xs
xsm
sm
md
lg

ดับเครื่องชนทักษิณ (6)

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

                     คอมมิวนิสต์กับการเลือกตั้ง

        มีเงื่อนงำ ล้ำลึก นึกไม่ออก     ใคร่ขอบอก เย็นไว้ อย่าใจฝ่อ
  ต้องขยัน หมั่นตรวจ กติ ก            ซึ่งของพ่อ ต่อด้วย สระอา
        ของใครหนอ ต่อด้วย สระอู    จึงกลายเป็น กติกู ของหมู่หมา
  ใช้ครอบงำ ทำชั่ว ทั่วพารา           มาเถิดมา ฟาดมัน ให้บรรลัย


ท่านผู้อ่านที่เคารพ จดหมายถึงคำตา 2 ตอนที่แล้ว มิใช่เรื่องที่ผมแต่งขึ้น แต่เป็นความจริงและเรื่องราวของ (อดีต?) สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เขตอีสานใต้ ซึ่งวางอาวุธเข้ามาร่วมพัฒนาชาติไทย เป็นคอมมิวนิสต์กลุ่มเดียวที่มีความเหนียวแน่นสามัคคี เพราะความขัดแย้งในพรรคมีน้อย ต่างกับคอมมิวนิสต์ในเขตอื่นๆ ซึ่งปัญญาชนและแนวร่วมถูกดูถูกรังแก จนกระทั่งเข้ากันไม่ได้

เขตอีสานใต้มีหลังพิงอยู่ในดินแดนเขมร เช่นเดียวกับโรงเรียนการเมืองและการทหาร 305 ที่สำโรง เขมรแดงตอนนั้นถูกคอมมิวนิสต์เวียดนามขับไล่ ช่วงนั้น จีนแตกกับเวียดนาม และแผ่วหรืองดการช่วยเหลือพรรคคอมมิวนิสต์ไทยลงตามลำดับ

เพราะใกล้ศูนย์อำนาจรัฐไทย คอมมิวนิสต์อีสานใต้จึงถูกโจมตีอย่างหนัก จนเกิดความแข็งแกร่งและรักใคร่สามัคคีกันเป็นพิเศษ ประกอบ กับผู้นำเขตเป็นปัญญาชน (เพื่อนที่ผมรักใคร่และคิดถึง) บรรดานิสิตนักศึกษาปัญญาชนในเขตนี้จึงได้รับการดูแลฟูมฟักเป็นอย่างดี ต่างกับธีรยุทธ และเสกสรรค์ซึ่งแทบจะเอาชีวิตไม่รอด

ทหารไทยกับทหารคอมมิวนิสต์ถูกสั่งสอนเหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ ต้องดำรงความมุ่งหมาย ถึงการขยายเขตอำนาจให้กว้างที่สุด จับและฆ่าศัตรูให้มากที่สุด ยังทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ข้อสำคัญให้ดำรงความมุ่งหมายไว้ให้มั่นคงตลอดเวลา

ผมไม่แน่ใจว่าการดำรงความมุ่งหมายนี้จะถ่ายทอดมาเป็นจิตวิญญาณของสโมสรหนึ่งเก้าของบรรดาสหายอีสานใต้หรือไม่

สโมสรหนึ่งเก้าใต้หมอพรหมินทร์ และภูมิธรรม เป็นแกนสำคัญที่ช่วยเหลือคำตา เลขาธิการคาราวานคนจน ในการปฏิบัติภารกิจปกป้องรัฐบาลทักษิณและเรียกร้องการเลือกตั้ง แต่เดิมนั้นคำตาเป็นเลขาธิการสมัชชาเกษตรกรรายย่อย ยืนอยู่คนละข้างกับรัฐบาลเป็นประจำ

นอกจากชูชีพ ชีวะสุทธิ หรือสหายสมชาย ประธานชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญที่พาคณะไปชนศาล และเรียกร้องการเลือกตั้งแล้ว คนที่เป็นมือขวา(หรือ เป็นผู้คุมคำตาอีกทีก็ไม่รู้ ) ในการขับเคลื่อนคาราวานคนจน ก็คือ สหายเศก วีระอาจหาญที่ขาขาดเพราะเหยียบกับระเบิดของศัตรู (กองทัพไทย?) สหายจรัสหรือหมอพรหมินทร์ได้ช่วยดูแลรักษาทั้งสหายเศกและภรรยา จนรอดมาทุกวันนี้

ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่า ทำไมผมจึงรู้เรื่องเหล่านี้ ผมเป็นคอมมิวนิสต์เก่าหรือ ขอเรียนว่าในชีวิตผมไม่เคยเป็นคอมมิวนิสต์เลย ผมเป็นพุทธปฏิบัติที่เริ่มศึกษาเรื่องคอมมิวนิสต์มาตั้งแต่อยู่ชั้น ม. 4 จากพ่อที่เป็นหมอแต่แตกฉานทฤษฎีการเมือง ตอนอยู่มหาวิทยาลัยยุคสฤษดิ์ ผมเป็นผู้นำนักศึกษารุ่นแรกที่ได้รับเชิญไปทั้งจีนและรัสเซีย แต่ผมไม่ได้ไปกับคณะ เพราะผมไปของผมเองได้

ผมไปพูดกับนายกฯ ฟามวันดง ขอร้องไม่ให้เวียดนามติดอาวุธคอมมิวนิสต์ไทย อาจารย์ป๋วยแยกกับผมที่กรุงสตอกโฮล์ม ไปขอร้องสภาคองเกรส อเมริกาไม่ให้หนุนกองทัพไทยใช้อาวุธปราบนักศึกษาในป่า ก่อนที่พันเอกชวลิต ยงใจยุทธ จะไปพูดกับเติ้ง เสี่ยว ผิง เสียด้วยซ้ำ

ทั้งสามคน เราต่างก็เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ เพราะอาจารย์ป๋วยเป็นลูกศิษย์ ผมไม่ได้เป็น แต่ก็เคารพศรัทธานายปรีดี พนมยงค์ จึงถูกหนักหน่อย ขณะนี้ผมกำลังถูกโจมตีว่าเป็นกษัตริย์นิยมที่ขัดขวางการแก้แค้นแทนท่านปรีดี ผมจะเล่าเรื่องนี้ทีหลัง

ผมไม่ชอบคอมมิวนิสต์เพราะผมไม่ชอบเผด็จการ ไม่ว่าเผด็จการทหารและเผด็จการคอมมิวนิสต์ผมก็ต่อต้านทั้งนั้น แต่ผมก็ไม่เคยรังเกียจที่ผู้ใดจะเป็นคอมมิวนิสต์ด้วยอุดมการณ์ ผมเคารพว่าทุกคนมีสิทธิที่จะรักชาติตามความเชื่อของตน ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้ช่วยเหลือคนที่เป็นคอมมิวนิสต์ในด้านมนุษยธรรม การรักษาพยาบาลและการศึกษามาตลอด เคยส่งไปให้หมอประเวศและหมอประสานก็หลายคน

แต่คอมมิวนิสต์ที่จะมายึดอำนาจรัฐเป็นเผด็จการผมไม่เอา ผมเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขมากกว่า ในประเทศประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พรรคคอมมิวนิสต์ก็อยู่ได้อย่างสบาย โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องอยู่บนดิน และต้องต้องสู้ตามกติกาโดยเปิดเผย มิใช่ต่อสู้ตามกติกู อย่างที่ผมมองเห็นในบ้านเราขณะนี้

ผมเสนอข้อเท็จจริงข้างต้นให้ประชาชนเข้าใจจะได้ใช้สิทธิของตนอย่างรอบคอบขึ้น ผมจะปรักปรำว่าบุคคลเหล่านี้เป็นคนชั่วร้ายเลวทราม ไม่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ก็หามิได้

วานนี้มีประกาศพระราชกฤษฎีกา ที่จะมีผลในวันที่ 24 สิงหาคม กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2549

คนพวกหนึ่งพากันดีใจกระดี๊กระด๊าออกนอกหน้า อีกพวกหนึ่งซึมเศร้าหมดอาลัยตายอยาก พวกที่สามสับสน แต่ก็ยังดำรงความมุ่งหมายที่จะโค่นระบอบทักษิณต่อไป

ผมจึงได้เขียนกลอนข้างบนนั้นถึงสองพวกหลัง ว่าอย่าเพิ่งท้อใจ ระบอบทักษิณอยู่ไม่ได้แน่ๆ ถึงแม้จะมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งก็ตาม

ผมขอตั้งข้อสังเกตรวบยอดหลายๆ เรื่องเข้าด้วยกัน ดังนี้

1. การลงพระปรมาภิไธยใน พ.ร.ฎ.นั้นเป็นพระราชอำนาจเด็ดขาดของพระมหากษัตริย์ จะทรงลงหรือไม่ เมื่อใดนั้นผู้ใดจะละเมิดมิได้

2. เวลาที่ ทรงประชวรและเข้ารับการผ่าตัด ไม่เหมาะที่ใครจะเข้าไปรบกวนในหลวงไม่ว่าเรื่องอะไร นายกฯ ไปประกาศโฉงเฉงและปฏิบัติการต่างๆ ถือว่าเอาแต่ได้และบีบคั้นพระเจ้าอยู่หัว คนคนนี้ไม่มีสัมมาคารวะและไร้สามัญสำนึก แต่ฝ่ายที่เลียก็สามารถพูดได้ว่า เห็นไหมในหลวงยอมทักษิณทุกอย่าง เพราะทรงโปรดทักษิณ เห็นว่าไม่มีใครเหมาะสมเท่า ป่านนี้ข่าวลือไปทั่วแล้ว

3. ผมเองก็ไม่คิดว่าจะออกมา เพราะยังมีเวลาอีกตั้ง 33 วันจึงจะถึง 24 สิงหาคม แต่เมื่อออกมาอย่างนี้ก็ดีแล้ว ทักษิณต้องเลิกพูดวันเสาร์หรือให้อภิสิทธิ์พูดเวลาเท่าๆ กัน (ถ้าเป็นประชาธิปไตย) จนถึง 24 สิงหาคม กกต.ก็ยังมิได้รับความคุ้มครอง การวินิจฉัยความผิดของทักษิณตามกฎหมายอาญา กฎหมายปกครอง และกฎหมายรัฐธรรมนูญก็ยังดำเนินต่อ ทักษิณอาศัยช่องว่างทางกฎหมาย และความเป็นอัมพาตขององค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งบางอย่างทักษิณก็เป็นผู้บันดาลเอง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้รักษาการต่อไป ถ้าเป็นข้าราชการธรรมดาถูกกล่าวหาแบบนี้ก็ต้องถูกสั่งย้ายหรือพักราชการไปนานแล้ว

4. การที่ทักษิณทู่ซี้อยู่ จะก่อให้เกิดปัญหาทางการปกครองอย่างสูง เพราะการบริหารราชการแผ่นดินหลายอย่างจะต้องโมฆะ เกิดความเสียหาย ซ้ำทักษิณก็ยังไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ม.215 และระเบียบบริหารแผ่นดินหลายข้ออยู่ตลอดเวลา นับว่าเป็นนายกฯ นอกระบบรัฐธรรมนูญที่ทำความเสียหายมากที่สุด

5 .ทักษิณอ้างอยู่ตาม ม.215 ไม่ได้อีกแล้ว นอกจากจะเกินเงื่อนเวลา ตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ศาลยังวินิจฉัยว่าทักษิณกับ กกต.ออก พ.ร.ฎ.และจัดการเลือกตั้งเมษายนผิด สมควรถูกลงโทษ มิใช่ได้รับรางวัลให้อยู่จัดการเลือกตั้งต่อ

6. ขณะนี้มีพยานหลักฐานว่าทักษิณกระทำผิดรัฐธรรมนูญ ม. 8 เรื่องกล่าวหาพระมหากษัตริย์ ม. 181 เรื่องการจ่ายเงินแผ่นดิน ม. 218 เรื่องละเมิดพระราชอำนาจในการทำสัญญากับต่างประเทศ เรื่องสั่งข้าราชการไปดำรงตำแหน่งโดยยังมิได้โปรดเกล้า และเรื่องอื่นๆ ช่องว่างทางกฎหมายและความเป็นง่อยขององค์กรตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวมาแล้วทำให้ทักษิณยึดอำนาจอยู่ได้ (ผิดรธน.)

7. นอกจากเรื่องที่ถูกดำเนินคดีอยู่เดี๋ยวนี้ ทักษิณกับพรรคยังได้กระทำผิดฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง ม. 44 โดยสัญญาจะให้ และกฎหมายพรรคการเมือง ม. 23 เรื่องห้ามบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยโดยการเกิดเป็นสมาชิกหรือทำประโยชน์ให้พรรค ทั้งหมดนี้มีพยานหลักฐานแต่พยานบุคคลยังเกรงกลัวระบบทักษิณอยู่

8. ทักษิณกับพวกมีนิสัยเกเรเกกมะเหรก พอตนเองไปเที่ยวรังแก ด่าทอดูถูกคนอื่นๆ แล้ว ก็หันมาท่องคาถาสมานฉันท์ อ้างความรักในหลวง ทั้งๆ ที่ เห็นชัดๆ ว่ายัง ไม่เคยมีใครจาบจ้วงในหลวงเท่าคนคนนี้ อ้างความสามัคคีในชาติ ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยมีนายกฯ คนใดทำให้ชาติแตกสามัคคีอย่างนี้

9. ถาม ทำไมทักษิณ + คอมมิวนิสต์กลับใจ +คาราวานคนจน +จัดตั้งของไทยลักไทยจึงเรียกร้องการเลือกตั้งอย่างไม่ลดละ โดยอ้างว่าเลือกตั้งเท่านั้นคือประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่การบริหารราชการของทักษิณไม่เป็นประชาธิปไตยเลย เป็นระบบ “รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสรัฐบาล” “รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสหัวหน้าพรรค” ซึ่งเสนาะ เทียนทอง บรรยายว่า พาผู้แทนและอธิปไตยของชาติไปติดคุก ปล่อยให้หัวหน้าและวงในใกล้ชิดโกงกินบ้านเมืองเมืองไม่สะทกสะท้าน ตอบ ทักษิณจำเป็นต้องใช้การเลือกตั้ง “ฟอก” หรือปกปิดอาชญากรรมการเมืองของตน

10. ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี แต่ทักษิณเนรคุณบุพการีการเมืองของตนคือพลตรีจำลอง วิบากกรรมจึงบังตา พอพลตรีจำลองกระโดดลงมา ทักษิณถึงกับหมดสติยุบสภา เพราะกลัวพลตรีจำลอง ยอมตระบัดสัตย์ว่าไม่มีวันจะยุบสภา ยุบสภาแล้วนึกว่าจะรอดไม่ต้องตอบ 40 ข้อกล่าวหา เรื่องคอร์รัปชัน ทำลายศาสนา จาบจ้วงกษัตริย์ ฯลฯ ของกลุ่มพันธมิตรฯ ผู้นำและชนชั้นกลางทุกสาขาวิชาชีพและฐานะในสังคมกลับโหมเข้ามาคาดคั้นให้ทักษิณตอบ ทักษิณยังไม่ยอมตอบ นึกว่าจะหลบพ้นเพราะการเลือกตั้งเมษายน ก็ฝันสลายเสียอีก แจ้นกลับจากนอก ยอมเสียสัจจะเว้นวรรค เข้ามายึดตำแหน่ง และท่องคาถา “เลือกตั้งๆๆ” อีก น่าสังเกตว่านักวิชาเกินเมินกษัตริย์กับมติชนจัดจังหวะลงมาสวดมนต์สรรเสริญการเลือกตั้งและโจมตีศาลว่าด้อยวุฒิภาวะพอดี

นักวิชาเกินควรบอกประชาชนว่าคอมมิวนิสต์ทุกประเทศมีการเลือกตั้งและอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ประชาชนถูกบังคับให้ไปเลือกตั้งทั้งๆ ที่มีพรรคเดียว

เผด็จการก็มีการเลือกตั้งเหมือนกัน ประชาธิปไตยที่เลือกแล้วกลายเป็นเผด็จการก็มี อย่างมาร์กอสและฮิตเลอร์ แต่การเลือกตั้งของทักษิณคล้ายกับมูกาเบ ของซิมบับเว่ หรือเทเลอร์ของไลบีเรียนมากกว่า ขอบรรยายเป็นภาษาฝรั่งว่า There is no choice. There is a single party and lone leader. The elections are controlled. The police are the military. Fear equals control. Speech is suppressed. The economy is looted. The people are slaves. แปล ทางเลือกไม่มี มีแค่พรรคเดียวกับท่านหัวหน้าเดียว การเลือกตั้งถูกควบคุม ตำรวจก็คือทหาร ความกลัวเท่ากับการควบคุมเสรีภาพสื่อถูกกดขี่ เศรษฐกิจถูกปล้น ประชาชนคือทาส

ต่อนะครับ another landslide would lead to an “elective dictatorship” and a decline in open, democratic debate. “I applaud strong government, but not overweening government sustained by cronies, ciphers and a personality cult. I very much fear that, these already detectable tendencies will grow unchecked. ชนะขาดอีกครั้งจะกลายเป็นเผด็จการเลือกตั้ง การอภิปรายเปิดและเป็นประชาธิปไตยจะลดฮวบ รัฐบาลที่เข้มแข็งเป็นสิ่งที่ดี แต่รัฐบาลที่หยิ่งยะโส ยึดโยงด้วยพรรคพวก ปิดบังเหมือนแก๊ง เชิดชูบารมีหัวหน้าเป็นเทพเจ้า ไม่ใช่ แนวโน้มที่ปรากฏนี้จะใหญ่โตขึ้นจนตรวจสอบไม่ได้”

ทักษิณใช่ไหมครับ ไม่ใช่หรอก ท่านผู้หญิงแธตเชอร์พูดถึงโทนี่ แบลร์ต่างหาก ประชาธิปไตย อังกฤษขนาดไหน เขายังกลัว แน่นอนแล้วว่าแบลร์จะต้องถูกเขี่ยเร็วๆ นี้ ทั้งๆ ที่ชนะเลือกตั้งท่วมท้น ทักษิณกับแบลร์เกิดฤกษ์เทวทัต ลงท้ายเลข 6 เหมือนกัน

พลตรีจำลองครับ 6 ยกแล้ว โปรดขึ้นมาให้น้ำผมด้วย

ทุนใหญ่+ อดีตคอมมิวนิสต์+มวลชนหวังพึ่งนี่ มันกินอะไรมา ทนชะมัด ปล่อยให้นานถึง 24 สิงหาคม ระวังมันจะกินเลือกตั้งนะครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น