xs
xsm
sm
md
lg

รุกที่สมุยโยง “หน่อย – เลี้ยบ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่ดินสมุยฉาวไม่เลิก ประธานสหภาพ กฟน.เผยชื่อ “หมอเลี้ยบ – หญิงหน่อย” โผล่เข้าข่ายงาบดินเกาะสมุยมิชอบ ระบุ “หญิงหน่อย” จ้างนายหน้าซุกชื่อนอมินี 78 ไร่ แถมถมทรายรุกหาดโขดหินปั่นราคาฟันกำไร ในขณะที่ “หมอเลี้ยบ"เอี่ยวนายหน้ากรณี “เดอะพีค” ฉาว จวกยุทธ ตู้เย็นแค่แจ้นสร้างภาพอุ้มพวกกันเอง ด้านนักวิชาการกังขา ภบท.5 ออก นส.3 ก.เป็นโฉนดไม่ได้ ย้ำถมดินลงหาดผิดกฎหมาย

นายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคใต้ เปิดเผยว่า ตนและทีมงานได้ลงไปตรวจสอบ และเก็บข้อมูลพื้นที่เกาะสมุย เป็นเวลา 1 สัปดาห์เต็ม พบว่ามีขบวนการกว้านซื้อที่ดินกลุ่มนักการเมืองระดับแกนนำพรรคไทยรักไทย เข้าไปกว้านซื้อที่ดินจำนวนมาก อาจจะเข้าข่ายว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐในการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ โดยมีหลักฐานเอกสารและภาพถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้วพร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลให้รับทราบ

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบข้อมูลว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครอบครองที่ดิน 78 ไร่ 3 งาน มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท ที่มีการซื้อมาเมื่อ 3 ปีก่อน ในราคาขณะนั้นประมาณ 1.5-2 ล้านบาทต่อไร่ เป็นพื้นที่ติดกับหาดท้องหรั่งความยาวตลอดหาดประมาณ 300 กว่าเมตร อยู่ในบริเวณ ม. 4 ต.บ่อพุด อ.เกาะสมุย ใกล้ ร.ร.โนราบีช สังเกตได้จากบริเวณหน้าทางเข้าจะมีไม้ซุงขนาดใหญ่สูง 6 เมตร กว้างประมาณ 3 คนโอบจำนวน 5 ต้นวางเรียงกันอยู่เห็นได้ชัดเจน และอยู่ตรงข้ามกับร้านอาหารตะเกียง

***รุกหาดถมที่ปั่นราคา

นายเพียรระบุต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการซื้อขายจากชาวบ้านในราคาถูกโดยใช้ ภบท.5 (หนังสือรับรองการเสียภาษีบำรุงท้องที่ในการใช้สิทธิในที่ดิน) หลังจากนั้นจึงนำมาออกเป็นเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก.มาครอบอีกครั้ง ก่อนจะนำไปออกเป็นโฉนดที่ดินก็จะนำไปปั่นราคาขายอีกทอดหนึ่ง

นอกจากนี้ ที่ดินบริเวณดังกล่าวนี้ได้มีการถมดินทับลงไปกลบหาดโขดหินของเดิมลงไปในทะเลกว่า 100 เมตร เพื่อปรับภูมิทัศน์ให้เป็นหาดทราย จุดประสงค์เพื่อจะทำให้ที่ดินสวยงามและราคาสูงขึ้นเป็นการปั่นราคาที่ดินไปในตัว ที่สำคัญก่อนที่คุณหญิงสุดารัตน์ จะไปซื้อที่ดินดังกล่าวยังไม่มีสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา และถนนสภาพที่ดินยังเป็นถนนลูกลัง แต่พอซื้อเสร็จกลับมีการสร้างถนน ไฟฟ้า น้ำประปาต่างๆ มากมายมารองรับ

“เท่าที่ทราบไม่ใช่มีแค่นี้ยังมีนักการเมืองคนอื่นพรรคไทยรักไทยคนอื่นอีก รวมๆมูลค่าที่ดินที่นักการเมืองพรรคไทยรักไทยไปกว้านซื้ออยู่มูลค่า 3 หมื่นกว่าล้านได้ ที่ต้องตรวจสอบคือ มีการสั่งการให้หน่วยงานของรัฐเข้าไปตัดถนน ไฟฟ้า น้ำประปาในที่ดินที่นักการเมืองเป็นเจ้าของอยู่ เช่น ตัดถนนเข้าไปบนเขา”

นายเพียรกล่าวต่อว่า การถมดินทับหาดเดิมที่เป็นหาดโขดหินนั้นหมิ่นเหม่ผิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมถือเป็นการทำลายธรรมชาติด้วย ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควรจะไปตรวจสอบ แต่เป็นที่น่าเสียใจเพราะตอนที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ลงพื้นที่ไปเมื่อวันศุกร์ 14 ก.ค.ที่ผ่านมาเห็นว่าเป็นเพียงลงพื้นที่ไปสร้างภาพและปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มการเมืองด้วยกันเอง

“ยังมีนักการเมืองหลายคนที่มีที่ดินในสมุยและน่าจะไปตรวจสอบ เช่น นายประชา มาลีนนท์ , นายพงษ์ศักดิ์ รักพงษ์ไพศาล , นายบรรพต ดามาพงษ์ ที่ไปสร้างโรงแรม แต่ยังไม่มีแค่นี้ บางคนไปกว้านซื้อที่ดินบนเขาหลายแห่ง โดยเฉพาะที่ดินบนภูเขาที่มีการบุกรุกเข้าไปบุกรุกตัดถนนเปิดพื้นที่ทำโครงการและอีกมากมายส่วนใหญ่เป็นการกว้านซื้อผ่านผู้จัดการทำแทนให้” นายเพียรกล่าว

***แกน ทรท.กว้านซื้อซุกชื่อนอมินี

นายเพียรกล่าวอีกว่ากระบวนการกว้านซื้อที่ดินของคุณหญิงสุดารัตน์ นั้นจะซื้อผ่านตัวแทนหรือผู้จัดการ คือ นายสุนทร ภู่ไพบูลย์ เลขานุการของคุณหญิงสุดารัตน์ ,นายนำชัย ภู่ไพบูลย์ พี่ชายนายสุนทร , นายลิขิต บรมธนรัตน์,นายรามเนตร ใจกว้าง ส.จ.เขตเกาะสมุย และนายภูมิ รัตนรักษ์ ส.จ.เขตเกาะสมุย ร่วมกันวางแผนในการจัดการกว้านซื้อที่ดินมาใส่ไว้เป็นชื่อของบุคคลอื่น

ตัวอย่างเช่น ที่ดินบริเวณต.บ่อพุด ต.มะเร็ต และ ต.หน้าเมือง บางส่วนรวมๆเนื้อที่ที่ดินหลายร้อยไร่ แต่ใส่ชื่อบุคคลอื่นส่วนใหญ่คือ นายสุนทรและนายลิขิต และล่าสุดที่มีการกว้านซื้อที่ดินตรงบริเวณหาดละไมและมะเร็ต ไปแปลงละประมาณ 50 กว่าล้านบาท

นายเพียรกล่าวอีกว่าจาการสอบถามพบว่าเป็นการซื้อขายจากชาวบ้านบริเวณนั้น โดยรูปแบบการซื้อขายจะเป็นการกว้านซื้อที่ดินตรงบริเวณรอบๆ เป็นการตีล้อมที่ดินเพื่อบีบให้เจ้าของที่ดินที่อยู่ตรงกลางต้องขายให้ ส่วนการซื้อขายก็จะแบ่งการจ่ายเงินกันเป็น 3 ช่วงคือ ช่วงแรก และช่วงที่สองจะจ่ายเป็นเงินสดให้ แต่ช่วงที่สามนั้นจะยังไม่จ่ายให้จนกว่าที่ดินดังกล่าวจะออกเป็นโฉนดที่ดินอย่างสมบูรณ์ก่อนจึงจะจ่ายเงินงวดสุดท้ายให้กับชาวบ้าน แต่จากที่สอบถามมีบางรายถูกยึดที่ดินคืน และถูกยกเลิกสัญญา เพราะถูกเจ้าหน้าที่ดินรังวัดที่ดินไม่ครบจำนวน

“บางรายถูกยึดที่ดินคืนหรือ ยกเลิกสัญญาก็มี เพราะคนซื้อไปฮั้วกับเจ้าหน้าที่รังวัดกรมที่ดินให้รังวัดที่ดินให้ไม่ครบเพื่อจะได้ใช้ช่องทางตรงนี้ยึดที่ดินและเลิกสัญญาคืนได้” นายเพียรกล่าว

ในขณะที่แหล่งข่าวนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเกาะสมุย กล่าวยืนยันวิธีการดังกล่าวว่าเป็นกระบวนการที่นายทุนใหญ่เข้ามาฮุบที่ดินในเกาะสมุย ปัจจุบันพื้นที่ที่เคยเป็นของชาวบ้านบนยอดเขาจึงถูกถ่ายเทให้กับนายทุนเหล่านี้ และถึงที่สุดก็ตกไปอยู่ในมือนักธุรกิจชาวต่างชาติ โดยถือผ่านตัวแทนของตนหรือไม่ก็ภรรยาคนไทย

สำหรับการเข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของแกนนำพรรครัฐบาลนั้น แหล่งข่าวคนดังกล่าว ระบุว่ามีอยู่หลายคนหลายกลุ่ม แต่กลุ่มที่ใหญ่ๆ และมีบทบาทอย่างมากในปัจจุบันมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มของคุณหญิงสุดารัตน์กับนายสมยศ ลีลาปัญญาเลิศผู้เป็นสามี และกลุ่มของนายสุรพงษ์กับนางสุมาลี สืบวงศ์ลี ซึ่งอาศัยการสร้างความสัมพันธ์กับนักธุรกิจและนักการเมืองท้องถิ่นเพื่อเอื้อต่อการทำธุรกิจของกลุ่มตน ส่วนนักการเมืองรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นนายประชา มาลีนนท์, นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ, นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช หรือแม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ปรากฏชื่อโดดเด่นนักในวงการที่ดินเกาะสมุย

“จะมีบ้างที่เห็นชัดๆ ก็นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่เมียของนายกฯ ที่เคยมาถือหุ้นที่บานานาแฟนซีสมุยบีชรีสอร์ท ซึ่งข่าวล่าสุดเห็นว่าถอนหุ้นออกไปแล้ว”

***“หมอเลี๊ยบ” โผล่มีเอี่ยว “เดอะพีค” ฉาว

นายเพียรยังกล่าวอีกว่าส่วนนักการเมืองคนอื่นๆมีหลายคนในพรรคไทยรักไทย เช่นกรณีข่าวอื้อฉาวบริษัททำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติบนเกาะสมุย ชื่อบริษัท สมุย พร็อพเพอร์ตี้ โซลูชั่น จำกัด ได้ประกาศขายที่ดินบริเวณเขาด่าง ตรงข้ามแหลมไม้แก่น ถนนบ่อพุด-พระใหญ่ (4171) หมู่ 1 ต.บ่อพุด อ.เกาะสมุย โครงการชื่อ "เดอะ พีค" (The Peak) เนื้อที่ 514 ไร่ ราคาไร่ละ 8 ล้านบาท มูลค่าทั้งหมด 4,112 ล้านบาท ที่กำลังถูกตรวจสอบอยู่ในขณะนี้

ที่สำคัญในการออก น.ส. 3 และการออกโฉนดนั้น มีความเกี่ยวข้องกับ นางสุมาลีภริยาของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีนายประกิจ ชำนาญกิจ และนายสุเทพ วังส์ด่าน เป็นผู้จัดการดูแลอยู่

“เวลาเจรจางานอะไรก็อ้างว่าเป็นงานของโฆษกรัฐบาล และการที่นายยงยุทธ ลงพื้นที่สมุยไปวันก่อน (14ก.ค.) ที่ผ่านมา แท้จริงก็ไปปกป้องรักษาผลประโยชน์ให้กลุ่มการเมืองคนในไทยรักไทยด้วยกันเองมากกว่า”

นายเพียรกล่าวกล่าวอีกว่า แทนที่การลงพื้นที่ครั้งนี้ของนายยงยุทธจะเป็นเพียงการสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ระดับล่างเพื่อสร้างภาพว่าแก้ปัญหาเท่านั้น ควรจะต้องตรวจสอบที่ดินแปลงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองด้วย และต้องเปิดเผยด้วยว่าที่ดินเหล่านี้ได้มาโดยชอบตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร

สำหรับนายสุเทพ วังส์ด่าน ซึ่งเป็นผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าวนั้น นายสุนทร วัชรกุลดิลก ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปราม กรมป่าไม้ ระบุว่ากำลังรวบรวมหลักฐานการบุกรุกที่ดินเขาดวงนกเพื่อแจ้งความดำเนินก่อนเป็นรายแรกในวันที่ 18 ก.ค.นี้

***เจอพิรุธ “เดอะพีค” รุกเขตป่าไม่มีหลักเขต 200 ไร่

จากรายงานเจ้าหน้าที่ที่ดิน อ.สมุย ระบุว่าทั้งในโครงการ "เดอะ พีค" (The Peak) เนื้อที่ 514 ไร่ ยังมีพื้นที่บางส่วนที่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ประมาณ 19 แปลงมีสภาพเป็นป่ามีต้นไม้หนาทึบอยู่บนที่ลาดเชิงเขาและอยู่บนภูเขาที่อยู่ด้านบนภูเขา ยังมีสภาพเป็นป่ามีต้นไม้ขนาดเส้นรอบวงประมาณ 30-100 ซ.ม.จำนวนมาก บางส่วนมีร่องรอยถูกทำลายด้วยการใช้รถแบ๊คโฮปรับทำเส้นทางขึ้นไปบนภูเขา ระยะทางประมาณ 800 เมตรและมีการปรับไถปรับสภาพพื้นที่แบ่งเป็นแปลงๆ ไว้แล้ว ลักษณะคล้ายเตรียมการจัดสรรแบ่งขายเป็นล็อคๆ ด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน

แต่จากการเข้าตรวจสอบที่ดินบริเวณเขาด่าง ตามที่บริษัท เกรดฮิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท ราชธานี จำกัด ถือครองเอกสารสิทธิ โดยตรวจสอบหลักเขตที่ดินได้เพียง 22 แปลง เป็นเนื้อที่ 198 ไร่ 73 ตารางวาที่อยู่ในพื้นราบและสวนมะพร้าวไปแล้ว แต่ในส่วนที่เหลืออีกกว่า 200 ไร่ รอทางบริษัทนำชี้ตรวจสอบหลักเขตให้ชัดเจนก่อนรับรอง

นอกจากนี้ รายงานยังระบุอีกว่านอกจากนี้เอกสาร น.ส.3 ที่บริษัทมีอยู่ 3 ฉบับ เป็นเนื้อที่ 85-0-99 ไร่ หรือที่เรียกว่าเอกสารครุฑดำ ในวงการที่ดินถือว่าไม่สามารถใช้รับรองการถือครองที่ดินได้สมบูรณ์ และธนาคารไม่สามารถรับจำนองหรือค้ำประกันสัญญาต่างๆ ได้ เพราะเอกสารครุฑดำจะไม่มีระบุเนื้อที่ชัดเจน และถูกเลิกใช้มานานแล้ว ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้เอกสารครุฑเขียว หรือ น.ส.3 ก.กันหมดแล้ว ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่า น.ส.3 ครุฑดำชุดนี้มีที่มาอย่างไร

***ภบท.5 ออกโฉนดไม่ได้ผิดถูกเพิกถอน

นายชัยพันธ์ ประภาสะวัต ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อสิทธิชุมชน กล่าวว่าเอกสาร ภบท.5 (ภาษีบำรุงท้องที่) ไม่สามารถนำมาเปลี่ยนมือแล้วออกเป็นเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. ก่อนจะไปขอให้กรมที่ดิน ออกเป็นโฉนดที่ดินได้ โดยเฉพาะกรณีของคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะ ภบท.5 เป็นเพียงหนังสือรับรองของผู้มีสิทธิเดิมเท่านั้นว่าได้เสียภาษีใช้ที่ดินดังกล่าว แต่ถ้าจะออกเป็น น.ส. 3 ก ก็จะต้องเป็นผู้มีสิทธิเดิม ไม่สามารถเปลี่ยนมือผู้ถือครองได้ แต่ที่ทำได้เพราะมีเส้นสายการเมืองใหญ่โต หรืออาจจะใช้กลวิธีพลิกแพลงนำ สค. 1 บิน (เอกสารสวมสิทธิที่ดิน) จากที่อื่นๆ มาสวมสิทธิที่ดินบริเวณดังกล่าวเพื่อขอออกเอกสารสิทธิก็ได้

ดังนั้น เรื่องนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถนำดำเนินการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และสั่งเพิกถอนสิทธิได้ หรืออาจร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน วุฒิสภา หรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน

“รู้มานานแล้วว่าคุณหญิงสุดารัตน์ ไปกว้านซื้อที่ดินที่ภาคใต้ไว้เยอะ เป็นการกว้านซื้อใช้ชื่อ นอมินี คนอื่นในพรรคไทยรักไทยก็ไปกว้านซื้อไว้เยอะเหมือนกัน ตอนนั้นคงกะจะรองรับขายตอนมีสนามบิน แต่ตอนนี้ติดขัดตรงที่มีบางกอกแอร์เวย์ได้สัมปทานสายการบินอยู่” นายชัยพันธ์กล่าว

ผอ.สถาบันเพื่อสิทธิชุมชน กล่าวอีกว่า ที่สำคัญต้องมีการตรวจสอบคือ ภบท. 5 ที่ได้มานั้นมีการปลอมแปลงหรือไม่ เพราะภบท.5 สามารถออกย้อนหลังได้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องไปตรวจสอบว่า ภบท. 5 ที่ถือครองอยู่มีต้นขั้วของจริงหรือไม่ ออกโดยใคร ในสมัยใด เช่น ออกโดยจังหวัด อำเภอ หรือ ท้องถิ่น เช่น สภาตำบล แต่ถ้าตรวจสอบพบว่าไม่มีต้นขั้ว จะมีความผิดทางอาญา ถือเป็นการปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และถูกเพิกถอนสิทธิ

“ภบท.5 ใครๆก็ปลอมหรือออกย้อนหลังก็ได้ จึงต้องตรวจสอบว่ามีต้นขั้วหรือไม่ เพราะจริงๆภบท.5 ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก.ได้ แต่ที่ทำได้เพราะเส้นสายการเมืองใหญ่ เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยกล้าทำหรอก” นายชัยพันธุ์กล่าว

***ถมดินลงหาดผิดกฎหมายพาณิชย์นาวีถูกเพิกถอน

ด้านนายสุรพล ดวงแข เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ความเห็นกรณีถ้าถมที่ดินลงไปในทะเลนั้นกระทำไม่ได้เพราะกฎหมายกรมพาณิชย์นาวี ระบุว่าโดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นชายหาดที่น้ำขึ้นลงท่วมถึง ไม่สามารถจะถมที่ลงไปเพื่อครอบครองได้ จะมีโทษความผิดทั้งจำคุก และปรับ และจะถูกเพิกถอนสิทธิ

“ถ้าถมที่ดินลงไปในชายหาดเป็น 100 เมตรล้นเข้าไปในทะเลที่เป็นชายหาดน้ำขึ้นลงท่วมถึง มีโทษผิดกฎหมายแน่นอน เข้าข่ายบุกรุก ยิ่งถ้าบริเวณตรงนั้นถูกประกาศเป็นเขตป่าสงวนโทษหนักทั้งจำคุก ปรับ และเพิกถอนสิทธิ”
กำลังโหลดความคิดเห็น