xs
xsm
sm
md
lg

ดับเครื่องชนทักษิณ (1)

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

         บารมีพระมากล้น   รำพัน

พระพิทักษ์ยุติธรรม์        ถ่องแท้

บริสุทธิ์ดุจดวงตะวัน       ส่องโลก ไซร้แฮ

ทวยราษฎร์รักบาทแม้     ยิ่งด้วยบิตุรงค์


เมื่อวันพุธผมเขียนเรื่อง “ทักษิณดับเครื่องชน” เตือนให้คนไทยรู้ว่า บัดนี้ได้ถึงเวลาแล้ว ที่ทักษิณประกาศสู้ด้วยชีวิต โดยพุ่งเป้าตรงไปที่ “ผู้มีบารมี” ผมถามพวกเราว่า “จะสู้หรือจะหนี”

ผมไม่หนีครับ ผมจะดับเครื่องชนทักษิณเหมือนกัน ผมว่าทักษิณได้ขุดหลุมฝังศพทางการเมืองของเขาเรียบร้อยแล้ว ด้วยการทำทีเป็นพูดกำกวมถึง “บุคคลซึ่งดูเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ส่วนจุดมุ่งหมายและการกระทำของทักษิณนั้นเด่นชัดไม่กำกวม นั่นก็คือการไม่ยอมปล่อยและดำเนินการกลับเข้าไปกุมอำนาจรัฐ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยทักษิณ ที่เรียกง่ายๆ ว่าระบอบทักษิณ ซึ่งมิใช่ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ผมเชื่อว่าทักษิณรู้ดีว่าคำว่าบารมีและผู้มีบารมีแปลว่าอะไร ก่อนจะนำมาเขียน ก่อนจะนำมาพูด และทำสำเนามาแจกจ่าย นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานของรัฐ ย่อมมีองค์กรทางปัญญา นักวิชาการ นักภาษานักปราชญ์ราชบัณฑิต ที่จะแนะนำตรวจสอบการเลือกใช้ถ้อยคำให้สื่อความหมายได้ตรงแน่นอน ไม่เสี่ยงพูดอะไรสองแง่สองมุมเป็นปริศนา อันอาจสร้างความใจผิดในหมู่ผู้ฟังได้

คำว่าผู้มีบารมีนี้พูดตามความเข้าใจและภาษาชาวบ้านมีอยู่ 2 คนเท่านั้น คือ พระพุทธเจ้ากับพระเจ้าอยู่หัว ผมมีพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พิมพ์ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2538 วางอยู่ข้างหน้า คำว่าบารมีมีความหมายดังต่อไปนี้ “คุณงามความดีที่ควรบำเพ็ญมีอยู่ 10 อย่าง คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ (การออกจากกาม คือบวช) ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา เรียกว่า ทศบารมี ; คุณความดีที่ได้บำเพ็ญมา,คุณสมบัติที่ทำให้ยิ่งใหญ่, เช่นว่า ชมพระบารมี พระบารมีปกเกล้าฯ พ่ายแพ้แก่บารมี” หมดแค่นี้ ไม่มีความหมายอย่างอื่น ผมเข้าใจดีว่าภาษาอาจจะวิบัติไปตามกาลเวลา ทำให้มีการใช้ไขว้เขวไปบ้างก็ได้ แต่คนเป็นนายกรัฐมนตรีไม่น่าจะทำให้ภาษาวิบัติหรือวิบัติไปตามภาษา จะมาไขสือแก้ตัวว่าเข้าใจว่าเป็นคนโน้นคนนี้ ไม่ใช่คนนั้นคนนี้ จะเชื่อได้อยู่ดอกหรือ

การที่พรรคไทยลักไทยจะออกมาแก้ตัวเป็นพัลวันว่าเป็นบุคคลธรรมดา ที่ยังไม่สามารถระบุว่าเป็นบุคคลใด ก็เพราะยังไม่มีหลักฐาน เรื่องสำคัญที่อ้างว่าเป็นการทำลายรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย หากไม่มีหลักฐานจะเอามาปูดทำไม นี่หรือคือการปฏิบัติตามหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบของทักษิณและไพร่พล

สำหรับชาวบ้านชนบท ผมได้พูดไปในคราวที่แล้ว เกือบร้อยทั้งร้อย เขาจะเข้าใจว่าผู้มีบารมีคือในหลวง มิใช่แม้แต่พลเอกเปรม ในทางกฎหมายหมิ่นประมาทก็ดี หมิ่นพระบรมเดชานุภาพก็ดี หากคำที่อ้างถึง ทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นผู้ใด ก็ย่อมจะมีน้ำหนักยิ่งกว่าคำปฏิเสธของผู้พูดที่อ้างว่าไม่ใช่

ที่ปรึกษาอาวุโสของพรรคไทยรักไทยเคยติดคุกฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาแล้ว เพียงแต่พูดว่าเขาไม่ได้เกิดในมหาราชวัง จึงไม่ได้เป็นพระองค์เจ้าวีระ เลยอดเสวยน้ำจัณฑ์ทุกวันไม่ต้องทำงานอะไร พรรคนี้มีกี่คนเคยมีประวัติและท่าทีเหมือนวีระ มุสิกพงศ์ ใครรู้บ้างบอกผมด้วย

คำพูดของทักษิณเสียหายมาก สมควรให้อัยการฟ้องฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือละเมิดองค์พระมหากษัตริย์ เรื่องนี้ถึงจะระคายเคืองเบื้องยุคลบาท ตามที่เคยดำรัสเสมอมา มิทรงประสงค์ ในที่สุดคงจะพระราชทานอภัย แต่การพูดของทักษิณครั้งนี้ เป็นการกระทำผิดซ้ำซ้อนติดสันดาน ทางที่ดีทักษิณควรแสดงสำนึกผิดรีบขอพึ่งพระราชอำนาจ และลาออกไปเสีย ตามคำแนะนำที่เคยพระราชทานว่าใครทำหน้าที่ไม่ได้ก็ต้องลาออก ใครทำอะไรไม่อยู่กับร่องกับรอย ก็ลาออกเสีย เรื่องหนักก็จะกลายเป็นเบาด้วยเดชะพระบารมี

สัปดาห์นี้ ผมดีใจที่มีคนออกมาช่วยดับเครื่องชนทักษิณเป็นจำนวนมาก โดยมิได้นัดหมายกันเลย ทั้งหมด ไม่มีใครเป็นกุ๋ยกลางถนน คนเสียผลประโยชน์ หรือพวกขี้แพ้ชวนตีที่จ้องแต่จะล้มรัฐบาลอย่างที่ทักษิณกล่าวหาเลยสักคน กลับล้วนเป็นผู้ที่มีคนเคารพนับถือ บางคนก็เคยเป็นมือไม้แขนขาให้รัฐบาลทักษิณจนเนิ่นนานเกินสมควรด้วยซ้ำ เผลอๆ บางคนอาจจะเป็นหนึ่งใน 19 ล้านที่ทักษิณชอบอ้างนักหนาก็ได้ แต่บัดนี้ทุกคนเห็นทางเดียวกันหมดว่า ทักษิณเป็นปัญหาของแผ่นดิน

เรื่องนี้ พี่น้องที่ยากจนตามทุ่งนาป่าเขาอาจจะยังไม่รู้ หากยอมให้สื่อทีวีและวิทยุเสนอความจริง งานฌาปนกิจพรรคไทยลักไทยและหัวหน้าก็คงจะไม่พ้นก่อนสิ้นเดือนนี้ ไม่ทันที่จะมาแต่งตั้งเพื่อนเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และตั้งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 215 ดังที่ผมดักคอไว้ และได้รับการยืนยันจาก กกต.ว่าจริง เช่นนี้แล้ว ยังจะมีหน้าเสนอไปให้โปรดเกล้าหรือ

นี่ล่ะหนอ เขาว่าหนทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์คน บัดนี้ทักษิณได้เปลือยกายล่อนจ้อนให้สังคมไทยเห็นหมดแล้ว

สัปดาห์นี้ ผมต้องเปิดหมวกให้ผู้กล้าที่ดับเครื่องชนทักษิณ ทั้งที่เป็นกลุ่มหรือตัวคนเดียว ขอย้ำอีกครั้งว่า พี่น้องในชนบทหลงเชื่อหัวหน้าไทยลักไทยที่โกหกบ่อยๆ ว่า คนที่ค้านทักษิณล้วนแต่เป็นพวกกุ๋ย ผู้เสียประโยชน์ พวกขี้แพ้ชวนตี คราวนี้ผมจะชี้ให้เห็นชัดๆ ว่าบุคคลเหล่านี้เป็นผู้มีความน่าเชื่อถือในสังคมไทยยิ่งกว่าทักษิณและคณะที่เหลืออยู่เสียอีก

คนที่หนึ่ง คือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานวุฒิสภา นักกฎหมายชั้นแนวหน้าคนหนึ่งของเมืองไทย ชื่อเสียงของนายมีชัยทำให้ทักษิณนำไปแอบอ้างและโกหกเสมอ แม้จะถูกปฏิเสธก็ไม่หยุด นายมีชัยได้กล่าวในหมายเหตุบทความเรื่อง “ความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี” ว่าดังนี้

“ (1) หมายเหตุ ไหนๆ คนในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ก็ไปปล่อยข่าวกับหนังสือพิมพ์มติชนว่า ผมเป็นที่ปรึกษาลับๆ ให้กับนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง (อันที่จริงการอุปโลกน์นี้มีมาตั้งแต่ตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ แล้ว ซึ่งผมก็ได้ปฏิเสธไปทุกครั้งที่มีการกล่าวอ้าง ปฏิเสธทั้งในที่ประชุมสัมมนา ทาง meechaithailand.com และต่อสื่อมวลชน แต่การปล่อยข่าวทำนองนี้ก็ดูเหมือนจะมีอยู่ร่ำไป) ข้อเขียนนี้ขอให้ถือเสียว่าเป็นคำปรึกษาของคนที่ถูกอุปโลกน์ให้เป็นที่ปรึกษาก็แล้วกัน”

ผมสรุปความเห็นของนายมีชัยได้ 5 ข้อ ดังต่อไปนี้

(1) นอกจากโกหกแบบข้างต้นแล้ว ทักษิณยังโกหกแบบพูดอย่าง-ทำอย่าง สิ่งที่ทักษิณกระทำ นายมีชัยยกคำพูดทักษิณมา 7 อย่าง ทุกอย่างทักษิณทำตรงกันข้ามทั้งสิ้น “มิได้มีสิ่งใดที่จะแสดงให้เห็นถึง “ความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญ” ต่อกันเลย ทั้งยังไม่อาจกล่าวได้ว่า อยู่ในความสุจริต ในกฎ กติกา และในระเบียบแบบแผน โดยเท่าเทียมเสมอกัน”

(2) การที่ทักษิณกล่าวถึงผู้มีบารมีนั้น “คนทั้งประเทศเชื่อกันว่าคนที่มีบารมีมากที่สุดและเป็นที่รักของคนทุกคน ก็คือ พระเจ้าอยู่หัว ส่วนคนที่เคยอยู่ในแวดวงการเมืองที่มีบารมีและคนยังเคารพนับถือ ก็คือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งบัดนี้ท่านก็พ้นจากแวดวงการเมืองไปดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี อันเป็นตำแหน่งที่อยู่ใกล้ชิดพระเจ้าอยู่หัว” ดังนั้น ทักษิณกระทำให้เกิดความ “อึมครึมมาระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท”

(3) ทักษิณ “จงใจใช้คำว่า “ประชาธิปไตย” ห้วนๆ ในทุกแห่ง ทั้งๆ ที่เราเรียนรู้กันมาแต่อ้อนแต่ออกว่าระบอบประชาธิปไตยของไทยนั้น เป็น “ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”ซึ่งเป็นระบอบที่แตกต่างไปจากประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยอื่นๆ” ดังนี้ “เหมือนเขาจะจงใจให้คนเชื่อกันว่าข่าวลือเกี่ยวกับ “ปฏิญญาฟินแลนด์” นั้นเป็นเรื่องจริง”

(4) ทักษิณมิได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ปฏิญาณตนไว้ในรัฐธรรมนูญ เมื่ออ้างว่าทราบว่ามีคนกระทำการทำลายรัฐธรรมนูญ กลับคุยโม้ว่าจะป้องกันด้วยชีวิต แต่กลับไม่ทำอะไรเลย เมื่อถูกถามว่าใคร ก็เลี่ยงไปเลี่ยงมาว่าจะร้องเพลงให้ฟังบ้าง เมื่อยขาบ้าง กลุ่มสตรีอาวุโสถึงกับโทร.มาให้ผมถามทักษิณว่า เพลงชาติฝรั่งเศสหรือเพลงสรรเสริญพระบารมี และที่บ่นว่าเมื่อยขานั้นเพราะไม่อยากนั่งถวายบังคมกระนั้นหรือ

(5) นายมีชัยสรุปน่ากลัว ว่าทักษิณอย่ามัวทำเป็นเล่น บอกให้คนอื่นปฏิบัติหน้าที่ เขาก็พากันทำแล้ว เหลือแต่ทักษิณที่เลี่ยงไปเลี่ยงมา อย่างนี้ถือว่าเสี่ยงความผิดฐานล่วงละเมิดพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก บ้านเมืองอึมครึมอย่างนี้ ยังจะมีหน้าหนีไปดูฟุตบอลโลกอีกหรือ

ผมขอแนะนำให้พวกเรากลับไปอ่านและเผยแพร่บทความของนายมีชัย เป็นบทความที่เลิศ ดีกว่าของผมหลายสิบเท่า ผมอยากจะขอให้วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยนำไปอ่าน และให้วิทยุทีวีนำไปเผยแพร่ ควบคู่กับพระราชดำรัสตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2549 เป็นต้นมา แต่ผมเชื่อว่าจ้างรัฐบาลก็ไม่ยอม อะไรที่เป็นการเผยแพร่พระบารมีในหลวง เช่น การที่พลเอกเปรมไปกล่าวสุนทรพจน์เฉลิมพระเกียรติ ลิ่วล้อทักษิณชื่อสมัครกับดุสิตยังออกมาโจมตีหยาบคาย เมื่อวานนี้กระทรวงยุติธรรมเชิญให้พลเอกเปรมไปปาฐกถาเฉลิมพระเกียรติ ยังเสียมารยาทสั่งงดเสียดื้อๆ

ตรงกันข้าม ทั้งๆ ที่อึมครึมกันอยู่อย่างนี้ คำกล่าว 29 มิถุนายน ของทักษิณ ซึ่งมีการแจกสำเนาล่วงหน้าเป็นครั้งแรก แปลกกว่าทุกครั้งที่ไม่เคยมี ตอนนี้ก็ได้มีการพิมพ์แจกจ่ายกันต่อไปอีกอย่างกว้างขวาง เป็นการตอกย้ำและเผยแพร่ “บารมี” ของทักษิณในหมู่ไทยลักไทย ซ้ำยังอ้างหน้าด้านๆ ว่า ไม่อยากให้พลเอกเปรมพูด เพราะเกรงเรื่องจะบานปลาย

นี่แหละคือเนื้อแท้และกติกาของระบอบทักษิณ

ฉบับหน้าเราจะพูดกันต่อถึงบุคคลสำคัญอีก 2 กลุ่ม คือกลุ่มสตรีอาวุโส นำด้วย ม.ล.อนงค์ นิลอุบล ม.ร.ว.รำภิอาภา เกษมศรี คุณปราไพ ปราสาททองโอสถ คุณสุมาลี วีระไวทยะ และอดีตมันสมองกฎหมายของทักษิณ ดร.วิษณุ กับ ดร.บวรศักดิ์ ทุกคนเป็นเครื่องยืนยันได้หมดว่าทักษิณผิดศีลข้อมุสา เขาว่าคนโกหกทำชั่วได้ทุกอย่าง ทักษิณทำชั่วอะไรอีกบ้าง

ผมเศร้าใจที่ได้ยินจากแวดวงนักการทูตต่างประเทศว่า นายกรัฐมนตรีของไทยเป็น compulsive liar แปลเป็นภาษาแพทย์ว่าเป็นโรคจิตติดโกหกเป็นสันดาน

เท่าที่พูดนี้ ยังไม่พออีกหรือ ที่จะพิสูจน์ว่า ทักษิณขาดคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำประเทศ

“วันหนึ่งในตำแหน่งของทักษิณ ก็เป็นวันหนึ่งที่นานเกินไป และเป็นวันหนึ่งที่อันตรายมากขึ้นทุกทีสำหรับประเทศไทย”

ยกนี้เราอับเปอร์คัตเข้าลิ้นปี่ทักษิณ ด้วยแม่ไม้มวยมีชัย ยกต่อไปจะเอาหมัดฮุกหรือหมัดตรงครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น