ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ สุดทนเตรียมยื่นหนังสือถึงบริษัททีโอทีฯ ตรวจสอบการให้บริการและคุมเข้มการใช้แชตไลน์ในระบบออดิโอเท็กซ์ หลังมีผู้ร้องเรียนเด็กถูกล่อลวงเข้ามา 12 ราย โดยเป็นเด็กหญิง อายุต่ำกว่า 15 ปีทั้งหมด จี้ต่อมสำนึกให้ออกมาตรการควบคุมหากไม่เห็นแก่ผลประโยชน์มากเกินไป
นายวรเชษฐ์ เขียวจันทร์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีการแจ้งกรณีเด็กหายโดยถูกล่อลวงจากแชตไลน์ในระบบออดิโอเท็กซ์เข้ามาที่ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ถึง 12 ราย ซึ่งทุกรายล้วนเป็นเด็กผู้หญิงอายุเฉลี่ยต่ำกว่า 15 ปีและนับวันยิ่งจะมีเด็กที่ถูกล่อลวงเพราะการเล่นแชทไลน์ในระบบออดิโอเท็กซ์มากขึ้น ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ตระหนักถึงภัยที่เกิดจากการให้บริการแชตไลน์ทางโทรศัพท์ จึงทำคำร้องขอให้ บริษัท ทีโอที คอเปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบและทบทวนสัญญาการเปิดให้บริการออดิโอเท็กซ์ ประเภทแชตไลน์ หรือ 1900 กับคู่สัญญาว่าเหมาะสมหรือไม่ ที่ให้มีการเปิดสายแชตไลน์ก่อให้เกิดการล่อลวงเด็กสาวขึ้น ในวันที่ 4 ก.ค.เวลา 10.00 น.
นายวรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับรายละเอียดคำร้องที่จะยื่นต่อ บริษัท ทีโอทีฯ มีดังนี้ 1. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการในการตรวจสอบ และ ดำเนินการติดตามว่าสัญญาต่าง ๆ ที่ได้รับอนุมัติไปแล้วนั้นได้มีการปฏิบัติตามสัญญาจริงหรือไม่ เพื่อมิให้มีการฝ่าฝืน 2. ควรมีวิธีการลงทะเบียนก่อนที่จะเข้าใช้บริการแชตไลน์ ในระบบออดิโอเท็กซ์ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้าใช้บริการให้เป็นไปตามข้อตกลงที่ระบุไว้ในสัญญา เช่นการที่จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของกระดานสนทนาในเว็บไซต์บางแห่ง จะต้องมีการตรวจสอบเลขที่บัตรประชาชนก่อน เพื่อเป็นการลงทะเบียนก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ถ้าสมาชิกท่านใดใช้ข้อความที่ไม่สุภาพจะโดนตัดออกจากการเป็นสมาชิกหมดสิทธิแสดงความคิดเห็น
3. ควรมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ โดยการสุ่มฟังการสนทนาของผู้เข้าใช้บริการแชตไลน์ในระบบออดิโอเท็กซ์ เพื่อมิให้มีการใช้ถ้อยคำที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร ถ้ามีการตรวจพบผู้เข้าใช้บริการนั้นควรจะถูกตัดสิทธิห้ามเข้าใช้บริการแชตไลน์อีกต่อไป 4. ต้องระงับข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมในการโฆษณาเชิญชวนเข้าใช้บริการแชตไลน์ตามเว็บไซต์ และสื่อโฆษณาต่างๆ 5.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการลงโทษ ผู้ประกอบการตามกฎหมาย ถ้าตรวจพบว่าผู้ประกอบการไม่ดำเนินการ ให้เป็นไปตามสัญญาตามที่ตกลงกันไว้
หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายฯ กล่าวด้วยว่า คำร้องดังกล่าวจะนำไปยื่นต่อหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อเรื่องนี้อีก 2 หน่วยงาน คือ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ซึ่งถือว่ามีหน้าที่กำกับดูแลการประกอบกิจการที่เกี่ยวกับกิจการโทรคมนาคม และกระทรวงวัฒนธรรมที่มีหน้าที่คอยดูแลในเรื่องของวัฒนธรรม เพราะบริการออดิโอเท็กซ์ ประเภทแชตไลน์ หรือ 1900 นั้น เป็นการชักจูงให้เยาวชนหลงเข้ามาติดกับของมิจฉาชีพ ที่อาศัยแชตไลน์เป็นช่องทางในการกระทำความผิด ทั้งยังมีการโฆษณาเชิญชวนให้เข้ามามีเพศสัมพันธ์กัน
“ภัยร้ายในธุรกิจสีเทานี้ นอกจากเป็นการเปิดช่องให้เหล่ามิจฉาชีพเข้ามาใช้บริการออดิโอเท็กซ์ ประเภทแชตไลน์ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากเหล่าเยาวชนที่ยังขาดวุฒิภาวะในการตัดสินใจ จนทำให้เด็กบางคนตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปหาคนที่รู้จักกันจากการสนทนาทางโทรศัพท์ เพราะหวังจะได้พบกับรักแท้ แต่สิ่งที่รออยู่กับเป็นการถูกข่มขืน รุมโทรม ถ่ายภาพเพื่อ เรียกรับผลประโยชน์ เราจะปล่อยให้เยาวชนตกเป็นเหยื่อจากสิ่งที่ผู้ใหญ่หยิบยื่นให้อีกนานแค่ไหน”
นายวรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า การยื่นคำร้องต่อหน่วยงานต่างๆ ครั้งนี้ เพื่อทวงถามหาความรับผิดชอบ จากหน่วยงานที่เป็นที่พึ่งของประชาชน ตาดำๆ ซึ่งต้องดูว่าหน่วยงานเหล่านั้นจะสนใจปัญหาที่เกิดขึ้นในสภาพสังคมปัจจุบันหรือผลกำไรที่ได้รับในแต่ละปีมากกว่ากัน และต้องรอดูว่าหน่วยงานที่ได้รับคำร้องจะมีการออกมาตรการใดมาควบคุมการให้บริการออดิโอเท็กซ์ ประเภทแชทไลน์ หรือไม่หรือจะปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของประชาชนที่ต้องดูแลบุตรหลานของเอง เพียงเพราะผลประโยชน์ที่ได้รับในแต่ละปีมาบังตาอยู่
นายวรเชษฐ์ เขียวจันทร์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีการแจ้งกรณีเด็กหายโดยถูกล่อลวงจากแชตไลน์ในระบบออดิโอเท็กซ์เข้ามาที่ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ถึง 12 ราย ซึ่งทุกรายล้วนเป็นเด็กผู้หญิงอายุเฉลี่ยต่ำกว่า 15 ปีและนับวันยิ่งจะมีเด็กที่ถูกล่อลวงเพราะการเล่นแชทไลน์ในระบบออดิโอเท็กซ์มากขึ้น ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ตระหนักถึงภัยที่เกิดจากการให้บริการแชตไลน์ทางโทรศัพท์ จึงทำคำร้องขอให้ บริษัท ทีโอที คอเปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบและทบทวนสัญญาการเปิดให้บริการออดิโอเท็กซ์ ประเภทแชตไลน์ หรือ 1900 กับคู่สัญญาว่าเหมาะสมหรือไม่ ที่ให้มีการเปิดสายแชตไลน์ก่อให้เกิดการล่อลวงเด็กสาวขึ้น ในวันที่ 4 ก.ค.เวลา 10.00 น.
นายวรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับรายละเอียดคำร้องที่จะยื่นต่อ บริษัท ทีโอทีฯ มีดังนี้ 1. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการในการตรวจสอบ และ ดำเนินการติดตามว่าสัญญาต่าง ๆ ที่ได้รับอนุมัติไปแล้วนั้นได้มีการปฏิบัติตามสัญญาจริงหรือไม่ เพื่อมิให้มีการฝ่าฝืน 2. ควรมีวิธีการลงทะเบียนก่อนที่จะเข้าใช้บริการแชตไลน์ ในระบบออดิโอเท็กซ์ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้าใช้บริการให้เป็นไปตามข้อตกลงที่ระบุไว้ในสัญญา เช่นการที่จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของกระดานสนทนาในเว็บไซต์บางแห่ง จะต้องมีการตรวจสอบเลขที่บัตรประชาชนก่อน เพื่อเป็นการลงทะเบียนก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ถ้าสมาชิกท่านใดใช้ข้อความที่ไม่สุภาพจะโดนตัดออกจากการเป็นสมาชิกหมดสิทธิแสดงความคิดเห็น
3. ควรมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ โดยการสุ่มฟังการสนทนาของผู้เข้าใช้บริการแชตไลน์ในระบบออดิโอเท็กซ์ เพื่อมิให้มีการใช้ถ้อยคำที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร ถ้ามีการตรวจพบผู้เข้าใช้บริการนั้นควรจะถูกตัดสิทธิห้ามเข้าใช้บริการแชตไลน์อีกต่อไป 4. ต้องระงับข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมในการโฆษณาเชิญชวนเข้าใช้บริการแชตไลน์ตามเว็บไซต์ และสื่อโฆษณาต่างๆ 5.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการลงโทษ ผู้ประกอบการตามกฎหมาย ถ้าตรวจพบว่าผู้ประกอบการไม่ดำเนินการ ให้เป็นไปตามสัญญาตามที่ตกลงกันไว้
หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายฯ กล่าวด้วยว่า คำร้องดังกล่าวจะนำไปยื่นต่อหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อเรื่องนี้อีก 2 หน่วยงาน คือ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ซึ่งถือว่ามีหน้าที่กำกับดูแลการประกอบกิจการที่เกี่ยวกับกิจการโทรคมนาคม และกระทรวงวัฒนธรรมที่มีหน้าที่คอยดูแลในเรื่องของวัฒนธรรม เพราะบริการออดิโอเท็กซ์ ประเภทแชตไลน์ หรือ 1900 นั้น เป็นการชักจูงให้เยาวชนหลงเข้ามาติดกับของมิจฉาชีพ ที่อาศัยแชตไลน์เป็นช่องทางในการกระทำความผิด ทั้งยังมีการโฆษณาเชิญชวนให้เข้ามามีเพศสัมพันธ์กัน
“ภัยร้ายในธุรกิจสีเทานี้ นอกจากเป็นการเปิดช่องให้เหล่ามิจฉาชีพเข้ามาใช้บริการออดิโอเท็กซ์ ประเภทแชตไลน์ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากเหล่าเยาวชนที่ยังขาดวุฒิภาวะในการตัดสินใจ จนทำให้เด็กบางคนตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปหาคนที่รู้จักกันจากการสนทนาทางโทรศัพท์ เพราะหวังจะได้พบกับรักแท้ แต่สิ่งที่รออยู่กับเป็นการถูกข่มขืน รุมโทรม ถ่ายภาพเพื่อ เรียกรับผลประโยชน์ เราจะปล่อยให้เยาวชนตกเป็นเหยื่อจากสิ่งที่ผู้ใหญ่หยิบยื่นให้อีกนานแค่ไหน”
นายวรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า การยื่นคำร้องต่อหน่วยงานต่างๆ ครั้งนี้ เพื่อทวงถามหาความรับผิดชอบ จากหน่วยงานที่เป็นที่พึ่งของประชาชน ตาดำๆ ซึ่งต้องดูว่าหน่วยงานเหล่านั้นจะสนใจปัญหาที่เกิดขึ้นในสภาพสังคมปัจจุบันหรือผลกำไรที่ได้รับในแต่ละปีมากกว่ากัน และต้องรอดูว่าหน่วยงานที่ได้รับคำร้องจะมีการออกมาตรการใดมาควบคุมการให้บริการออดิโอเท็กซ์ ประเภทแชทไลน์ หรือไม่หรือจะปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของประชาชนที่ต้องดูแลบุตรหลานของเอง เพียงเพราะผลประโยชน์ที่ได้รับในแต่ละปีมาบังตาอยู่