บู๊ทส์ รีเทลระบุครึ่งปีแรกโตต่ำกว่าเป้า งัดกลยุทธ์สู้ศึกครึ่งปีหลัง 2 แนวทาง ได้แก่ เรื่องราคา, คุณภาพสินค้า และบริการ ล่าสุดเปิดตัวเวชสำอางใหม่ 3 กลุ่ม เล็งขยายสาขาให้ครบ 120 แห่งในสิ้นปีนี้ ตั้งเป้าหมายยอดรายได้เติบโตขึ้นกว่า 10%
นายเอียน ฮันเตอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทบู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดในช่วงครึ่งแรกของบริษัทฯทรงตัว เนื่องจากเหตุผลทางเศรษฐกิจที่ไม่ดี ส่งผลให้บู๊ทส์โตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้นในช่วงครึ่งหลังนี้บริษัทฯจึงได้วางกลยุทธ์รับมือ 3 ประการ ได้แก่ กลยุทธ์ด้านราคา ซึ่งราคาของบู๊ทส์ถือว่าไม่แพงกว่าคู่แข่ง อีกทั้งราคาของบู๊ทส์ก็มีราคาต่ำกว่าแบรนด์อื่นที่วางในร้านบู๊ทส์อยู่ 10-20%
ประกอบกับให้ความสำคัญทางด้านคุณภาพสินค้า ซึ่งในปีนี้บริษัทฯจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่ม 300 เอสเคยู จากปัจจุบันมี 2,700 เอสเคยู ล่าสุดบริษัทฯเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสกินแคร์ 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ วีเอ็มวี ไฮโปแอลเลอเจนิคส์กลุ่มกลีเครอส (ต่อต้านริ้วรอย) , กลุ่มอาร์มาด้า (ปกป้องผิว)และอิลลูมิแนนท์ส (เพื่อผิวขาว) ปัจจุบันสัดส่วนสินค้าในร้านบู๊ทส์แบ่งเป็นของบู๊ทส์ 50% และอีก 50% เป็นของแบรนด์อื่นๆ รวมถึงบริษัทฯจะเน้นในเรื่องการบริการต่างๆ อาทิ ทางด้านสุขภาพและความงามแก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้าน เป็นต้น
ปัจจุบันบู๊ทส์มีสาขาทั้งหมดประมาณ 101 สาขา ในปีนี้บริษัทฯเตรียมเปิดเพิ่มให้ครบ 120 แห่ง รวมถึงเตรียมรีโนเวตหรือปรับปรุงสาขาเดิมที่มีอยู่ให้ดูทันสมัยขึ้น โดยสาขาที่ปรังปรุงไปแล้วขณะนี้มี 3-4 แห่ง เช่น สาขาย่านสีลม ซึ่งมีการทดลองเปิดบริการ 24 ชั่วโมง รองรับนักท่องเที่ยวในย่านนี้ เป็นต้น คาดสิ้นปีจะสามารถปรับปรุงตกแต่งได้อีกประมาณ 30 สาขา ภายใต้งบลงทุนแห่งละ 2-3 แสนบาท
สำหรับยอดรายได้ปีนี้ (เริ่มเม.ย. 49-มี.ค. 50) บริษัทฯคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเกิน 10% ขณะที่ปีที่แล้วมีอัตราการเติบโต 13%
นายเอียน กล่าวด้วยว่า ประเด็นเรื่องการเมืองไทยที่ยังไม่นิ่งตรงนี้มองว่ากระทบต่อการขยายตัวของตลาด ในส่วนการลงทุนของบริษัทฯยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะต้องมีการทบทวนหรือพิจารณาในด้านต่างๆมากยิ่งขึ้น
นายเอียน ฮันเตอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทบู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดในช่วงครึ่งแรกของบริษัทฯทรงตัว เนื่องจากเหตุผลทางเศรษฐกิจที่ไม่ดี ส่งผลให้บู๊ทส์โตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้นในช่วงครึ่งหลังนี้บริษัทฯจึงได้วางกลยุทธ์รับมือ 3 ประการ ได้แก่ กลยุทธ์ด้านราคา ซึ่งราคาของบู๊ทส์ถือว่าไม่แพงกว่าคู่แข่ง อีกทั้งราคาของบู๊ทส์ก็มีราคาต่ำกว่าแบรนด์อื่นที่วางในร้านบู๊ทส์อยู่ 10-20%
ประกอบกับให้ความสำคัญทางด้านคุณภาพสินค้า ซึ่งในปีนี้บริษัทฯจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่ม 300 เอสเคยู จากปัจจุบันมี 2,700 เอสเคยู ล่าสุดบริษัทฯเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสกินแคร์ 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ วีเอ็มวี ไฮโปแอลเลอเจนิคส์กลุ่มกลีเครอส (ต่อต้านริ้วรอย) , กลุ่มอาร์มาด้า (ปกป้องผิว)และอิลลูมิแนนท์ส (เพื่อผิวขาว) ปัจจุบันสัดส่วนสินค้าในร้านบู๊ทส์แบ่งเป็นของบู๊ทส์ 50% และอีก 50% เป็นของแบรนด์อื่นๆ รวมถึงบริษัทฯจะเน้นในเรื่องการบริการต่างๆ อาทิ ทางด้านสุขภาพและความงามแก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้าน เป็นต้น
ปัจจุบันบู๊ทส์มีสาขาทั้งหมดประมาณ 101 สาขา ในปีนี้บริษัทฯเตรียมเปิดเพิ่มให้ครบ 120 แห่ง รวมถึงเตรียมรีโนเวตหรือปรับปรุงสาขาเดิมที่มีอยู่ให้ดูทันสมัยขึ้น โดยสาขาที่ปรังปรุงไปแล้วขณะนี้มี 3-4 แห่ง เช่น สาขาย่านสีลม ซึ่งมีการทดลองเปิดบริการ 24 ชั่วโมง รองรับนักท่องเที่ยวในย่านนี้ เป็นต้น คาดสิ้นปีจะสามารถปรับปรุงตกแต่งได้อีกประมาณ 30 สาขา ภายใต้งบลงทุนแห่งละ 2-3 แสนบาท
สำหรับยอดรายได้ปีนี้ (เริ่มเม.ย. 49-มี.ค. 50) บริษัทฯคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเกิน 10% ขณะที่ปีที่แล้วมีอัตราการเติบโต 13%
นายเอียน กล่าวด้วยว่า ประเด็นเรื่องการเมืองไทยที่ยังไม่นิ่งตรงนี้มองว่ากระทบต่อการขยายตัวของตลาด ในส่วนการลงทุนของบริษัทฯยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะต้องมีการทบทวนหรือพิจารณาในด้านต่างๆมากยิ่งขึ้น