หนองคาย - พ่อค้า-ผู้ประกอบการใน "ตลาดท่าเสด็จ" แหล่งชอปปิ้งขึ้นชื่อของเมืองหนองคาย ครวญค้าขายไม่ดี รายได้หดหายเกือบครึ่ง เหตุปัญหารุมเร้าหลายด้าน ทั้งน้ำมันแพง การเมืองไม่นิ่ง ซ้ำนักท่องเที่ยวยังข้ามผ่านไปลาว เพราะเข้า-ออกสะดวก ซื้อของจากลาวไม่ต่างจากฝั่งไทย แถมยังดูโก้กว่า
นางแมรี่ ดินถี่ เจ้าของร้านบ้านโอ๋ ภายในตลาดท่าเสด็จ หรือตลาดอินโดจีน จ.หนองคาย เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ร้านค้าต่าง ๆ ในตลาดท่าเสด็จขายสินค้าไม่ค่อยได้ แม้แต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ร้านของตน ซึ่งเป็นร้านขายพรมจากต่างประเทศ ก็ขาดรายได้ไปมากเหมือนกัน สาเหตุที่ทำให้บรรยากาศการค้าซบเซา เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น ภาวะน้ำมันแพง ข้าวของแพงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างประหยัดรัดกุมมากขึ้น
ขณะที่บรรยากาศทางการเมืองก็ยังไม่สงบนิ่ง ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่ฉุดเศรษฐกิจให้ทรุดลงด้วย จึงอยากจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายหาทางออกของปัญหาเหล่านี้ให้โดยเร็ว เพื่อพลิกฟื้นบรรยากาศการท่องเที่ยว ให้กลับมาคึกคัก เมื่อปริมาณนักท่องเที่ยวมีมาก จะส่งผลให้ร้านค้าขายสินค้าได้มากขึ้น
ด้านนายวิภาส สุทธิธรรม เจ้าของร้านขนมชมพูนุช กล่าวทำนองเดียวกันว่า สัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าของร้าน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อปีที่ผ่านมา ตัวเลขรายได้หายไปกว่า 50% ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์-วันศุกร์ ซึ่งเป็นวันทำงานปกติ จากที่เคยขายของได้พอสมควร แต่ตอนนี้กลับขายไม่ได้เลยและในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งพอขายได้บ้างแต่ก็ยังถือว่าไม่มากเหมือนเมื่อก่อน
นายวิภาส กล่าวว่าทุกวันนี้ แต่ละร้านต่างนั่งลุ้นในแต่ละวันว่าจะมีทัวร์นักท่องเที่ยวต่างจังหวัดเข้ามาจับจ่ายซื้อของในตลาดท่าเสด็จหรือไม่ หากมีทัวร์เข้ามาก็ถือว่าโชคดี แต่ทัวร์ที่มาลงก็ไม่ใช่ว่ามีทุกวัน โดยเฉลี่ยแล้ววันปกติจันทร์-ศุกร์จะมีนักท่องเที่ยวไม่ถึงพันคน ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็จะมากขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้ สินค้าที่ขายอยู่ภายในร้านซึ่งเป็นสินค้าบริโภค เช่น กาแฟ ขนม อาหารแห้งต่าง ๆ จากต่างประเทศ จากที่เคยสั่งสินค้าใหม่ทุก ๆ 2 สัปดาห์ ก็กลายเป็นว่าไม่กล้าสั่งของเพราะกลัวขายไม่ออก สินค้าจะค้างสต๊อก ทำให้ต้องเร่งระบายสินค้าให้หมดไปในแต่ละอย่างแล้วค่อยสั่งของลง
อีกทั้งลูกค้าทางฝั่งลาวในกำแพงนครเวียงจันทน์ ที่ซื้อสินค้าไปขายต่อก็ไม่ข้ามมาซื้อของเอง กลับต้องให้ทางร้านส่งของไปให้ตามที่มีออเดอร์มา โดยลูกค้าฝั่งลาวอ้างว่าการเมืองของไทยสถานการณ์รุนแรง หวั่นว่าจะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตน ซึ่งร้านก็อธิบายว่าสถานการณ์การเมืองไทยไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น ไม่มีการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ลูกค้าลาวเองก็ยังไม่มั่นใจ บอกว่า จะรอให้สถานการณ์คลี่คลายก่อนจึงจะกลับมาค้าขายตามเดิม ซึ่งปัญหานี้ทำให้ต้องสูญเสียลูกค้าและรายได้ไป เนื่องจากของที่ลูกค้าออรเดอร์มาทางร้านจัดส่งให้ได้ แต่แทนที่ลูกค้าจะมีโอกาสเลือกดูเลือกซื้อสินค้าอย่างอื่นควบคู่ไปด้วยนั้น ก็หดหายไป ดังนั้น นอกจากราคาน้ำมันแพงที่เป็นปัญหาใหญ่แล้ว ปัญหาทางการเมืองก็ทำให้เศรษฐกิจทรุดลงเป็นเงาตามตัวไปด้วย
ผู้ประกอบการท่าเสด็จบางราย ยังสะท้อนปัญหาการที่ตลาดท่าเสด็จขาดสภาพคล่องว่า เกิดจากการที่คมนาคมสะดวกขึ้น มีรถโดยสารระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์ และอุดรธานี-เวียงจันทน์ ประกอบกับทัวร์ต่าง ๆ สามารถข้ามไปยัง สปป.ลาวได้อย่างสะดวกมากขึ้นกว่าเดิมมาก ทำให้นักท่องเที่ยวที่ข้ามไปยัง สปป.ลาว เลือกซื้อสินค้าที่ลาวกันมากขึ้น
เมื่อเทียบกันก็ถือว่า สินค้ามีลักษณะคล้ายกันกับที่ตลาดท่าเสด็จ และเมื่อข้ามกลับมาฝั่งไทย ก็มาแวะที่ตลาดท่าเสด็จ แต่กลับกลายเป็นว่ามาเดินดูของแต่ไม่ซื้อ เพราะซื้อมาจากลาวแล้ว เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ก็นับเป็นประเด็นหนึ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ควรจะนำมาพิจารณาถึงปัญหาและแนวทางแก้ไข เพื่อดึงเม็ดเงินของคนไทย ไม่ให้ไหลออกนอกประเทศ แต่ให้นำมาหมุนเวียนในประเทศ ยังจะเป็นการเสริมสภาพคล่องทางเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้นมาได้