่ ไม่ใช่ประชาชนเป็นใหญ่
ท่านพุทธทาสภิกขุให้เหตุผลว่า ถ้าถือประชาชนเป็นใหญ่ และประชาชนนั้นมากไปด้วยกิเลสบ้าบอคอแตก ประชาธิปไตยก็บ้าบอคอแตกไปด้วย ชัดเจนแจ่มแจ้งเหลือประมาณจริงๆ
ดังนั้นการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอุทิศพระองค์ตลอดระยะเวลา 60 ปีเพื่อประโยชน์เพื่อความสุขของอาณาประชาราษฎรทั้งแผ่นดิน โดยไม่เลือกพื้นที่ ไม่เลือกศาสนา ไม่เลือกชั้น วรรณะ และอาชีพใด จึงเป็นประชาธิปไตยและก้าวหน้าอย่างยิ่ง
เป็นประชาธิปไตยในเนื้อหาที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง
ไม่มีความล้าหลังใดๆ ปรากฏเลย การพัฒนาปรับปรุงแหล่งน้ำ ปรับปรุงฟื้นฟูคุณภาพดิน การพิทักษ์รักษาและแก้ไขปัญหามลภาวะและอากาศที่เป็นพิษ การริเริ่มและสร้างสรรค์พัฒนาเรื่องพลังงานของชาติตั้งแต่เมื่อครั้งที่คนไทยยังไม่รู้จักสิ่งเหล่านี้ และตั้งแต่เมื่อครั้งที่ “ทุนนิยมที่ชั่วช้า” ยังไม่รู้ผุดเกิดอยู่ที่ไหน ล้วนแสดงให้เห็นพระปัญญาทัศน์และพระปรีชาญาณอันกว้างไกลแห่งพระมหากษัตริย์พระองค์นี้
สถาบันพระมหากษัตริย์มีมาคู่กับราชอาณาจักรไทยนับพันปี ไม่มีเหตุการณ์ขายชาติ ปล้นชาติ โกงชาติ ข่มเหงรังแกประชาชน เหมือนกับ “ทุนนิยมที่ชั่วช้า” ที่เพียงแค่มีอำนาจไม่นานก็มีพฤติการโคตรโกงและโกงทั้งโคตร ดังที่ถูกประณามกันทั้งแผ่นดิน
เพราะเหตุนี้อาณาประชาราษฎรทั่วประเทศจึงมีความจงรักภักดี มีความเคารพรัก มีความศรัทธา มีความเชื่อมั่น มีความอบอุ่นใจ มีความไว้วางใจต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และองค์พระมหากษัตริย์อย่างแน่นแฟ้น
ดังนั้นสิ่งที่เอามาปฏิบัติกันตามปฏิญญาฟินแลนด์ทั้งห้าประการนั้น แม้ว่าสี่ประการจะก้าวหน้าไปเป็นอันมากจนเกิดความฮึกเหิมลำพองว่ายึดครองประเทศไทยได้เบ็ดเสร็จแน่ก็ตาม แต่ยังมีอีกประการหนึ่งซึ่งยังทำไม่สำเร็จและไม่มีวันจะทำได้สำเร็จ
นั่นคือการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
ไม่มีทางจะล้มล้างได้สำเร็จเพราะสถาบันพระมหากษัตริย์และพระมหากษัตริย์ไทยไม่ได้ทรงล้าหลัง ไม่ได้เป็นศักดินาตามความหมายที่มีมาในอดีต หากเป็นประชาธิปไตยในเนื้อหา ในรูปแบบและบริบูรณ์พร้อมทั้งจิตวิญญาณแห่งประชาธิปไตย ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชนทั้งแผ่นดิน
ไม่มีทางจะล้มล้างได้สำเร็จเพราะผู้คิดอ่านแผนการอุบาทว์เป็นฝ่ายอธรรม ดังที่ยอมรับว่าเป็น “ทุนนิยมที่ชั่วช้า” ซึ่งประชาชนชาวไทยพร้อมร่วมใจกันต่อต้าน และโค่นล้มอย่างเด็ดเดี่ยวจนถึงที่สุด
“ทุนนิยมที่ชั่วช้า” ต้องพินาศ ต้องฉิบหายวายวอด และต้องแหลกสลายกลายเป็นจุลอย่างแน่นอน