ผู้จัดการรายวัน - ศรีไทยซุปเปอร์แวร์เร่งส่งออกผลิตภัณฑ์เมลามีนและพลาสติกเพิ่ม หลังกำลังซื้อในประเทศหดหาย จากปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ มั่นใจปีนี้โกยรายได้ทะลุเป้า 4.4 พันล้านบาท เผยล้มโปรเจ็กต์ผลิตขวด HOT FILL เหตุตลาดชาเขียวชะลอตัวลง เบนเข็มเตรียมลงทุนโครงการ ผลิตถัง PETใช้ในอุตสาหกรรมสีและเคมีภัณฑ์แทน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังนี้ มีแนวโน้มชะลอตัวลง ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศหดหาย ดังนั้น บริษัทจึงหันมาส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกและเมลามีนเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายส่งออกปีนี้เป็น 800 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิม 615 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจาก 15%เป็น 20% เพื่อชดเชยรายได้จากไดเร็กเซลล์ที่ลดลง โดยคาดว่ารายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 4.3 พันล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2549 มีรายได้รวมประมาณ 2.2 พันล้านบาท เติบโตขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ยังมีการขยายตัว โดยศรีไทยฯหันไปเจาะตลาดชิ้นส่วนพลาสติกที่ใช้ในยานยนต์ และสินค้าบรรจุภัณฑ์ตลาดยังสดใสอยู่ รวมทั้งลดต้นทุนการผลิต และการสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 18-20% นอกจากนี้ ได้มีการปรับราคาขายผลิตภัณฑ์พลาสติกขึ้นในช่วงที่ผ่านมา 10% สืบเนื่องจากราคาวัตถุดิบ คือ เม็ดพลาสติกที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และบริษัทจะปรับขึ้นราคาขายผลิตภัณฑ์เมลามีนประมาณ 5% ในเดือนส.ค.นี้
"ปัจจัยความเสี่ยงด้านการเมืองและน้ำมันมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังนี้ ทำให้บริษัทต้องวางแผนเชิงรุก โดยการส่งออกมากขึ้น เนื่องจากกำลังซื้อภายในประเทศหดตัวลง ซึ่งปัจจุบันบริษัทส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกและเมลามีนเกินเป้าหมายที่วางไว้แล้ว ความจริงหากค่าเงินดอลลาร์ไม่อ่อนตัวลงเชื่อว่ารายได้จากการส่งออกในรูปเงินบาทจะสูงกว่า 800 ล้านบาทในปีนี้"
อย่างไรก็ตาม ปี 2550 ศรีไทยฯคาดว่าจะมีรายได้จากการส่งออกมากกว่าปีนี้ เนื่องจากบริษัทได้มีการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นให้ครบ 100 แห่งภายใน 2 ปีข้างหน้าจากปัจจุบันที่ส่งออกผลิตภัณฑ์เมลามีนและพลาสติกไปแล้ว 65 ประเทศทั่วโลก
นายสนั่น กล่าวถึงโครงการร่วมทุนผลิตขวดPET ประเภท HOT FILLEDว่า บริษัทได้ตัดสินใจยกเลิกโครงการดังกล่าวแล้ว เนื่องจากเห็นว่าตลาดเครื่องดื่มชาเชียวเริ่มชะลอตัวลง แต่จะหันไปลงทุนทำโครงการผลิตถังพลาสติก PET ที่ใช้บรรจุสีและเคมีภัณฑ์แทน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการรวมทั้งเจรจาขอซื้อไลเซนต์จากผู้ผลิตในอังกฤษ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ โครงการดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท มีกำลังการผลิตปีละ 5 ล้านใบ
ขณะเดียวกัน ศรีไทยฯได้มีนโยบายที่ไม่ขยายการลงทุนผลิตภัณฑ์เมลามีนในประเทศไทย แต่จะหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามแทน เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าวัตถุดิบต่ำกว่า และไทยเองก็มีปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ทำให้ไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าได้เต็มที่ ล่าสุดโรงงานผลิตเมลามีนของบริษัทที่นครราชสีมา ต้องนำเข้าแรงงานต่างด้าวจากพม่าและกัมพูชาเข้ามาทำงานในโรงงานแล้ว 260 คนเมื่อ 3 เดือนก่อน และนำเข้าแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้นเป็น 400 คนในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่โรงงานของศรีไทยฯที่จังหวัดชลบุรีก็มีแรงงานต่างด้าว 50 คน เป็นต้น ทั้งนี้ โครงการผลิตเมลามีนที่เวียดนามนั้น คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ประมาณไตรมาสแรกปี 2550 ซึ่งมีเครื่องจักรผลิตอยู่ 10 เครื่องแต่ในอนาคตจะเพิ่มมากขึ้น
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังนี้ มีแนวโน้มชะลอตัวลง ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศหดหาย ดังนั้น บริษัทจึงหันมาส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกและเมลามีนเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายส่งออกปีนี้เป็น 800 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิม 615 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจาก 15%เป็น 20% เพื่อชดเชยรายได้จากไดเร็กเซลล์ที่ลดลง โดยคาดว่ารายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 4.3 พันล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2549 มีรายได้รวมประมาณ 2.2 พันล้านบาท เติบโตขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ยังมีการขยายตัว โดยศรีไทยฯหันไปเจาะตลาดชิ้นส่วนพลาสติกที่ใช้ในยานยนต์ และสินค้าบรรจุภัณฑ์ตลาดยังสดใสอยู่ รวมทั้งลดต้นทุนการผลิต และการสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 18-20% นอกจากนี้ ได้มีการปรับราคาขายผลิตภัณฑ์พลาสติกขึ้นในช่วงที่ผ่านมา 10% สืบเนื่องจากราคาวัตถุดิบ คือ เม็ดพลาสติกที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และบริษัทจะปรับขึ้นราคาขายผลิตภัณฑ์เมลามีนประมาณ 5% ในเดือนส.ค.นี้
"ปัจจัยความเสี่ยงด้านการเมืองและน้ำมันมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังนี้ ทำให้บริษัทต้องวางแผนเชิงรุก โดยการส่งออกมากขึ้น เนื่องจากกำลังซื้อภายในประเทศหดตัวลง ซึ่งปัจจุบันบริษัทส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกและเมลามีนเกินเป้าหมายที่วางไว้แล้ว ความจริงหากค่าเงินดอลลาร์ไม่อ่อนตัวลงเชื่อว่ารายได้จากการส่งออกในรูปเงินบาทจะสูงกว่า 800 ล้านบาทในปีนี้"
อย่างไรก็ตาม ปี 2550 ศรีไทยฯคาดว่าจะมีรายได้จากการส่งออกมากกว่าปีนี้ เนื่องจากบริษัทได้มีการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นให้ครบ 100 แห่งภายใน 2 ปีข้างหน้าจากปัจจุบันที่ส่งออกผลิตภัณฑ์เมลามีนและพลาสติกไปแล้ว 65 ประเทศทั่วโลก
นายสนั่น กล่าวถึงโครงการร่วมทุนผลิตขวดPET ประเภท HOT FILLEDว่า บริษัทได้ตัดสินใจยกเลิกโครงการดังกล่าวแล้ว เนื่องจากเห็นว่าตลาดเครื่องดื่มชาเชียวเริ่มชะลอตัวลง แต่จะหันไปลงทุนทำโครงการผลิตถังพลาสติก PET ที่ใช้บรรจุสีและเคมีภัณฑ์แทน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการรวมทั้งเจรจาขอซื้อไลเซนต์จากผู้ผลิตในอังกฤษ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ โครงการดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท มีกำลังการผลิตปีละ 5 ล้านใบ
ขณะเดียวกัน ศรีไทยฯได้มีนโยบายที่ไม่ขยายการลงทุนผลิตภัณฑ์เมลามีนในประเทศไทย แต่จะหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามแทน เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าวัตถุดิบต่ำกว่า และไทยเองก็มีปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ทำให้ไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าได้เต็มที่ ล่าสุดโรงงานผลิตเมลามีนของบริษัทที่นครราชสีมา ต้องนำเข้าแรงงานต่างด้าวจากพม่าและกัมพูชาเข้ามาทำงานในโรงงานแล้ว 260 คนเมื่อ 3 เดือนก่อน และนำเข้าแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้นเป็น 400 คนในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่โรงงานของศรีไทยฯที่จังหวัดชลบุรีก็มีแรงงานต่างด้าว 50 คน เป็นต้น ทั้งนี้ โครงการผลิตเมลามีนที่เวียดนามนั้น คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ประมาณไตรมาสแรกปี 2550 ซึ่งมีเครื่องจักรผลิตอยู่ 10 เครื่องแต่ในอนาคตจะเพิ่มมากขึ้น