เอสเซ้นซ์ ระเบิดศึกตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่ม ฉีกแนวเอาใจคนรักยีนส์ ผุดสูตรใหม่ภายใต้ซับแบรนด์ "เอสเซ้นซ์ยีนส์" คาดโกยรายได้ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท หวังช่วยกระทุ้งแชร์เพิ่มอีก 2-3 % พร้อมสู้ศึกในสมรภูมิตลาดผงซักฟอก เตรียมลอนช์ผงซักฟอก"เอสเซ้นซ์"อีก 2 เดือนข้างหน้า จับตลาดนีชมาร์เก็ต มั่นใจสิ้นปีกวาดรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นอีก 15-20 %
นางสาวลินดา ศรีโปดก ผู้จัดการส่วนสินค้าอุปโภค ฝ่ายโอ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ดูแลและทำตลาดภายใต้ผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่ม ภายใต้แบรนด์ "เอสเซ้นซ์" เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯสนใจที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกออกสู่ตลาด เนื่องจากพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่ใช้น้ำยาซักผ้าเอสเซ้นซ์นั้น จะนิยมนำไปซักชุดชั้นในเป็นหลัก แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่จะนำไปซักเสื้อผ้าทั่วๆไป เนื่องจากความชอบของกลิ่น ที่มีความหอม ติดทนนาน จึงทำให้มองเห็นช่องว่างในการทำผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกขึ้นมาสำหรับรองรับกลุ่มที่ต้องการนำไปซักเสื้อผ้านั้นเอง
ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกใหม่นั้น จะอยู่ภายใต้ซับแบรนด์ชื่อ"เอสเซ้นซ์ ซีรี่ย์ หอมละมุน" ซึ่งจะยังคงกลิ่นและคุณสมบัติเดิมที่มีอยู่ ทั้งนี้ทางบริษัทฯจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป โดยการทำตลาดนั้น จะเป็นการเปิดตัวและเน้นการทำตลาด ณ จุดขาย ผ่านเจ้าหน้าที่ดูแลสินค้าเป็นหลัก
โดยเบื้องต้น ผงซักฟอกจะมีเพียง 1 สูตรเท่านั้น คือ สูตรซักมือและซักเครื่อง บรรจุอยู่ในแพกเกจจิ้งแบบถุง ขนาด 550 กรัม และ 1,200 กรัม โดยราคาที่จำหน่ายนั้นจะสูงกว่าท้องตลาดประมาณ 15-20 % จับตลาดตั้งแต่ซีบวกขึ้นไป
ผุดน้ำยาปรับผ้านุ่มสำหรับยีนส์
และจากที่บริษัทฯมีนโยบาย "คอนเซปต์ยีนส์" ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทฯ นำไปประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากคู่แข่ง และเพื่อเป็นการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูมีความทันสมัยขึ้นนั้น ล่าสุดสำหรับผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ภายใต้แบรนด์ "เอสเซ้นซ์" ก็ได้มีการพัฒนาสูตรใหม่ เพื่อยีนส์ขึ้นมาโดยเฉพาะเช่นเดียวกัน
เบื้องต้น บริษัทฯได้จัดเตรียมงบประมาณสำหรับทำกิจกรรมทางการตลาดไว้กว่า 20 ล้านบาท ทั้งในส่วนของการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมทางการตลาด ณ จุดขาย ในขณะที่การโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์นั้น จะเริ่มออกอากาศในช่วงไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป ภายใต้คอนเซปต์เรียล (REAL)
โดยการเปิดตัวสูตรใหม่ มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มได้อีก 20-30 % และคาดว่าจะช่วยดันแชร์ในตลาดอีก 2-3 % จากเดิม 14% เป็นอันดับที่สอง รองจาก คอมฟอร์ท ที่เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งกว่า 30 % จากตลาดรวมน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท
ในขณะที่น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรใหม่สำหรับยีนส์นั้น จะอยู่ภายใต้ซับแบรนด์ชื่อ "เอสเซ้นซ์ ยีนส์" โดยจะเป็นผลิตภัณฑ์ในระดับพรีเมียมแบรนด์ และมีราคาที่สูงกว่าท้องตลาดประมาณ 13-14 % โดยบรรจุอยู่ในแพกเกจจิ้งชนิดถุงเติม ขนาด 800 มิลลิลิตร ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้เป็นต้นไป
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่ม ภายใต้แบรนด์ เอสเซ้นซ์ จะมีอยู่ 2 แบรนด์ คือ เอสเซ้นซ์ 25 % มีทั้งหมด 3 สูตร สำหรับจับกลุ่มแม่บ้านระดับพรีเมี่ยม และ เฟรช แอนด์ ซอฟท์ 75 % ซึ่งถือเป็นไฟท์ติ้งแบรนด์ มีทั้งหมด 4 สูตร และมีราคาจำหน่ายต่ำกว่าเอสเซ้นซ์ 20-30 % ทั้งนี้ก็เพื่อเน้นสำหรับเจาะฐานลูกค้าระดับซีบวกขึ้นไป ในกลุ่มคนวันทำงาน และยังไม่มีครอบครัวเป็นหลัก
สำหรับรายได้รวมในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตกว่า 15-20 % คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท จาก 3กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก คือ น้ำยาซักผ้า เอสเซ้นซ์ และเฟรช แอนด์ ซอฟท์ 30 % น้ำยาปรับผ้านุ่มเอสเซ้นซ์ และเฟรช แอนด์ ซอฟท์ 40 % และอื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบ น้ำยาอัดกลีบ และน้ำยารีดผ้าเรียบ อีก 30 %
นางสาวลินดา ศรีโปดก ผู้จัดการส่วนสินค้าอุปโภค ฝ่ายโอ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ดูแลและทำตลาดภายใต้ผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่ม ภายใต้แบรนด์ "เอสเซ้นซ์" เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯสนใจที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกออกสู่ตลาด เนื่องจากพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่ใช้น้ำยาซักผ้าเอสเซ้นซ์นั้น จะนิยมนำไปซักชุดชั้นในเป็นหลัก แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่จะนำไปซักเสื้อผ้าทั่วๆไป เนื่องจากความชอบของกลิ่น ที่มีความหอม ติดทนนาน จึงทำให้มองเห็นช่องว่างในการทำผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกขึ้นมาสำหรับรองรับกลุ่มที่ต้องการนำไปซักเสื้อผ้านั้นเอง
ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกใหม่นั้น จะอยู่ภายใต้ซับแบรนด์ชื่อ"เอสเซ้นซ์ ซีรี่ย์ หอมละมุน" ซึ่งจะยังคงกลิ่นและคุณสมบัติเดิมที่มีอยู่ ทั้งนี้ทางบริษัทฯจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป โดยการทำตลาดนั้น จะเป็นการเปิดตัวและเน้นการทำตลาด ณ จุดขาย ผ่านเจ้าหน้าที่ดูแลสินค้าเป็นหลัก
โดยเบื้องต้น ผงซักฟอกจะมีเพียง 1 สูตรเท่านั้น คือ สูตรซักมือและซักเครื่อง บรรจุอยู่ในแพกเกจจิ้งแบบถุง ขนาด 550 กรัม และ 1,200 กรัม โดยราคาที่จำหน่ายนั้นจะสูงกว่าท้องตลาดประมาณ 15-20 % จับตลาดตั้งแต่ซีบวกขึ้นไป
ผุดน้ำยาปรับผ้านุ่มสำหรับยีนส์
และจากที่บริษัทฯมีนโยบาย "คอนเซปต์ยีนส์" ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทฯ นำไปประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากคู่แข่ง และเพื่อเป็นการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูมีความทันสมัยขึ้นนั้น ล่าสุดสำหรับผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ภายใต้แบรนด์ "เอสเซ้นซ์" ก็ได้มีการพัฒนาสูตรใหม่ เพื่อยีนส์ขึ้นมาโดยเฉพาะเช่นเดียวกัน
เบื้องต้น บริษัทฯได้จัดเตรียมงบประมาณสำหรับทำกิจกรรมทางการตลาดไว้กว่า 20 ล้านบาท ทั้งในส่วนของการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมทางการตลาด ณ จุดขาย ในขณะที่การโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์นั้น จะเริ่มออกอากาศในช่วงไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป ภายใต้คอนเซปต์เรียล (REAL)
โดยการเปิดตัวสูตรใหม่ มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มได้อีก 20-30 % และคาดว่าจะช่วยดันแชร์ในตลาดอีก 2-3 % จากเดิม 14% เป็นอันดับที่สอง รองจาก คอมฟอร์ท ที่เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งกว่า 30 % จากตลาดรวมน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท
ในขณะที่น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรใหม่สำหรับยีนส์นั้น จะอยู่ภายใต้ซับแบรนด์ชื่อ "เอสเซ้นซ์ ยีนส์" โดยจะเป็นผลิตภัณฑ์ในระดับพรีเมียมแบรนด์ และมีราคาที่สูงกว่าท้องตลาดประมาณ 13-14 % โดยบรรจุอยู่ในแพกเกจจิ้งชนิดถุงเติม ขนาด 800 มิลลิลิตร ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้เป็นต้นไป
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่ม ภายใต้แบรนด์ เอสเซ้นซ์ จะมีอยู่ 2 แบรนด์ คือ เอสเซ้นซ์ 25 % มีทั้งหมด 3 สูตร สำหรับจับกลุ่มแม่บ้านระดับพรีเมี่ยม และ เฟรช แอนด์ ซอฟท์ 75 % ซึ่งถือเป็นไฟท์ติ้งแบรนด์ มีทั้งหมด 4 สูตร และมีราคาจำหน่ายต่ำกว่าเอสเซ้นซ์ 20-30 % ทั้งนี้ก็เพื่อเน้นสำหรับเจาะฐานลูกค้าระดับซีบวกขึ้นไป ในกลุ่มคนวันทำงาน และยังไม่มีครอบครัวเป็นหลัก
สำหรับรายได้รวมในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตกว่า 15-20 % คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท จาก 3กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก คือ น้ำยาซักผ้า เอสเซ้นซ์ และเฟรช แอนด์ ซอฟท์ 30 % น้ำยาปรับผ้านุ่มเอสเซ้นซ์ และเฟรช แอนด์ ซอฟท์ 40 % และอื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบ น้ำยาอัดกลีบ และน้ำยารีดผ้าเรียบ อีก 30 %