xs
xsm
sm
md
lg

โจโฉทดสอบกำลังพระเจ้าเหี้ยนเต้!!

เผยแพร่:   โดย: คำนูณ สิทธิสมาน

ปฏิบัติการตีหัวเข้าบ้านของนายกรัฐมนตรีคนที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นในชาติไทยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2549 ต่อหน้าที่ประชุมข้าราชการ เป็นผลให้พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป นายทหารคนสนิทพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ออกมาพูดประโยคสำคัญว่า...

“เหมือนกับว่ามีความพยายามกำลังทดสอบพลัง - ท้าทายอำนาจบางอย่าง”

แม่นแล้วครับ

ถ้าสังคมเงียบเฉยปล่อยให้ผ่านเลยไปง่าย ๆ ก็จะมีดอก 2 ดอก 3 ดอก 4 ตามมา ถ้าสังคมไม่พอใจก็นิ่งเสีย ทำเก๋ไก๋เฉไฉไปไหนมาสามวาสองศอกเสีย ปล่อยให้ทหารเลวบรรดากเฬวรากในพรรคออกมาแปลความชัดๆ ในทางเปิด ขณะที่ในทางจัดตั้งที่ไม่เปิดเผยก็ให้การศึกษาไปทั่วอย่างไม่ยำเกรงใคร องค์กรจัดตั้งรับจ้างยังคงทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง และหน่วยติดอาวุธนอกสารบบทหารตำรวจเริ่มเตรียมพร้อม

ถ้าสังคมและกลุ่มพลังต่าง ๆ ยังคงปล่อยปละละเลยหยวนๆ ไปวันๆ อีกไม่นานหรอก

คนไทยจะเสียของรัก!

งานนี้ไม่ใช่ปากพาจน กลอนพาไป หากแต่เป็นการพูดที่มีการเตรียมการอย่างเป็นระบบ มีทั้งการพูดนำร่อง และให้รัฐมนตรีภาพลักษณ์ดีออกมาแสดงความเป็นห่วงบ้านเมืองล่วงหน้าในแนวใกล้เคียงกัน

เห็นประโยค “ทดสอบพลัง” ของท่าน ทส.ป๋าแล้ว ก็ให้นึกถึงเหตุการณ์ในบทที่ 101 ใน “สามก๊ก - ฉบับคนขายชาติ” ของ “เรืองวิทยาคม” ตอน...

“โจโฉทดสอบกำลังพระเจ้าเหี้ยนเต้”

เรื่องตอนนี้เกิดขึ้นเมื่อโจโฉประหารชีวิตเอียวงัน เทียหยกผู้เป็นที่ปรึกษาเห็นสภาพที่เหล่าขุนนางข้าราชการเกรงกลัวโจโฉ จึงเข้าไปเสนอให้นายของตนรีบชิงเอาราชสมบัติ

โจโฉนิ่งคิดสักครู่จึงว่า...

“บัดนี้ขุนนางซึ่งพระเจ้าเหี้ยนแต้ไว้พระทัยก็มีมากอยู่ เห็นเราจะทำการไม่สำเร็จ เราคิดอ่านจะเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนแต่ไปประพาสป่าดูท่วงทีก่อน”

การทดสอบกำลังทางการเมืองว่าขุมกำลังหรือผู้ที่ยืนอยู่ข้างราชสำนักมีมากน้อยเพียงใดโดยวิธีเชิญเสด็จประพาสป่านี้เป็นวิธีการที่ขุนนางกังฉินในอดีตเคยใช้มาก่อน

คือในยุคหลังจากที่จิ๋นซีฮ่องเต้เสด็จสวรรคต แล้วรัชทายาทได้ครองราชสมบัติสืบมา สมัยนั้นขันทีซึ่งเป็นราชครูได้กุมอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแล้วคิดแย่งราชสมบัติ วันหนึ่งในขณะที่ฮ่องเต้เสด็จลงพระราชอุทยานในมหาสมาคม ขันทีราชครูเห็นกวางในพระราชอุทยานนั้น จึงแสร้งถามฮ่องเต้ว่าม้าตัวนี้เป็นอย่างไรบ้าง ฮ่องเต้ไม่ทันกลก็ตรัสว่าท่านราชครูตาฝาด เพราะนั่นเป็นกวาง ราชครูก็ยืนยันว่าเป็นม้า

ในขณะที่ฮ่องเต้กำลังงงอยู่ ราชครูจึงถามเหล่าขุนนางว่าที่เห็นเป็นม้าหรือกวาง

บรรดาขุนนางในขณะนั้นล้วนอยู่ในอำนาจราชครูและทันเกม จึงพากันตอบพร้อมกันว่าที่เห็นนั้นคือม้า


เมื่อราชครูทราบผลการทดสอบกำลังดังนี้แล้ว จึงสังหารฮ่องเต้ชิงเอาราชสมบัติ แต่ต่อมาก็ไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้ เพราะขาดการยอมรับจากหัวเมืองต่างๆ ในที่สุดเกิดการจลาจลและแย่งชิงอำนาจกันจนเล่าปังได้สถาปนาราชวงศ์ฮั่นขึ้น

ส่วนเรื่องราวใน “สามก๊ก” ขอยกเอาคำบรรยายของ “เรืองวิทยาคม” มาแสดง

พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงปฏิเสธ เพราะทรงเห็นว่าจะเป็นการลำบากต่อไพร่พล เนื่องจากกองทัพเพิ่งกลับจากการสงคราม

โจโฉได้ทูลทักท้วงว่า ตามราชประเพณีจะมีการประพาสป่าล่าสัตว์ทุกฤดูถึงปีละ 4 ครั้ง บัดนี้แม้ว่ากองทัพเพิ่งกลับจากการสงคราม แต่หากเสด็จจะเป็นการแสดงออกถึงพระบรมเดชานุภาพ ทำให้หัวเมืองที่คิดร้ายไม่กล้าสู้พระบารมี เมื่อเป็นเช่นนี้พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ไม่มีทางเลือก จึงรับสั่งให้ดำเนินการตามที่กราบทูล

โจโฉรับสั่งแล้วออกจากที่เฝ้าฯ สั่งให้จัดแจงขบวนประพาสป่าล่าสัตว์เป็นขบวนใหญ่ มีกำลังพลถึงสิบหมื่น และให้เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ตลอดจนขุนนาง ข้าราชการทั้งปวงเข้าร่วมในขบวนเสด็จ ยกออกจากพระนครไปยังทุ่งล่าสัตว์

พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงม้าพระที่นั่ง


ในขณะที่ขบวนเสด็จกำลังเคลื่อนอยู่นั้น โจโฉได้ชักม้าขึ้นมาขี่เคียงคู่กับม้าพระที่นั่ง แสดงกิริยาอาการตีตนเสมอพระเจ้าเหี้ยนเต้

บรรดาขุนนาง ข้าราชการที่อยู่ใกล้กับม้าพระที่นั่งต่างพากันตกตะลึง แต่ไม่มีผู้ใดว่ากล่าวประการใด

ครั้นขบวนเสด็จมาถึงทุ่งล่าสัตว์ซึ่งเตรียมการไว้แล้ว โจโฉจึงสั่งให้หยุดขบวนที่พลับพลาชั่วคราว และนำเสด็จพร้อมด้วยเหล่าขุนนาง ข้าราชการไปยังบริเวณที่เตรียมไว้สำหรับยิงสัตว์

เจ้าหน้าที่ได้ต้อนสัตว์หลายชนิดให้วิ่งผ่านมายังด้านหน้าที่ประทับ พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตรเห็นกระต่ายกำลังวิ่งผ่านมา จึงมีรับสั่งให้เล่าปี่ในฐานะพระเจ้าอาแสดงฝีมือก่อน เล่าปี่รับสั่งแล้วจึงเอาธนูขึ้นพาดสาย แล้วยิงไปถูกกระต่ายอย่างแม่นยำ

ในขณะนั้นมีกวางวิ่งผ่านมา พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงรับพระแสงธนูลายเหยี่ยว และลูกธนูสำหรับทรงลายมังกร จากเจ้าพนักงาน แล้วทรงยิงกวางนั้น แต่ธนูไม่ถูกเป้า จึงทรงพยายามอีกเป็น 3 ครั้ง แต่ลูกธนูทรงก็ยังคงพลาดเป้าทุกครั้ง

เมื่อไม่ประสบความสำเร็จจึงรับสั่งให้โจโฉลองยิงบ้าง


โจโฉรับสั่งแล้วแทนที่จะเอาธนูสำหรับตัวออกมา กลับกราบทูลจ้วงจาบขอยืมพระแสงธนูและลูกธนูสำหรับทรงจากพระเจ้าเหี้ยนเต้

แต่ไม่ทรงเฉลียวพระทัย จึงพระราชทานแก่โจโฉ
โจโฉรับพระแสงธนูแล้วเล็งยิง ลูกธนูนั้นก็แล่นไปด้วยกำลังต้องกวางนั้นล้มลง


บรรดาขุนนาง ข้าราชการส่วนใหญ่ซึ่งไม่เห็นเหตุการณ์ยืมพระแสงธนู แต่เห็นลูกธนูลายมังกรสำหรับทรง ต้องกวางล้มลง ก็พากันเข้าใจว่าเป็นฝีพระหัตถ์ของฮ่องเต้ จึงพร้อมกันถวายพระพรด้วยความยินดีว่าทรงพระเจริญดังสนั่นไปทั้งท้องทุ่ง

โจโฉเห็นเป็นโอกาสจึงชักม้าออกไปหน้าพระที่นั่ง ทำทีรับการถวายพระพรจากบรรดาขุนนางข้าราชการ แล้วกราบทูลด้วยเสียงอันดังเพื่อให้ได้ยินทั่วไปว่า การที่ข้าพระองค์ยิงกวางได้แม่นยำดังนี้ เป็นเพราะบารมีของพระแสงธนูที่ทรงพระราชทาน

ขุนนาง ข้าราชการทั้งปวงได้ยินเช่นนั้นต่างพากันตกตะลึงที่เห็นว่าโจโฉกระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หักหน้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ต่อหน้าธารกำนัล


พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงเห็นเช่นนั้นก็เกิดละอายพระทัย

กวนอูเห็นโจโฉหักหน้าหมิ่นพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็โกรธ ชักม้าเงื้อง้าวตรงมาที่โจโฉ แต่พอชำเลืองเห็นเล่าปี่ส่ายหน้าเป็นทีห้ามปราม กวนอูจึงชักม้ากลับไปที่เดิม ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงอยู่นั้น เล่าปี่ได้กล่าวชมเชยกับโจโฉว่ามีฝีมือธนูล้ำเลิศนัก ล้ำเลิศนัก โจโฉฟังคำชมและเห็นท่าทีของเหล่าขุนนางข้าราชการเช่นนั้นจึงกล่าวถ่อมตัวว่า อันฝีมือธนูของข้าพเจ้านี้พอประมาณ แต่เป็นเพราะพระบารมีต่างหากจึงยิงไปถูกกวางได้


พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตรเห็นท่าทีเหล่าขุนนาง ข้าราชการ ว่าส่วนใหญ่ยังคงจงรักภักดี ก็แสร้งทำทีเป็นไม่รู้เท่าทัน และทรงล่าสัตว์อยู่จนถึงเวลาเย็นจึงเสด็จกลับพระนคร

เรื่องราวเป็นอย่างไรต่อไปต้องไปหาอ่านกันเอง

แต่ที่แน่ๆ มีอยู่ประการหนึ่ง

จวบจนชีวิตหาไม่-โจโฉก็ไม่บรรลุผลในปฏิบัติการพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน!
กำลังโหลดความคิดเห็น