xs
xsm
sm
md
lg

ศาลเมืองคอนสอนเชิง กกต. ข้ออ้างโอนย้ายคดีฟังไม่ขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กกต.ยกแก๊งขึ้นศาลเมืองคอน ยื่นคำร้องขอโอนย้ายคดีมาที่กรุงเทพฯ อ้างรายงานทางลับมือมืดเตรียมทำร้ายถึงชีวิต โยงก่อการร้ายใต้ ศาลตอกกลับรับฟังไม่ได้ แต่เมื่อจำเลยยื่นคำร้องมา จึงต้องส่งคำร้องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งคำร้องต่อไป ขณะที่ทนายโจทก์ แฉถูกคุกคาม ดักฟังมือถือ โทรขู่ลูกสาว

จากกรณีที่นายประหยัด เสมาพัฒน์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลปากนคร ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.พร้อมด้วยนายปริญญา นาคฉัตรีย์ นายวีระชัย แนวบุญเนียร กกต.และ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีตกกต.เป็นจำเลยในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีมีคำสั่งให้ใบแดงกับนายประหยัด จนทำให้พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเกินกว่า 1 ปี ซึ่งศาลได้รับฟ้องและนัดไต่สวนพยานโจทย์ และพยานจำเลย โดยวิธีพิจารณาคดีต่อเนื่องในวันที่ 12 ก.ค.และ 21 ก.ค.49

เมื่อวานนี้ (12 ก.ค.) กกต.ซึ่งตกเป็นจำเลยทั้ง 4 คน ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยทีมกฎหมาย

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้เจ้าสู่กระบวนการพิจารณา ปรากฎว่า ฝ่ายจำเลยทั้ง 4 คน ได้ยื่นคำร้อง ขอโอนคดีต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชไปยังศาลอาญา กรุงเทพฯ โดยอ้างว่า ในวันที่จำเลยทั้ง 4 ได้เดินทางมายังศาล ในวันนัดครั้งก่อน (22 พ.ค.)ปรากฎว่า มีประชาชนท้องถิ่นมาที่ศาลเป็นจำนวนมาก ทั้งได้แสดงอาการ และมีพฤติการณ์ที่ไม่พอใจจำเลยทั้ง 4 โดยเขียนข้อความด่าว่า โห่ฮา หยาบคาย และมีข่าวที่จำเลยทั้ง 4 ได้รับรายงานในทางลับว่าจะทำร้ายร่างกาย และชีวิตของจำเลยทั้ง 4 อีกทั้งพิจารณาถึงการก่อการร้ายใน 4 จังหวัดภาคใต้แล้ว เห็นว่า ผู้ก่อการร้ายได้ยิงและฆ่าผู้บริสุทธิ์จนถึงแก่ความตายเป็นประจำทุกวัน อาจทำให้จำเลยทั้ง 4 ไม่ปลอดภัย ประกอบกับจำเลยทั้ง 4 มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจำนวนมากที่ต้องนำเสนอต่อศาล เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่ศาลกำหนดวันสืบพยานไว้เพียง 2 วัน ซึ่งไม่เพียงพอที่จำเลยทั้ง 4 จะพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้ จึงขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งโอนคดีนี้ไปพิจารณาที่ศาลอาญา กรุงเทพฯด้วย

หลังจากที่ศาลได้พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ในวันที่ศาลทำการนัดพร้อมและสอบคำให้การของจำเลยทั้ง 4 เมื่อวันที่ 22 พ.ค.นั้น ไม่ปรากฎเหตุการณ์ หรือพฤติการณ์ตามคำร้องของจำเลยทั้ง 4 แต่อย่างใด มีเพียงประชาชนในท้องถิ่นได้มารวมกลุ่มทำการประท้วงโดยการถือป้ายแสดงข้อความต่างๆ ไม่มีการโห่ฮา หยาบคาย หรือด่าว่าจำเลยทั้ง 4 ด้วยถ้อยคำอันดังแต่อย่างใด และประพฤติอยู่ในกรอบของกฎหมาย

ส่วนในเรื่องที่ศาลได้ทำการนัดพิจารณาคดีโดยให้มีการสืบพยานโจทก์ และจำเลยทั้ง 4 เพียง 2 วันนั้น ในเรื่องนี้ศาลได้ทำการประชุมคดีระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้ง 4 ได้สรุปผลและแนวทางในการต่อสู้คดีแล้วแถลงต่อศาลว่า มีความประสงค์จำสืบพยานฝ่ายจำเลยเพียง 1 วันครึ่ง ส่วนโจทก์ประสงค์สืบพยานโจทก์เพียงครึ่งวันเท่านั้น เห็นว่าศาลได้ให้โอกาสจำเลยทั้ง 4 ตรวจสอบและประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับแนวทางในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่แล้ว ประกอบกับเอกสารที่จำเลยทั้ง 4 ต้องนำมาประกอบในการต่อสู้คดี อยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้ง 4 ทั้งสิ้น ที่อ้างว่าการที่ศาลนัดวันสืบพยานให้ฝ่ายโจทก์และจำเลยเพียงสองวัน ทำให้จำเลยทั้ง 4 ไม่สามารถต่อสู้คดีอย่างเต็มที่นั้น ไม่อาจรับฟังได้

แต่เมื่อจำเลยทั้ง 4 ยื่นคำร้องขอโอนคดีจากศาลนี้ไปยังศาลอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26 จึงให้ส่งสำนวนและคำร้องไปยังประธานศาลฎีกาโดยเร็ว เพื่อพิจารณาสั่งคำร้องต่อไป และให้งดสืบพยานคดีนี้ไว้ก่อน และให้ยกเลิกวันนัดสืบที่เหลือทั้งหมด

นายฐานุวัฒน์ ภูมี ทนายความฝ่ายโจทก์ เปิดแถลงภายหลังจากศาลได้มีคำสั่งส่งเรื่องไปยังประธานศาลฎีกา ว่า ฝ่ายจำเลยมีเจตนาบางอย่าง และในส่วนของการพิจารณานั้นย่อมล่าช้าไปอย่างแน่นอน แต่เชื่อว่ากระบวนการสั่งคำร้องของประธานศาลฎีกานั้น คาดว่าจะไม่เกินสองเดือน และเข้าสู่กระบวนการพิจารณาต่อได้

"สิ่งที่อยากเปิดเผยให้สังคมรับรู้อีกเรื่องและเป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบด้วย คือ การคุกคามตัวผมและครอบครัวเมื่อวันที่ 11 ก.ค.49 ประมาณ 15.00 น.ได้มีโทรศัพท์ลึกลับไปยังบ้านพักที่ จ.ปทุมธานี โดยมีบุตรสาวเป็นคนรับสายและข่มขู่ว่าให้ระวังตัวไว้ให้ดี ชีวิตของผมไม่รู้จะเป็นเหมือนทนายสมชายหรือเปล่า ขณะที่โทรศัพท์มือถือของผมเองผมเชื่อว่ากำลังถูกดักฟัง ซึ่งทั้งหมดนี้รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ และอีกเรื่องคือการที่ผมไปว่าความให้กับนายอนันต์ พงพัว ที่โดนใบแดงจาก กกต.ไปยกทีม 12 คน ไปคุยคดีกันที่เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ มีชายฉกรรจ์พยายามติดตามผมถึง 4 คน ทั้ง 4 คนนี้ผมเคยเห็นหน้าที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องรับผิดชอบ"นายฐานุวัฒน์ กล่าว

ด้านนายวิรัช ชินวินิจกุล เลขานุการศาลฎีกา กล่าวถึงขั้นตอนการพิจารณาโอนคดีนี้ ว่า ตามนขั้นตอนเมื่อยื่นต่อศาลจังหวัดไปแล้ว ก็ต้องใช้ระยะเวลาวินิฉัยสำนวนก่อน และต้องเรียกโจทก์ มาสอบสวนว่าจะคัดค้านหรือไม่ และศาลต้องพิจาณาความได้เปรียบเสียเปรียของทั้ง 2 ฝ่าย โดยระยะเวลานั้นก็ยังบอกไม่ได้จะรู้ผลเมื่อไร ขึ้นอยู่ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชว่าจะพิจารณาคำร้อง และเมื่อสอบเสร็จก็ต้องส่งสำนวนมาทางไปรษณีย์ และหากว่ามีถึงศาลฎีกาเมื่อใด ทางสำนักงานเลขาฯ ก็จะนำสำนวนส่งประธานศาลฎีกาพิจารณาทันที โดยการพิจารณาของประธานศาลฎีกานั้นสามารถพิจารณาภายในวันเดียว แต่เมื่อพิจารณาเสร็จแล้ว ก็จะต้องส่งเรื่องกลับไปยังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้อ่านคำสั่งให้คู่ความฟังอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น