พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ให้นโยบายในการประชุมของสำนักงานแปลงสินทรัพย์เป็นทุนเมื่อไม่กี่วันมานี้ว่าในระยะเวลาสองปีจากนี้ไปรัฐบาลจะแจกเอกสารสิทธิให้แก่ผู้ครอบครองที่ดินทุกราย เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแก่ในหลวง
ใครได้ยินได้ฟังและไม่คิดอะไรมากก็คงจะอนุโมทนาสาธุการกับสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้พูดในครั้งนี้
โดยเฉพาะประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิทั่วประเทศคงจะดีใจได้ปลื้มว่าคราวนี้คงจะได้เอกสารสิทธิแน่
จะไม่ถูกใครกลั่นแกล้งข่มเหงรังแกอีกต่อไป และสามารถใช้เป็นทุนเป็นรอนเป็นทรัพย์สินของวงตระกูลที่ตกทอดเป็นมรดกให้ลูกหลานได้
แต่จะจริงหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และจะเชื่อถือได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะในวันนี้คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แทบจะหาคุณค่าไม่ได้ และเชื่อถือแทบไม่ได้เพราะพูดแล้วก็ไม่ทำ หรือทำไปเสียอีกทางหนึ่ง
เฉพาะเรื่องปัญหาเอกสารสิทธิในที่ดินนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้พูดมา 5 ปีแล้ว หาเสียงกับประชาชนที่ครอบครองที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิมา 5 ปีแล้วโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
ที่ทุกคนยังจดจำได้ก็คือการเสนอนโยบายและการให้คำมั่นสัญญาหลายครั้งหลายหนว่าจะออกเอกสารสิทธิให้แก่ผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินทั่วประเทศ เพื่อให้การครอบครองที่ดินนั้นถูกกฎหมาย ใช้เป็นหลักประกันหนี้ได้ เป็นทุนรอนได้ และแปลงเป็นทุนได้
ถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ที่เรียกว่าการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนในกรณีนี้ก็คือการให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ที่มีที่ดิน สปก.4-01 โดยเอาที่ดินนั้นเป็นหลักประกัน
มันไม่ใช่การออกเอกสารสิทธิเหมือนที่พูด เพราะเอกสาร สปก.4-01 นั้นไม่ใช่เอกสารที่ให้กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองอันจะถือเป็นทรัพย์สินของประชาชน แต่เป็นเอกสารที่แสดงว่าประชาชนไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ได้อาศัยที่ดินนั้นทำกินเฉพาะเพื่อการเกษตรเท่านั้น และต้องดำรงฐานะที่ยากจนข้นแค้นไปชั่วลูกชั่วหลาน
รวมความก็คือพูดมา 5 ปี ว่าจะให้เอกสารสิทธิ แต่ถึงวันนี้มีแต่หนี้อย่างเดียว และเป็นหนี้สินกันงอมแงมกันทั้งประเทศ จนถูกเปรียบเทียบว่าเป็นการขายยาบ้าแห่งลัทธิบริโภคนิยมให้กับประชาชนไปแล้ว
นี่เป็นระยะเวลาที่จะต้องมีการเลือกตั้งทั่วไปกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นโยบายประชานิยมต่างๆ จึงออกมามากมาย โกหกบ้าง จริงบ้าง ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง แต่ใครฟังแล้วดูดีและหลงเชื่อได้โดยง่าย
จึงหวั่นวิตกว่าการประกาศแจกเอกสารสิทธิทั่วประเทศที่มีข้ออ้างว่าเพื่อจะน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นจะเป็นแค่การโกหกเพื่อหาเสียงชาวบ้านเท่านั้น
และถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่พึงอาจเอื้อมเอาไปพาดพิงกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะเรื่องนี้จะทำหรือไม่ทำ จะทำเมื่อใดและทำอย่างไรยังเป็นปัญหาอีกมาก
อะไรที่ยังเป็นปัญหาจึงไม่ควรเอาไปแผ้วพานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเป็นอันขาด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรกัน จึงทำเรื่องแบบนี้ได้เป็นอาจิณ
มันกระทบกระเทือนหัวใจคนไทยและเหยียบย่ำจิตใจคนไทยมากเหลือเกิน สักวันหนึ่งเมื่อคนไทยทนไม่ไหวก็อาจจะสำแดงพลังเสื้อเหลืองเพื่อขับไล่คนที่คิดไม่ดีไม่งามกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เป็นได้
เรื่องเอกสารสิทธินั้นหมายถึงการออกโฉนดที่ดินให้กับประชาชน หรือไม่ก็ออก นส.3 ก ให้กับประชาชน ไม่ใช่ สปก.4-01 หรือเอกสารสิทธิทำกินในที่ดินเพราะพวกนี้ไม่ใช่เอกสารสิทธิ
แต่เมื่อคนระดับนายกรัฐมนตรีพูดถึงเรื่องนี้ต่อสาธารณะและเป็นการพูดซ้ำซากอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันว่าจะทำกันอย่างไรต่อไป
การจะดูว่าเรื่องนี้จริงหรือโกหกไม่ต้องดูอื่นไกล ให้ดูจากกรณีตัวอย่างที่กำลังเกิดขึ้นแล้วในขณะนี้ และเป็นข่าวโด่งดังของสัปดาห์นี้ นั่นคือปัญหาที่ดินของจังหวัดอุทัยธานี
คือปัญหาการออก นส. 3 ก โดยไม่ชอบกว่าแสนไร่ แล้วมีปัญหาว่าจะเพิกถอน นส. 3 ก เหล่านั้นหรือไม่ และถ้าหากเพิกถอนก็จะเกิดผลกระทบมากมาย
เพราะประชาชนในหลายอำเภอของจังหวัดอุทัยธานีที่ได้รับเอกสาร นส. 3 ก จะต้องได้รับความเสียหายกันถ้วนหน้า
เพราะผู้ได้รับ นส. 3 ก นั้นมีอยู่สองพวก พวกหนึ่งคือพวกที่ได้รับ นส. 3 ก มาแต่ดั้งเดิม และพวกที่สองคือพวกที่ซื้อต่อกันมา และทั้งสองพวกนี้ส่วนใหญ่ก็ได้นำ นส. 3 ก นั้นไปจำนองไว้กับธนาคารและสถาบันการเงิน หรือไม่ก็จำนองไว้กับเจ้าหนี้นอกระบบ
หากถูกเพิกถอนเจ้าของที่ดินก็เสียหาย เจ้าหนี้ที่รับจำนองก็เสียหาย และเพิกถอนแล้วก็จะต้องกลายเป็นที่ป่าสงวนแห่งชาตินับแสนไร่ ซึ่งขัดกับสภาพความเป็นจริงที่หมดสภาพความเป็นป่าไปแล้ว มีสภาพเป็นบ้านเป็นเมือง มีสถานที่ราชการ ที่ว่าการอำเภอ สาธารณสุข มีโรงเรียน มีชุมชน มีตลาด มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นบ้านเป็นเมือง
และความเป็นบ้านเป็นเมืองนั้นก็มีประชาชนหลายแสนคนอยู่อาศัย ทำมาหากินอยู่ในพื้นที่นั้น หากต้องตกกลายเป็นป่าสงวนแห่งชาติแล้วจะเอาคนเหล่านี้ไปไว้ที่ไหน?
นี่คือปัญหาตัวอย่างที่กำลังเกิดขึ้นที่จังหวัดอุทัยธานี และกำลังทำให้คนอุทัยธานีเป็นทุกข์เป็นร้อนนอนไม่หลับกันอยู่ในขณะนี้
รัฐบาลจะให้เอกสารสิทธิแก่ประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินจริงหรือไม่ หรือว่าจะเป็นเรื่องโกหกเอาคะแนนเสียง ให้มาดูกันที่การจัดการปัญหาที่ดินดังกล่าวที่จังหวัดอุทัยธานีก็จะเห็นได้ชัด
ปัญหาที่ดินดังกล่าวของจังหวัดอุทัยธานีนี้เกิดขึ้นเนื่องจากทางราชการได้ประกาศกำหนดให้เป็นเขตป่าสงวนมาตั้งแต่ 40-50 ปีมาแล้ว ประกาศคลุมส่งเดชทุกอำเภอโดยไม่คำนึงว่ามีชาวบ้านอยู่อาศัยทำประโยชน์หรือไม่
ประกาศแล้วก็รู้กันเฉพาะในหมู่ราชการ โดยที่ชาวบ้านไม่ได้รู้เรื่องด้วย แม้แต่ส่วนราชการด้วยกันเองก็ไม่ได้รู้เรื่องด้วย
พอถึงปี 2519 กรมที่ดินก็เดินสำรวจออกเอกสารสิทธิคือ นส. 3 ก ให้แก่ผู้ครอบครองทำประโยชน์โดยที่กรมที่ดินก็ไม่รู้ว่ามีการประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้ว
ประชาชนที่อาศัยทำกินเป็นบ้านเป็นเมืองก็ได้รับเอกสารสิทธิคือ นส. 3 ก ในพื้นที่หลายอำเภอ เป็นเนื้อที่กว่าแสนไร่ และครอบครองทำประโยชน์ตลอดจนใช้เอกสารสิทธินั้นเป็นทุนเป็นรอนเรื่อยมาร่วม 30 ปีแล้ว
ต่อมากรมป่าไม้ได้ประกาศให้พื้นที่ในจังหวัดอุทัยธานีหลายอำเภอ รวมทั้งพื้นที่ดังกล่าวด้วยเป็นเขตป่าถาวร
เวรกรรมจริงๆ จะเป็นเขตป่าถาวรอะไรได้ เพราะเป็นบ้านเป็นเมืองมานานนักหนาแล้ว เป็นการออกประกาศที่ผิดกฎหมาย และเป็นการเสนอประกาศโดยความเท็จ หลอกลวงรัฐมนตรี หลอกลวงคณะรัฐมนตรีว่าเป็นเขตป่าถาวร ทั้งๆ ที่เป็นบ้านเป็นเมือง
รัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่หูหนวกตาบอดก็หลงเชื่อตามที่เขาตั้งแท่นกันขึ้นมา ประกาศเอาบ้านเอาเมืองที่เขาครอบครองอยู่กินกันมานับครึ่งศตวรรษและออกเป็นเอกสารสิทธิ นส. 3 ก แล้วให้เป็นป่าถาวร
และมั่วหนักขึ้นไปอีก เพราะวันดีคืนดีกรมป่าไม้ก็เอาพื้นที่ดังกล่าวนั้นยกให้กับสำนักงานปฏิรูปที่ดิน แล้วประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน คือเป็นพื้นที่ทำเกษตรอย่างเดียว และคนที่ทำเกษตรนั้นต้องเป็นคนยากจน ทั้งต้องยากจนต่อไปชั่วลูกหลานด้วย
ก็หลอกต้มกันอีก! เพราะจะไปบังคับให้ผู้คนในบ้านเมืองที่ทำมาหากินกันมากมายหลายอาชีพต้องกลับไปทำเกษตรและบังคับให้ยากจนย่อมไม่ได้ ย่อมขัดกับรัฐธรรมนูญ และขัดกับนโยบายของทุกรัฐบาล ที่ไม่มีรัฐบาลไหนมีนโยบายบังคับให้ประชาชนเป็นคนยากจน
พอประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน สำนักงานที่ดินจึงพบว่ากรมที่ดินได้ออก นส. 3 ก ไปแล้ว จึงไม่อาจออกเอกสาร สปก.4-01 ได้ สปก.จึงไม่เข้าไปดำเนินการ
เมื่อ สปก. ไม่เข้าไปดำเนินการจึงไม่มีผลเป็นการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติซึ่งถูกประกาศเป็นป่าถาวรนั้นได้ สภาพโดยผลที่กฎหมายกำหนดจึงทำให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นพื้นที่ป่าถาวรตามเดิม
ประชาชนจึงต้องรับเวรรับกรรมจากความห่วยแตก จากความเหลวไหลเลอะเทอะของทางราชการ ของรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่หูหนวกตาบอดเหล่านั้น
แต่ชาวจังหวัดอุทัยธานีอย่าเพิ่งตกใจ หากใครมาขอเพิกถอนก็ต้องไปฟ้องกรมที่ดินและกระทรวงมหาดไทยเรียกว่าเสียหายทั้งหมด เอาให้เจ๊งกันไปเลย!
แล้วรัฐบาลจะต้องทำอย่างไรจึงจะแก้ไขปัญหาของชาวอุทัยธานี และทำให้ประชาชนเชื่อได้ว่าที่พูดว่าจะให้เอกสารสิทธินั้นเป็นเรื่องจริง
ถ้าไม่ทำอะไรหรือปล่อยให้เลอะเทอะต่อไปก็คือการโกหกประชาชน แต่ถ้าจะทำจริงก็ต้องทำให้ถูกต้องและทำให้รวดเร็ว โดยขั้นต้นจะต้องให้กรมป่าไม้ยุติการเอาที่ดินดังกล่าวเป็นป่าถาวร
มีอย่างที่ไหนจะเอาบ้านเอาเมืองที่ประชาชนเขาทำมาหากินเป็นบ้านเป็นเมืองอยู่แล้วไปเป็นป่าถาวร
คนที่คิดเช่นนั้นคือคนบ้าที่มีความคิดข่มเหงรังแกประชาชน คนแบบนี้ไม่ควรให้อยู่ในอำนาจหน้าที่ สร้างความเดือดร้อนทุกข์เข็ญให้ประชาชนอีกต่อไป
ขอให้ทำแค่นี้ก่อนเถอะ!
ใครได้ยินได้ฟังและไม่คิดอะไรมากก็คงจะอนุโมทนาสาธุการกับสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้พูดในครั้งนี้
โดยเฉพาะประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิทั่วประเทศคงจะดีใจได้ปลื้มว่าคราวนี้คงจะได้เอกสารสิทธิแน่
จะไม่ถูกใครกลั่นแกล้งข่มเหงรังแกอีกต่อไป และสามารถใช้เป็นทุนเป็นรอนเป็นทรัพย์สินของวงตระกูลที่ตกทอดเป็นมรดกให้ลูกหลานได้
แต่จะจริงหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และจะเชื่อถือได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะในวันนี้คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แทบจะหาคุณค่าไม่ได้ และเชื่อถือแทบไม่ได้เพราะพูดแล้วก็ไม่ทำ หรือทำไปเสียอีกทางหนึ่ง
เฉพาะเรื่องปัญหาเอกสารสิทธิในที่ดินนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้พูดมา 5 ปีแล้ว หาเสียงกับประชาชนที่ครอบครองที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิมา 5 ปีแล้วโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
ที่ทุกคนยังจดจำได้ก็คือการเสนอนโยบายและการให้คำมั่นสัญญาหลายครั้งหลายหนว่าจะออกเอกสารสิทธิให้แก่ผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินทั่วประเทศ เพื่อให้การครอบครองที่ดินนั้นถูกกฎหมาย ใช้เป็นหลักประกันหนี้ได้ เป็นทุนรอนได้ และแปลงเป็นทุนได้
ถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ที่เรียกว่าการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนในกรณีนี้ก็คือการให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ที่มีที่ดิน สปก.4-01 โดยเอาที่ดินนั้นเป็นหลักประกัน
มันไม่ใช่การออกเอกสารสิทธิเหมือนที่พูด เพราะเอกสาร สปก.4-01 นั้นไม่ใช่เอกสารที่ให้กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองอันจะถือเป็นทรัพย์สินของประชาชน แต่เป็นเอกสารที่แสดงว่าประชาชนไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ได้อาศัยที่ดินนั้นทำกินเฉพาะเพื่อการเกษตรเท่านั้น และต้องดำรงฐานะที่ยากจนข้นแค้นไปชั่วลูกชั่วหลาน
รวมความก็คือพูดมา 5 ปี ว่าจะให้เอกสารสิทธิ แต่ถึงวันนี้มีแต่หนี้อย่างเดียว และเป็นหนี้สินกันงอมแงมกันทั้งประเทศ จนถูกเปรียบเทียบว่าเป็นการขายยาบ้าแห่งลัทธิบริโภคนิยมให้กับประชาชนไปแล้ว
นี่เป็นระยะเวลาที่จะต้องมีการเลือกตั้งทั่วไปกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นโยบายประชานิยมต่างๆ จึงออกมามากมาย โกหกบ้าง จริงบ้าง ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง แต่ใครฟังแล้วดูดีและหลงเชื่อได้โดยง่าย
จึงหวั่นวิตกว่าการประกาศแจกเอกสารสิทธิทั่วประเทศที่มีข้ออ้างว่าเพื่อจะน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นจะเป็นแค่การโกหกเพื่อหาเสียงชาวบ้านเท่านั้น
และถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่พึงอาจเอื้อมเอาไปพาดพิงกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะเรื่องนี้จะทำหรือไม่ทำ จะทำเมื่อใดและทำอย่างไรยังเป็นปัญหาอีกมาก
อะไรที่ยังเป็นปัญหาจึงไม่ควรเอาไปแผ้วพานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเป็นอันขาด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรกัน จึงทำเรื่องแบบนี้ได้เป็นอาจิณ
มันกระทบกระเทือนหัวใจคนไทยและเหยียบย่ำจิตใจคนไทยมากเหลือเกิน สักวันหนึ่งเมื่อคนไทยทนไม่ไหวก็อาจจะสำแดงพลังเสื้อเหลืองเพื่อขับไล่คนที่คิดไม่ดีไม่งามกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เป็นได้
เรื่องเอกสารสิทธินั้นหมายถึงการออกโฉนดที่ดินให้กับประชาชน หรือไม่ก็ออก นส.3 ก ให้กับประชาชน ไม่ใช่ สปก.4-01 หรือเอกสารสิทธิทำกินในที่ดินเพราะพวกนี้ไม่ใช่เอกสารสิทธิ
แต่เมื่อคนระดับนายกรัฐมนตรีพูดถึงเรื่องนี้ต่อสาธารณะและเป็นการพูดซ้ำซากอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันว่าจะทำกันอย่างไรต่อไป
การจะดูว่าเรื่องนี้จริงหรือโกหกไม่ต้องดูอื่นไกล ให้ดูจากกรณีตัวอย่างที่กำลังเกิดขึ้นแล้วในขณะนี้ และเป็นข่าวโด่งดังของสัปดาห์นี้ นั่นคือปัญหาที่ดินของจังหวัดอุทัยธานี
คือปัญหาการออก นส. 3 ก โดยไม่ชอบกว่าแสนไร่ แล้วมีปัญหาว่าจะเพิกถอน นส. 3 ก เหล่านั้นหรือไม่ และถ้าหากเพิกถอนก็จะเกิดผลกระทบมากมาย
เพราะประชาชนในหลายอำเภอของจังหวัดอุทัยธานีที่ได้รับเอกสาร นส. 3 ก จะต้องได้รับความเสียหายกันถ้วนหน้า
เพราะผู้ได้รับ นส. 3 ก นั้นมีอยู่สองพวก พวกหนึ่งคือพวกที่ได้รับ นส. 3 ก มาแต่ดั้งเดิม และพวกที่สองคือพวกที่ซื้อต่อกันมา และทั้งสองพวกนี้ส่วนใหญ่ก็ได้นำ นส. 3 ก นั้นไปจำนองไว้กับธนาคารและสถาบันการเงิน หรือไม่ก็จำนองไว้กับเจ้าหนี้นอกระบบ
หากถูกเพิกถอนเจ้าของที่ดินก็เสียหาย เจ้าหนี้ที่รับจำนองก็เสียหาย และเพิกถอนแล้วก็จะต้องกลายเป็นที่ป่าสงวนแห่งชาตินับแสนไร่ ซึ่งขัดกับสภาพความเป็นจริงที่หมดสภาพความเป็นป่าไปแล้ว มีสภาพเป็นบ้านเป็นเมือง มีสถานที่ราชการ ที่ว่าการอำเภอ สาธารณสุข มีโรงเรียน มีชุมชน มีตลาด มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นบ้านเป็นเมือง
และความเป็นบ้านเป็นเมืองนั้นก็มีประชาชนหลายแสนคนอยู่อาศัย ทำมาหากินอยู่ในพื้นที่นั้น หากต้องตกกลายเป็นป่าสงวนแห่งชาติแล้วจะเอาคนเหล่านี้ไปไว้ที่ไหน?
นี่คือปัญหาตัวอย่างที่กำลังเกิดขึ้นที่จังหวัดอุทัยธานี และกำลังทำให้คนอุทัยธานีเป็นทุกข์เป็นร้อนนอนไม่หลับกันอยู่ในขณะนี้
รัฐบาลจะให้เอกสารสิทธิแก่ประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินจริงหรือไม่ หรือว่าจะเป็นเรื่องโกหกเอาคะแนนเสียง ให้มาดูกันที่การจัดการปัญหาที่ดินดังกล่าวที่จังหวัดอุทัยธานีก็จะเห็นได้ชัด
ปัญหาที่ดินดังกล่าวของจังหวัดอุทัยธานีนี้เกิดขึ้นเนื่องจากทางราชการได้ประกาศกำหนดให้เป็นเขตป่าสงวนมาตั้งแต่ 40-50 ปีมาแล้ว ประกาศคลุมส่งเดชทุกอำเภอโดยไม่คำนึงว่ามีชาวบ้านอยู่อาศัยทำประโยชน์หรือไม่
ประกาศแล้วก็รู้กันเฉพาะในหมู่ราชการ โดยที่ชาวบ้านไม่ได้รู้เรื่องด้วย แม้แต่ส่วนราชการด้วยกันเองก็ไม่ได้รู้เรื่องด้วย
พอถึงปี 2519 กรมที่ดินก็เดินสำรวจออกเอกสารสิทธิคือ นส. 3 ก ให้แก่ผู้ครอบครองทำประโยชน์โดยที่กรมที่ดินก็ไม่รู้ว่ามีการประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้ว
ประชาชนที่อาศัยทำกินเป็นบ้านเป็นเมืองก็ได้รับเอกสารสิทธิคือ นส. 3 ก ในพื้นที่หลายอำเภอ เป็นเนื้อที่กว่าแสนไร่ และครอบครองทำประโยชน์ตลอดจนใช้เอกสารสิทธินั้นเป็นทุนเป็นรอนเรื่อยมาร่วม 30 ปีแล้ว
ต่อมากรมป่าไม้ได้ประกาศให้พื้นที่ในจังหวัดอุทัยธานีหลายอำเภอ รวมทั้งพื้นที่ดังกล่าวด้วยเป็นเขตป่าถาวร
เวรกรรมจริงๆ จะเป็นเขตป่าถาวรอะไรได้ เพราะเป็นบ้านเป็นเมืองมานานนักหนาแล้ว เป็นการออกประกาศที่ผิดกฎหมาย และเป็นการเสนอประกาศโดยความเท็จ หลอกลวงรัฐมนตรี หลอกลวงคณะรัฐมนตรีว่าเป็นเขตป่าถาวร ทั้งๆ ที่เป็นบ้านเป็นเมือง
รัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่หูหนวกตาบอดก็หลงเชื่อตามที่เขาตั้งแท่นกันขึ้นมา ประกาศเอาบ้านเอาเมืองที่เขาครอบครองอยู่กินกันมานับครึ่งศตวรรษและออกเป็นเอกสารสิทธิ นส. 3 ก แล้วให้เป็นป่าถาวร
และมั่วหนักขึ้นไปอีก เพราะวันดีคืนดีกรมป่าไม้ก็เอาพื้นที่ดังกล่าวนั้นยกให้กับสำนักงานปฏิรูปที่ดิน แล้วประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน คือเป็นพื้นที่ทำเกษตรอย่างเดียว และคนที่ทำเกษตรนั้นต้องเป็นคนยากจน ทั้งต้องยากจนต่อไปชั่วลูกหลานด้วย
ก็หลอกต้มกันอีก! เพราะจะไปบังคับให้ผู้คนในบ้านเมืองที่ทำมาหากินกันมากมายหลายอาชีพต้องกลับไปทำเกษตรและบังคับให้ยากจนย่อมไม่ได้ ย่อมขัดกับรัฐธรรมนูญ และขัดกับนโยบายของทุกรัฐบาล ที่ไม่มีรัฐบาลไหนมีนโยบายบังคับให้ประชาชนเป็นคนยากจน
พอประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน สำนักงานที่ดินจึงพบว่ากรมที่ดินได้ออก นส. 3 ก ไปแล้ว จึงไม่อาจออกเอกสาร สปก.4-01 ได้ สปก.จึงไม่เข้าไปดำเนินการ
เมื่อ สปก. ไม่เข้าไปดำเนินการจึงไม่มีผลเป็นการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติซึ่งถูกประกาศเป็นป่าถาวรนั้นได้ สภาพโดยผลที่กฎหมายกำหนดจึงทำให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นพื้นที่ป่าถาวรตามเดิม
ประชาชนจึงต้องรับเวรรับกรรมจากความห่วยแตก จากความเหลวไหลเลอะเทอะของทางราชการ ของรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่หูหนวกตาบอดเหล่านั้น
แต่ชาวจังหวัดอุทัยธานีอย่าเพิ่งตกใจ หากใครมาขอเพิกถอนก็ต้องไปฟ้องกรมที่ดินและกระทรวงมหาดไทยเรียกว่าเสียหายทั้งหมด เอาให้เจ๊งกันไปเลย!
แล้วรัฐบาลจะต้องทำอย่างไรจึงจะแก้ไขปัญหาของชาวอุทัยธานี และทำให้ประชาชนเชื่อได้ว่าที่พูดว่าจะให้เอกสารสิทธินั้นเป็นเรื่องจริง
ถ้าไม่ทำอะไรหรือปล่อยให้เลอะเทอะต่อไปก็คือการโกหกประชาชน แต่ถ้าจะทำจริงก็ต้องทำให้ถูกต้องและทำให้รวดเร็ว โดยขั้นต้นจะต้องให้กรมป่าไม้ยุติการเอาที่ดินดังกล่าวเป็นป่าถาวร
มีอย่างที่ไหนจะเอาบ้านเอาเมืองที่ประชาชนเขาทำมาหากินเป็นบ้านเป็นเมืองอยู่แล้วไปเป็นป่าถาวร
คนที่คิดเช่นนั้นคือคนบ้าที่มีความคิดข่มเหงรังแกประชาชน คนแบบนี้ไม่ควรให้อยู่ในอำนาจหน้าที่ สร้างความเดือดร้อนทุกข์เข็ญให้ประชาชนอีกต่อไป
ขอให้ทำแค่นี้ก่อนเถอะ!