มิสเตอร์ โดนัท เผชิญต้นทุนเพิ่ม 50% ต้องปรับราคาขึ้น 10%
ล่าสุดเดินหน้าเปิด Micro Kitchen เพิ่ม หวังใช้เป็นกลยุทธ์ลดต้นทุน พร้อมทุ่ม 150 ล้านบาท เปิด-ปรับ 30 สาขา คาดสิ้นปีนี้สู่สาขารวม 200 แห่ง ดันยอดรวมโตมากกว่า 10%
นายสุชีพ ธรรมาชีพเจริญ ผู้จัดการทั่วไป แบรนด์ มิสเตอร์ โดนัท บริหารงานโดยบริษัท เซ็นทรัล เรสเตอร์รองส์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อกระบวนการขนส่งที่เป็นต้นทุนหลักในการผลิตซึ่งทำให้ต้นทุนโดยรวมของบริษัทฯเพิ่มขึ้นกว่า 50% ทำให้สินค้าจำเป็นต้องปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นตามราคาขนส่ง แต่บริษัทฯปรับราคาขึ้นในบางรายการเท่านั้น เบื้องต้นได้ปรับราคาสินค้า พอน เดอ ริง สปริท หนึ่งในสินค้าใหม่ที่เปิดตัวเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเพิ่ม 10% ทั้งนี้ยังมีการปรับราคาสินค้าอีกกว่า 30 รายการ เฉลี่ยปรับราคาขึ้น 10% จากปัจจุบันรายการสินค้าแบรนด์ มิสเตอร์โดนัท มีทั้งหมดกว่า 60 รายการ
ทั้งนี้บริษัทฯเตรียมแผนในการลดค่าใช้จ่ายบางส่วนรวมถึงการประหยัดต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยชูแผนการลงทุนแบบ Micro Kitchen ซึ่งเป็นสาขาแบบครัวเปิด ครัวที่มีลักษณะเล็กภายใต้พื้นที่ 30 ตรม.ให้มากขึ้น จากเดิมได้ทำการเปิดสาขาแรกที่บิ๊กซี ลำปาง มาเป็นระยะเวลา 3 ปีแล้ว พบว่าครัวแบบเปิดMicro Kitchen มีผลดีในแง่ของการลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งโดยพบว่าการทำครัวเองที่สาขาสามารถลดค่าใช้จ่าย 1 หมื่นบาท/เดือน/สาขา จากเดิมกระบวนการผลิต มิสเตอร์โดนัท จะผลิตที่ครัวกลางซึ่งเป็นลักษณะครัวปิดแล้วส่งไปตามสาขาต่างๆเพื่อจำหน่าย อีกทั้งยังเสียเวลาในการขนส่งประมาณ 1 ชั่วโมง
ปัจจุบันสาขาของมิสเตอร์โดนัท ในรูปแบบ Micro Kitchen มีทั้งสิ้นกว่า 70 สาขา สัดส่วนจะแบ่งออกเป็น กรุงเทพฯ 40% ต่างจังหวัด 60% จากจำนวนสาขาทั้งหมด 173 สาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้บริษัทฯมีเป้าหมายในการขยายสาขาใหม่และการปรับปรุงสาขา รวมประมาณ 30 แห่งทั่วประเทศ และคาดว่าภายในปีนี้จะสามารถขยายสาขาให้ครบ 200 สาขา โดยจะมีรูปแบบของ Micro Kitchen อยู่กว่า 100 สาขา
ส่วนงบประมาณในการปรับปรุงและการเพิ่มสาขาบริษัทฯได้เตรียมไว้ 150 ล้านบาท โดยจะใช้งบประมาณในการปรับปรุงและสร้าง 4.5 ล้านบาทต่อสาขา ในส่วนของงบการตลาดบริษัทฯเตรียมใช้ 7% จากยอดขายในการทำสื่อโฆษณาต่างๆในการประชาสัมพันธ์
อย่างไรก็ตามจากการเปิดครัว Micro Kitchen ที่เริ่มเปิดมาเป็นเวลาถึง 3 ปี พบว่าการเติบโตมีเพิ่มมากขึ้น 30% จากยอดขายเดิมในแต่ละสาขาเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า ดังนั้นจากแผนในการขยายสาขาเพิ่มรวมถึงการปรับปรุงการเปิดครัวใหม่ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดรายได้จะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
ปัจจุบันมิสเตอร์โดนัทมีมาร์เก็ตแชร์ 65% ของตลาดรวม ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท คาดว่าจากการปรับปรุงและเปิดสาขาใหม่จะสามารถขยับแชร์เพิ่มขึ้นอีก 70% ของตลาดรวม
ล่าสุดเดินหน้าเปิด Micro Kitchen เพิ่ม หวังใช้เป็นกลยุทธ์ลดต้นทุน พร้อมทุ่ม 150 ล้านบาท เปิด-ปรับ 30 สาขา คาดสิ้นปีนี้สู่สาขารวม 200 แห่ง ดันยอดรวมโตมากกว่า 10%
นายสุชีพ ธรรมาชีพเจริญ ผู้จัดการทั่วไป แบรนด์ มิสเตอร์ โดนัท บริหารงานโดยบริษัท เซ็นทรัล เรสเตอร์รองส์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อกระบวนการขนส่งที่เป็นต้นทุนหลักในการผลิตซึ่งทำให้ต้นทุนโดยรวมของบริษัทฯเพิ่มขึ้นกว่า 50% ทำให้สินค้าจำเป็นต้องปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นตามราคาขนส่ง แต่บริษัทฯปรับราคาขึ้นในบางรายการเท่านั้น เบื้องต้นได้ปรับราคาสินค้า พอน เดอ ริง สปริท หนึ่งในสินค้าใหม่ที่เปิดตัวเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเพิ่ม 10% ทั้งนี้ยังมีการปรับราคาสินค้าอีกกว่า 30 รายการ เฉลี่ยปรับราคาขึ้น 10% จากปัจจุบันรายการสินค้าแบรนด์ มิสเตอร์โดนัท มีทั้งหมดกว่า 60 รายการ
ทั้งนี้บริษัทฯเตรียมแผนในการลดค่าใช้จ่ายบางส่วนรวมถึงการประหยัดต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยชูแผนการลงทุนแบบ Micro Kitchen ซึ่งเป็นสาขาแบบครัวเปิด ครัวที่มีลักษณะเล็กภายใต้พื้นที่ 30 ตรม.ให้มากขึ้น จากเดิมได้ทำการเปิดสาขาแรกที่บิ๊กซี ลำปาง มาเป็นระยะเวลา 3 ปีแล้ว พบว่าครัวแบบเปิดMicro Kitchen มีผลดีในแง่ของการลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งโดยพบว่าการทำครัวเองที่สาขาสามารถลดค่าใช้จ่าย 1 หมื่นบาท/เดือน/สาขา จากเดิมกระบวนการผลิต มิสเตอร์โดนัท จะผลิตที่ครัวกลางซึ่งเป็นลักษณะครัวปิดแล้วส่งไปตามสาขาต่างๆเพื่อจำหน่าย อีกทั้งยังเสียเวลาในการขนส่งประมาณ 1 ชั่วโมง
ปัจจุบันสาขาของมิสเตอร์โดนัท ในรูปแบบ Micro Kitchen มีทั้งสิ้นกว่า 70 สาขา สัดส่วนจะแบ่งออกเป็น กรุงเทพฯ 40% ต่างจังหวัด 60% จากจำนวนสาขาทั้งหมด 173 สาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้บริษัทฯมีเป้าหมายในการขยายสาขาใหม่และการปรับปรุงสาขา รวมประมาณ 30 แห่งทั่วประเทศ และคาดว่าภายในปีนี้จะสามารถขยายสาขาให้ครบ 200 สาขา โดยจะมีรูปแบบของ Micro Kitchen อยู่กว่า 100 สาขา
ส่วนงบประมาณในการปรับปรุงและการเพิ่มสาขาบริษัทฯได้เตรียมไว้ 150 ล้านบาท โดยจะใช้งบประมาณในการปรับปรุงและสร้าง 4.5 ล้านบาทต่อสาขา ในส่วนของงบการตลาดบริษัทฯเตรียมใช้ 7% จากยอดขายในการทำสื่อโฆษณาต่างๆในการประชาสัมพันธ์
อย่างไรก็ตามจากการเปิดครัว Micro Kitchen ที่เริ่มเปิดมาเป็นเวลาถึง 3 ปี พบว่าการเติบโตมีเพิ่มมากขึ้น 30% จากยอดขายเดิมในแต่ละสาขาเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า ดังนั้นจากแผนในการขยายสาขาเพิ่มรวมถึงการปรับปรุงการเปิดครัวใหม่ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดรายได้จะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
ปัจจุบันมิสเตอร์โดนัทมีมาร์เก็ตแชร์ 65% ของตลาดรวม ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท คาดว่าจากการปรับปรุงและเปิดสาขาใหม่จะสามารถขยับแชร์เพิ่มขึ้นอีก 70% ของตลาดรวม