ผมเพิ่งจะเข้าใจคำว่า “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” เมื่อมีการเปิดเผยจดหมายของนายกรัฐมนตรีรักษาการที่ส่งไปถึงประธานาธิบดี บุช ว่า “นอกรัฐธรรมนูญ” มาจากคำภาษาอังกฤษว่า “extra-constitutional” คำว่า extra นั้น แปลว่า “นอก” หรือ “นอกเหนือ” เหมือนอย่าง “extra-territorial right” ที่แปลว่า “สิทธิเสรีภาพนอกอาณาเขต”
“ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” จะหมายถึงใครบ้างนั้น หลายคนคิดว่าน่าจะมีบุคคลเพียงไม่กี่คนที่เข้าข่ายนี้ที่สำคัญก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตัดสินใจว่า เขากำลังเผชิญอยู่กับบารมีนอกรัฐธรรมนูญ การที่เขาส่งจดหมายอธิบายปัญหาของเขาไปให้ประธานาธิบดี บุช ฟังนั้น เกิดขึ้นภายหลังที่บทความหนังสือ The Economist วิจารณ์พระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงให้แก่ประธานศาลต่างๆ และมีบุคคลบางคนได้ให้คอลัมนิสต์ชาวอเมริกันวิจารณ์กรณีเดียวกัน
ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ คงไม่น่าจะมุ่งไปที่พลเอกเปรม เพราะแม้พลเอกเปรมจะมีบารมีมากก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ทักษิณจะเกรงกลัว เพราะพลเอกเปรม ก็ยังไม่เคยสั่งการข้าราชการคนใด มีแต่พระเจ้าอยู่หัวเท่านั้นที่ทรงฝากศาลให้ช่วยแก้ปัญหาวิกฤตของชาติ ซึ่งก็ทรงกระทำอย่างเปิดเผย ตามกรอบของรัฐธรรมนูญ
คำว่า extra-constitutional นั้น หมายถึงการที่ไม่มีอำนาจโดยตรงในฐานะสถาบันทางการเมือง จึงใช้คำว่า “ผู้มีบารมี” คำนี้มีแต่นายสมัคร สุนทรเวช เท่านั้นที่ออกมาชมว่าพูดได้เก๋
การตัดสินใจของทักษิณครั้งนี้ ผู้อยู่ในวงการเมืองเห็นว่าเป็นการทดลองหรือทดสอบความรู้สึกของประชาชนก่อน ประชาชนที่ว่านี้มีคนทั่วไป ชาวบ้านพวกหนึ่งกับทหารและข้าราชการอีกพวกหนึ่ง ที่น่าสังเกตก็คือทักษิณถือโอกาสเรียกประชุมข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และพูดตรงกับข้าราชการในเชิงตำหนิ “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” และตำหนิองค์กรบางองค์กรที่ยอมให้องค์กรเสียหาย เพราะไปฟังคำขอร้องของ “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” นี่แสดงว่า ทักษิณมีความมั่นใจว่า เขาได้รับการสนับสนุนจากทหาร และข้าราชการ
หลังจากทักษิณพูดแล้ว ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรจากทหารและข้าราชการ มีแต่คำวิจารณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ ผมถามอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคนว่า ทักษิณหมายถึงใคร ทุกคนเห็นตรงกันว่า น่าจะหมายถึงผู้มีบารมีสูงกว่าพลเอกเปรม
เมื่อพิจารณาถึงผู้มีบารมีแล้ว ประชาชนเพิ่งแสดงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวไปไม่นาน ก็มีการเอ่ยถึงผู้มีบารมี นักวิชาการบางคนบอกผมว่า การเมืองไทยมาถึงจุดสำคัญแล้ว และผลของการใช้นโยบายประชานิยมก็ทำให้ทักษิณกลายเป็นผู้นำมวลชนได้
บางคนไม่คิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของทักษิณ หากเป็นแผนการที่มีการขบคิดอย่างเป็นระบบ และมีการดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน เว็บไซต์มนุษยดอทคอม และการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ในเว็บไซต์บางแห่ง ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ และวิเคราะห์เลยเถิดไปถึงขนาดที่ว่า กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่นิยมสถาบันพระมหากษัตริย์ กำลังอาศัยทักษิณเป็นช่องทาง และเครื่องมือในการทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีบทบาทเป็นเพียงสัญลักษณ์ทางพิธีกรรม และพิธีการเท่านั้น ซึ่งผมไม่เชื่อว่าเป็นความจริง
ถ้าทักษิณเชื่อตามที่เขาเขียน และพูดจริงๆ ก็นับว่าน่าเสียดาย เพราะบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เน้นไปเพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบอบประชาธิปไตย โดยทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัดเสมอมา และถ้าทักษิณจะคิดว่า พลเอกเปรม เป็นศัตรูก็น่าเสียดายอีกเช่นกัน เพราะพลเอกเปรม ก็มีบทบาทในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมมานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งมาเริ่มในสมัยรัฐบาลทักษิณ อีกประการหนึ่ง พลเอกเปรม เป็นประธานองคมนตรี ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองอยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็คงไม่มีทางจะทำอะไรทักษิณได้
ผมเห็นว่า ข้อเขียนของคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ มีเหตุมีผลและตรงไปตรงมาดี คุณมีชัยเตือนว่า หากเฉยไว้ก็จะเข้าใจได้ว่า ทักษิณทำผิดมาตรา 8 แม้จะพูดอย่างคลุมเครือก็ตาม ผมคิดว่านี่เป็นการลองของครั้งแรก คงจะมีครั้งต่อไปอีก หรือน่าจะมีการปรึกษากันระหว่างคนวงในของรัฐบาลจริงๆ ดร.วิษณุ และดร.บวรศักดิ์ คงไม่ลาออก หากไม่เกรงกลัวจริงๆ ว่าจะมีความผิดด้วย สองคนนี้น่าจะรู้อะไรดีๆ ไม่เช่นนั้น คงไม่รีบลาออกมาก่อนที่จะสายเกินไป
ข้าราชการที่นั่งฟังทักษิณพูดอยู่ก็ตกใจมากได้แต่ออกมาซุบซิบกัน ส่วนนักการเมืองซีกรัฐบาลที่ต่างออกมาแก้ตัวแทนนายนั้น คนเห็นเป็นเรื่องตลกแกมสมเพช
หลายคนพูดกันว่า “ถึงขนาดนี้แล้ว จะเอาไว้ได้อย่างไรกัน” แต่ก็ได้แต่ปรับทุกข์กัน มีบางคนในซีกรัฐบาลปลอบใจทักษิณว่า ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะกระแสประชาธิปไตยในโลกกำลังแรงมาก มิน่าเล่าทักษิณจึงมีจดหมายไปถึงผู้นำประเทศต่างๆ เพื่อขอความสนับสนุน
เมืองไทยสมัยนี้ ยิ่งกว่าสมัยอยุธยา สมัยก่อนเรารบกับพม่า ยุคนี้มีการไประดมพม่าจากเมืองกาญจน์เข้ามาสนับสนุน นอกจากนั้น ยังไปขอความสนับสนุนจากผู้นำต่างประเทศอีก
นี่ก็เกือบสิ้นเดือนกรกฎาคมแล้ว ถ้ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เป็นกรรมของประเทศไทย ผู้ที่ออกมาต่อต้านคัดค้าน ไม่ว่าจะเป็นสนธิ หรือใครๆ ต่างก็โดนข่มขู่ คุกคาม ป้ายสี ฟ้องร้อง โดยขบวนการที่มีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ หากไม่จบเร็วลากยาวไปถึงเดือนตุลาคม ผมเกรงว่าจะเกิดความรุนแรง และสังคมเราคงต้องเยียวยากันอีกนาน
“ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” จะหมายถึงใครบ้างนั้น หลายคนคิดว่าน่าจะมีบุคคลเพียงไม่กี่คนที่เข้าข่ายนี้ที่สำคัญก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตัดสินใจว่า เขากำลังเผชิญอยู่กับบารมีนอกรัฐธรรมนูญ การที่เขาส่งจดหมายอธิบายปัญหาของเขาไปให้ประธานาธิบดี บุช ฟังนั้น เกิดขึ้นภายหลังที่บทความหนังสือ The Economist วิจารณ์พระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงให้แก่ประธานศาลต่างๆ และมีบุคคลบางคนได้ให้คอลัมนิสต์ชาวอเมริกันวิจารณ์กรณีเดียวกัน
ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ คงไม่น่าจะมุ่งไปที่พลเอกเปรม เพราะแม้พลเอกเปรมจะมีบารมีมากก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ทักษิณจะเกรงกลัว เพราะพลเอกเปรม ก็ยังไม่เคยสั่งการข้าราชการคนใด มีแต่พระเจ้าอยู่หัวเท่านั้นที่ทรงฝากศาลให้ช่วยแก้ปัญหาวิกฤตของชาติ ซึ่งก็ทรงกระทำอย่างเปิดเผย ตามกรอบของรัฐธรรมนูญ
คำว่า extra-constitutional นั้น หมายถึงการที่ไม่มีอำนาจโดยตรงในฐานะสถาบันทางการเมือง จึงใช้คำว่า “ผู้มีบารมี” คำนี้มีแต่นายสมัคร สุนทรเวช เท่านั้นที่ออกมาชมว่าพูดได้เก๋
การตัดสินใจของทักษิณครั้งนี้ ผู้อยู่ในวงการเมืองเห็นว่าเป็นการทดลองหรือทดสอบความรู้สึกของประชาชนก่อน ประชาชนที่ว่านี้มีคนทั่วไป ชาวบ้านพวกหนึ่งกับทหารและข้าราชการอีกพวกหนึ่ง ที่น่าสังเกตก็คือทักษิณถือโอกาสเรียกประชุมข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และพูดตรงกับข้าราชการในเชิงตำหนิ “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” และตำหนิองค์กรบางองค์กรที่ยอมให้องค์กรเสียหาย เพราะไปฟังคำขอร้องของ “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” นี่แสดงว่า ทักษิณมีความมั่นใจว่า เขาได้รับการสนับสนุนจากทหาร และข้าราชการ
หลังจากทักษิณพูดแล้ว ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรจากทหารและข้าราชการ มีแต่คำวิจารณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ ผมถามอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคนว่า ทักษิณหมายถึงใคร ทุกคนเห็นตรงกันว่า น่าจะหมายถึงผู้มีบารมีสูงกว่าพลเอกเปรม
เมื่อพิจารณาถึงผู้มีบารมีแล้ว ประชาชนเพิ่งแสดงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวไปไม่นาน ก็มีการเอ่ยถึงผู้มีบารมี นักวิชาการบางคนบอกผมว่า การเมืองไทยมาถึงจุดสำคัญแล้ว และผลของการใช้นโยบายประชานิยมก็ทำให้ทักษิณกลายเป็นผู้นำมวลชนได้
บางคนไม่คิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของทักษิณ หากเป็นแผนการที่มีการขบคิดอย่างเป็นระบบ และมีการดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน เว็บไซต์มนุษยดอทคอม และการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ในเว็บไซต์บางแห่ง ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ และวิเคราะห์เลยเถิดไปถึงขนาดที่ว่า กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่นิยมสถาบันพระมหากษัตริย์ กำลังอาศัยทักษิณเป็นช่องทาง และเครื่องมือในการทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีบทบาทเป็นเพียงสัญลักษณ์ทางพิธีกรรม และพิธีการเท่านั้น ซึ่งผมไม่เชื่อว่าเป็นความจริง
ถ้าทักษิณเชื่อตามที่เขาเขียน และพูดจริงๆ ก็นับว่าน่าเสียดาย เพราะบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เน้นไปเพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบอบประชาธิปไตย โดยทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัดเสมอมา และถ้าทักษิณจะคิดว่า พลเอกเปรม เป็นศัตรูก็น่าเสียดายอีกเช่นกัน เพราะพลเอกเปรม ก็มีบทบาทในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมมานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งมาเริ่มในสมัยรัฐบาลทักษิณ อีกประการหนึ่ง พลเอกเปรม เป็นประธานองคมนตรี ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองอยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็คงไม่มีทางจะทำอะไรทักษิณได้
ผมเห็นว่า ข้อเขียนของคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ มีเหตุมีผลและตรงไปตรงมาดี คุณมีชัยเตือนว่า หากเฉยไว้ก็จะเข้าใจได้ว่า ทักษิณทำผิดมาตรา 8 แม้จะพูดอย่างคลุมเครือก็ตาม ผมคิดว่านี่เป็นการลองของครั้งแรก คงจะมีครั้งต่อไปอีก หรือน่าจะมีการปรึกษากันระหว่างคนวงในของรัฐบาลจริงๆ ดร.วิษณุ และดร.บวรศักดิ์ คงไม่ลาออก หากไม่เกรงกลัวจริงๆ ว่าจะมีความผิดด้วย สองคนนี้น่าจะรู้อะไรดีๆ ไม่เช่นนั้น คงไม่รีบลาออกมาก่อนที่จะสายเกินไป
ข้าราชการที่นั่งฟังทักษิณพูดอยู่ก็ตกใจมากได้แต่ออกมาซุบซิบกัน ส่วนนักการเมืองซีกรัฐบาลที่ต่างออกมาแก้ตัวแทนนายนั้น คนเห็นเป็นเรื่องตลกแกมสมเพช
หลายคนพูดกันว่า “ถึงขนาดนี้แล้ว จะเอาไว้ได้อย่างไรกัน” แต่ก็ได้แต่ปรับทุกข์กัน มีบางคนในซีกรัฐบาลปลอบใจทักษิณว่า ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะกระแสประชาธิปไตยในโลกกำลังแรงมาก มิน่าเล่าทักษิณจึงมีจดหมายไปถึงผู้นำประเทศต่างๆ เพื่อขอความสนับสนุน
เมืองไทยสมัยนี้ ยิ่งกว่าสมัยอยุธยา สมัยก่อนเรารบกับพม่า ยุคนี้มีการไประดมพม่าจากเมืองกาญจน์เข้ามาสนับสนุน นอกจากนั้น ยังไปขอความสนับสนุนจากผู้นำต่างประเทศอีก
นี่ก็เกือบสิ้นเดือนกรกฎาคมแล้ว ถ้ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เป็นกรรมของประเทศไทย ผู้ที่ออกมาต่อต้านคัดค้าน ไม่ว่าจะเป็นสนธิ หรือใครๆ ต่างก็โดนข่มขู่ คุกคาม ป้ายสี ฟ้องร้อง โดยขบวนการที่มีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ หากไม่จบเร็วลากยาวไปถึงเดือนตุลาคม ผมเกรงว่าจะเกิดความรุนแรง และสังคมเราคงต้องเยียวยากันอีกนาน