เทสโตรุกตลาดมันฝรั่งครึ่งปีหลัง ส่งรสชาติใหม่อิงกระแสเค เวฟ "รสกิมจิ กระทะร้อน" ด้วยงบตลาด 40 ล้านบาท หวังดันยอดขายเพิ่ม 30% แย้มแผนไตรมาสสุดท้ายของปีเล็งทำตลาดเทสโต รสยอดนิยมที่มีกว่า 7 เมนู เชื่อตลาดรวมสแน็คปีนี้เติบโต 10% พร้อมระบุตลาดมันฝรั่งครึ่งปีหลังแข่งไม่ดุเดือด เหตุผลผลิตมันฝรั่งเริ่มขาดแคลน
นางสาวเทพนารี เศรษฐเสรี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายมันฝรั่งทอดกรอบตราเทสโต เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯเตรียมรุกตลาดมันฝรั่งทอดกรอบอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดตัวเทสโต อินเตอร์เมนูรสชาติใหม่ "รสกิมจิ กระทะร้อน" เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสความนิยมเกาหลี(K Wave) รวมถึงเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มเทสโตอินเตอร์เมนู
หลังจากที่ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้สินค้าของเทสโต อินเตอร์เมนู ซึ่งมีอยู่ 2 รสชาติ ได้แก่ ทาโกะยากิและเยอรมันซอสเซสกลายมาเป็นสินค้าหลักที่ผลักดันให้ยอดขายของเทสโตให้เติบโตสูงกว่าช่วงเดียวดันของปีที่แล้ว 15% และทำให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 25% ของตลาดรวมมันฝรั่งมูลค่า 3,300 ล้านบาท โดยปัจจุบันเทสโต อินเตอร์เมนูมีสัดส่วนส่วนการขายคิดเป็น 25% ของเทสโตทั้งหมด
งบการตลาดของรสชาติใหม่เตรียมไว้ 40 ล้านบาท จะใช้ในระยะเวลา 3 เดือน ขณะที่งบการตลาดทั้งหมดของเทสโตปีนี้มีประมาณ 150 ล้านบาท แบ่งเป็นของกลุ่มอินเตอร์เมนู 100 ล้านบาท ส่วนไตรมาสสุดท้ายบริษัทฯมีแผนทำกิจกรรมและแคมเปญใหญ่ให้กับเทสโต รสยอดนิยม ซึ่งปัจจุบันมี 7 รสชาติ เช่น บาร์บีคิว,ปูผัดผงกระหรี่ เป็นต้น และออกรสชาติใหม่ให้กับกลุ่มนี้ด้วย
สำหรับยอดขายของเทสโตปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้น 20% และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 27-30% จากปัจจุบันมีแชร์ 25% คาดว่ารสชาติใหม่จะผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น 30% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 27% เมื่อถึงสิ้นปี ขณะที่ตลาดส่งออกบริษัทฯยังไม่มีแผนรุกทำตลาดอย่างเต็มที่ โดยปัจจุบันมีจำหน่ายในประเทศย่านอินโดจีน ซึ่งสัดส่วนยอดขายมียังไม่ถึง 5%
ส่วนตลาดรวมขนมขบเคี้ยวในปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% โดยครึ่งปีที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มปลาเส้นมีอัตราเติบโตมากที่สุด 17% รองลงมาเป็นขนมขึ้นรูป 13% และมันฝรั่ง 11% โดยในส่วนมันฝรั่งทั้งปีคาดว่าจะเติบโต 9%
"ภาพรวมการแข่งขันของมันฝรั่งในช่วงครึ่งปีหลังจะไม่รุนแรงเท่าครึ่งปีแรก เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่ผลผลิตมันฝรั่งจะเริ่มขาดแคลน รวมถึงเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลงเป็นหลัก โดยเทรนด์ของตลาดจะแข่งขันกันที่ออกรสชาติใหม่และคอนซูเมอร์ โปรโมชั่น" นางสาวเทพนารีกล่าว
นางสาวเทพนารี เศรษฐเสรี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายมันฝรั่งทอดกรอบตราเทสโต เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯเตรียมรุกตลาดมันฝรั่งทอดกรอบอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดตัวเทสโต อินเตอร์เมนูรสชาติใหม่ "รสกิมจิ กระทะร้อน" เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสความนิยมเกาหลี(K Wave) รวมถึงเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มเทสโตอินเตอร์เมนู
หลังจากที่ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้สินค้าของเทสโต อินเตอร์เมนู ซึ่งมีอยู่ 2 รสชาติ ได้แก่ ทาโกะยากิและเยอรมันซอสเซสกลายมาเป็นสินค้าหลักที่ผลักดันให้ยอดขายของเทสโตให้เติบโตสูงกว่าช่วงเดียวดันของปีที่แล้ว 15% และทำให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 25% ของตลาดรวมมันฝรั่งมูลค่า 3,300 ล้านบาท โดยปัจจุบันเทสโต อินเตอร์เมนูมีสัดส่วนส่วนการขายคิดเป็น 25% ของเทสโตทั้งหมด
งบการตลาดของรสชาติใหม่เตรียมไว้ 40 ล้านบาท จะใช้ในระยะเวลา 3 เดือน ขณะที่งบการตลาดทั้งหมดของเทสโตปีนี้มีประมาณ 150 ล้านบาท แบ่งเป็นของกลุ่มอินเตอร์เมนู 100 ล้านบาท ส่วนไตรมาสสุดท้ายบริษัทฯมีแผนทำกิจกรรมและแคมเปญใหญ่ให้กับเทสโต รสยอดนิยม ซึ่งปัจจุบันมี 7 รสชาติ เช่น บาร์บีคิว,ปูผัดผงกระหรี่ เป็นต้น และออกรสชาติใหม่ให้กับกลุ่มนี้ด้วย
สำหรับยอดขายของเทสโตปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้น 20% และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 27-30% จากปัจจุบันมีแชร์ 25% คาดว่ารสชาติใหม่จะผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น 30% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 27% เมื่อถึงสิ้นปี ขณะที่ตลาดส่งออกบริษัทฯยังไม่มีแผนรุกทำตลาดอย่างเต็มที่ โดยปัจจุบันมีจำหน่ายในประเทศย่านอินโดจีน ซึ่งสัดส่วนยอดขายมียังไม่ถึง 5%
ส่วนตลาดรวมขนมขบเคี้ยวในปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% โดยครึ่งปีที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มปลาเส้นมีอัตราเติบโตมากที่สุด 17% รองลงมาเป็นขนมขึ้นรูป 13% และมันฝรั่ง 11% โดยในส่วนมันฝรั่งทั้งปีคาดว่าจะเติบโต 9%
"ภาพรวมการแข่งขันของมันฝรั่งในช่วงครึ่งปีหลังจะไม่รุนแรงเท่าครึ่งปีแรก เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่ผลผลิตมันฝรั่งจะเริ่มขาดแคลน รวมถึงเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลงเป็นหลัก โดยเทรนด์ของตลาดจะแข่งขันกันที่ออกรสชาติใหม่และคอนซูเมอร์ โปรโมชั่น" นางสาวเทพนารีกล่าว