เพียงพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์เช้าวันเดียวก็มีเรื่องแปลกๆ ที่จะทำให้คนอ่านเป็นบ้าได้ง่ายๆ อย่างใน “ไทยรัฐ” ฉบับวันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม ก็มีข่าวที่ไม่ค่อยจะเคยมีหรือเป็นข่าวบ้าๆ ที่อัศจรรย์มากมาย แม้ว่าข่าวเหล่านั้นจะวิตถารตลกโปกฮาไปนิดหน่อยก็ตาม มันก็เป็นข่าวที่อาจจะเรียกร้องความสนใจจากคนบ้าข่าวได้ไม่มากก็น้อย
ข่าวแรกในหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ” ที่ว่านั้นคือข่าวที่พาดหัวข่าว “ระบุพระโลงผี แค่คนห่มผ้าเหลืองหากิน” จี้เจ้าคณะปกครองให้จัดการเด็ดขาด เรื่องรายละเอียดมีว่าเป็นพระใบ้หวยชาวบ้านจนกระทั่งเจ๊งไปตามๆ กัน ชาวบ้านเรียกว่า พระโลงผีที่ใบ้หวยเลข 558 แต่ผู้คนก็ไม่เข็ดยังไปขอหวยนี้กันอีกที่คฤหาสน์โรงโม่หิน “จงชนะ” เลขที่ 578 หมู่ 7 ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี
อีกข่าวต่อมาก็เป็นข่าวประจำวันที่จะได้พบทุกแห่งคือข่าวการข่มขืนประจำวัน ซึ่งเช้าวันนี้ไทยรัฐก็พาดหัวลงไว้ว่า “จับนศ.ราม ฆ่ากะเทยจ้วงพรุน ฉุนปันใจให้คนอื่น” รายละเอียดที่น่ารู้น่าฟังไทยรัฐก็เขียนข่าวว่า “รวบหนุ่มนักศึกษาลูกพ่อขุน อดีตพนักงานบาร์เกย์ย่านพัฒนพงษ์คู่ขากะเทยอะโกโก้แปลงเพศ เหยื่อโหดสอบปากคำเครียด” ก็ไม่มีอะไรแปลกอีกเพราะการเป็นกะเทยหรือการจับคู่หาความสุขด้วยการซ่องเสพตามวิธีการต่างๆ ของวงการกะเทยนั้น ตอนนี้ทำกันมากและนิยมกันมากขึ้นโอกาสที่จะหึงจนกระทั่งฆ่ากันก็มีมาก
และอีกข่าวที่น่าสนุกสนานเป็นเรื่องของคนหนุ่มสองพี่น้องพาดหัวข่าวว่า “โจรแสบลัก 7 คันรถ ไม้จิ้มฟันยันตู้เย็น” ซึ่งมีรายละเอียดอ่านแล้วรู้สึกสนุกสนานไปว่า “สองพี่น้องทาสยานรกร่วมกับเพื่อนคู่หูตั้งแต่งัดแงะบ้านเรือนร้านค้าในพื้นที่อยุธยา อ่างทอง และลพบุรี กวาดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันตู้เย็นกระทั่งหิ้งพระ”
ก็แน่นอนทีเดียว ตำรวจไม่ได้ปล่อยเขาไว้เด็ดขาดพฤติกรรมของคนพวกนี้ก็มีทางเดียวคือ ต้องเข้าคุกให้เรียบร้อยไปตามธรรมเนียม
ที่ผมต้องเอาข่าวที่น่าสนใจมาบ้างในบทความนี้ก็ไม่มีอะไร นอกจากเห็นว่าบ้านเมืองของเราวันๆ ที่ผ่านมา มีแต่เรื่องตลกขบขัน เรื่องไร้สาระ เรื่องดีไม่มีเลย ผมก็เลยต้องบอกกล่าวแก่ผู้อ่านของผมว่าใจเย็นๆ ไว้ “ตอนนี้เมืองไทยกำลังบ้า”
คนไทยจะต้องบ้ากันทั้งชาติ เพราะไม่มีใครยอมทำอะไรที่มันเป็นผู้เป็นคนกันเลยแม้แต่รายเดียว หรือต้องบ้าไปพร้อมกับสังคมเส็งเคร็งของเราจนแล้วจนรอด
และใน “ไทยรัฐ” ฉบับเดียวกัน ก็นำเรื่องของชนชั้นปกครองหรือนักการเมืองที่มีชื่อเสียงก้องทั่วโลกของเรามาพาดหัวต่อไปอีก พร้อมด้วยรายละเอียดที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีข่าวเช่นนั้นซึ่งพาดหัว “ทักษิณแฉปม ส่งจม.ถึงผู้นำ- เรียกความเชื่อมั่นเปล่าสั่ง ผบ.ทบ.ยันไม่สั่งการอะไรเลย สภากลาโหมพิจารณาเอง พร้อมแฉปมร้อนส่งจดหมายถึงผู้นำต่างชาติระบุทำเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประเทศกลับคืนหลังภาวะเศรษฐกิจ” พร้อมกับอ้างถึงความจำเป็นที่จะต้องเขียนจดหมายถึงผู้นำต่างประเทศซึ่งไทยรัฐเขียนไว้ว่า
“พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ได้โทรศัพท์มาหาจากสหรัฐอเมริกา นักธุรกิจสหรัฐอเมริกาว่า นักธุรกิจสหรัฐฯ ไม่ขอพูดถึงประเทศไทยอีกแล้ว แต่ไปมองตลาดมาเลเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์แทน เพราะไม่รู้ว่าการเลือกตั้งในเมืองไทยจะมีขึ้นได้ ขอรอให้ระบอบประชาธิปไตยมีความชัดเจนมากกว่านี้เสียก่อนจึงค่อยพิจารณาว่าจะกลับมาลงทุนในประเทศไทยหรือไม่ เมื่อครั้งที่ตนเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเมื่อเม.ย. ด้วยข้อความอย่างเดียวกันจากนักธุรกิจญี่ปุ่น ถือเป็นเรื่องที่น่าห่วงจึงอยากจะบอกนักการเมืองฝ่ายค้าน กลุ่มพันมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และสื่อมวลชนว่า ยึดระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และนำระบบกลับคืนมาไม่เช่นนั้นประชาธิปไตยจะแย่ ถ้าแย่ครั้งนี้จะแย่นานกว่าครั้งที่แล้ว เพราะครั้งที่แล้วเป็นวิกฤตทางด้านการเงิน แต่วันนี้เป็นวิกฤตศรัทธาและความน่าเชื่อถือซึ่งน่ากลัวว่า ต่างประเทศถือเรื่องระบอบประชาธิปไตยเป็นหัวใจสำคัญ จึงเป็นเรื่องที่ต้องเขียนจดหมายไปหาผู้นำประเทศมหาอำนาจ ประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติเพื่ออธิบายให้รู้ว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป”
ข้อความทั้งหมดนี้ เป็นข้อความที่ดูเหมือนจะดีที่สุดที่ผู้นำของประเทศได้แสดงออกมา ความจริงเป็นคำบอกกล่าวที่โกหก ที่เราอาจจะเรียกได้เต็มปากว่าเป็นคำบอกกล่าวที่บ้าที่สุดในความบ้าที่เราพยายามหลับหูหลับตาเชื่อกันอยู่ซึ่งเราจะได้พูดกันต่อไป
ต่อจากนั้น ยังมีข้อความเกี่ยวกับความบ้าในบ้านเมืองอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นข่าวติดต่อกันที่ “ไทยรัฐ” เขียนต่อดังนี้
ไทยรัฐเริ่มต้นว่า
ครวญถูกจ้องจับผิดตลอดเวลา ซึ่งมีรายละเอียดว่า
การเรียกประชุมข้าราชการในวันที่ 29 มิถุนายน ที่มีการระบุถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเพื่อเรียกร้องว่าขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะกฎหมายระบุว่าข้าราชการมีหน้าที่อะไรบ้างขอให้ทำหน้าที่ของตัวเองไม่ต้องรอใครสั่งไม่ต้องเงี่ยหูฟังใคร เพราะเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 สิ่งที่พูดถึงวัตถุประสงค์คือตรงนี้แต่ไม่อยากจะพูดมากหรือให้สัมภาษณ์รายวันทั้งหมด เพราะทุกวันนี้ผมพูดอะไรผิดหมด ถูกนำไปตีความบิดเบือนจนบางทีผมเหนื่อย เดี๋ยวนี้บางทีไม่อ่านข่าวเลย เพราะอ่านแล้วหรือฟังข่าวมันผิดไปเยอะ พูดไปก็เหมือนเดิมหรือยิ่งหนักขึ้นไปกว่าเดิม เลยขอพูดน้อยๆ ดีกว่า
ทุกเรื่องทุกข้ออ้างเป็นเรื่องบ้าๆ ทั้งสิ้น เพราะคนเราเกิดมาถ้ามีปาก มีความหน้าด้าน มียางอายแล้ว จะพูดอะไรออกมาก็ได้ ปัญหามันอยู่ที่ว่าใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อเท่านั้น
มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเชื่อหรือมีเหตุผลอะไรที่จะไม่เชื่อ?
การบอกกล่าวที่ว่าประเทศนายทาสอย่างอเมริกาจะติดต่อกับประเทศไทยได้นั้น “ขอให้มีระบอบประชาธิปไตยมีความชัดเจนมากเสียก่อนจึงค่อยพิจารณา” ก็เช่นเดียวกัน ประเทศไทยและคนไทยเกิดมานานเป็นพันๆ ปีมาแล้ว และมีมิตรประเทศในโลกทุกประเทศได้ติดต่อคบหากันมาโดยไม่มีใครสนใจว่ามันจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่มีประชาธิปไตยชัดแจ้ง การที่ประเทศทุกประเทศในโลกนี้ติดต่อกันเพราะชาติต่างๆ ในโลกนี้จะต้องทำมาหากินด้วยกัน และแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน
เพราะฉะนั้น จะอ้างประชาธิปไตย หรือไปอ้างอเมริกาหรือประเทศใดๆ นั้นไม่ควรจะนำมาพูดให้รกหูชาวบ้าน เพราะเป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่นักประชาธิปไตยเหล่านี้ขึ้นมามีบุญบารมีในบ้านเมือง และมานั่งโกหกกันอยู่วันๆ นั้น ต่อให้ลงมาเกิดใหม่อีกหลายหนก็ไม่มีใครที่ไหนฟังได้แล้ว เพราะทุกเรื่องโกหกทั้งสิ้น
เมื่อสมัยหนึ่งรัฐบาลที่มีนักประชาธิปไตยพวกนี้เข้ามาร่วมรับผิดชอบด้วยเคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า ปัญหาจราจรนั้นสามารถจะแก้ให้เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน
พูดหนเดียวครั้งเดียวในชีวิตและไม่เคยพูดอีก จนกระทั่งขณะนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย
เป็นการโกหกอย่างยิ่งใหญ่โดยสันดานอีกครั้งหนึ่ง
โกหกหลอกลวงและสับปลับมาเสียทุกหนทุกแห่ง ทุกหย่อมหญ้า ทุกครั้งที่ขนเอาเงินภาษีอากรของประชาชนไปแจกชาวบ้านเพื่อหาเสียง เอาแต่เพียงให้บ้านเมืองมันมีเรื่องฉิบหายก็ทำมาทั้งนั้น มันไม่มีทางแก้ไขอะไรหรือช่วยเหลืออะไรได้ คนไทยไม่โง่กันหมดทั้งชาติหรอก รู้และเข้าใจถึงสันดานและกำพืดคนที่เกิดมากันหมดทั้งชาติแล้ว
เชื่อเถอะอย่าเอาอะไรมาพูดจะดีกว่า!!
ไม่เคยมีนักการเมืองชาติไหนที่ปล่อยบ้านเมืองเป็นสนามรบอย่างในเมืองไทย ถ้ามันไม่โง่จนเกินไปจะไม่ยอมแก้ไข และไม่รับผิดชอบกรณี 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งองค์การซีไอเอรายงานว่าเมื่อ 3 ปีก่อนได้มีการยินยอมให้ซีไอเอมาตั้งศูนย์บัญชาการก่อการร้ายอยู่ที่หาดใหญ่เพื่อมาสร้างขบวนการก่อการร้ายขึ้นที่นั่น เพื่อแสดงถึงภัยของผู้ก่อการร้ายที่ขยายตัวเข้ามาในบริเวณนี้อันจะทำให้ประเทศไทย และมาเลเซียต้องกราบเท้าอเมริกัน หรือพ่อนักการเมืองสวะของไทยที่คอร์รัปชันกันอยู่ในประเทศในขณะนี้คือให้ความช่วยเหลือปราบปราม ซึ่งก็สมหวัง และแก้อะไรไม่ได้นอกจากอุ้มคนไปฆ่า ตำรวจ ทหารชั้นนายพลที่ถูกสนตะพายใช้ ปัญหาเป็นเวลาปีๆ มาแล้ว ไม่เคยทำอะไรได้และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร โง่ไปหมดทั้งเจ้านายและลูกกะโล่
บ้ากันไปหมดแถมยังโง่บัดซบตามๆ กันไปด้วย
นั่นก็เห็นกันทั่วแผ่นดินว่า การเมืองไทยไม่ว่ามันจะเป็นประชาธิปไตยที่อเมริกาชอบหรือไม่ชอบก็ตาม เป็นประชาธิปไตยของอ้ายงั่ง และประชาธิปไตยแห่งความฉิบหายซึ่งแม้จะต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิตของนักการเมืองพวกประชาธิปไตยปล้นสะดมประชาธิปไตยนี้ มันจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ นอกจากการเสียแผ่นดิน 3 จังหวัดภาคใต้เท่าที่คนภาคใต้ต้องการแบ่งแยกเอาไปเท่านั้น ส่วนที่จะหาทางแก้ตามคำสั่งของอ้ายเดียรถีย์ห้อยนั้นก็ไม่สำเร็จแน่นอน
สำหรับการบอกกล่าวให้หันหน้าเข้าหากันนั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้อีก เพราะการที่ประชาชนเจ้าของชาติที่ไม่เคยปล้นชาติไม่เคยขายชาติจะหันหน้าไปรวมกับพวกคุณนั้น มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะคุณเป็นพวกคนไทยที่อยู่มาได้ด้วยการปล้นชาติปล้นบ้านเมือง และขายทุกอย่างในชาติเท่าที่คุณพอที่จะขายได้นั้น ผมเชื่อว่าถ้าจะให้รอดปลอดภัยต่อคุณอย่าดีกว่า ผมกลัวเหลือเกินว่าคุณจะถูกรุมกระทืบไม่เหลือแม้แต่กระดูก
หมดเวลาแล้วครับ ชาวบ้านบอกผมว่า คุณมีทางเดียวคือจะถูกกระทืบ
หมอดูเลข 7 ตัวบอกผมว่าดวงแบบนี้จะตายเพราะถูกกระทืบอย่างเดียว!
ข่าวแรกในหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ” ที่ว่านั้นคือข่าวที่พาดหัวข่าว “ระบุพระโลงผี แค่คนห่มผ้าเหลืองหากิน” จี้เจ้าคณะปกครองให้จัดการเด็ดขาด เรื่องรายละเอียดมีว่าเป็นพระใบ้หวยชาวบ้านจนกระทั่งเจ๊งไปตามๆ กัน ชาวบ้านเรียกว่า พระโลงผีที่ใบ้หวยเลข 558 แต่ผู้คนก็ไม่เข็ดยังไปขอหวยนี้กันอีกที่คฤหาสน์โรงโม่หิน “จงชนะ” เลขที่ 578 หมู่ 7 ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี
อีกข่าวต่อมาก็เป็นข่าวประจำวันที่จะได้พบทุกแห่งคือข่าวการข่มขืนประจำวัน ซึ่งเช้าวันนี้ไทยรัฐก็พาดหัวลงไว้ว่า “จับนศ.ราม ฆ่ากะเทยจ้วงพรุน ฉุนปันใจให้คนอื่น” รายละเอียดที่น่ารู้น่าฟังไทยรัฐก็เขียนข่าวว่า “รวบหนุ่มนักศึกษาลูกพ่อขุน อดีตพนักงานบาร์เกย์ย่านพัฒนพงษ์คู่ขากะเทยอะโกโก้แปลงเพศ เหยื่อโหดสอบปากคำเครียด” ก็ไม่มีอะไรแปลกอีกเพราะการเป็นกะเทยหรือการจับคู่หาความสุขด้วยการซ่องเสพตามวิธีการต่างๆ ของวงการกะเทยนั้น ตอนนี้ทำกันมากและนิยมกันมากขึ้นโอกาสที่จะหึงจนกระทั่งฆ่ากันก็มีมาก
และอีกข่าวที่น่าสนุกสนานเป็นเรื่องของคนหนุ่มสองพี่น้องพาดหัวข่าวว่า “โจรแสบลัก 7 คันรถ ไม้จิ้มฟันยันตู้เย็น” ซึ่งมีรายละเอียดอ่านแล้วรู้สึกสนุกสนานไปว่า “สองพี่น้องทาสยานรกร่วมกับเพื่อนคู่หูตั้งแต่งัดแงะบ้านเรือนร้านค้าในพื้นที่อยุธยา อ่างทอง และลพบุรี กวาดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันตู้เย็นกระทั่งหิ้งพระ”
ก็แน่นอนทีเดียว ตำรวจไม่ได้ปล่อยเขาไว้เด็ดขาดพฤติกรรมของคนพวกนี้ก็มีทางเดียวคือ ต้องเข้าคุกให้เรียบร้อยไปตามธรรมเนียม
ที่ผมต้องเอาข่าวที่น่าสนใจมาบ้างในบทความนี้ก็ไม่มีอะไร นอกจากเห็นว่าบ้านเมืองของเราวันๆ ที่ผ่านมา มีแต่เรื่องตลกขบขัน เรื่องไร้สาระ เรื่องดีไม่มีเลย ผมก็เลยต้องบอกกล่าวแก่ผู้อ่านของผมว่าใจเย็นๆ ไว้ “ตอนนี้เมืองไทยกำลังบ้า”
คนไทยจะต้องบ้ากันทั้งชาติ เพราะไม่มีใครยอมทำอะไรที่มันเป็นผู้เป็นคนกันเลยแม้แต่รายเดียว หรือต้องบ้าไปพร้อมกับสังคมเส็งเคร็งของเราจนแล้วจนรอด
และใน “ไทยรัฐ” ฉบับเดียวกัน ก็นำเรื่องของชนชั้นปกครองหรือนักการเมืองที่มีชื่อเสียงก้องทั่วโลกของเรามาพาดหัวต่อไปอีก พร้อมด้วยรายละเอียดที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีข่าวเช่นนั้นซึ่งพาดหัว “ทักษิณแฉปม ส่งจม.ถึงผู้นำ- เรียกความเชื่อมั่นเปล่าสั่ง ผบ.ทบ.ยันไม่สั่งการอะไรเลย สภากลาโหมพิจารณาเอง พร้อมแฉปมร้อนส่งจดหมายถึงผู้นำต่างชาติระบุทำเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประเทศกลับคืนหลังภาวะเศรษฐกิจ” พร้อมกับอ้างถึงความจำเป็นที่จะต้องเขียนจดหมายถึงผู้นำต่างประเทศซึ่งไทยรัฐเขียนไว้ว่า
“พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ได้โทรศัพท์มาหาจากสหรัฐอเมริกา นักธุรกิจสหรัฐอเมริกาว่า นักธุรกิจสหรัฐฯ ไม่ขอพูดถึงประเทศไทยอีกแล้ว แต่ไปมองตลาดมาเลเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์แทน เพราะไม่รู้ว่าการเลือกตั้งในเมืองไทยจะมีขึ้นได้ ขอรอให้ระบอบประชาธิปไตยมีความชัดเจนมากกว่านี้เสียก่อนจึงค่อยพิจารณาว่าจะกลับมาลงทุนในประเทศไทยหรือไม่ เมื่อครั้งที่ตนเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเมื่อเม.ย. ด้วยข้อความอย่างเดียวกันจากนักธุรกิจญี่ปุ่น ถือเป็นเรื่องที่น่าห่วงจึงอยากจะบอกนักการเมืองฝ่ายค้าน กลุ่มพันมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และสื่อมวลชนว่า ยึดระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และนำระบบกลับคืนมาไม่เช่นนั้นประชาธิปไตยจะแย่ ถ้าแย่ครั้งนี้จะแย่นานกว่าครั้งที่แล้ว เพราะครั้งที่แล้วเป็นวิกฤตทางด้านการเงิน แต่วันนี้เป็นวิกฤตศรัทธาและความน่าเชื่อถือซึ่งน่ากลัวว่า ต่างประเทศถือเรื่องระบอบประชาธิปไตยเป็นหัวใจสำคัญ จึงเป็นเรื่องที่ต้องเขียนจดหมายไปหาผู้นำประเทศมหาอำนาจ ประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติเพื่ออธิบายให้รู้ว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป”
ข้อความทั้งหมดนี้ เป็นข้อความที่ดูเหมือนจะดีที่สุดที่ผู้นำของประเทศได้แสดงออกมา ความจริงเป็นคำบอกกล่าวที่โกหก ที่เราอาจจะเรียกได้เต็มปากว่าเป็นคำบอกกล่าวที่บ้าที่สุดในความบ้าที่เราพยายามหลับหูหลับตาเชื่อกันอยู่ซึ่งเราจะได้พูดกันต่อไป
ต่อจากนั้น ยังมีข้อความเกี่ยวกับความบ้าในบ้านเมืองอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นข่าวติดต่อกันที่ “ไทยรัฐ” เขียนต่อดังนี้
ไทยรัฐเริ่มต้นว่า
ครวญถูกจ้องจับผิดตลอดเวลา ซึ่งมีรายละเอียดว่า
การเรียกประชุมข้าราชการในวันที่ 29 มิถุนายน ที่มีการระบุถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเพื่อเรียกร้องว่าขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะกฎหมายระบุว่าข้าราชการมีหน้าที่อะไรบ้างขอให้ทำหน้าที่ของตัวเองไม่ต้องรอใครสั่งไม่ต้องเงี่ยหูฟังใคร เพราะเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 สิ่งที่พูดถึงวัตถุประสงค์คือตรงนี้แต่ไม่อยากจะพูดมากหรือให้สัมภาษณ์รายวันทั้งหมด เพราะทุกวันนี้ผมพูดอะไรผิดหมด ถูกนำไปตีความบิดเบือนจนบางทีผมเหนื่อย เดี๋ยวนี้บางทีไม่อ่านข่าวเลย เพราะอ่านแล้วหรือฟังข่าวมันผิดไปเยอะ พูดไปก็เหมือนเดิมหรือยิ่งหนักขึ้นไปกว่าเดิม เลยขอพูดน้อยๆ ดีกว่า
ทุกเรื่องทุกข้ออ้างเป็นเรื่องบ้าๆ ทั้งสิ้น เพราะคนเราเกิดมาถ้ามีปาก มีความหน้าด้าน มียางอายแล้ว จะพูดอะไรออกมาก็ได้ ปัญหามันอยู่ที่ว่าใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อเท่านั้น
มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเชื่อหรือมีเหตุผลอะไรที่จะไม่เชื่อ?
การบอกกล่าวที่ว่าประเทศนายทาสอย่างอเมริกาจะติดต่อกับประเทศไทยได้นั้น “ขอให้มีระบอบประชาธิปไตยมีความชัดเจนมากเสียก่อนจึงค่อยพิจารณา” ก็เช่นเดียวกัน ประเทศไทยและคนไทยเกิดมานานเป็นพันๆ ปีมาแล้ว และมีมิตรประเทศในโลกทุกประเทศได้ติดต่อคบหากันมาโดยไม่มีใครสนใจว่ามันจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่มีประชาธิปไตยชัดแจ้ง การที่ประเทศทุกประเทศในโลกนี้ติดต่อกันเพราะชาติต่างๆ ในโลกนี้จะต้องทำมาหากินด้วยกัน และแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน
เพราะฉะนั้น จะอ้างประชาธิปไตย หรือไปอ้างอเมริกาหรือประเทศใดๆ นั้นไม่ควรจะนำมาพูดให้รกหูชาวบ้าน เพราะเป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่นักประชาธิปไตยเหล่านี้ขึ้นมามีบุญบารมีในบ้านเมือง และมานั่งโกหกกันอยู่วันๆ นั้น ต่อให้ลงมาเกิดใหม่อีกหลายหนก็ไม่มีใครที่ไหนฟังได้แล้ว เพราะทุกเรื่องโกหกทั้งสิ้น
เมื่อสมัยหนึ่งรัฐบาลที่มีนักประชาธิปไตยพวกนี้เข้ามาร่วมรับผิดชอบด้วยเคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า ปัญหาจราจรนั้นสามารถจะแก้ให้เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน
พูดหนเดียวครั้งเดียวในชีวิตและไม่เคยพูดอีก จนกระทั่งขณะนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย
เป็นการโกหกอย่างยิ่งใหญ่โดยสันดานอีกครั้งหนึ่ง
โกหกหลอกลวงและสับปลับมาเสียทุกหนทุกแห่ง ทุกหย่อมหญ้า ทุกครั้งที่ขนเอาเงินภาษีอากรของประชาชนไปแจกชาวบ้านเพื่อหาเสียง เอาแต่เพียงให้บ้านเมืองมันมีเรื่องฉิบหายก็ทำมาทั้งนั้น มันไม่มีทางแก้ไขอะไรหรือช่วยเหลืออะไรได้ คนไทยไม่โง่กันหมดทั้งชาติหรอก รู้และเข้าใจถึงสันดานและกำพืดคนที่เกิดมากันหมดทั้งชาติแล้ว
เชื่อเถอะอย่าเอาอะไรมาพูดจะดีกว่า!!
ไม่เคยมีนักการเมืองชาติไหนที่ปล่อยบ้านเมืองเป็นสนามรบอย่างในเมืองไทย ถ้ามันไม่โง่จนเกินไปจะไม่ยอมแก้ไข และไม่รับผิดชอบกรณี 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งองค์การซีไอเอรายงานว่าเมื่อ 3 ปีก่อนได้มีการยินยอมให้ซีไอเอมาตั้งศูนย์บัญชาการก่อการร้ายอยู่ที่หาดใหญ่เพื่อมาสร้างขบวนการก่อการร้ายขึ้นที่นั่น เพื่อแสดงถึงภัยของผู้ก่อการร้ายที่ขยายตัวเข้ามาในบริเวณนี้อันจะทำให้ประเทศไทย และมาเลเซียต้องกราบเท้าอเมริกัน หรือพ่อนักการเมืองสวะของไทยที่คอร์รัปชันกันอยู่ในประเทศในขณะนี้คือให้ความช่วยเหลือปราบปราม ซึ่งก็สมหวัง และแก้อะไรไม่ได้นอกจากอุ้มคนไปฆ่า ตำรวจ ทหารชั้นนายพลที่ถูกสนตะพายใช้ ปัญหาเป็นเวลาปีๆ มาแล้ว ไม่เคยทำอะไรได้และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร โง่ไปหมดทั้งเจ้านายและลูกกะโล่
บ้ากันไปหมดแถมยังโง่บัดซบตามๆ กันไปด้วย
นั่นก็เห็นกันทั่วแผ่นดินว่า การเมืองไทยไม่ว่ามันจะเป็นประชาธิปไตยที่อเมริกาชอบหรือไม่ชอบก็ตาม เป็นประชาธิปไตยของอ้ายงั่ง และประชาธิปไตยแห่งความฉิบหายซึ่งแม้จะต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิตของนักการเมืองพวกประชาธิปไตยปล้นสะดมประชาธิปไตยนี้ มันจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ นอกจากการเสียแผ่นดิน 3 จังหวัดภาคใต้เท่าที่คนภาคใต้ต้องการแบ่งแยกเอาไปเท่านั้น ส่วนที่จะหาทางแก้ตามคำสั่งของอ้ายเดียรถีย์ห้อยนั้นก็ไม่สำเร็จแน่นอน
สำหรับการบอกกล่าวให้หันหน้าเข้าหากันนั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้อีก เพราะการที่ประชาชนเจ้าของชาติที่ไม่เคยปล้นชาติไม่เคยขายชาติจะหันหน้าไปรวมกับพวกคุณนั้น มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะคุณเป็นพวกคนไทยที่อยู่มาได้ด้วยการปล้นชาติปล้นบ้านเมือง และขายทุกอย่างในชาติเท่าที่คุณพอที่จะขายได้นั้น ผมเชื่อว่าถ้าจะให้รอดปลอดภัยต่อคุณอย่าดีกว่า ผมกลัวเหลือเกินว่าคุณจะถูกรุมกระทืบไม่เหลือแม้แต่กระดูก
หมดเวลาแล้วครับ ชาวบ้านบอกผมว่า คุณมีทางเดียวคือจะถูกกระทืบ
หมอดูเลข 7 ตัวบอกผมว่าดวงแบบนี้จะตายเพราะถูกกระทืบอย่างเดียว!