xs
xsm
sm
md
lg

ยุทธศาสตร์จักรี-ยุทธศาสตร์ยอดฟ้ากับปัญหาเรดาร์-ยุทธศาสตร์ทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: สปาย หมายเลขหก

ในวันนี้, วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2549 การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใน 6 จุด จากแรงสะท้อนของคำว่า “ผู้มีบารมี” นั้น มิใช่เป็นความรู้สึกทางการเมือง แต่เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี อันไม่ควรจะมีสิ่งใดมากีดขวางการแสดงออกครั้งนี้ เพราะจะเป็นการบ่งบอกถึงจิตใจอันแท้จริงที่อยู่ตรงข้าม หรือเป็นฝ่ายตรงข้าม

หากไม่ตระหนักตรงจุดนี้ ก็จะเป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นอีกฝ่ายหนึ่งอย่างแท้จริง


ในขณะที่กำลังมีการสร้างแรงการเมืองกระทบต่อ “ผู้มีบารมี” นั้น, ดูเหมือนว่าฝ่ายรัฐบาลหรือทางพรรคไทยรักไทย ก็ยังมีความเสมอต้นเสมอปลาย ในการทำในสิ่งที่เคยทำ ในการใช้อำนาจทางการเมืองต่อเรื่องต่างๆ มิได้หยุดหย่อนหรือรามือเลย แม้ว่าจะอยู่ในฐานะของการเป็นรัฐบาลรักษาการตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น โดยที่รัฐบาลทั้งคณะได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร

มีการคิดการใหญ่อันมีผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศอย่างสูงสุด ด้วยการที่อำนาจทางการเมืองจะเข้าเปลี่ยนแปลงแผนงานอันเป็น “ยุทธศาสตร์ของทหาร” เลยทีเดียว คือ ระบบเตือนภัยล่วงหน้าทางอากาศ ด้วยการที่พรรคไทยรักไทยหรือรัฐบาลนี้ จะเข้ามามีบทบาทในการจัดยุทธศาสตร์นั้นเสียเอง ทั้งๆ ที่เป็นบทบาทที่เฉพาะของทหาร ซึ่งเป็นผู้รู้ผู้จัดยุทธศาสตร์นั้น โดยเรื่องนี้ได้ปกปิดกันไว้เป็นความลึกและความลับไม่ให้แพร่งพรายออกไปภายนอก ในการมีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่กับโครงการนี้ที่มีมูลค่าหลายพันล้านบาท

ระบบเตือนภัยฯ ที่เรียกกันว่า โครงการระยะที่ 1 หรือ เฟส-2 ที่ได้เริ่มโครงการมาเป็นเวลานานแล้ว โดยที่ระบบการเตือนภัยล่วงหน้าที่ว่านั้น จะต้องมีความครอบคลุมไปทั่วทุกภาคทุกทิศของประเทศ แต่ยังไม่มีความสมบูรณ์ มีจุดอ่อนอยู่ทางด้านอ่าวไทยและภาคใต้ การดำเนินงานให้พิจารณาตามหลักยุทธศาสตร์ ตามภูมิประเทศของประเทศไทยว่าจะต้องจัดตั้งสถานีเรดาร์อยู่ที่ใดบ้าง ที่สมรรถนะของเรดาร์จะทำงานได้สมบูรณ์ที่สุด สามารถรายงานยังศูนย์บัญชาการได้ล่วงหน้าในเวลาที่รวดเร็ว และการปฏิบัติทางอากาศโดยเครื่องบินรบขึ้นสกัดกั้น การสนธิกำลังกับหน่วยภาคพื้นคือ ทหารต่อสู้อากาศยานของกองทัพอากาศ สนธิกำลังอย่างฉับพลัน และมีแผนปฏิบัติสอดคล้องกันตามแผนที่วางไว้กับหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพบก และหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศและรักษาฝั่งของกองทัพเรือ ที่ทั้งหมดนี้อยู่กับการทำงานของระบบเรดาร์เตือนภัยล่วงหน้า ที่มีกองทัพอากาศเป็นผู้รับผิดชอบ ถ้าหากว่าระบบนี้ “บอด” ก็จะทำให้ทุกระบบและการสนธิกำลังกับกองทัพบก และกองทัพเรือล้มเหลวไปทั้งหมด

ในสงครามสมัยใหม่การเป็นผู้ชนะหรือแพ้อยู่ที่กำลังทางอากาศ ใครที่เป็นผู้ครองฟ้า ผู้นั้นได้ครองแผ่นดินและผืนน้ำด้วย

ภารกิจอันยิ่งใหญ่ต่อภารกิจป้องกันประเทศอันเป็นยุทธศาสตร์นี้ ทางการเมืองไม่มีหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเป็นแผนหลักของยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ ที่ดำเนินมาตามแผนยุทธศาสตร์ที่ชื่อว่า “แผนจักรี” และมาสู่ “แผนยอดฟ้า” ตั้งแต่ พ.ศ. 2532 โดยทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าแตะต้องเลย ให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน และความต้องการของทหารซึ่งเป็นผู้กำหนดแผน ทางรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนแผนนั้นตามงบประมาณที่ทางทหารต้องการ แต่มิใช่ว่า การเป็นผู้จัดงบประมาณสนับสนุน จะเข้ามาเป็นผู้กำหนดยุทธศาสตร์ หรือเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เสียเอง ไม่ว่าจะเป็นความเกี่ยวข้องในทางตรงหรือทางอ้อม

ยุทธศาสตร์ของระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะที่ 2 (อ่าวไทยและภาคใต้) กำลังถูกแทรกแซงจากการเมืองในทางตรง โดยบุคคลที่ถือว่าเป็นแกนนำของพรรค ที่มีความสำคัญขนาดกำหนด “นโยบาย” ต่างๆ ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ เพราะใครๆ ในพรรค หรือในคณะรัฐบาลก็ให้ความเกรงใจจาก “นามสกุล” ที่ใหญ่เคียงคู่อยู่กับนามสกุล “ชินวัตร” บุคคลผู้นี้มีความเกี่ยวข้องสามารถบันดาลให้โครงการต่างๆ ผ่านได้โดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นระดับล่างขึ้นไปถึงระดับกระทรวง และเข้าไปในคณะรัฐมนตรี

ยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศที่ทำกันมาตั้งแต่ “แผนจักรี” และเข้าสู่ “แผนยอดฟ้า” ได้ถูกแทรกแซงอย่างแรง ด้วยการปรับเปลี่ยนคุณลักษณะของเรดาร์ในระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะที่ 2 โดย “ระบอบทักษิณ” หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็น “ยุทธศาสตร์ทักษิณ” ก็ได้ โดยขณะนี้, กำลังทำกันอยู่อย่าง “ลับที่สุด”แต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่เป็นความลับที่สุดอีกต่อไปแล้ว เมื่อ “ลึก-หกสิบ, ลับ-สี่สิบ” นี้เข้าสู่การเปิดเผยความลับนั้น และจะเกาะติดต่อไปในความเคลื่อนไหวดังกล่าวทุกระยะ

ดังที่ได้รายงานแล้วว่า แผนนี้ได้ดำเนินมาเป็นขั้นตอนตามหลักยุทธศาสตร์ มีการกำหนดสถานที่ตั้งสถานีเรดาร์ให้ครอบคลุมพื้นที่ เพื่อการสนธิกำลังกับกองทัพบก และกองทัพเรือ แล้วเข้าสู่การจัดหาเรดาร์และอุปกรณ์ต่างๆ ตามระบบ โดยกองทัพอากาศได้ตั้งกรรมการขึ้นมาพิจารณาอย่างรอบคอบ รักษายุทธศาสตร์ขั้นสูงสุดไว้ดังเดิม มีการพิจารณาระบบของเรดาร์ซึ่งจะติดตั้ง ณ สถานีเรดาร์ที่กำหนดไว้ ทุกอย่างครบถ้วนแล้ว ทางกอทัพอากาศได้พิจารณาเห็นชอบ และส่งเรื่องผ่านกองบัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งก็ไม่มีการทักท้วงหรือเปลี่ยนแปลง ไปจนถึงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมและเข้าสู่การพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะนำเรื่องเข้าสู่ความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เป็นการดำเนินการทางด้านเงินงบประมาณต่อไป, แต่ทั้งหมดนี้มาถูก “ดัก” อยู่ทางสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่อาจจะมีการพลิกหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ โดยการพลิกนี้ มิใช่เป็นการพลิกอย่างธรรมดา, แต่เป็นการ “พลิกระบบ” ทั้งหมดเลยทีเดียว เป็นการพลิกเรื่องราวที่มีการพิจารณากันมาหลายขั้นตอน จนกระทั่งได้รับความเห็นชอบจาก พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลิกความเห็นชอบของ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งจะถูกพลิกโดย พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งขณะนี้ยังไม่เข้าลักษณะของการ “พลิก” แต่ได้เริ่มอาการให้เห็นว่า เริ่มเอียงและตะแคงแล้ว หากไม่มีอะไรมายันไว้ โอกาสที่จะพลิกมีอยูสูงมากทีเดียว

เนื่องจากทางกองทัพอากาศได้เห็นว่า เรดาร์ที่จะติดตั้ง ณ สถานีเรดาร์ที่กำหนดไว้แล้วนั้น ต้องเป็นระบบคงที่ ซึ่งเรียกว่า -แอล แบรนด์ ดังที่ใช้ระบบนี้อยู่ที่สถานเรดาร์หลัก เช่น สถานีเรดาร์ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ที่เขาเขียว บริเวณเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ที่สถานีเรดาร์เขาพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ และที่สถานีเรดาร์อุดรธานี อุบลราชธานี ก็เป็นระบบ “แอล” ทั้งหมด กองทัพอากาศจึงเห็นชอบในการจัดหาเรดาร์แบบ “แอล” ดังกล่าว และเสนอแผนการจัดซื้อจัดหาไปตามความต้องการสนองต่อยุทธศาสตร์ดังกล่าว ไปตามลำดับจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

แต่มีผู้ที่เข้าขัดขวางระบบ “แอล” ด้วยการเสนอเรดาร์แบบ “เอ็กซ์ แบรนด์” ซึ่งเป็นอีกแบบหนึ่ง, ที่ถือว่ามิใช่ระบบเรดาร์หลัก แต่เป็นระบบเสริมเข้ามาแทรก


แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าดำเนินการในการจัดหา เพราะไม่ตรงกับคุณลักษณะความต้องการของกองทัพอากาศ แต่ก็พยายามที่จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยการนำระบบ “เอ็กซ์” เข้ามาแทนที่ให้ได้ โดยเข้าอาศัยอำนาจทางการเมืองผ่านบุคคลสำคัญของพรรคไทยรักไทย ที่จะทำให้แผนงานทั้งหมดของกองทัพอากาศตามยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศในแผนยอดฟ้า ต้องกลับมาพิจารณากันใหม่ โดยการที่จะให้กองทัพอากาศ พิจารณาเอาระบบ “เอ็กซ์” เข้ามาแทนที่ “แอล” ทั้งๆ ที่เรื่องได้ผ่านการพิจารณามาแล้วจากทางทหาร ว่าเป็นระบบที่มีความสมบูรณ์มีสมรรถนะการทำงานเช่นเดียวกับเรดาร์ที่มีอยู่ตามสถานีเรดาร์หลักต่างๆ และ “คนใหญ่” ในพรรคไทยรักไทย ก็รับลูกและรับเรื่องไว้ว่าจะดำเนินการให้ ซึ่งเรื่องนี้ “ผลตอบแทน” ย่อมเกิดขึ้นและมีตัวเลขสูงทีเดียวสำหรับการซื้อเรดาร์ 2 ชุดนี้

การผ่านขั้นตอนครั้งต่อไปของเรดาร์ระบบ “แอล” ก็คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจให้เป็นไปตามความต้องการของกองทัพอากาศที่พิจารณากันมาเสร็จสิ้นแล้ว หรือจะเป็นไปตามแรงกดดันทางการเมืองที่ชูธงระบบ “เอ็กซ์” ซึ่งก็มีความเชื่ออยู่ว่า พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นทหาร ย่อมจะมองอย่างทหาร คือมองตามหลักยุทธศาสตร์ที่เป็นมา และให้ความเชื่อถือต่อการพิจารณาตัดสินใจของผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการสูงสุด ที่ได้พิจารณาแล้วและตัดสินใจแล้ว

หากว่า พล.อ. ธรรมรักษ์ ตัดสินใจเช่นนั้น คือคงเป็นไปตามความต้องการของกองทัพ และเป็นไปตามยุทธศาสตร์ นำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีผู้พิจารณาอนุมัติ ก็จะต้องเผชิญกับกระบวนการทางการเมืองอีกหลายชั้น หากว่าอำนาจทางการเมืองที่ออกมาจากทางพรรคไทยรักไทยนั้นแน่นหนากว่า ไม่สามารถจะฝ่าด่านเข้าไปได้โดยง่าย

คือเรื่องราวจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกลั่นกรองงาน เรื่องที่จะเข้าระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีต้องผ่านความเห็นชอบของ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง หรือเรื่องสามารถฝ่าไปได้จนเข้าระเบียบวาระการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ก็อาจจะถูกพลิกกลับโดยมติ ครม.ให้มีการทบทวนใหม่ก็ได้ เท่ากับว่า เรดาร์ระบบ “แอล” นั้น ไม่ผ่านความเห็นชอบ และแรงกดดันทางการเมืองจะทำให้ทางกองทัพอากาศ ต้องตั้งต้นใหม่ในการพิจารณาระบบ “เอ็กซ์” ก็เป็นได้

ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ที่มีกระบวนการดักเพื่อจะ “พลิก” กันอยู่

หากว่ามีการพลิกกันจากเรดาร์ระบบ “แอล” เป็น “เอ็กซ์” ได้ ก็คืออำนาจทางการเมืองที่แสดงให้เห็นว่า สามารถหักโค่นความเห็นจากการพิจารณาของฝ่ายทหารได้โดยง่าย ทุกอย่างอยู่ในกำมือ เพราะเป็นผู้ทำงบประมาณซึ่งจะต้องมองย้อนกลับไปว่า การพิจารณาของทหารซึ่งทำกันมาอย่างเคร่งครัด รอบคอบ รักษาความมั่นคงของชาติอย่างสูงสุดนั้น ไม่มีคุณค่าหรือมีพลังอำนาจใดๆ ทางการเมืองเขาจะให้เปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามยุทธศาสตร์จักรี ยุทธศาสตร์ยอดฟ้า แต่ก็ต้องฟัง “ยุทธศาสตร์ทักษิณ” จากพรรคไทยรักไทย

ทางทหารมิได้ต้องการความเกรงใจอย่างใดๆ เลย ที่ทางการเมืองจะต้องเกรงใจทหาร เพราะรู้อยู่แล้วว่า สิ่งนั้นไม่มีเหลืออยู่ในยุคสมัยนี้ แต่ก็คงจะได้พิจารณากันโดยเหตุผลของผู้ทำหน้าที่ ซึ่งพิจารณากันมาอย่างดีแล้ว

สถานีเรดาร์หลัก ก็ควรจะต้องใช้เรดาร์อันมีสมรรถนะต่อระบบหลัก มิใช่ว่าเป็นสถานีเรดาร์หลัก แต่ตัวเรดาร์เป็นระบบ “เสริม” แม้ว่าจะมีการจัดหาเรดาร์ในระบบ “เอ็กซ์” นี้มาใช้อยู่ก่อนแล้ว การใช้งานก็เป็นการเข้ามาเสริมตามสมรรถนะที่มีรัศมีทำการตรวจจับสั้นกว่า และราคาถูกกว่า แต่ไม่ตรงตามความต้องการใช้งาน หากว่า เรื่องนี้มีการพลิกได้ทั้งระบบ ก็เท่ากับการเมืองได้เข้ามาคุมการวางแผนยุทธศาสตร์ของชาตินั่นเอง ทางทหารมิได้มีความหมายอะไรเลย ทั้งๆ ที่เป็นผู้มีหน้าที่โดยตรง และเป็นผู้รู้เรื่องยุทธศาสตร์อย่างถี่ถ้วน อีกทั้งเป็นยุทธศาสตร์ที่ทำกันมาอย่างต่อเนื่องมาหลายรัฐบาลแล้ว

รัฐบาลนี้จะเป็นรัฐบาลชุดแรก ที่เข้ามาจัดยุทธศาสตร์ และเข้ามาเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพโดยตรง เพราะการมีผลประโยชน์ทับซ้อน

ต้องรอดูกันต่อไปว่า เมื่อสิ่งที่เป็น “ความลับ” นี้ ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ทางการเมืองซึ่งมีอาการร่อแร่ทรุดหนักอยู่แล้ว จะเพิ่มน้ำหนักและเรื่องเรดาร์เข้าไปอีกหรือไม่? จะยอมปล่อยมือให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของทหาร หรือจะกำไว้ในมืออีกต่อไป โดยหวังจะหาประโยชน์อีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะหมดอำนาจลง

อีกทั้งจะต้องรอดูความเข้มแข็งของทหารว่าจะอยู่ในจุดของการทำหน้าที่ และรักษาหน้าที่ของการเป็นผู้ปกป้องอธิปไตยของชาติไว้ได้อย่างมั่นคง ไม่หวั่นไหวต่ออำนาจที่ไม่ชอบธรรม จากทางการเมืองหรือไม่? โดยกรณีนี้จะเป็นเครื่องชี้วัดได้เป็นอย่างดีว่าอยู่ในฐานะที่ถูกสั่งซ้ายหัน-ขวาหัน-กลับหลังหัน หรือทางการเมืองจะให้แบกปืนไม้ หรือไม้พลองแบบลูกเสือ ก็ต้องทำตามเสียทุกอย่างไป โดยเฉพาะเรื่องของเรดาร์นี้มิใช่ยุทโธปกรณ์ธรรมดา เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติอย่างสูงสุดเป็นปัจจัยการรบที่สำคัญมาก หากว่ายอมตาม “ยุทธศาสตร์ทักษิณ” ครั้งนี้ ใครจะมาเป็นผู้รับประกันสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อความพร้อมทางยุทธศาสตร์ของเราไม่สมบูรณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น