samr_rod@hotmail.com
เจอะเจอพรรคพวกเพื่อนฝูงในแวดวงสื่อมวลชน ตลอดจนแวดวงวิชาการและนักสังเกตการณ์ทางการเมืองจำนวนหนี่ง ส่วนใหญ่จะฟันธงคล้าย ๆ กันว่า ถ้าภายในเดือนส.ค.2549 การเมือ ง -บ้านเมืองยังอึมครึมแบบนี้ ก็แปลว่า.. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรหรือระบอบทักษิณ “ชนะ” ทุกอย่างเรียบร้อยโรงเรียนชินวัตร...
บางคนก็พูดทีเล่นทีจริงว่าถึงเวลานั้น...ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน...
ประเด็นหนึ่งที่หลายคนนำมาอ้างเป็นเหตุผลความเชื่อก็คือ
เรื่องของการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการภายใต้ภาวะ “สุญญากาศ” ที่ระบอบทักษิณย่อมจะฉกฉวยกระชับ- จัดระเบียบอำนาจ กวาดเรียบ
แปลว่า..แม้พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่มีความชอบธรรมทางการเมือง แต่อาศัยภววิสัย...กลายเป็นฝ่ายที่มี “ดุลอำนาจ” เหนือกว่าฝ่ายอื่น...
อย่างไรก็ตาม การฟันธงข้างต้นของพรรคเพื่อนฝูงก็ยังมีคำว่า “ถ้า”....แปลว่ากว่าจะสิ้นเดือนส.ค.มีโอกาสที่อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงในบางสิ่งบางอย่าง หรือสถานการณ์อาจผกผัน...
ซึ่งไม่มีใครชี้ชัดได้ว่า..บางสิ่งบางอย่างที่ว่าคือ อะไร..!?
ผมเองก็เชื่อว่า..กว่าจะสิ้นเดือนส.ค.ยังจะมีเหตุการณ์ สถานการณ์ที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง...
“บ้านเมืองเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์” เกินกว่าที่ระบอบทักษิณหรือระบอบหนึ่งระบอบใดมา “กวาดเรียบ” หรือผูกขาดแบบธุรกิจสัมปทาน...
ถามว่า..รูปธรรมหรือเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ที่ผมหมายถึง เป็นอย่างไร.. ก็ตอบยากหน่อย แต่พอจะกล่าวรวมๆ ได้ว่า...
1) ข้าราชการที่รักความเป็นธรรม จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จริงๆ จะกล้าแสดงตัวกันมากขึ้นในลักษณาการ..ถ่วงดุล ขัดขืนระบอบทักษิณ..
2) การแฉโพยเรื่องราวมิชอบของระบอบทักษิณว่าด้วยการชนฟ้า...หมิ่นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ในลักษณะ “หมัดเด็ด” ยังมี
3) ดุลอำนาจในกองทัพ เตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณยากที่จะรุกคืบต่อไปได้เพราะมีแนวโน้มชัดเจนว่า ผบ.ทบ.ยังเป็นคนเดิม -พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เตรียมทหารรุ่น 6
4) คดีทางการเมือง โดยเฉพาะเกี่ยวกับกกต.หลายคดีจะถูกศาลตัดสิน...สังคมยังกดดันเรียกร้อง 3 กกต.ลาออก
..ฯลฯ...
ต้องยอมรับว่า แม้แต่ละฝ่ายจะสวมเสื้อเหลือง บอกว่าจงรักภักดีเหมือนกัน แต่สถานการณ์ในขณะนี้กลายเป็นว่า...น่าเป็นห่วงในเรื่องของการเผชิญหน้าเป็นอย่างยิ่ง....
ฝ่ายระบอบทักษิณตระเตรียมมวลชน ตระเตรียมกำลังไว้พร้อมสรรพ ฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและฝ่ายต่างๆ ก็รอเพียงเสียงเป่านกหวีด...!!
โชคดีของพ.ต.ท.ทักษิณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรมาตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.49 และวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) คณะแพทย์จะถวายการผ่าตัดฯ ดังนั้นการชุมนุมขับไล่ทักษิณของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในห้วงเวลานี้ไม่มีแน่นอน...
แต่การที่เวลาถูกยืดออกไปเรื่อยๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นผลดีต่อพ.ต.ท.ทักษิณเสมอไป เพราะทุกอย่างเดินไปบนความไม่แน่นอน ไม่มีความชัดเจน...ดังนั้นปฏิบัติการโยนก้อนหิน “สมานฉันท์” เพื่อถามทางจึงถูกขับเคลื่อนออกมา...
แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครขานรับ โดยเฉพาะ บรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่บางฝ่ายพยายามชูเป็นตัวกลาง ถึงกับสอนมวยกลับมาว่า...การสมานฉันท์เป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่เริ่มจากการลาออกของ 3 กกต.
ถ้าคุณบรรหารพูดตรงๆ ได้ ก็คงอยากจะพูดว่า...คุณทักษิณช่วยกดปุ่มขอให้ กกต.ลาออกก่อนเถอะ...อะไรประมาณนั้น..!!
พูดถึงการ "สมานฉันท์” ผมอยากจะบอกด้วยความจริงใจว่าถ้าพ.ต.ท.ทักษิณปรารถนาใคร่เห็นจริงๆ ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้เสียทีเดียว เพียงแต่พ.ต.ท.ทักษิณต้องแสดงความจริงใจและเสียสละให้เห็น...
ถ้าอยาก “สมานฉันท์” จริงๆ พ.ต.ท.ทักษิณต้องเริ่มจากการประกาศเสียงดังๆ 2 ข้อ...
ข้อแรก - ประกาศว่าจะเว้นวรรคทางการเมืองในการเลือกตั้งสมัยหน้าที่กำลังจะมาถึง กล่าวคือไม่ลง ส.ส. ไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่อาจจะยังขออยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ข้อที่สอง -ประกาศร้องขอให้ 3 กกต.แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง
เพียง 2 ข้อแค่นี้บรรยากาศก็จะดีขึ้นทันตาเห็น... แต่พ.ต.ท.ทักษิณไม่ทำหรือทำไม่ได้...
เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณไม่ทำหรือทำไม่ได้...ก็ต้องไปตายเอาดาบหน้าคือการเผชิญหน้ากับข้อเรียกร้องที่สูงกว่า คือข้อเรียกร้อง “ทักษิณและระบอบทักษิณ...ออกไป” ของประชาชนที่นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย...
...................
“ผมขอขอบคุณอีกครั้งและขออภัย ขอกราบขอโทษ ที่ท่านได้เลือกและไว้วางใจผมมา แต่ว่าผมกลับไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในคราวนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกว่า ไม่สบายใจที่ต้องขอโทษพี่น้องประชาชน แต่เป็นความสบายใจที่ได้สร้างความสมานฉันท์ ถ้าหากว่าจะได้รับการตอบสนองที่ดีจากอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้าน จากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และจากพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่า เราจะหันหน้ากลับมาเพื่อประเทศไทยของเรา เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา...ขอขอบคุณครับ สวัสดีครับ”
ครับ เมื่อเจ้าตัวไม่กล้าประกาศเว้นวรรคดังๆ ออกมา ผมก็ต้องงัดคำประกาศของพ.ต.ท.ทักษิณเมื่อวันที่ 4 เม.ย.49 หลังการเลือกตั้ง 2เม.ย.เพียงสองวัน มาทบทวนความทรงจำของทุกคน...รวมทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ..
ผมไม่เข้าใจว่า ในเมื่อประกาศเว้นวรรคไปแล้ว ทำไมไม่ขยายผล แสดงภาวะผู้นำ ประกาศย้ำอีกครั้งเพื่อสร้างบรรยากาศสมานฉันท์...จะอ้างว่าการเลือกตั้งมันโมฆะไปแล้ว ฟังไม่ขึ้น..สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งเลวร้ายกว่าตอนนั้นเป็นสิบเท่าร้อยเท่าแล้ว..ยิ่งต้องสมานฉันท์เป็นสิบเท่าร้อยเท่า..
แต่ที่แลเห็นและเป็นไป ตั้งแต่การเขียนจดหมายฟ้องมหาอำนาจ กล่าวหาประชาชน เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น, การพูดจาดับเครื่องชนฟ้าท้า “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ตลอดจนการใช้อำนาจต่างๆ โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ...
ล้วนแล้วแต่ทำลายบรรยากาศสมานฉันท์
รวมความแล้วคำว่า “สมานฉันท์” ของพ.ต.ท.ทักษิณเอาเป็นนิยายไม่ได้ มองไม่เห็นความจริงใจ ปากก็วิจารณ์กล่าวหาคนอื่นว่าเต็มไปด้วย “การเมือง” ใช้ความรู้สึก ไม่ใช่องค์ความรู้ น่าเบื่อ... ทั้งๆ ที่ตัวเองนั้นเป็นยิ่งกว่า...
สรุปครับสรุปว่า...ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณไม่เลือกทำใน 2 ข้อที่ผมเอ่ยมา แต่เลือกที่จะเผชิญหน้า
คำตอบคือ... ประดาบก็เลือดเดือด...!!!
เจอะเจอพรรคพวกเพื่อนฝูงในแวดวงสื่อมวลชน ตลอดจนแวดวงวิชาการและนักสังเกตการณ์ทางการเมืองจำนวนหนี่ง ส่วนใหญ่จะฟันธงคล้าย ๆ กันว่า ถ้าภายในเดือนส.ค.2549 การเมือ ง -บ้านเมืองยังอึมครึมแบบนี้ ก็แปลว่า.. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรหรือระบอบทักษิณ “ชนะ” ทุกอย่างเรียบร้อยโรงเรียนชินวัตร...
บางคนก็พูดทีเล่นทีจริงว่าถึงเวลานั้น...ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน...
ประเด็นหนึ่งที่หลายคนนำมาอ้างเป็นเหตุผลความเชื่อก็คือ
เรื่องของการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการภายใต้ภาวะ “สุญญากาศ” ที่ระบอบทักษิณย่อมจะฉกฉวยกระชับ- จัดระเบียบอำนาจ กวาดเรียบ
แปลว่า..แม้พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่มีความชอบธรรมทางการเมือง แต่อาศัยภววิสัย...กลายเป็นฝ่ายที่มี “ดุลอำนาจ” เหนือกว่าฝ่ายอื่น...
อย่างไรก็ตาม การฟันธงข้างต้นของพรรคเพื่อนฝูงก็ยังมีคำว่า “ถ้า”....แปลว่ากว่าจะสิ้นเดือนส.ค.มีโอกาสที่อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงในบางสิ่งบางอย่าง หรือสถานการณ์อาจผกผัน...
ซึ่งไม่มีใครชี้ชัดได้ว่า..บางสิ่งบางอย่างที่ว่าคือ อะไร..!?
ผมเองก็เชื่อว่า..กว่าจะสิ้นเดือนส.ค.ยังจะมีเหตุการณ์ สถานการณ์ที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง...
“บ้านเมืองเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์” เกินกว่าที่ระบอบทักษิณหรือระบอบหนึ่งระบอบใดมา “กวาดเรียบ” หรือผูกขาดแบบธุรกิจสัมปทาน...
ถามว่า..รูปธรรมหรือเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ที่ผมหมายถึง เป็นอย่างไร.. ก็ตอบยากหน่อย แต่พอจะกล่าวรวมๆ ได้ว่า...
1) ข้าราชการที่รักความเป็นธรรม จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จริงๆ จะกล้าแสดงตัวกันมากขึ้นในลักษณาการ..ถ่วงดุล ขัดขืนระบอบทักษิณ..
2) การแฉโพยเรื่องราวมิชอบของระบอบทักษิณว่าด้วยการชนฟ้า...หมิ่นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ในลักษณะ “หมัดเด็ด” ยังมี
3) ดุลอำนาจในกองทัพ เตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณยากที่จะรุกคืบต่อไปได้เพราะมีแนวโน้มชัดเจนว่า ผบ.ทบ.ยังเป็นคนเดิม -พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เตรียมทหารรุ่น 6
4) คดีทางการเมือง โดยเฉพาะเกี่ยวกับกกต.หลายคดีจะถูกศาลตัดสิน...สังคมยังกดดันเรียกร้อง 3 กกต.ลาออก
..ฯลฯ...
ต้องยอมรับว่า แม้แต่ละฝ่ายจะสวมเสื้อเหลือง บอกว่าจงรักภักดีเหมือนกัน แต่สถานการณ์ในขณะนี้กลายเป็นว่า...น่าเป็นห่วงในเรื่องของการเผชิญหน้าเป็นอย่างยิ่ง....
ฝ่ายระบอบทักษิณตระเตรียมมวลชน ตระเตรียมกำลังไว้พร้อมสรรพ ฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและฝ่ายต่างๆ ก็รอเพียงเสียงเป่านกหวีด...!!
โชคดีของพ.ต.ท.ทักษิณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรมาตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.49 และวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) คณะแพทย์จะถวายการผ่าตัดฯ ดังนั้นการชุมนุมขับไล่ทักษิณของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในห้วงเวลานี้ไม่มีแน่นอน...
แต่การที่เวลาถูกยืดออกไปเรื่อยๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นผลดีต่อพ.ต.ท.ทักษิณเสมอไป เพราะทุกอย่างเดินไปบนความไม่แน่นอน ไม่มีความชัดเจน...ดังนั้นปฏิบัติการโยนก้อนหิน “สมานฉันท์” เพื่อถามทางจึงถูกขับเคลื่อนออกมา...
แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครขานรับ โดยเฉพาะ บรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่บางฝ่ายพยายามชูเป็นตัวกลาง ถึงกับสอนมวยกลับมาว่า...การสมานฉันท์เป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่เริ่มจากการลาออกของ 3 กกต.
ถ้าคุณบรรหารพูดตรงๆ ได้ ก็คงอยากจะพูดว่า...คุณทักษิณช่วยกดปุ่มขอให้ กกต.ลาออกก่อนเถอะ...อะไรประมาณนั้น..!!
พูดถึงการ "สมานฉันท์” ผมอยากจะบอกด้วยความจริงใจว่าถ้าพ.ต.ท.ทักษิณปรารถนาใคร่เห็นจริงๆ ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้เสียทีเดียว เพียงแต่พ.ต.ท.ทักษิณต้องแสดงความจริงใจและเสียสละให้เห็น...
ถ้าอยาก “สมานฉันท์” จริงๆ พ.ต.ท.ทักษิณต้องเริ่มจากการประกาศเสียงดังๆ 2 ข้อ...
ข้อแรก - ประกาศว่าจะเว้นวรรคทางการเมืองในการเลือกตั้งสมัยหน้าที่กำลังจะมาถึง กล่าวคือไม่ลง ส.ส. ไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่อาจจะยังขออยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ข้อที่สอง -ประกาศร้องขอให้ 3 กกต.แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง
เพียง 2 ข้อแค่นี้บรรยากาศก็จะดีขึ้นทันตาเห็น... แต่พ.ต.ท.ทักษิณไม่ทำหรือทำไม่ได้...
เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณไม่ทำหรือทำไม่ได้...ก็ต้องไปตายเอาดาบหน้าคือการเผชิญหน้ากับข้อเรียกร้องที่สูงกว่า คือข้อเรียกร้อง “ทักษิณและระบอบทักษิณ...ออกไป” ของประชาชนที่นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย...
...................
“ผมขอขอบคุณอีกครั้งและขออภัย ขอกราบขอโทษ ที่ท่านได้เลือกและไว้วางใจผมมา แต่ว่าผมกลับไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในคราวนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกว่า ไม่สบายใจที่ต้องขอโทษพี่น้องประชาชน แต่เป็นความสบายใจที่ได้สร้างความสมานฉันท์ ถ้าหากว่าจะได้รับการตอบสนองที่ดีจากอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้าน จากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และจากพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่า เราจะหันหน้ากลับมาเพื่อประเทศไทยของเรา เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา...ขอขอบคุณครับ สวัสดีครับ”
ครับ เมื่อเจ้าตัวไม่กล้าประกาศเว้นวรรคดังๆ ออกมา ผมก็ต้องงัดคำประกาศของพ.ต.ท.ทักษิณเมื่อวันที่ 4 เม.ย.49 หลังการเลือกตั้ง 2เม.ย.เพียงสองวัน มาทบทวนความทรงจำของทุกคน...รวมทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ..
ผมไม่เข้าใจว่า ในเมื่อประกาศเว้นวรรคไปแล้ว ทำไมไม่ขยายผล แสดงภาวะผู้นำ ประกาศย้ำอีกครั้งเพื่อสร้างบรรยากาศสมานฉันท์...จะอ้างว่าการเลือกตั้งมันโมฆะไปแล้ว ฟังไม่ขึ้น..สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งเลวร้ายกว่าตอนนั้นเป็นสิบเท่าร้อยเท่าแล้ว..ยิ่งต้องสมานฉันท์เป็นสิบเท่าร้อยเท่า..
แต่ที่แลเห็นและเป็นไป ตั้งแต่การเขียนจดหมายฟ้องมหาอำนาจ กล่าวหาประชาชน เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น, การพูดจาดับเครื่องชนฟ้าท้า “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ตลอดจนการใช้อำนาจต่างๆ โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ...
ล้วนแล้วแต่ทำลายบรรยากาศสมานฉันท์
รวมความแล้วคำว่า “สมานฉันท์” ของพ.ต.ท.ทักษิณเอาเป็นนิยายไม่ได้ มองไม่เห็นความจริงใจ ปากก็วิจารณ์กล่าวหาคนอื่นว่าเต็มไปด้วย “การเมือง” ใช้ความรู้สึก ไม่ใช่องค์ความรู้ น่าเบื่อ... ทั้งๆ ที่ตัวเองนั้นเป็นยิ่งกว่า...
สรุปครับสรุปว่า...ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณไม่เลือกทำใน 2 ข้อที่ผมเอ่ยมา แต่เลือกที่จะเผชิญหน้า
คำตอบคือ... ประดาบก็เลือดเดือด...!!!
พ็อกเก๊ตบุ๊ค “ถอดรหัสเลือกตั้ง 2549 -ตุลาการภิวัฒน์ -หยุด! ระบอบทักษิณ” โดย “คนข่าวอิสระ” วางแผงแล้ว สนใจสั่งซื้อ โทร. 09 -7990440 ติดต่อคุณลัดดา |