"ไกรศักดิ์"แฉพฤติกรรมไร้มารยาทของ"ทักษิณ"แอบส่งจดหมายลับสาธยายเรื่องภายในไปฟ้อง"ลูกพี่บูช"ถึงสหรัฐฯ กล่าวหาว่ามี"ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ"รังแก พยายามทำลายประชาธิปไตยในประเทศไทย ทูตนานาประเทศสุดเอือมพฤติกรรม มองผู้นำไทยเหมือนคนกำลังบ้า เผยองคมนตรีเตรียมตีกลับพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง - แต่งตั้งขรก.ระดับสูง ด้านพันธมิตรฯนัดชุมนุมใหญ่วันศุกร์ที่ 14 ก.ค.นี้ เคลื่อนขบวน 09.09น.บุกทำเนียบฯไล่ทักษิณ พันธมิตรฯในสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ต้านระบอบทักษิณ นัดคนไทยทั่วโลกใส่เสื้อเหลือง แสดงพลังหน้าสถานทูต ในวันที่ 9 ก.ค.นี้
เมื่อเวลา 18.09 น.วานนี้ (7ก.ค.)นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รักษาการส.ว.นครราชสีมา กล่าวบนเวทีรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ คอนเสิร์ตการเมือง ครั้งที่ 6 ที่สวนลุมพินีว่า ได้รับข่าวจากกระทรวงต่างประเทศ ที่ยืนยันได้ รวมทั้งได้ข่าวจากทำเนียบรัฐบาลซึ่งตรงกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้เขียนจดหมายลับ ถึงนายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อประมาณเดือน เม.ย.49 ซึ่งคนที่ได้อ่านรายละเอียดในจดหมายดังกล่าว ระบุว่า เนื้อหาคล้ายๆกับที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดกับข้าราชการระดับสูง ถึงคนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ กำลังทำลายระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย
"จดหมายเขียนทำนองว่า ประชาธิปไตยของไทยกำลังโดนคุกคาม จากคนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เหมือนอย่างที่ได้พูดกับข้าราชการเมื่อวันก่อน โดยปฏิเสธปัญหาที่ตัวเองได้ทำไว้ทั้งหมด ทั้งปัญหาภาคใต้ การฉ้อราษฎร์บังหลวง โดยปัดปัญหาให้กับสถาบันใดสถาบันหนึ่ง นี่เป็นการโยนความผิดให้กับคนอื่นอย่างเดียว ผู้นำอย่างนี้ผมรับไม่ได้"
นายไกรศักดิ์ กล่าวต่อว่า การทำแบบนี้ เป็นการผิดมารยาททางการเมืองอย่างสิ้นเชิง แสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ทำตัวเหมือนกับว่าเป็นเมืองขึ้นของสหรัฐฯ และสะท้อนว่าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศได้อีกแล้วหรือ เข้าใจว่าในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าจะเว้นวรรคทางการเมือง ก็ไปเยือนผู้นำในหลายประเทศ เช่น ที่ญี่ปุ่น รัสเซีย ฝรั่งเศสนั้น น่ากลัวว่าบทสนทนาระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับผู้นำประเทศเหล่านั้น จะไปฟ้องในทำนองเดียวกับจดหมายดังกล่าวว่า เขาถูกรังแก ทั้งที่มาจากการเลือกตั้ง และคงพยายามให้เขาเห็นอกเห็นใจ แต่ผู้นำพวกนี้ไม่ได้เป็นคนโง่ เขามีทูตในไทย เขารู้พ.ต.ท.ทักษิณ ทำอะไรไป เขาก็ส่งตัวแทนมา บางทีก็มานั่งฟังในหลายๆ เวทีที่วิพากษ์เกี่ยวกับการใช้อำนาจและละเมิดสิทธิมนุษยชนของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราฉะนั้นเขาไม่โง่
**วงการทูตชี้แแม้วบ้าไปแล้ว
นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า ในแวดวงการทูต ซึ่งตอนนี้เขายังให้เกียรติตนพอสมควร เขาเป็นห่วงประเทศไทยมาก และหลายคนไม่รู้จะอธิบายพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณได้อย่างไร โดยเฉพาะพฤติกรรมล่าสุดที่ขึ้นมาท้าทายสถาบันอันสูงส่งของพวกเรา ทั้งที่สถาบันไม่ใช่อุปสรรคของประชาธิปไตยเลย และทุกคนก็รู้ว่าเป็นสถาบันที่สนับสนุนประชาธิปไตยมาตลอดเวลา
"สิ่งที่คุณทักษิณพูดว่า คนจะมาทำลายประชาธิปไตย โดยที่ไม่เคารพรัฐธรรมนูญที่จริง ก็คือตัวเขาเอง" นายไกรศักดิ์ กล่าว และว่าจดหมายลับนั้น เขาไม่เคยพูดถึงปัญหาที่เขาเคยทำไว้เลย ทำให้เขากลายเป็นตัวตลก หรือเป็นคนที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว
นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จนมุมแล้ว และคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะต้องอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะกรณีอัยการสูงสุด ได้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ คงนึกไม่ถึง จึงได้มีการออกมาดิ้นขู่สถาบันสำคัญต่างๆ ว่าอย่าทำต่อไปนะ เพราะฉันยังมีอำนาจอยู่ อันนี้มันสะท้อนให้เห็นแล้ว ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ตกอยู่ในสภาพที่หวาดกลัวถึงที่สุดแล้ว
"สิ่งที่คุณทักษิณทำไป โดยเฉพาะการพูดถึงเรื่องคนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญล่าสุดนั้น เขามองว่าคุณทักษิณ เป็นคนป่วยไปแล้ว ใช้คำว่าเครซี่ (Crazy)"
**ฝักไฝ่การปกครองแบบสาธารณรัฐ
นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า ลึกๆ แล้วคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีความคิดแบบสาธารณรัฐ ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดอย่างที่พูดออกไป
การพูดแบบมีสคริปต์ให้อ่านอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงว่ามีคนช่วยคิด ช่วยเขียน เป็นแนวร่วมที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย และคนของพวกเขาก็ตั้งใจจะท้าทายสถาบัน แต่พอเห็นการโกรธเกรี้ยวของประชาชน ก็เริ่มตกใจว่า ไม่ควรทำไปตั้งแต่แรก ทำให้เริ่มถอย ผมคิดว่าเขาคาดคะเนว่า ถ้าเขาพูดในทำนองที่ว่ามีศัตรูของระบบ เป็นการประกาศศึก เพราะเขาพูดต่อหน้าข้าราชการประจำระดับสูงทั้งประเทศ แล้วไม่ระบุว่าเป็นใคร ทำให้เห็นว่า เขาไม่ควรเป็นผู้นำอีกแล้ว เป็นศัตรูที่มาทำลายระบบ แต่ไม่ระบุ แล้วให้คนเดาเอาเอง แล้วจะเดาเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากสถาบัน เพราะดูได้จากประโยคที่เขาใช้ คนอื่นเดาไม่ออก ก็เลยเหมือนคล้ายๆ กับคุณทักษิณ จะประกาศครั้งแรกๆ ของการปฏิวัติระบบ เพื่อตัวเองจะอยู่ต่อไปได้" นายไกรศักดิ์ กล่าวและว่า ถึงเวลาแล้วที่ขบวนการประชาชน ต้องเข้าใจด้วยว่า เราจะต้องต่อสู้กับคนที่ถูกสงสัยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับปฏิญญาฟินแลนด์ ฯลฯ แต่อันนี้ยิ่งกว่าจริงเสียอีก
**จับตาตีกลับพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง
นายไกรศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า วันก่อนตนได้ทราบข่าวว่า เรื่องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง การแต่งตั้งข้าราชการ ฯลฯ ที่ทางรัฐบาลรักษาการ นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อขอพระราชทานโปรดเกล้าฯนั้น ทางองคมนตรีกำลังจะส่งเอกสารตีกลับมาแล้ว แสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ทำผิดกติกาและจารีตอย่างสิ้นเชิง ตัวเองกำลังจะโดนยุบพรรคอยู่แท้ๆ แต่กลับประกาศว่า จะเลือกตั้ง 15 ตุลาคม โดยไม่รอให้กระบวนการสอบสวนแล้วเสร็จเสียก่อน
"เดียวคอยดู หลังจากนี้ก็จะออกมาโทษสถาบันอีก คอยดูว่าเขาจะโมโหเดือดร้อนโทษคนโน้นคนนี้อีก"
นายไกรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ตนทราบมาว่า มีสมาชิกพรรคคนหนึ่ง เคยหารือพ.ต.ท.ทักษิณว่า ถ้าท่านเว้นวรรค จะเหมาะสมไหม เพื่อจะได้เตรียมพรรคต่อไป เพื่อให้ยั่งยืน แล้วท่านก็เป็นประธานพรรคต่อไป ปรากฏว่า คุณผู้หญิงคนหนึ่งที่สำคัญที่สุดในพรรค บอกว่า ห้ามพูดเรื่องนี้ให้ได้ยินอีกเป็นอันขาด
**พันธมิตรนัดชุมนุมไล่แม้ว 14 ก.ค.
เวลา 13.00น.วันเดียวกันนี้ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แถลงข่าวหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ได้ข้อสรุปว่า จะจัดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ก.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เพื่อเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบคำถามว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ที่พูดนั้นหมายถึงใคร พร้อมทั้งเรียกร้องให้ ลาออกจากตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีด้วย เนื่องจากเป็นการทำหน้าที่เกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด ทำให้ประเทศชาติเสียหาย แตกแยก
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า จากจากคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ในที่ประชุมข้าราชการระดับสูง ว่าผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเข้ามาก้าวก่ายการบริหารราชการ สร้างความวุ่นวายแก่บ้านเมืองนั้น สังคมได้ลงความเห็นแล้วว่า หมายถึงใคร แต่เวลาผ่านไปกว่าสัปดาห์แล้วก็ยังไม่มีคำตอบจากปากของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะเดียวกัน กลับมีการส่งลิ่วล้อ ออกมากล่าวบิดเบือน กล่าวหาคนอื่นไปทั่ว ไม่ว่าจะ เป็นกลุ่มพันธมิตรฯ พรรคฝ่ายค้าน และล่าสุดได้บอกว่า คือ สื่อมวลชน
"รัฐบาลได้จาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัวเป็นระยะ และชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่พี่น้องประชาชนจะต้องแสดงพลังเพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ ในวันที่ 14 ก.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป โดยนัดพร้อมกันที่สนามหลวง จากนั้นจะเดินขบวนไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบข้อสงสัยของประชาชนว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญหมายถึงใคร พร้อมทั้งเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการด้วย เพราะว่าการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการในปัจจุบันนี้มีแนวโน้มยืดเยื้อ และยิ่งสร้างความแตกแยกเสียหายให้กับประชาชน จนยากที่จะเยียวยา" ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ระบุ
**ปล่อยให้รักษาการต่อไปไม่ได้แล้ว
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยอมตอบคำถามว่าผู้ที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญคือใคร แต่ให้ลิ่วล้อ ไม่ว่าจะเป็น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกรัฐบาล คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตลอดจนทีมกฎหมายของพรรคไทยรักไทย ออกมาอาละวาด รังแกกลุ่มคนต่างๆ ด้วยคำพูดที่บิดเบือนไปจาก ประเด็นหลักที่ประชาชนสงสัย โยนความผิดมาให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคประชาธิปัตย์ เราก็เลยเชื่อมั่นว่า ระบอบทักษิณที่แท้จริงนั้นคือ ระบอบที่ไม่ต้องการประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มิฉะนั้นแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่บังอาจจาบจ้วงด้วยคำพูดเช่นนี้ และเมื่อมีคนถามว่า เป็นใคร ก็ต้องกล้าพอที่จะตอบ แต่การไม่กล้าตอบ ก็เพราะว่าปฏิกิริยาของสังคมนั้นสะท้อนกลับมาแรงกว่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณ คิดไว้
นายสนธิ กล่าวด้วยว่า การรักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เป็นการรักษาการที่นานเกินไป จนกระทั่งถึงวันนี้ประมาณ 130-140 วัน เข้าไปแล้ว และยิ่งรักษาการนาน ก็ยิ่งจะทำให้เกิดความเสียหายให้กับชาติบ้านเมือง เพราะได้กระทำการอะไรหลายอย่างที่ไม่สนใจกติกาของรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการที่จะต้องให้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคนซึ่งตัวเองเสนอไปก่อน ถึงจะให้ไปดำรงตำแหน่ง กลับใช้พลการของรัฐบาลรักษาการ ตลอดจนการตั้ง พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ ขึ้นมาเป็นปลัดสำนักนายกฯ นั้นประชาชนและสังคมก็ได้เห็นชัดว่า ต้องการตั้งเข้ามาเพื่อช่วยเรื่องสัมปทานไอทีวี ที่มีปัญหาจากคำพิพากษาของศาลปกครอง ยังไม่นับอีกหลายต่อหลายอย่างที่ได้กระทำไป ไม่ว่าจะเป็นมหานครสุวรรณภูมิ หรือการสร้างศูนย์ราชการที่แจ้งวัฒนะ
"การรักษาการของพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เป็นการรักษาการที่ทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายเพิ่มเติมมากขึ้นอีก เพราะฉะนั้นแล้วทางพวกเราก็เลยเชื่อว่า ระบอบทักษิณนั้นคือ ระบอบที่ต้องการที่จะทำอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เราก็เลยเชิญชวนประชาชน มาแสดงพลังร่วมกันในวันที่ 14 ก.ค.นี้ "นายสนธิ กล่าว
**แม้วคือต้นเหตุให้ต้องเลือกข้าง
นายสนธิ ยังได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ถึงเรื่องการเรียกร้องให้ประชาชนเลือกข้าง อาจจะนำไปสู่ความรุนแรงว่า สิ่งที่ตนเรียกร้องนั้น เป็นการถามประชาชนว่า ใครก็ตามที่เห็นว่าระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้มาร่วมกันแสดงพลัง ส่วนใครก็ตามที่ยังเชื่อว่า ระบอบทักษิณ คือระบอบเผด็จการที่อ้างประชาธิปไตยบังหน้า ที่ใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องมาร่วมกับเรา และ เชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นในสังคมไทยในอนาคต เพราะว่า คนที่ทำให้เกิดความรุนแรงนั้นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าไม่อยากให้เกิดความรุนแรง พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่พูดจาจาบจ้วงอย่างที่ผ่านมา
"ทำไมคุณทักษิณถึงพูดวันที่ 29 มิ.ย.แล้วเราจะปล่อยให้คุณทักษิณพูดแล้วก็ทิ้งไว้เฉยๆ อย่างนั้นหรือ ถามว่าสังคมไทยพอใจแล้วหรือ ที่เรามีนายกฯรักษาการ ที่นึกจะพูดอะไรก็พูด กระทบกระทั่งใครก็กระทบกระทั่งไป แล้วตัวเองก็ไม่รับผิดชอบ ปล่อยให้ลิ่วล้อมาเห่าหอนแทนเจ้านาย ถ้าตัวเองมีความเป็นลูกผู้ชายพอ ทำไมตัวเองถึงไม่กล้าออกมาพูดว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นคนซึ่งทำให้ประชาชนต้องเลือกข้างนั้นก็คือคุณทักษิณนั่นเอง"
ส่วนการนัดชุมนุมครั้งนี้ จะเป็นแรงกดดันให้ทหารออกมาหรือไม่นั้น นายสนธิ กล่าวว่า เราไม่เคยคิดที่จะหวังพึ่งทหารอะไรทั้งสิ้น เราทำงานของเรามาตั้งนานแล้ว ก็เราไม่ได้คิด และจริงๆ แล้วการที่คุณทักษิณพูดวันที่ 29 นั้น ก็เป็นลักษณะของการที่คุณทักษิณพูดโดยตัวเขาเอง เขาก็รู้ว่าทหารไม่ออกมาแน่ เขาถึงกล้าพูด
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ขณะนี้ เหตุผลของความไม่เหมาะสมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะรักษาการนายกฯต่อไปนั้นชัดเจนมากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการพูดจากลับกลอก พูดจาให้เกิดความแตกแยกในสังคม โดยเฉพาะหลังจากที่ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ พิพากษาให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.เป็นโมฆะ ก็แสดงว่าการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. ทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ และ กกต.ต้องการจะได้อำนาจทางการเมืองการปกครองโดยไม่เป็นไปตามวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่งตาม มาตรา 60 ของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ก็ต้องยุบพรรคอยู่แล้ว
นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร กล่าวว่า สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดมานั้น เท่ากับเป็นการปฏิเสธระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนคนไทย จะต้องตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่า ระหว่างระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข กับระบอบทักษิณ เราจะต้องเลือกระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงได้นัดกันชุมนุมเพื่อแสดงพลังว่า เราจะเลือกระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แล้วเดินขบวนไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญ อย่างสงบและสันติ ในวันที่ 14 ก.ค.นี้
**แกนนำพันธมิตรฯไม่หวั่นถูกจับกุม
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ได้รับคำถามจากประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และต่างประเทศว่า เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพูดขนาดนี้แล้ว คนไทยอยู่เฉยๆได้อย่างไร ตนก็เจอกับตัวเอง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะมีประชาชนถามว่า "นี่ๆแล้วจะอยู่เฉยอย่างนี้หรือ จะปล่อยให้บ้านเมืองมันเป็นอะไรไปมากกว่านี้อีกหรืออย่างไร ดังนั้นวันนี้เราจึงนัดประชุมกันและมีมติออกมา และเรามีความมั่นใจว่า คราวนี้เป็นอีกคราวหนึ่ง ซึ่งเราจะแสดงให้เห็นว่า พวกเรานั้นไม่ต้องการอย่างยิ่ง ที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นมา และนี่เป็นเรื่องแปลก เรื่องใหม่ ซึ่งเราไม่คาดคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกล้าออกมาพูดถึงขนาดนี้"พล.ต.จำลอง กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าแกนนำพันธมิตรฯ ถูกจับก่อนการชุมนุมวันที่ 14 ก.ค.จะยังมีการชุมนุม หรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า คนที่ไปชุมนุมไม่ใช่มี 5 คน มีมากกว่านี้เยอะแยะ และนี่เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า แม้กลายเป็นผู้ต้องหาไปพิมพ์ลายนิ้วมือเรียบร้อยแล้วก็ยังทำ แล้วทำไมคนที่ยังไม่เป็นผู้ต้องหา รักบ้านรักเมือง แล้วไม่ออกมาช่วยกันทำบ้าง
"บ้านเมืองเป็นของทุกคน ไม่ใช่เป็นของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง กลุ่มคนที่ต้องคดี ต้องเป็นผู้ต้องหาโดยที่ตัวเองไม่ได้ทำผิดคิดร้ายอะไรเลย แล้วเป็นคดีที่ร้ายแรงด้วย ก็ยังออกมาเพื่อจะช่วยกันแก้ไขปัญหาวิกฤติ แล้วคนที่อยู่เฉยๆ ไม่ได้โดนอะไรเลย ทำไมอยู่เฉยๆได้ แล้วผลประโยชน์นี้เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ของส่วนรวม ไม่ใช่ผลประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง คณะใดคณะหนึ่ง เราบอกแล้วเราไม่ใช่พรรคการเมือง เราไม่มีอะไรที่เราจะต้องไปหาเสียงกับประชาชนเลย" พล.ต.จำลอง กล่าว
**พันธมิตรฯในอเมริกานัดแสดงพลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ สหรัฐอเมริกา ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1/2549 วันที่ 5 ก.ค.49 เนื้อหาระบุว่า จากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวถึงผู้มีบารมี นอกรัฐธรรมนูญ เป็นผู้สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง แต่ไม่ยอมบอกว่าผู้มีบารมีคนนั้นคือใคร จึงทำให้มีการตีความว่าหมายถึง พระเจ้าอยู่หัว หรือพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพราะ ถ้าเป็นบุคคลอื่นนอกเหนือไปจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องตอบคำถามผู้สื่อข่าวไปแล้ว
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้บังอาจกระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต่างกรรมต่างวาระกันหลายครั้ง เช่นการพูดว่า "ถ้านายกฯ ไม่จงรักภักดี ผีที่ไหนจะจงรักภักดีวะ" "ถ้าในหลวงมากระซิบว่า ออกเถอะ ผมจะกราบพระบาทบังคมลาทันที" "จะไม่ยอมรอความเจริญ ถ้าไม่มีเงินก็กู้หรือ เป็นหนี้ ทำไปก่อน ค่อยจ่ายทีหลัง ไม่ยอมจนอย่างพอเพียง"
ดังนั้น จึงขอให้นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ และประชาชนผู้รักชาติ-รักในหลวง ทั้งหลายในต่างประเทศ ก้าวออกมารวมพลังต่อต้านระบอบทักษิณ โดยสวมเสื้อเหลืองออกมาพร้อมเพรียงกัน ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ระหว่างเวลา 10.00-12.00 น. ที่สถานกงสุลไทย สถานทูตไทย หรือ สถานที่ที่แสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ในประเทศนั้นๆ และขอให้รวมพลังแสดงอารยะขัดขืนต่อ"ระบอบทักษิณ" เลิกปฏิบัติตามคำสั่งอันไม่ชอบธรรมของระบอบทักษิณด้วย
**ป๋าเปรมยั่งนิ่งไม่ยอมให้ความเห็น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเช้าวานนี้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เดินทางไปเป็นประธานวางศิลาฤกษ์แท่นประดิษฐานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ที่ค่ายศรีพัชรินทรา มณฑลทหารบกที่ 23 จ.ขอนแก่น โดยมีพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งในการเดินทางไปครั้งนี้ พล.อ.เปรม สวมเครื่องแบบทหารเต็มยศ แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น
**พล.ปตอ.ยันไม่ให้ม็อบบุรีรัมย์พัก
วันเดียวกันนี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.วรเดช ภูมิจิตร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (ปตอ.)กล่าวถึงโครงการ"รวมพลังเครือข่ายชุมชน สถานีวิทยุพล.ปตอ.เพื่อพัฒนาชาติไทย"เพื่อตอบสนองแนวทางการเสริมสร้างอุดมการณ์ความรักของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.เพื่อให้ประชาชนมีความรัก และ ความศรัทธาต่อหน่วย รวมถึงเป็นการสร้างเครือข่ายแหล่งข่าวจากประชาชนทั่วไป ในเดือนส.ค.นี้
เมื่อถามว่ามีการวิจารณ์ว่าบางรายการที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุ พล.ปตอ.ส่วนใหญ่มีเนื้อหาส่อไปในทางปลุกระดม พล.ท.วรเดช กล่าวว่า การจัดรายการไม่ได้ออกไปในลักษณะปลุกระดมอะไร ซึ่งตนติดตามดู และได้กำชับไปยังต้นสังกัดแล้ว
ส่วนที่มีประชาชนจากจ.บุรีรัมย์จำนวนมาก จะมาขออาศัยพื้นที่ พล.ปตอ.ที่บริเวณแยกเกียกกาย เป็นที่พักพิงในการสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ นั้นพล.ท.วรเดช ซึ่งเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 6 ของ ผบ.ทบ.กล่าวว่า ยังไม่มีการขอใช้สถานที่ มีเพียงแต่ประชาชนมาขอใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพ หรือกีฬา เท่านั้น และเราไม่มีนโยบายทำเช่นนั้น เพราะจะถูกมองไม่ดี
**ผู้มีบารมีเปลี่ยนเป็นนักข่าวแล้ว
เมื่อวานนี้ (7ก.ค.)พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเป็นประธานมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน 10 จังหวัดว่า ช่วงที่มีวันหยุดติดกันหลายวัน ตนไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ แต่จะอยู่แถวๆนี้ แถวพัทยา ไม่ไปไหนไกล
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อยากให้ทุกคนไปพักผ่อนซึ่งกันและกัน ทุกคนมีครอบครัว ตนก็จะไปแถวนี้กับครอบครัว ไม่มีอะไร ไม่มีข่าว ฉะนั้นใครโผล่มาก็ไม่ให้ข่าว ไม่ต้องมีปาปารัสซี่ ตนจะไปทันทีหลังจากพูดวิทยุในรายการ"นายกฯทักษิณพบประชาชน"ในวันที่ 8 ก.ค.เสร็จ ข่าวก็อยู่ในรายการวิทยุ พูดเสร็จก็จบแล้ว นอกนั้นก็จะไม่ให้ข่าวเลย พบกันใหม่วันพุธที่ 12 ก.ค.เลย และไม่ต้องมาตาม แต่จะกลับมาก่อนวันอังคารที่ 11 ก.ค. เพื่อเวียนเทียนที่กรุงเทพฯ
ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้ชี้แจงเรื่องผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ร้องว่า"โอ้ย..."พร้อมกับหันหน้าหนี เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า แล้วหันกลับมายิ้มกับผู้สื่อข่าว พร้อมบอกว่า "พวกคุณนั่นแหละ ผู้มีบารมี"
**อย่าปล่อยลิ่วล้อเล่นบทฤาษีแปลงสาร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความวุ่นวายทางการเมืองทั้งหมดว่า เกิดจากคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียวที่เจาะจงพูดคำว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ซึ่งปัญหานี้จะไม่มีวันจบหากยังมีรัฐบาล และผู้นำที่คิดถึงแต่อำนาจของตนเอง
"นายกฯ เป็นผู้จุดประเด็นขึ้นมาเอง แล้วไม่มีความพยายามจะรับผิดชอบ ท่านต้องออกมาบอกเองว่าหมายถึงใคร จะให้ลูกพรรคมานั่งวิเคราะห์ แปลงสารจากผู้มีบารมีกลายเป็นผู้มีอิทธิพล เป็นเรื่องไร้สาระ เพราะนายกฯ บอกว่า คนที่พูดถึง มีบารมีมาก สามารถสั่งการข้าราชการ จนข้าราชการเชื่อต้องทำตาม ในที่ประชุมข้าราชการวันนั้น ถามว่า ผมสามารถไปสั่งการอะไรใครได้ ยังถูกฟ้องอยู่ทุกวันนี้ นี่คือการพยายามขยายวงของความแตกแยก ตัวท่านนายกฯ ต้องออกมาบอกว่าหมายถึงใคร"นายอภิสิทธิ์ กล่าว และว่า ผู้นำประเทศพูดเอง จะมาบอกว่าไม่มีหลักฐานไม่ได้
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่าการพูดของพ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ ไม่ใช่การพูดด้วยความพลั้งเผลอ เพราะมีการเตรียมการ และอยากให้ออกมาบอกด้วยว่า การเว้นวรรคไปประเทศต่างๆ ท่านไปพูดอะไรบ้าง อยากถามว่า ใครเป็นผู้ทำให้ชาวโลกเกิดความสับสน ทั้งหมดเป็นเรื่องของการอยากจะอยู่ในอำนาจ
"ใครจะแก้ปัญหาตรงนี้ ต้องให้เจ้าตัวออกมาอธิบายเอง ว่าหมายถึงใคร วานนี้ (6 ก.ค.)วันเดียวออกมาให้ข่าวยังไม่ตรงกัน ไม่อย่างนั้นคำพูดตรงนี้ ก็ยังสร้างอึมครึมต่อไป เมื่อท่านตัดสินใจกล้าพูด ก็ต้องกล้ารับผิดชอบ หากผู้นำไม่กล้ารับผิดชอบแม้กระทั่งคำพูดของตัวเอง เราจะเดินหน้าไปได้อย่างไร"หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกสำนักเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงลิ้วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พยายามออกมาบอกว่าใครคือผู้มีบารมี ว่า เป็นเพราะขณะนี้อุณหภูมิทางการเมืองร้อนแรงขึ้น คนในพรรคไทยรักไทยพยายามหาทางลงเพื่อดับกระแสในเรื่องนี้ แต่มั่นใจว่าจะไม่สามารถหาข้อยุติได้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมรับความจริง เป็นผู้ร้ายปากแข็ง ทั้งที่รู้แก่ใจว่าการพูดออกไปนั้นเป็นเรื่องของปากพาจน แต่คนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ใครๆก็รู้ว่าทำผิดแล้วไม่เคยยอมรับผิด ทำให้คนในสังคมหวั่นเกร่งว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่ความรุนแรงทางการเมือง จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยเสียหาย ทำให้กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาชนนำไปอ้างในการนัดชุมนุมใหญ่ จึงทำให้มีข้อสังเกตว่า ที่พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าต้องรักษาระบอบประชาธิปไตยด้วยชีวิต นั้นที่จริงแล้วต้องการรักษาระบอบทักษิณด้วยชีวิตต่างหาก
นายเกษม สรศักดิ์เกษม รองเลขาธิการพรรคชาติไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าผู้มีบารมีนั้นเป็นใคร การที่ให้โฆษกรัฐบาลออกมาชี้แจงนั้นเป็นการพูดง่ายๆ เพราะโฆษกแถลงไม่มีใครเชื่อ ยิ่งบอกว่าหมายถึงสามัญชนนั้นจะยิ่งเป็นการแบ่งชั้นวรรณะ ทำให้คนคิดมากโดยใช่เหตุ
ส่วนที่ทีมกฎหมายพรรคไทยรักไทยออกมาบอกว่าผู้มีบารมีคือนายสนธิ ลิ้มทองกุล และพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยิ่งทำให้งง เพราะคนที่จะวิเคราะห์ว่าเป็นใครนั้นน่าจะเป็นคนนอกพรรค แต่กลับกลายเป็นว่าคนในพรรคไทยรักไทยมาวิเคราะห์สิ่งที่หัวหน้าพรรคพูด เป็นเรื่องประหลาด ซึ่งการวิเคราะห์ของลูกพรรคก็ได้ข้อยุติด้วย เดี๋ยวบ้านเมืองจะไปกันใหญ่ ซึ่งประเด็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นก็มาจากตัวของพ.ต.ท.ทักษิณเอง ที่ทำให้เกิดความยุ่งยาก
**แขวะหมอประเวศจอมอุดมคติ
นายพีรพันธุ์ พาสุข คณะทำงานด้านกฎหมายและการเมือง พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องทุกฝ่ายให้ความเป็นธรรมกับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย เพราะการที่กล่าวถึงบุคคลมีบารมี นอกรัฐธรรมนูญนั้น หัวใจสำคัญคือต้องการสื่อกับข้าราชการให้ตั้งใจทำหน้าที่ และอย่าห่วงเรื่องการเมือง จึงมีการยกตัวอย่างขึ้นมาถึงกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญ และไม่ได้ระบุชื่อบุคคล จึงทำให้ผู้ที่ต้องการเล่นงาน พ.ต.ท.ทักษิณ และสื่อ หยิบยกเพียงบางประเด็นมานำเสนอ โดยไม่ได้ พิจารณาถึงบรรยากาศโดยรวม และยืนยันว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวไม่ได้ขัดต่อมาตรา 8 ตามที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภาระบุในเว็บไซต์
ส่วนกรณีที่ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณลาออก เพื่อแก้ไขปัญหาเพราะขาดบารมีทางวาจานั้น นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า คงต้องเปิดพจนานุกรม เพื่อศึกษาคำว่าบารมีทางวาจา ว่าเป็นอย่างไร และเชื่อว่าแม้พ.ต.ท.ทักษิณ จะลาออก ก็ใช่ว่าปัญหาทุกอย่างจะยุติลงได้ อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการแสดงความเห็นของนพ.ประเวศ เป็นการเสนอในสิ่งที่เป็นอุดมคติมาโดยตลอด แต่ไม่เคยบอกว่าประเทศไทยมีกลไกเป็นอย่างไร และต้องแก้ไขปัญหาอย่างไร
**ลิ่วล้อทรท.กล่าวหาทางการเมือง
นายทองใบ ทองเปาด์ ส.ว.มหาสารคาม กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย จะแจ้งความดำเนินคดีกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล กรณีที่ออกมาระบุให้ประชาชนเลือกข้าง ว่า ความจริงคนที่ตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นคนที่พูดเอง ย่อมเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูด และการออกมาแถลงข่าวของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ทราบว่าได้รับมอบอำนาจ และคำชี้แจงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ จึงออกมาพูด เพราะสิ่งที่ นพ.สุรพงษ์ ก็ออกมาแถลง เป็นไปคนละแนวทางกับที่ฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย ออกมาพูด
นายทองใบ กล่าวว่า หากฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทยจะกล่าวหา น่าจะกล่าวหาไปเลยว่า นายสนธิ ทำผิดประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นการละเมิดต่อพระมหากษัตริย์ โดยจะเลือกเอามาตราไหนก็ได้ หากเห็นว่าเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือกรณีอื่นสามารถเลือกฟ้องอาญาได้ตั้งแต่ มาตรา 107-112 ของประมวลกฎหมายอาญา การเอารัฐธรรมนูญ มาตรา 8 มาอ้าง ถือเป็นกฎหมายใหญ่ แต่กฎหมายที่ไม่มีการกำหนดเป็นความผิด ดังนั้น ถ้ามองให้ดี นี่คือการกล่าวหาทางการเมือง ที่กล่าวหากันไปกันมาเท่านั้น
นายจอน อึ้งภากรณ์ รักษาการ ส.ว.กทม.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าการที่ อดีตส.ส.ไทยรักไทย บอกว่าผู้มีบารมี หมายถึงนายสนธินั้น คิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าหมายถึงนายสนธิจริง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่น่าจะใช้คำว่าผู้มีบารมี แต่ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และมีมาโดยตลอด คล้ายกับนักร้องลูกทุ่งที่ต้องมีหางเครื่อง มีผลประโยชน์ร่วมกัน จึงออกมาเคลื่อนไหวปกป้องเจ้านาย ทั้งที่ควรจะช่วยเตือนว่า เป็นกระทำที่ไม่เหมาะสม
เมื่อเวลา 18.09 น.วานนี้ (7ก.ค.)นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รักษาการส.ว.นครราชสีมา กล่าวบนเวทีรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ คอนเสิร์ตการเมือง ครั้งที่ 6 ที่สวนลุมพินีว่า ได้รับข่าวจากกระทรวงต่างประเทศ ที่ยืนยันได้ รวมทั้งได้ข่าวจากทำเนียบรัฐบาลซึ่งตรงกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้เขียนจดหมายลับ ถึงนายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อประมาณเดือน เม.ย.49 ซึ่งคนที่ได้อ่านรายละเอียดในจดหมายดังกล่าว ระบุว่า เนื้อหาคล้ายๆกับที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดกับข้าราชการระดับสูง ถึงคนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ กำลังทำลายระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย
"จดหมายเขียนทำนองว่า ประชาธิปไตยของไทยกำลังโดนคุกคาม จากคนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เหมือนอย่างที่ได้พูดกับข้าราชการเมื่อวันก่อน โดยปฏิเสธปัญหาที่ตัวเองได้ทำไว้ทั้งหมด ทั้งปัญหาภาคใต้ การฉ้อราษฎร์บังหลวง โดยปัดปัญหาให้กับสถาบันใดสถาบันหนึ่ง นี่เป็นการโยนความผิดให้กับคนอื่นอย่างเดียว ผู้นำอย่างนี้ผมรับไม่ได้"
นายไกรศักดิ์ กล่าวต่อว่า การทำแบบนี้ เป็นการผิดมารยาททางการเมืองอย่างสิ้นเชิง แสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ทำตัวเหมือนกับว่าเป็นเมืองขึ้นของสหรัฐฯ และสะท้อนว่าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศได้อีกแล้วหรือ เข้าใจว่าในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าจะเว้นวรรคทางการเมือง ก็ไปเยือนผู้นำในหลายประเทศ เช่น ที่ญี่ปุ่น รัสเซีย ฝรั่งเศสนั้น น่ากลัวว่าบทสนทนาระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับผู้นำประเทศเหล่านั้น จะไปฟ้องในทำนองเดียวกับจดหมายดังกล่าวว่า เขาถูกรังแก ทั้งที่มาจากการเลือกตั้ง และคงพยายามให้เขาเห็นอกเห็นใจ แต่ผู้นำพวกนี้ไม่ได้เป็นคนโง่ เขามีทูตในไทย เขารู้พ.ต.ท.ทักษิณ ทำอะไรไป เขาก็ส่งตัวแทนมา บางทีก็มานั่งฟังในหลายๆ เวทีที่วิพากษ์เกี่ยวกับการใช้อำนาจและละเมิดสิทธิมนุษยชนของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราฉะนั้นเขาไม่โง่
**วงการทูตชี้แแม้วบ้าไปแล้ว
นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า ในแวดวงการทูต ซึ่งตอนนี้เขายังให้เกียรติตนพอสมควร เขาเป็นห่วงประเทศไทยมาก และหลายคนไม่รู้จะอธิบายพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณได้อย่างไร โดยเฉพาะพฤติกรรมล่าสุดที่ขึ้นมาท้าทายสถาบันอันสูงส่งของพวกเรา ทั้งที่สถาบันไม่ใช่อุปสรรคของประชาธิปไตยเลย และทุกคนก็รู้ว่าเป็นสถาบันที่สนับสนุนประชาธิปไตยมาตลอดเวลา
"สิ่งที่คุณทักษิณพูดว่า คนจะมาทำลายประชาธิปไตย โดยที่ไม่เคารพรัฐธรรมนูญที่จริง ก็คือตัวเขาเอง" นายไกรศักดิ์ กล่าว และว่าจดหมายลับนั้น เขาไม่เคยพูดถึงปัญหาที่เขาเคยทำไว้เลย ทำให้เขากลายเป็นตัวตลก หรือเป็นคนที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว
นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จนมุมแล้ว และคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะต้องอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะกรณีอัยการสูงสุด ได้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ คงนึกไม่ถึง จึงได้มีการออกมาดิ้นขู่สถาบันสำคัญต่างๆ ว่าอย่าทำต่อไปนะ เพราะฉันยังมีอำนาจอยู่ อันนี้มันสะท้อนให้เห็นแล้ว ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ตกอยู่ในสภาพที่หวาดกลัวถึงที่สุดแล้ว
"สิ่งที่คุณทักษิณทำไป โดยเฉพาะการพูดถึงเรื่องคนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญล่าสุดนั้น เขามองว่าคุณทักษิณ เป็นคนป่วยไปแล้ว ใช้คำว่าเครซี่ (Crazy)"
**ฝักไฝ่การปกครองแบบสาธารณรัฐ
นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า ลึกๆ แล้วคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีความคิดแบบสาธารณรัฐ ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดอย่างที่พูดออกไป
การพูดแบบมีสคริปต์ให้อ่านอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงว่ามีคนช่วยคิด ช่วยเขียน เป็นแนวร่วมที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย และคนของพวกเขาก็ตั้งใจจะท้าทายสถาบัน แต่พอเห็นการโกรธเกรี้ยวของประชาชน ก็เริ่มตกใจว่า ไม่ควรทำไปตั้งแต่แรก ทำให้เริ่มถอย ผมคิดว่าเขาคาดคะเนว่า ถ้าเขาพูดในทำนองที่ว่ามีศัตรูของระบบ เป็นการประกาศศึก เพราะเขาพูดต่อหน้าข้าราชการประจำระดับสูงทั้งประเทศ แล้วไม่ระบุว่าเป็นใคร ทำให้เห็นว่า เขาไม่ควรเป็นผู้นำอีกแล้ว เป็นศัตรูที่มาทำลายระบบ แต่ไม่ระบุ แล้วให้คนเดาเอาเอง แล้วจะเดาเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากสถาบัน เพราะดูได้จากประโยคที่เขาใช้ คนอื่นเดาไม่ออก ก็เลยเหมือนคล้ายๆ กับคุณทักษิณ จะประกาศครั้งแรกๆ ของการปฏิวัติระบบ เพื่อตัวเองจะอยู่ต่อไปได้" นายไกรศักดิ์ กล่าวและว่า ถึงเวลาแล้วที่ขบวนการประชาชน ต้องเข้าใจด้วยว่า เราจะต้องต่อสู้กับคนที่ถูกสงสัยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับปฏิญญาฟินแลนด์ ฯลฯ แต่อันนี้ยิ่งกว่าจริงเสียอีก
**จับตาตีกลับพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง
นายไกรศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า วันก่อนตนได้ทราบข่าวว่า เรื่องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง การแต่งตั้งข้าราชการ ฯลฯ ที่ทางรัฐบาลรักษาการ นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อขอพระราชทานโปรดเกล้าฯนั้น ทางองคมนตรีกำลังจะส่งเอกสารตีกลับมาแล้ว แสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ทำผิดกติกาและจารีตอย่างสิ้นเชิง ตัวเองกำลังจะโดนยุบพรรคอยู่แท้ๆ แต่กลับประกาศว่า จะเลือกตั้ง 15 ตุลาคม โดยไม่รอให้กระบวนการสอบสวนแล้วเสร็จเสียก่อน
"เดียวคอยดู หลังจากนี้ก็จะออกมาโทษสถาบันอีก คอยดูว่าเขาจะโมโหเดือดร้อนโทษคนโน้นคนนี้อีก"
นายไกรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ตนทราบมาว่า มีสมาชิกพรรคคนหนึ่ง เคยหารือพ.ต.ท.ทักษิณว่า ถ้าท่านเว้นวรรค จะเหมาะสมไหม เพื่อจะได้เตรียมพรรคต่อไป เพื่อให้ยั่งยืน แล้วท่านก็เป็นประธานพรรคต่อไป ปรากฏว่า คุณผู้หญิงคนหนึ่งที่สำคัญที่สุดในพรรค บอกว่า ห้ามพูดเรื่องนี้ให้ได้ยินอีกเป็นอันขาด
**พันธมิตรนัดชุมนุมไล่แม้ว 14 ก.ค.
เวลา 13.00น.วันเดียวกันนี้ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แถลงข่าวหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ได้ข้อสรุปว่า จะจัดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ก.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เพื่อเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบคำถามว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ที่พูดนั้นหมายถึงใคร พร้อมทั้งเรียกร้องให้ ลาออกจากตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีด้วย เนื่องจากเป็นการทำหน้าที่เกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด ทำให้ประเทศชาติเสียหาย แตกแยก
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า จากจากคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ในที่ประชุมข้าราชการระดับสูง ว่าผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเข้ามาก้าวก่ายการบริหารราชการ สร้างความวุ่นวายแก่บ้านเมืองนั้น สังคมได้ลงความเห็นแล้วว่า หมายถึงใคร แต่เวลาผ่านไปกว่าสัปดาห์แล้วก็ยังไม่มีคำตอบจากปากของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะเดียวกัน กลับมีการส่งลิ่วล้อ ออกมากล่าวบิดเบือน กล่าวหาคนอื่นไปทั่ว ไม่ว่าจะ เป็นกลุ่มพันธมิตรฯ พรรคฝ่ายค้าน และล่าสุดได้บอกว่า คือ สื่อมวลชน
"รัฐบาลได้จาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัวเป็นระยะ และชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่พี่น้องประชาชนจะต้องแสดงพลังเพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ ในวันที่ 14 ก.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป โดยนัดพร้อมกันที่สนามหลวง จากนั้นจะเดินขบวนไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบข้อสงสัยของประชาชนว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญหมายถึงใคร พร้อมทั้งเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการด้วย เพราะว่าการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการในปัจจุบันนี้มีแนวโน้มยืดเยื้อ และยิ่งสร้างความแตกแยกเสียหายให้กับประชาชน จนยากที่จะเยียวยา" ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ระบุ
**ปล่อยให้รักษาการต่อไปไม่ได้แล้ว
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยอมตอบคำถามว่าผู้ที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญคือใคร แต่ให้ลิ่วล้อ ไม่ว่าจะเป็น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกรัฐบาล คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตลอดจนทีมกฎหมายของพรรคไทยรักไทย ออกมาอาละวาด รังแกกลุ่มคนต่างๆ ด้วยคำพูดที่บิดเบือนไปจาก ประเด็นหลักที่ประชาชนสงสัย โยนความผิดมาให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคประชาธิปัตย์ เราก็เลยเชื่อมั่นว่า ระบอบทักษิณที่แท้จริงนั้นคือ ระบอบที่ไม่ต้องการประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มิฉะนั้นแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่บังอาจจาบจ้วงด้วยคำพูดเช่นนี้ และเมื่อมีคนถามว่า เป็นใคร ก็ต้องกล้าพอที่จะตอบ แต่การไม่กล้าตอบ ก็เพราะว่าปฏิกิริยาของสังคมนั้นสะท้อนกลับมาแรงกว่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณ คิดไว้
นายสนธิ กล่าวด้วยว่า การรักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เป็นการรักษาการที่นานเกินไป จนกระทั่งถึงวันนี้ประมาณ 130-140 วัน เข้าไปแล้ว และยิ่งรักษาการนาน ก็ยิ่งจะทำให้เกิดความเสียหายให้กับชาติบ้านเมือง เพราะได้กระทำการอะไรหลายอย่างที่ไม่สนใจกติกาของรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการที่จะต้องให้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคนซึ่งตัวเองเสนอไปก่อน ถึงจะให้ไปดำรงตำแหน่ง กลับใช้พลการของรัฐบาลรักษาการ ตลอดจนการตั้ง พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ ขึ้นมาเป็นปลัดสำนักนายกฯ นั้นประชาชนและสังคมก็ได้เห็นชัดว่า ต้องการตั้งเข้ามาเพื่อช่วยเรื่องสัมปทานไอทีวี ที่มีปัญหาจากคำพิพากษาของศาลปกครอง ยังไม่นับอีกหลายต่อหลายอย่างที่ได้กระทำไป ไม่ว่าจะเป็นมหานครสุวรรณภูมิ หรือการสร้างศูนย์ราชการที่แจ้งวัฒนะ
"การรักษาการของพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เป็นการรักษาการที่ทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายเพิ่มเติมมากขึ้นอีก เพราะฉะนั้นแล้วทางพวกเราก็เลยเชื่อว่า ระบอบทักษิณนั้นคือ ระบอบที่ต้องการที่จะทำอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เราก็เลยเชิญชวนประชาชน มาแสดงพลังร่วมกันในวันที่ 14 ก.ค.นี้ "นายสนธิ กล่าว
**แม้วคือต้นเหตุให้ต้องเลือกข้าง
นายสนธิ ยังได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ถึงเรื่องการเรียกร้องให้ประชาชนเลือกข้าง อาจจะนำไปสู่ความรุนแรงว่า สิ่งที่ตนเรียกร้องนั้น เป็นการถามประชาชนว่า ใครก็ตามที่เห็นว่าระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้มาร่วมกันแสดงพลัง ส่วนใครก็ตามที่ยังเชื่อว่า ระบอบทักษิณ คือระบอบเผด็จการที่อ้างประชาธิปไตยบังหน้า ที่ใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องมาร่วมกับเรา และ เชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นในสังคมไทยในอนาคต เพราะว่า คนที่ทำให้เกิดความรุนแรงนั้นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าไม่อยากให้เกิดความรุนแรง พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่พูดจาจาบจ้วงอย่างที่ผ่านมา
"ทำไมคุณทักษิณถึงพูดวันที่ 29 มิ.ย.แล้วเราจะปล่อยให้คุณทักษิณพูดแล้วก็ทิ้งไว้เฉยๆ อย่างนั้นหรือ ถามว่าสังคมไทยพอใจแล้วหรือ ที่เรามีนายกฯรักษาการ ที่นึกจะพูดอะไรก็พูด กระทบกระทั่งใครก็กระทบกระทั่งไป แล้วตัวเองก็ไม่รับผิดชอบ ปล่อยให้ลิ่วล้อมาเห่าหอนแทนเจ้านาย ถ้าตัวเองมีความเป็นลูกผู้ชายพอ ทำไมตัวเองถึงไม่กล้าออกมาพูดว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นคนซึ่งทำให้ประชาชนต้องเลือกข้างนั้นก็คือคุณทักษิณนั่นเอง"
ส่วนการนัดชุมนุมครั้งนี้ จะเป็นแรงกดดันให้ทหารออกมาหรือไม่นั้น นายสนธิ กล่าวว่า เราไม่เคยคิดที่จะหวังพึ่งทหารอะไรทั้งสิ้น เราทำงานของเรามาตั้งนานแล้ว ก็เราไม่ได้คิด และจริงๆ แล้วการที่คุณทักษิณพูดวันที่ 29 นั้น ก็เป็นลักษณะของการที่คุณทักษิณพูดโดยตัวเขาเอง เขาก็รู้ว่าทหารไม่ออกมาแน่ เขาถึงกล้าพูด
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ขณะนี้ เหตุผลของความไม่เหมาะสมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะรักษาการนายกฯต่อไปนั้นชัดเจนมากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการพูดจากลับกลอก พูดจาให้เกิดความแตกแยกในสังคม โดยเฉพาะหลังจากที่ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ พิพากษาให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.เป็นโมฆะ ก็แสดงว่าการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. ทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ และ กกต.ต้องการจะได้อำนาจทางการเมืองการปกครองโดยไม่เป็นไปตามวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่งตาม มาตรา 60 ของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ก็ต้องยุบพรรคอยู่แล้ว
นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร กล่าวว่า สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดมานั้น เท่ากับเป็นการปฏิเสธระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนคนไทย จะต้องตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่า ระหว่างระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข กับระบอบทักษิณ เราจะต้องเลือกระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงได้นัดกันชุมนุมเพื่อแสดงพลังว่า เราจะเลือกระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แล้วเดินขบวนไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญ อย่างสงบและสันติ ในวันที่ 14 ก.ค.นี้
**แกนนำพันธมิตรฯไม่หวั่นถูกจับกุม
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ได้รับคำถามจากประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และต่างประเทศว่า เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพูดขนาดนี้แล้ว คนไทยอยู่เฉยๆได้อย่างไร ตนก็เจอกับตัวเอง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะมีประชาชนถามว่า "นี่ๆแล้วจะอยู่เฉยอย่างนี้หรือ จะปล่อยให้บ้านเมืองมันเป็นอะไรไปมากกว่านี้อีกหรืออย่างไร ดังนั้นวันนี้เราจึงนัดประชุมกันและมีมติออกมา และเรามีความมั่นใจว่า คราวนี้เป็นอีกคราวหนึ่ง ซึ่งเราจะแสดงให้เห็นว่า พวกเรานั้นไม่ต้องการอย่างยิ่ง ที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นมา และนี่เป็นเรื่องแปลก เรื่องใหม่ ซึ่งเราไม่คาดคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกล้าออกมาพูดถึงขนาดนี้"พล.ต.จำลอง กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าแกนนำพันธมิตรฯ ถูกจับก่อนการชุมนุมวันที่ 14 ก.ค.จะยังมีการชุมนุม หรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า คนที่ไปชุมนุมไม่ใช่มี 5 คน มีมากกว่านี้เยอะแยะ และนี่เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า แม้กลายเป็นผู้ต้องหาไปพิมพ์ลายนิ้วมือเรียบร้อยแล้วก็ยังทำ แล้วทำไมคนที่ยังไม่เป็นผู้ต้องหา รักบ้านรักเมือง แล้วไม่ออกมาช่วยกันทำบ้าง
"บ้านเมืองเป็นของทุกคน ไม่ใช่เป็นของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง กลุ่มคนที่ต้องคดี ต้องเป็นผู้ต้องหาโดยที่ตัวเองไม่ได้ทำผิดคิดร้ายอะไรเลย แล้วเป็นคดีที่ร้ายแรงด้วย ก็ยังออกมาเพื่อจะช่วยกันแก้ไขปัญหาวิกฤติ แล้วคนที่อยู่เฉยๆ ไม่ได้โดนอะไรเลย ทำไมอยู่เฉยๆได้ แล้วผลประโยชน์นี้เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ของส่วนรวม ไม่ใช่ผลประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง คณะใดคณะหนึ่ง เราบอกแล้วเราไม่ใช่พรรคการเมือง เราไม่มีอะไรที่เราจะต้องไปหาเสียงกับประชาชนเลย" พล.ต.จำลอง กล่าว
**พันธมิตรฯในอเมริกานัดแสดงพลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ สหรัฐอเมริกา ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1/2549 วันที่ 5 ก.ค.49 เนื้อหาระบุว่า จากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวถึงผู้มีบารมี นอกรัฐธรรมนูญ เป็นผู้สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง แต่ไม่ยอมบอกว่าผู้มีบารมีคนนั้นคือใคร จึงทำให้มีการตีความว่าหมายถึง พระเจ้าอยู่หัว หรือพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพราะ ถ้าเป็นบุคคลอื่นนอกเหนือไปจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องตอบคำถามผู้สื่อข่าวไปแล้ว
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้บังอาจกระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต่างกรรมต่างวาระกันหลายครั้ง เช่นการพูดว่า "ถ้านายกฯ ไม่จงรักภักดี ผีที่ไหนจะจงรักภักดีวะ" "ถ้าในหลวงมากระซิบว่า ออกเถอะ ผมจะกราบพระบาทบังคมลาทันที" "จะไม่ยอมรอความเจริญ ถ้าไม่มีเงินก็กู้หรือ เป็นหนี้ ทำไปก่อน ค่อยจ่ายทีหลัง ไม่ยอมจนอย่างพอเพียง"
ดังนั้น จึงขอให้นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ และประชาชนผู้รักชาติ-รักในหลวง ทั้งหลายในต่างประเทศ ก้าวออกมารวมพลังต่อต้านระบอบทักษิณ โดยสวมเสื้อเหลืองออกมาพร้อมเพรียงกัน ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ระหว่างเวลา 10.00-12.00 น. ที่สถานกงสุลไทย สถานทูตไทย หรือ สถานที่ที่แสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ในประเทศนั้นๆ และขอให้รวมพลังแสดงอารยะขัดขืนต่อ"ระบอบทักษิณ" เลิกปฏิบัติตามคำสั่งอันไม่ชอบธรรมของระบอบทักษิณด้วย
**ป๋าเปรมยั่งนิ่งไม่ยอมให้ความเห็น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเช้าวานนี้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เดินทางไปเป็นประธานวางศิลาฤกษ์แท่นประดิษฐานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ที่ค่ายศรีพัชรินทรา มณฑลทหารบกที่ 23 จ.ขอนแก่น โดยมีพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งในการเดินทางไปครั้งนี้ พล.อ.เปรม สวมเครื่องแบบทหารเต็มยศ แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น
**พล.ปตอ.ยันไม่ให้ม็อบบุรีรัมย์พัก
วันเดียวกันนี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.วรเดช ภูมิจิตร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (ปตอ.)กล่าวถึงโครงการ"รวมพลังเครือข่ายชุมชน สถานีวิทยุพล.ปตอ.เพื่อพัฒนาชาติไทย"เพื่อตอบสนองแนวทางการเสริมสร้างอุดมการณ์ความรักของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.เพื่อให้ประชาชนมีความรัก และ ความศรัทธาต่อหน่วย รวมถึงเป็นการสร้างเครือข่ายแหล่งข่าวจากประชาชนทั่วไป ในเดือนส.ค.นี้
เมื่อถามว่ามีการวิจารณ์ว่าบางรายการที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุ พล.ปตอ.ส่วนใหญ่มีเนื้อหาส่อไปในทางปลุกระดม พล.ท.วรเดช กล่าวว่า การจัดรายการไม่ได้ออกไปในลักษณะปลุกระดมอะไร ซึ่งตนติดตามดู และได้กำชับไปยังต้นสังกัดแล้ว
ส่วนที่มีประชาชนจากจ.บุรีรัมย์จำนวนมาก จะมาขออาศัยพื้นที่ พล.ปตอ.ที่บริเวณแยกเกียกกาย เป็นที่พักพิงในการสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ นั้นพล.ท.วรเดช ซึ่งเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 6 ของ ผบ.ทบ.กล่าวว่า ยังไม่มีการขอใช้สถานที่ มีเพียงแต่ประชาชนมาขอใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพ หรือกีฬา เท่านั้น และเราไม่มีนโยบายทำเช่นนั้น เพราะจะถูกมองไม่ดี
**ผู้มีบารมีเปลี่ยนเป็นนักข่าวแล้ว
เมื่อวานนี้ (7ก.ค.)พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเป็นประธานมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน 10 จังหวัดว่า ช่วงที่มีวันหยุดติดกันหลายวัน ตนไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ แต่จะอยู่แถวๆนี้ แถวพัทยา ไม่ไปไหนไกล
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อยากให้ทุกคนไปพักผ่อนซึ่งกันและกัน ทุกคนมีครอบครัว ตนก็จะไปแถวนี้กับครอบครัว ไม่มีอะไร ไม่มีข่าว ฉะนั้นใครโผล่มาก็ไม่ให้ข่าว ไม่ต้องมีปาปารัสซี่ ตนจะไปทันทีหลังจากพูดวิทยุในรายการ"นายกฯทักษิณพบประชาชน"ในวันที่ 8 ก.ค.เสร็จ ข่าวก็อยู่ในรายการวิทยุ พูดเสร็จก็จบแล้ว นอกนั้นก็จะไม่ให้ข่าวเลย พบกันใหม่วันพุธที่ 12 ก.ค.เลย และไม่ต้องมาตาม แต่จะกลับมาก่อนวันอังคารที่ 11 ก.ค. เพื่อเวียนเทียนที่กรุงเทพฯ
ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้ชี้แจงเรื่องผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ร้องว่า"โอ้ย..."พร้อมกับหันหน้าหนี เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า แล้วหันกลับมายิ้มกับผู้สื่อข่าว พร้อมบอกว่า "พวกคุณนั่นแหละ ผู้มีบารมี"
**อย่าปล่อยลิ่วล้อเล่นบทฤาษีแปลงสาร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความวุ่นวายทางการเมืองทั้งหมดว่า เกิดจากคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียวที่เจาะจงพูดคำว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ซึ่งปัญหานี้จะไม่มีวันจบหากยังมีรัฐบาล และผู้นำที่คิดถึงแต่อำนาจของตนเอง
"นายกฯ เป็นผู้จุดประเด็นขึ้นมาเอง แล้วไม่มีความพยายามจะรับผิดชอบ ท่านต้องออกมาบอกเองว่าหมายถึงใคร จะให้ลูกพรรคมานั่งวิเคราะห์ แปลงสารจากผู้มีบารมีกลายเป็นผู้มีอิทธิพล เป็นเรื่องไร้สาระ เพราะนายกฯ บอกว่า คนที่พูดถึง มีบารมีมาก สามารถสั่งการข้าราชการ จนข้าราชการเชื่อต้องทำตาม ในที่ประชุมข้าราชการวันนั้น ถามว่า ผมสามารถไปสั่งการอะไรใครได้ ยังถูกฟ้องอยู่ทุกวันนี้ นี่คือการพยายามขยายวงของความแตกแยก ตัวท่านนายกฯ ต้องออกมาบอกว่าหมายถึงใคร"นายอภิสิทธิ์ กล่าว และว่า ผู้นำประเทศพูดเอง จะมาบอกว่าไม่มีหลักฐานไม่ได้
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่าการพูดของพ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ ไม่ใช่การพูดด้วยความพลั้งเผลอ เพราะมีการเตรียมการ และอยากให้ออกมาบอกด้วยว่า การเว้นวรรคไปประเทศต่างๆ ท่านไปพูดอะไรบ้าง อยากถามว่า ใครเป็นผู้ทำให้ชาวโลกเกิดความสับสน ทั้งหมดเป็นเรื่องของการอยากจะอยู่ในอำนาจ
"ใครจะแก้ปัญหาตรงนี้ ต้องให้เจ้าตัวออกมาอธิบายเอง ว่าหมายถึงใคร วานนี้ (6 ก.ค.)วันเดียวออกมาให้ข่าวยังไม่ตรงกัน ไม่อย่างนั้นคำพูดตรงนี้ ก็ยังสร้างอึมครึมต่อไป เมื่อท่านตัดสินใจกล้าพูด ก็ต้องกล้ารับผิดชอบ หากผู้นำไม่กล้ารับผิดชอบแม้กระทั่งคำพูดของตัวเอง เราจะเดินหน้าไปได้อย่างไร"หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกสำนักเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงลิ้วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พยายามออกมาบอกว่าใครคือผู้มีบารมี ว่า เป็นเพราะขณะนี้อุณหภูมิทางการเมืองร้อนแรงขึ้น คนในพรรคไทยรักไทยพยายามหาทางลงเพื่อดับกระแสในเรื่องนี้ แต่มั่นใจว่าจะไม่สามารถหาข้อยุติได้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมรับความจริง เป็นผู้ร้ายปากแข็ง ทั้งที่รู้แก่ใจว่าการพูดออกไปนั้นเป็นเรื่องของปากพาจน แต่คนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ใครๆก็รู้ว่าทำผิดแล้วไม่เคยยอมรับผิด ทำให้คนในสังคมหวั่นเกร่งว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่ความรุนแรงทางการเมือง จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยเสียหาย ทำให้กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาชนนำไปอ้างในการนัดชุมนุมใหญ่ จึงทำให้มีข้อสังเกตว่า ที่พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าต้องรักษาระบอบประชาธิปไตยด้วยชีวิต นั้นที่จริงแล้วต้องการรักษาระบอบทักษิณด้วยชีวิตต่างหาก
นายเกษม สรศักดิ์เกษม รองเลขาธิการพรรคชาติไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าผู้มีบารมีนั้นเป็นใคร การที่ให้โฆษกรัฐบาลออกมาชี้แจงนั้นเป็นการพูดง่ายๆ เพราะโฆษกแถลงไม่มีใครเชื่อ ยิ่งบอกว่าหมายถึงสามัญชนนั้นจะยิ่งเป็นการแบ่งชั้นวรรณะ ทำให้คนคิดมากโดยใช่เหตุ
ส่วนที่ทีมกฎหมายพรรคไทยรักไทยออกมาบอกว่าผู้มีบารมีคือนายสนธิ ลิ้มทองกุล และพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยิ่งทำให้งง เพราะคนที่จะวิเคราะห์ว่าเป็นใครนั้นน่าจะเป็นคนนอกพรรค แต่กลับกลายเป็นว่าคนในพรรคไทยรักไทยมาวิเคราะห์สิ่งที่หัวหน้าพรรคพูด เป็นเรื่องประหลาด ซึ่งการวิเคราะห์ของลูกพรรคก็ได้ข้อยุติด้วย เดี๋ยวบ้านเมืองจะไปกันใหญ่ ซึ่งประเด็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นก็มาจากตัวของพ.ต.ท.ทักษิณเอง ที่ทำให้เกิดความยุ่งยาก
**แขวะหมอประเวศจอมอุดมคติ
นายพีรพันธุ์ พาสุข คณะทำงานด้านกฎหมายและการเมือง พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องทุกฝ่ายให้ความเป็นธรรมกับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย เพราะการที่กล่าวถึงบุคคลมีบารมี นอกรัฐธรรมนูญนั้น หัวใจสำคัญคือต้องการสื่อกับข้าราชการให้ตั้งใจทำหน้าที่ และอย่าห่วงเรื่องการเมือง จึงมีการยกตัวอย่างขึ้นมาถึงกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญ และไม่ได้ระบุชื่อบุคคล จึงทำให้ผู้ที่ต้องการเล่นงาน พ.ต.ท.ทักษิณ และสื่อ หยิบยกเพียงบางประเด็นมานำเสนอ โดยไม่ได้ พิจารณาถึงบรรยากาศโดยรวม และยืนยันว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวไม่ได้ขัดต่อมาตรา 8 ตามที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภาระบุในเว็บไซต์
ส่วนกรณีที่ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณลาออก เพื่อแก้ไขปัญหาเพราะขาดบารมีทางวาจานั้น นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า คงต้องเปิดพจนานุกรม เพื่อศึกษาคำว่าบารมีทางวาจา ว่าเป็นอย่างไร และเชื่อว่าแม้พ.ต.ท.ทักษิณ จะลาออก ก็ใช่ว่าปัญหาทุกอย่างจะยุติลงได้ อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการแสดงความเห็นของนพ.ประเวศ เป็นการเสนอในสิ่งที่เป็นอุดมคติมาโดยตลอด แต่ไม่เคยบอกว่าประเทศไทยมีกลไกเป็นอย่างไร และต้องแก้ไขปัญหาอย่างไร
**ลิ่วล้อทรท.กล่าวหาทางการเมือง
นายทองใบ ทองเปาด์ ส.ว.มหาสารคาม กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย จะแจ้งความดำเนินคดีกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล กรณีที่ออกมาระบุให้ประชาชนเลือกข้าง ว่า ความจริงคนที่ตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นคนที่พูดเอง ย่อมเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูด และการออกมาแถลงข่าวของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ทราบว่าได้รับมอบอำนาจ และคำชี้แจงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ จึงออกมาพูด เพราะสิ่งที่ นพ.สุรพงษ์ ก็ออกมาแถลง เป็นไปคนละแนวทางกับที่ฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย ออกมาพูด
นายทองใบ กล่าวว่า หากฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทยจะกล่าวหา น่าจะกล่าวหาไปเลยว่า นายสนธิ ทำผิดประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นการละเมิดต่อพระมหากษัตริย์ โดยจะเลือกเอามาตราไหนก็ได้ หากเห็นว่าเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือกรณีอื่นสามารถเลือกฟ้องอาญาได้ตั้งแต่ มาตรา 107-112 ของประมวลกฎหมายอาญา การเอารัฐธรรมนูญ มาตรา 8 มาอ้าง ถือเป็นกฎหมายใหญ่ แต่กฎหมายที่ไม่มีการกำหนดเป็นความผิด ดังนั้น ถ้ามองให้ดี นี่คือการกล่าวหาทางการเมือง ที่กล่าวหากันไปกันมาเท่านั้น
นายจอน อึ้งภากรณ์ รักษาการ ส.ว.กทม.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าการที่ อดีตส.ส.ไทยรักไทย บอกว่าผู้มีบารมี หมายถึงนายสนธินั้น คิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าหมายถึงนายสนธิจริง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่น่าจะใช้คำว่าผู้มีบารมี แต่ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และมีมาโดยตลอด คล้ายกับนักร้องลูกทุ่งที่ต้องมีหางเครื่อง มีผลประโยชน์ร่วมกัน จึงออกมาเคลื่อนไหวปกป้องเจ้านาย ทั้งที่ควรจะช่วยเตือนว่า เป็นกระทำที่ไม่เหมาะสม