xs
xsm
sm
md
lg

ดับเครื่องชนทักษิณ(3)

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

จดหมายเปิดผนึกถึงทักษิณ ชินวัตร

พฤหัสบดี 13 กรกฎาคม 2549

เรียน คุณทักษิณ ชินวัตร

สัปดาห์นี้ ผมจะไปพูดที่โคราช ที่อำเภอเมืองมีโนโหวตท่วมคะแนนของทักษิณ+สุวัจน์รวมกัน เป็นแนวโน้มที่ชัดขึ้นๆ ว่า เขตเทศบาลในอำเภอเมืองทุกแห่งของประเทศ ประชาชนได้รับข่าวสารพอเพียง จึงพากันหันหลังให้ไทยลักไทย

ผมจะแจกสำเนาจดหมายนี้กับบทความ เรื่อง “ดับเครื่องชนทักษิณ” 2 ตอน ให้ผู้ฟังนำไปเผยแพร่ปะทะกับคำพูดอันกำกวมของคุณ ยิ่งคุณอมพะนำอยู่อย่างนี้ คนยิ่งลือว่า ทักษิณกำลังวัดดวงกับฟ้า

ความจริง “ดับเครื่องชนทักษิณ” เกือบไม่จำเป็น เพราะ แรงสะท้อนเรื่อง “บุคคลผู้มีบารมีนอกระบบรัฐธรรมนูญ” อัดลิ้นปี่ของคุณอยู่แล้ว ถึงยังไงคุณก็อยู่ไม่ได้

คุณอ้างบ้าๆ ว่า คุณต้องอยู่ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 215 บังคับ แล้วทำไมจึงหนีไปเที่ยวได้ ความจริงคุณหลอก คุณแอบไปแก้ตัวกับต่างประเทศ เอาดีใส่ตัวป้ายชั่วให้คนอื่นต่างหาก

แล้วคุณก็ตีหน้าเซ่อกลับมา หลังจากทำลายเกียรติยศของชาติเสียย่อยยับ ด้วยการไปเที่ยวรายงานผู้นำประเทศต่างๆ โดยไม่รู้สึกว่า เป็นการสาวไส้ให้กากิน ยิ่งจดหมายที่คุณเขียนถึงบุช อัปยศ อดสูและบัดสีไม่มีเปรียบ คิดหรือว่าเขาจะเชื่อคุณ อ่านจดหมายตอบเขาให้ดีซี พวกสถานทูตนี่แหละที่หาว่า คุณเป็น compulsive liar หรือโรคจิตติดโกหกละ

ผมได้ฟังคุณประมวล รุจนเสรีพูดที่จุฬาฯ แล้ว สงสารพระเจ้าอยู่หัว คุณประมวลบอกว่าคุณทักษิณตั้งใจทำให้พระเจ้าอยู่หัวเจ็บเป็นระลอกๆ ในขณะที่ทรงประชวร เรื่องผู้มีบารมีกับเรื่องจดหมายถึงบุช ของคุณที่ไล่ตามกันออกมา มิใช่เรื่องบังเอิญดอก คุณตั้งใจและวางแผนไว้อย่างเป็นระบบ ซ้ำรู้ดี ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณเลือดเย็นเหลือเกิน

การที่คุณกอดมาตรา 215 ไว้ไม่ยอมปล่อย คุณควรใช้ให้ครบทั้งมาตรา ไม่ใช่เลือกใช้เฉพาะที่เป็นประโยชน์ เช่น ครึ่งแรกของวรรคที่ว่า “ให้อยู่ในตำแหน่ง” ทำไมไม่อ่านให้จบอีกครึ่งว่า “จะใช้อำนาจแต่งตั้งหรือย้ายข้าราชการ ฯลฯ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง มิได้ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก กกต.” นอกจากคุณไม่ขอ กกต.แล้ว คุณยังเดินหน้าให้บุคคลเหล่านั้นเข้ารับตำแหน่งโดยไม่เคารพและไม่คอยพระบรมราชโองการโปรดเกล้าอีกด้วย นี่ไง อีกตัวอย่างหนึ่ง ที่คุณจะทำให้ พระเจ้าอยู่ หัวเป็นเพียงสัญลักษณ์เฉยๆ

ทีแรกผมก็นึกว่าคุณยื้อ กกต.เอาไว้เป็นเครื่องมือการแต่งตั้งโยกย้ายสิ้นปี เอาเข้าจริงๆ คุณต้องการเก็บเอาไว้เพื่อการเลือกตั้งเท่านั้นใช่ไหม เรื่องยุบพรรคก็เป็นเพียงหมากกลของคุณกับ กกต.เท่านั้น

ผมขอทบทวนความรู้เรื่องรัฐธรรมนูญสักนิด นายกรัฐมนตรีจะพ้นตำแหน่งได้ตามบทบัญญัติมาตรา 216 ดังนี้

(1) ตาย (2) ลาออก (4) ต้องคำพิพากษาให้จำคุก ส่วนวงเล็บอื่นๆ คือ (3) และ (5) ถึง (8) เพราะองค์กรอิสระต่างๆ ล้มเหลวบ้าง เพราะเงื่อนไขและเงื่อนเวลาถูกควบคุมโดยคนของคุณจนกระทั่งปฏิบัติมิได้บ้าง ก็ช่างมัน

คุณก็เรียนอาชญาวิทยามามาก น่าที่จะรู้ว่าเมื่อทางเลือกอื่นๆ ถูกปิดหมด ความโหดร้ายในการต่อสู้ทางการเมืองก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงขั้นสุดท้าย คือ ลอบสังหาร

คุณทักษิณครับ เชื่อผมสักครั้ง โปรดอย่าสร้างมรดกโหดให้กับการเมืองไทยเลยถ้าคุณเห็นแก่ในหลวงและประชาธิปไตยจริง เลือกทางออกที่อยู่กึ่งกลางวงเล็บ (1) และ (4) ดีที่สุด

ถ้าคุณลาออกแล้ว อย่าห่วงว่าจะถูกยึดทรัพย์หรือกลับมาเล่นการเมืองไม่ได้เลย เพราะคุณลาออกเมื่อใด บรรยากาศสมานฉันท์จะเกิดขึ้นเมื่อนั้น และการปฏิรูประบอบประชาธิปไตยอันมีมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริงก็จะเริ่มขึ้น คุณก็จะได้รับอานิสงส์คุ้มหัวโดยในหลวง และระบบประชาธิปไตย ไม่มีใครจะใช้วิธีนอกกฎหมาย เหมือนที่คุณเคยใช้ได้หรอก

คุณทักษิณครับ อนันตริยกรรม 5 อย่าง มีอยู่ 2 อย่างที่เปรียบได้กับการกระทำของคุณ คือการล่วงละเมิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทุษร้ายพระราชหฤทัย เปรียบเสมือนทำให้ “กายของพระพุทธเจ้าห้อเลือด” และ การกระทำของคุณที่ทำให้คนไทยแตกแยกกัน โดยการพูด เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนและเอกสารที่แจกตามออกไป การส่งจดหมายถึงผู้นำต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประธานาธิบดีบุช และการกระทำต่างๆ ที่เชื่อมโยงสืบเนื่องกัน นับตั้งแต่ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสกับศาลในวันที่ 25 เมษายนเป็นต้นมา เปรียบเสมือนการ ?ทำให้สงฆ์แตกแยกกัน”

แท้ที่จริงเรื่องหลังนี้คุณก็กระทำอยู่แล้ว คือการจาบจ้วงปลดสมเด็จพระสังฆราช

คนโคราชอยากให้ผมพูดเรื่องจดหมายถึงบุช เรื่องนี้สนธิพูดจนเกือบหมดเปลือกแล้วในเมืองไทยรายสัปดาห์ ศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม นี้ สื่อโดยเฉพาะผู้จัดการกับไทยโพสต์ได้วิเคราะห์ รายงาน ตามด้วยบทความครอบคลุมพอสมควร สภาทนายความก็ออกมาเฉ่งคุณอย่างหนัก ว่า ทำให้ชาติเสียศักดิ์ศรี เหมือนกับเป็นเมืองขึ้น คุณพูดเอาดีใส่ตัว-ป้ายชั่วให้ผู้อื่น คุณลงชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีเต็มๆ ทั้งที่เป็นเพียงรักษาการ ในขณะที่บุชเขียนถึงคุณว่า “นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย” แต่ในจดหมายของคุณทั้งในหัวกระดาษคำขึ้นต้นลงท้ายไม่มีคำว่า Royal Thai Government หรือ Kingdom of Thailand เลย เท่ากับคุณไม่เห็นสถาบันกษัตริย์อยู่ในสายตา สนธิยิ่งหนัก ฟันธงเลยว่าคุณโยนก้อนหินถามทาง จะใช้กำลังเปลี่ยนระบอบกษัตริย์ หากไม่สำเร็จขอให้สหรัฐฯ ช่วยรับไว้ลี้ภัยด้วย คุณทำยังไงนะ ทุกคนเขาจึงรู้สึกเหมือนกันหมด ว่าถ้อยทีวาจาของคุณระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

ผมเห็นตรงกับสนธิว่า จดหมายถึงบุช แท้ที่จริงผูกโยง สอดคล้องกับเรื่องอื่นๆ เป็นคนละเรื่องเดียวกัน ที่คุณพูดและกระทำมาเป็นระยะๆ จนกระทั่งถึงวันที่คุณพูดกับหัวหน้าส่วนราชการและเอกสารทีคุณแจกออกไปทั่วประเทศ และผมเดาไว้ล่วงหน้าว่าคุณจะพูดอย่างนี้อีกวันที่ 18 กรกฎานี้ที่วัดธรรมกาย เว้นแต่คุณจะถูกธรณีสูบเสียก่อน

การพูดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน กับจดหมายถึงบุชลงวันที่ 23 มิถุนายน เชื่อมโยงกับ “ยุทธการป่าล้อมเมือง-โลกล้อมประเทศ” ในยุทธศาสตร์ฟินแลนด์ข้อที่ 4 ว่าด้วยการทำให้สถาบันกษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ ที่ผมเคยเขียนอธิบายไว้แล้วทุกอย่าง

กล่าวสั้นๆ ยุทธการป่าล้อมเมือง-โลกล้อมประเทศ เป็นยุทธการสร้างภาพให้คุณ ทำลายภาพและสยบฝ่ายตรงกันข้าม สำหรับป่าล้อมเมืองเราคงเห็นชัดแล้วจากคาราวานคนจน พนักงานป่าไม้ติดปืนกล และ อบต.แปดหมื่นที่วัดธรรมกาย ส่วนโลกล้อมประเทศ ในต่างประเทศมีการปนเปรอนักข่าว สร้างเครือข่ายป้อนข้อมูลข่าวเท็จและการวิเคราะห์ที่เข้าเป้าว่าคุณเป็นผู้พิทักษ์ประชาธิปไตย แต่มีบารมีนอกระบบรัฐธรรมนูญมากวนน้ำให้ขุ่น แทรกแซงศาล ตกเป็นเครื่องมือของพวกกุ๊ยกลางถนน และนักการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม ผมได้ติดตามเรื่องนี้มานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ Economist หรือสถานีข่าว BBC และการออกหนังสือเล่ม The King Never Smiles ต่อมาจึงมีการขยายผลถึงการไปเยี่ยมผู้นำต่างประเทศ จดหมายถึงผู้นำอาเซียน และจดหมายถึงบุช ทุกแห่งได้รับข้อมูลและสื่อความหมายที่ตรงกันหมด

นั่นก็คือ ในสำเนาคำกล่าวกับหัวหน้าส่วนราชการที่แจกไปทั่วประเทศ โจมตี “บุคคลซึ่งดูเหมือนจะมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ในจดหมายถึงบุชเขียนว่า “ศัตรูของกระผมกำลังใช้วิธีการนอกรัฐธรรมนูญต่างๆ : my opponents are now attempting various extra-Constitutional tactics” คำว่า extra-Constitutional นี้ใช้กับการโปรดเกล้าตั้งอาจารย์สัญญาเป็นนายกรัฐมนตรีในหนังสือเรื่อง The King Never Smiles ซึ่งเพื่อนซี้นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นผู้เขียน กะจะออกให้ตรงกับวันฉลองสิริราชสมบัติพอดี

ไหนๆ คุณก็ฟ้องผมแล้ว บางทีลูกน้องอาจจะปิดหูปิดตาคุณ ผมขอให้คุณไปอ่านบทความของผมเรื่อง “ทักษิณถ่มน้ำลายรดฟ้า” “ดับเครื่องชนทักษิณ 1-2” กับกลอนทักษิณหมิ่นชาติ บางทีคุณอาจจะสำนึก และถอนฟ้องผมก็ได้

จดหมายถึงบุชของคุณ ผมอ่านหลายเที่ยว เห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบ้างที่เขาพากันวิพากษ์คุณ แต่ไม่เห็นด้วยเลยกับการการที่คุณปิดปากเงียบ ปล่อยให้พวกลูกสมุนแก้ตัวแทนน้ำขุ่นๆ ยังมีอยู่อีก 2-3 เรื่องที่คนไม่พูดถึง ซึ่งผมเสียใจมากว่าคุณไม่น่าเลย นอกจากเรื่อง extra-Constitutional ก็คือเรื่อง (1) คุณป้ายสีฝ่ายตรงกันข้ามว่าเป็นพวกม็อบและกวนเมือง คุณปิดบังความจริงว่านอกเหนือจากพันธมิตรและผู้ประท้วงแล้ว ยังมีผู้นำทุกวิชาชีพ มหาวิทยาลัยทุกแห่ง คหบดี สตรีและผู้สูงศักดิ์อีกนับไม่ถ้วน (2) คุณช่างพูดได้ไม่อายปากว่าศาลสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะด้วยเหตุทางเทคนิค คุณไม่น่าจะปิดบังว่าในหลวงทรงขอ และศาลก็พิจารณาตามหลักรัฐธรรมนูญและการละเมิดกฎหมายเลือกตั้งของพวกคุณกับ กกต.(3) คุณเอาอะไรมาพูดว่าพรรคฝ่ายค้านร่วมกับพรรคของคุณร่วมกันขอให้คุณกลับมาดำรงตำแหน่ง พรรคฝ่ายค้านที่ไหน (4) ที่เสียหายที่สุด คุณจำเป็นต้องกลับมาเพราะภารกิจสำคัญตามลำดับในจดหมายของคุณ คือ 1. สงครามกับผู้ก่อการร้าย 2. การบริหารเศรษฐกิจ (3)หน้าที่ประจำหลักๆ ของรัฐบาล โธ่เอ๋ย ข้อที่ 3 วิษณุก็พูดอยู่โทนโท่ว่าไม่ต้องห่วง ปล่อยให้ข้าราชการประจำได้ แต่ข้อที่คุณเอาใจบุชเป็นอันดับหนึ่งคือสงครามกับผู้ก่อการร้ายนั้น คุณช่างไร้สำนึกเสียจริงๆ ว่าพูดแบบนี้เวรกรรมจะตกอยู่กับบ้านเมือง มิน่าเล่า เจ้าลีกวนยู จึงได้ช่องจากจดหมายคุณนี่เอง แกจึงประกาศก้องโลกว่า เมืองไทยเดี๋ยวนี้เหมือนอิรักแล้ว และไม่มีใครเชื่อถือนายกรัฐ มนตรี (5)คุณควรเลิกคุยหรือทำท่าว่าซี้กับผู้นำโลกคนนั้นคนนี้ คำตอบของบุชควรจะทำให้คุณหน้าหงายพอแล้ว คุณบอกประชาธิปไตยถูกคุกคาม เขาบอกอย่าห่วง ประชาธิป ไตยไทยเข้มแข็ง คุณบอกว่าพวกกวนเมืองกับม็อบ เขาบอกว่านั่นล่ะประชาธิปไตย ทำนายยากหน่อยแต่เป็นของมีค่า อย่าห่วง คนไทยปรับตัวเก่งเป็นบ้า อายไหมครับ

ผมอยากให้คุณฟังบุคคลอีก 2 คน สักหน่อย คนหนึ่งคือ พลเอกจรัล กุลละวณิชย์ อดีตเลขาธิการความมั่นคงแห่งชาติซึ่งบอกว่าถ้าคุณไม่หยุดและไม่บอกว่าผู้มีบารมีนอกระบบรัฐธรรมนูญคือใคร เรื่องจะบานปลายเสียหายจนเอาไว้ไม่อยู่

อีกคนหนึ่งบอกว่า “ใครบางคนออกมาบอกว่า ห้วงเวลานี้ ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญยิ่ง .....พวกผมนั่งคิดนอนคิดว่า ขณะนี้เมืองไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอะไร ประเทศกำลังจะเปลี่ยนข้ามมิติอะไรหรือ? เท่าที่คิดออกก็มีอย่างเดียวคือ น่าจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่คนบางคนพยายามทำให้สถาบันเปลี่ยนผ่านเป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น” แล้วก็สรุปว่า “หน่วยข่าวต้องจับตาดูคนพวกนี้อย่างใกล้ชิด เพราะนี่คืออันตรายที่แท้จริงของบ้านเมือง อย่าเสียเวลาเฝ้าติดตามคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกับรัฐบาลอยู่เลย” นี่เป็นคอลัมน์ “คิดทางขวาง” ชื่อ “ปฏิญญาคอมมิวนิสต์” โดย ภุมรัตน์ ทักศาดิพงศ์ จำเขาได้ไหมครับ คุณภุมรัตน์เป็นมือเก่ากรมประมวลมาตั้งแต่ปี 2505 เกษียณเมื่อ ปี 2544 หลังจากเป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติมา 10 ปีเต็มๆ

คุณทักษิณครับ การเข้าไปกราบพระบาทขอพระราชทานอภัยง่ายนิดเดียว แต่คุณต้องตัดสินใจเสียก่อนว่าจะเป็นองคุลีมานหรือเทวทัตดี

อย่ากลัวลอบสังหารเลยครับ ระวังธรณีสูบดีกว่า

ด้วยความปรารถนาดี

ปราโมทย์ นาครทรรพ
กำลังโหลดความคิดเห็น