ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตลาดนกเขาชวาสงขลามูลค่านับร้อยล้านบาทต่อปีชะงักงัน เหตุจากความหวาดระแวงโรคไข้หวัดนก เผยตลาดหลักคืออินโดนีเซีย ที่เป็นผู้ซื้อกระเป๋าหนักขณะนี้แทบไม่เคลื่อนไหว ด้านรัฐบาลมาเลเซียและสิงคโปร์ก็สั่งห้ามนำเข้าเด็ดขาด วอนรัฐบาลนำขึ้นโต๊ะเจรจาระดับอาเซียน เพื่อเป็นอีกทางหนึ่งในการแก้ปัญหาและขยายตลาด พร้อมยกระดับสินค้าจากไทยไปในตัว
นายประสิทธิ์ อิสอ เจ้าของฟาร์มนกเขาชวา แอทองฟาร์ม อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งถือเป็นฟาร์มนกเขาชวาขนาดใหญ่ที่สุดในพื้นที่ กล่าวถึงสถานการณ์นกเขาชวาใน อ.จะนะว่า ตอนนี้สถานการณ์การเลี้ยงนกเขาชวาของ อ.จะนะในด้านการตลาดนั้น ถือว่าตกต่ำ เนื่องจากกระแสของโรคไข้หวัดนกยังมีอยู่ ตลาดต่างประเทศยังสั่งห้ามนำเข้า ในขณะที่ยังมีผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวที่อินโดนีเซีย ทำให้ลูกค้าจากอินโดนีเซียหายไปหมด เนื่องจากตลาดหลักนกเขาชวาของ อ.จะนะขึ้นอยู่กับกลุ่มของประเทศอินโดนีเซียเป็นหลัก และเป็นกลุ่มที่พร้อมจะซื้อนกในราคาแพงด้วย
ทำให้ขณะนี้จึงอาศัยการผสมพันธุ์ขาย เฉพาะในตลาดในประเทศ เพื่อประคับประคองเอาไว้ แม้ว่าจะมีส่วนต่างในเรื่องของราคาที่ถูกกว่าส่งออกขายต่างประเทศ ซึ่งพออยู่ได้ โดยภาวะของธุรกิจการเลี้ยงนกเขา เดิมชาวอินโดนีเซียเข้ามาซื้อนกเขาชวาครั้งหนึ่ง 3-4 ล้านบาท แต่ในระยะ 4-5 เดือนที่ผ่านมาไม่มีเข้ามาเลย ตั้งแต่ไข้หวัดนกระบาด ตลาดนกเขาชวาที่ อ.จะนะซบเซามาก
อีกทั้งประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ก็ไม่เข้ามาซื้อนกเขาชวาเช่นเดียวกัน เนื่องจากทางการของ 2 ประเทศห้ามนกเขาชวาจากไทยเข้าประเทศ ทางเรามีช่องทางในการส่งนกเขาเข้าไปในมาเลเซีย โดยการลักลอบเข้าไปคนละ 4-5 ตัว แต่ก็ต้องประสบปัญหานกตาย เนื่องจากต้องเก็บไว้ในรถอย่างมิดชิด ทำใหไม่มีอากาศหายใจ
"ในส่วนของโครงการโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย ซึ่งเข้ามาช่วยในเรื่องทุนให้แก่ชมรมนกเขาชวา อ.จะนะ เพื่อซื้อพ่อแม่พันธุ์ มาเพื่อเพาะขยายพันธุ์ให้แก่สมาชิกของชมรม ตรงนี้กลับไม่ได้ผล เพราะไม่ได้สนับสนุนด้านการตลาด เป็นเพียงการสนับสนุนเฉพาะการผสมพันธุ์ จุดนี้คนที่เลี้ยงนกเขาชวามีประสบการณ์อยู่แล้ว แต่เราจะทำอย่างไร ที่จะสามารถขายนกออกไปยังต่างประเทศได้ เพราะตอนนี้ตลาดในประเทศ ที่พอจะส่งไปขายได้ก็ คือ ตลาดในภาคกลางที่ยังรองรับอยู่ ซึ่งราคาที่ได้ก็พออยู่ได้ ไม่เหมือนกับเราส่งต่างประเทศ"
นายประสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จริงๆ แล้วมาตรการส่งเสริมการเลี้ยงนกเขาชวาด้านการตลาด เราต้องหาบุคลากร ที่ประสบความสำเร็จในด้านการผสมพันธุ์มาแล้ว อย่าง อ.จะนะต้องเป็นเจ้าของที่เขามีกิจการใหญ่โต เพื่อมาสร้างเป็นหนึ่งกองทุน หรือหนึ่งชมรมขึ้นมา เพื่อหาทางในการส่งนกออกต่างประเทศ แต่สาเหตุที่เราส่งนกออกไปมาเลเซียไม่ได้ เพราะปศุสัตว์มาเลเซียไม่ให้เข้า โดยอ้างว่านกเขาของประเทศไทยเป็นไข้หวัดนก แต่ในความเป็นจริงที่ผ่านมานกเขาชวา อ.จะนะไม่เคยปรากฏเลย ว่าเป็นไข้หวัดนกแม้แต่ตัวเดียว
ในเมื่อปศุสัตว์มาเลเซียไม่ยอมให้นกเขาเข้า ทำไมรัฐบาลไม่ลงมาชี้แจงให้เขาฟังว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร คือไข้หวัดนกมันเกิดจากไก่ ไม่ใช่เกิดจากนก แต่เขาเห็นว่าเป็นสัตว์ปีกด้วยกันเขาก็ควบคุมหมด เมื่อสัตว์ปีกถูกควบคุมตรงนี้ตลาดนกเขาเราก็เดินไม่ได้ แล้วชาวบ้านใน อ.จะนะที่ผสมพันธุ์นก ส่วนมากจะทำเป็นอาชีพหลัก เมื่อขายนกไม่ออก เศรษฐกิจก็ตกต่ำ ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ตกไปหมด
ทั้งนี้ ตนต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยแก้ปัญหา โดยให้กรมปศุสัตว์เข้ามาดูแลในเรื่องการเลี้ยงนกเขาอย่างจริงจัง และประสานกับทางปศุสัตว์ มาเลเซีย เพื่อความชัดเจนว่า นกเขาของเราไม่เคยเป็นไข้หวัดนก เราจะได้ส่งนกไปขายต่างประเทศได้ หรือจะนำเรื่องนี้เข้าไปเจรจาหรือหารือในระดับอาเซียน เพราะนกเขาชวาจะนะขายในระดับอาเซียนเป็นตลาดหลัก
"แต่ในความเป็นจริงเราเองก็ไม่ทราบว่า เพราะเหตุใดถึงไม่มีใครที่จะเอาปัญหาตรงนี้เข้าไปแก้ให้มันถูกจุด ฝากตรงนี้ไปถึงรัฐบาล หรือกระทรวงเกษตรด้วย ช่วยชาว อ.จะนะ เพื่อนกเขาชวาของเราจะเป็นสินค้าออกในหมู่อาเซียนได้ในอนาคต ฝากไว้ตรงนี้ด้วย" นายประสิทธิ์กล่าว
นายประสิทธิ์ อิสอ เจ้าของฟาร์มนกเขาชวา แอทองฟาร์ม อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งถือเป็นฟาร์มนกเขาชวาขนาดใหญ่ที่สุดในพื้นที่ กล่าวถึงสถานการณ์นกเขาชวาใน อ.จะนะว่า ตอนนี้สถานการณ์การเลี้ยงนกเขาชวาของ อ.จะนะในด้านการตลาดนั้น ถือว่าตกต่ำ เนื่องจากกระแสของโรคไข้หวัดนกยังมีอยู่ ตลาดต่างประเทศยังสั่งห้ามนำเข้า ในขณะที่ยังมีผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวที่อินโดนีเซีย ทำให้ลูกค้าจากอินโดนีเซียหายไปหมด เนื่องจากตลาดหลักนกเขาชวาของ อ.จะนะขึ้นอยู่กับกลุ่มของประเทศอินโดนีเซียเป็นหลัก และเป็นกลุ่มที่พร้อมจะซื้อนกในราคาแพงด้วย
ทำให้ขณะนี้จึงอาศัยการผสมพันธุ์ขาย เฉพาะในตลาดในประเทศ เพื่อประคับประคองเอาไว้ แม้ว่าจะมีส่วนต่างในเรื่องของราคาที่ถูกกว่าส่งออกขายต่างประเทศ ซึ่งพออยู่ได้ โดยภาวะของธุรกิจการเลี้ยงนกเขา เดิมชาวอินโดนีเซียเข้ามาซื้อนกเขาชวาครั้งหนึ่ง 3-4 ล้านบาท แต่ในระยะ 4-5 เดือนที่ผ่านมาไม่มีเข้ามาเลย ตั้งแต่ไข้หวัดนกระบาด ตลาดนกเขาชวาที่ อ.จะนะซบเซามาก
อีกทั้งประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ก็ไม่เข้ามาซื้อนกเขาชวาเช่นเดียวกัน เนื่องจากทางการของ 2 ประเทศห้ามนกเขาชวาจากไทยเข้าประเทศ ทางเรามีช่องทางในการส่งนกเขาเข้าไปในมาเลเซีย โดยการลักลอบเข้าไปคนละ 4-5 ตัว แต่ก็ต้องประสบปัญหานกตาย เนื่องจากต้องเก็บไว้ในรถอย่างมิดชิด ทำใหไม่มีอากาศหายใจ
"ในส่วนของโครงการโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย ซึ่งเข้ามาช่วยในเรื่องทุนให้แก่ชมรมนกเขาชวา อ.จะนะ เพื่อซื้อพ่อแม่พันธุ์ มาเพื่อเพาะขยายพันธุ์ให้แก่สมาชิกของชมรม ตรงนี้กลับไม่ได้ผล เพราะไม่ได้สนับสนุนด้านการตลาด เป็นเพียงการสนับสนุนเฉพาะการผสมพันธุ์ จุดนี้คนที่เลี้ยงนกเขาชวามีประสบการณ์อยู่แล้ว แต่เราจะทำอย่างไร ที่จะสามารถขายนกออกไปยังต่างประเทศได้ เพราะตอนนี้ตลาดในประเทศ ที่พอจะส่งไปขายได้ก็ คือ ตลาดในภาคกลางที่ยังรองรับอยู่ ซึ่งราคาที่ได้ก็พออยู่ได้ ไม่เหมือนกับเราส่งต่างประเทศ"
นายประสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จริงๆ แล้วมาตรการส่งเสริมการเลี้ยงนกเขาชวาด้านการตลาด เราต้องหาบุคลากร ที่ประสบความสำเร็จในด้านการผสมพันธุ์มาแล้ว อย่าง อ.จะนะต้องเป็นเจ้าของที่เขามีกิจการใหญ่โต เพื่อมาสร้างเป็นหนึ่งกองทุน หรือหนึ่งชมรมขึ้นมา เพื่อหาทางในการส่งนกออกต่างประเทศ แต่สาเหตุที่เราส่งนกออกไปมาเลเซียไม่ได้ เพราะปศุสัตว์มาเลเซียไม่ให้เข้า โดยอ้างว่านกเขาของประเทศไทยเป็นไข้หวัดนก แต่ในความเป็นจริงที่ผ่านมานกเขาชวา อ.จะนะไม่เคยปรากฏเลย ว่าเป็นไข้หวัดนกแม้แต่ตัวเดียว
ในเมื่อปศุสัตว์มาเลเซียไม่ยอมให้นกเขาเข้า ทำไมรัฐบาลไม่ลงมาชี้แจงให้เขาฟังว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร คือไข้หวัดนกมันเกิดจากไก่ ไม่ใช่เกิดจากนก แต่เขาเห็นว่าเป็นสัตว์ปีกด้วยกันเขาก็ควบคุมหมด เมื่อสัตว์ปีกถูกควบคุมตรงนี้ตลาดนกเขาเราก็เดินไม่ได้ แล้วชาวบ้านใน อ.จะนะที่ผสมพันธุ์นก ส่วนมากจะทำเป็นอาชีพหลัก เมื่อขายนกไม่ออก เศรษฐกิจก็ตกต่ำ ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ตกไปหมด
ทั้งนี้ ตนต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยแก้ปัญหา โดยให้กรมปศุสัตว์เข้ามาดูแลในเรื่องการเลี้ยงนกเขาอย่างจริงจัง และประสานกับทางปศุสัตว์ มาเลเซีย เพื่อความชัดเจนว่า นกเขาของเราไม่เคยเป็นไข้หวัดนก เราจะได้ส่งนกไปขายต่างประเทศได้ หรือจะนำเรื่องนี้เข้าไปเจรจาหรือหารือในระดับอาเซียน เพราะนกเขาชวาจะนะขายในระดับอาเซียนเป็นตลาดหลัก
"แต่ในความเป็นจริงเราเองก็ไม่ทราบว่า เพราะเหตุใดถึงไม่มีใครที่จะเอาปัญหาตรงนี้เข้าไปแก้ให้มันถูกจุด ฝากตรงนี้ไปถึงรัฐบาล หรือกระทรวงเกษตรด้วย ช่วยชาว อ.จะนะ เพื่อนกเขาชวาของเราจะเป็นสินค้าออกในหมู่อาเซียนได้ในอนาคต ฝากไว้ตรงนี้ด้วย" นายประสิทธิ์กล่าว